Dark Lords ราชันย์เเห่งความมืด
9
ตอน
2.01K
เข้าชม
39
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
11
เพิ่มลงคลัง

 

     ราชันย์เเห่งความมืด

 

DARK KNIGHT 

 

--------------------------------

 

    บนโลกซึ่งพลังเป็นสิ่งกำหนดเเละตีตราค่าความเเข็งเเกร่งของผู้คน  ผู้อ่อนเเอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้เเข็งเเกร่งเหมืองดั่งปลาใหญ่กินปลาเล็ก  อำนาจชนชั้นเเบ่งค่าของคน ตระกูลเป็นสิ่งกำหนดชนขั้นของผู้คน ผู้ใดลุ่มหลง ถือมั่น ยึดมั่นในพลังเเละสายสัมพันธิ์มิอาจปล่อยวางมันได้ ผู้นั้นก็มิต่างกับ

 

"ปีศาจ"

 

ปีศาจใช้เรียกชื่อคนที่มีพลังขั้นสูงสุด กับมอนสเตอร์ เเต่มีชายผู้หนึ่งเคยถูกขนานนามว่า "ปีศาจ"ชื่อของเขาคือราชันย์เเห่งความมืด เเอสราสหรือวีรชนนอกรีด

 

-----------------------------------------------------

 

...ข้ายอมสูญเสียทุกอย่าง เเม้กระทั้งชีวิตก็ให้ได้ ข้ายอมเจ็บปวดรวดร้าว จิตใจเเหลกสลายเพื่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป....

 

.....ข้าใฝ่หาพลังอันซึ่งไร้ขีดจำกัดเเต่มันทำให้ข้าต้องสูญเสีย.....

 

 

"เจ้าเศร้าอยู่ใยกัน!"

 

"จงลืมตาตื่นขึ้น บาเลียสต้า!"

 

"....จงเเบกรับโชคชะตาที่เจ้าผู้เดียวที่จะหยุดมันได้...."

 

"ชื่อของราชันย์เเห่งความมืดจะเป็นเช่นไร เจ้าจงเป็นผู้กำหนดเสีย จงเป็นผู้กำหนดโชคชะตาไม่ใช่โชคชะตามากำหนดเจ้า!"

 

 

"เเอสราสผู้นี้จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอไป!"

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

------------------------------------------------

 

 

ระดับพลัง.

 

-เเรกเริ่ม (ระดับ 1)

 

-ทองเเดง (ระดับ 2)

 

-เงิน (ระดับ 3)

 

-ทองคำ (ระดับ 4)

 

-ไดมอน (ระดับ 5)

 

-เเพททินัม (ระดับ 6)

 

-ผู้บัญชาการ (ระดับ 7)

 

-มหาอำมาตย์ (ระดับ 8)

 

-ศักดิ์สิทธิ์(ระดับ 9)

 

-ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดหรือสันตปาปา(ระดับ 10)

 

-ผู้คุมกฎ (ระดับ 11)

 

-ผู้ปกครองหรือเจ้าเมือง (ระดับ 12)

 

-กษัตริย์ (ระดับ 13)

 

-จักรพรรดิ์ (ระดับ 14)

 

-วีรชน (ระดับ 15)

 

-เทพผู้ปกครอง  (ระดับ 16)

 

-มหาเทพผู้พิพากษา (ระดับ 17)

 

-------------------------------------------------

                                   

บทนำ

 

              -----------------------------------------------

 

    ยามรุ่งสางอันเงียบสงบสายลมพัดพาผ่านกลางทุ่งมาลีสีสันสวยงามงดงามยิ่ง  ใบหญ้าปลิวพริ้วไหวตามทิศกระเเสลม ดวงทินกรขึ้นสู่ฟากฟ้า เเสงเเดดอ่อนๆทำให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่นอย่างหาที่สุดไม่ได้ หมู่โมรียืนรายล้อม ริมสระบงกช ใต้บงกชเเลเห็นฝูงมัจฉาว่ายทวนกระเเส เหล่าฝูงโมรีพากันสะบัดหางยกชูอวดความวิไล ยามนภาย่างเข้ายามสายเเดดอ่อนๆชโลมกายใจหวนคิดเรื่องใดมาไตร่ตรอง

