...นานเท่าใดแล้วที่ข้านั้นต้องหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนังภรรยาน้อยคนนั้นของท่านพ่อ คงเห็นข้าดีกว่าบุตรชายของตนเองไม่ได้กระมัง…
...อย่างว่าละนะ เพลิงริษยาของสตรีนางนั้นก็มิอาจดับได้ง่าย ๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว กรรมเลยต้องมาตกที่ข้า…
เด็กชายวัยหกขวบปีนั่งปาดเหงื่อที่ไหลออกมาราวกับน้ำตกพลางก้มมองบาดแผลน้อยใหญ่ตามร่างกาย แม้บางส่วนจะไม่มีเหลือดไหลแล้วก็ตามแต่อาการโดยรวมก็ยังคงน่าเป็นห่วง
แซ่ก แซ่ก
เด็กชายที่ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ก็เพ่งมองไปตามต้นเสียง ส่วนขาทั้งสองข้างก็เตรียมขยับพร้อมที่จะวิ่งหนีไปได้ทุกเมื่อ
เมื่อสิ้นเสียงที่เข้ามาใกล้ก็พบเด็กชายคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังพุ่มไม้ อายุอานามเท่าที่ดูคงไล่เลี่ยกัน แต่ติดตรงที่อีกฝ่ายน่าจะอายุมากกว่าเล็กน้อย ทั้งยังสวมเสื้อผ้าที่เนื้อดี ราวกับคุณชายน้อยตระกูลใหญ่ จากที่มองดูคงมิอาจทำอันตรายต่อตนได้เด็กน้อยจึงทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง
“เจ้าบาดเจ็บนี่ เป็นอันใดมากหรือไม่” คุณชายน้อยตรงหน้าข้าเอ่ยอย่างลนลาน
“มิใช่เรื่องของเจ้า ไสหัวไปได้แล้วกระมัง” ข้าตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า แน่ล่ะ อีกฝ่ายเป็นใครที่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้เลย จะให้ไว้ใจคงใช่เรื่องรีบไล่ไปให้ไกลคงดีกว่า
“ข้าจะช่วยเจ้าเอง”