 

    

 

    หนุ่มน้อยอายุประมาณสิบเเปดเศษ ถูกรายล้อมด้วยผู้คนที่พลั้งพร้อมด้วยศราตราวุธหมายจะฟาดฟันให้เขาบรรลัย ทั่วสี่มหาสมุทรสี่จักรวรรดิ ต่างสรรเสริญในฝีมือเชิงการรบของเขาเเต่หารู้ไม่ ยามวิกาลนี้จักเป็นยามที่เขาจะมอดม้วยสิ้นชื่ออยู่ ณ คฤหาสน์ตระกูลดิอัลเวียเพียงผ่านไปไม่กี่ชั่วยามเเรงลมพายุก็สัมผัสถึงความเส้นทางเเห่งความตาย

 

 

    “นี้สินะความตายที่ทุกคนต้องพบเจอ……” 

 

   เสียงคร่ำครวญอาลัยอาวรของของหนุ่มน้อย ซึ่งนอนเเน่นิ่งจมกองเลือด เขาร่ำไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้า หยดน้ำตากำลังไหลรินบนข้างเเก้มทั้งสอง ไหลชโลมโลหิตหยดลงสู่พื้นปฐพี ความโศกเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ที่จะวอดวาย กลับมาได้สติอีกครั้ง เเต่มันก็มิต่างจากความฝันที่ใฝ่ใคร่คนึงหาผู้ใดสักคน  ภาพความทรงจำในขณะมีชีวิตอยู่เข้ามาลายล้อม ขณะที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่กำลังจะหมดลงไปทีละนิด   "ผู้ใดกันคือรักเเท้ข้า..!หนุ่มน้อยรำพึงในใจกวาดสายตาหาหญิงอันเป็นที่ใคร่คำนึงนึกถึงอย่างสุดใจ เเต่ภาพที่เห็นกลับสะเทือนใจเป็นยิ่งนัก ราวกับมีผู้ใดนำมีดมากรีดอกเเหวกเอาหัวใจไปสับเป็นเสี่ยงๆ 

 

 

"ข้า....รักเจ้า!" 

 

"ข้าสามารถเอ่ยได้เพียงคำนี้เพียงเท่านั้น ข้ามิบังควรอาบเอือม..."

 

.......ผู้อันเป็นที่รักของข้า......

 

....เเม้จะต้องตาย  ข้ามิเคยเสียใจ......

 

ลาก่อน......

 

 

....การจากลามันช่างไร้ความปราณี ความตายมันน่ากลัวเเล้วใย  หากข้าได้รักเจ้า เเม้ตายข้าก็ยอม ข้าได้เเต่เฝ้ามองเจ้าอยู่ห่างๆ เพราะข้ามิบังอาจไงล่ะ.......

 

 

  ภาพที่เห็นกลับช่างปวดใจ เพื่อนที่สนิทกลับหักหลังได้ลงคอ ซ้ำคนรักยังหักหลัง ทั้งสองโอบกอดจูงมือเดินไปด้วยกันอย่างมีความสุข  พวกเขาจากไปไกลจนลับสายตา ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเป็นเช่นเดิมความเเค้นได้สุมขึ้นดั่งเปลวเพลิงที่กำลังไหม้ในใจ 

 

"ข้าขอสาปเเช่งพวกเเก..."

 

 

   “คำสาปเเช่งผู้วายชน  ด้วยสัจจะโลหิต ข้ายินดีสละโลหิต  กาย  ชีวิต ข้ายอมตกสู่เส้นทางเเห่งความเสื่อม"

 

De vloek van de doden Met de waarheid van bloed Ik ben bereid het bloed van mijn leven op te geven om het pad van verval te betreden.

 

 

 

   บทสวดของหนุ่มน้อย สวดออกมานั่นคือบทสวดของราชันย์เเห่งความมืด เเอสราส ผู้ถูกขนานนามว่าเป็น "เทพเเห่งความตาย" ผู้ที่ได้ขนานนามอันต้องสาปออกมาจะถูกพระเจ้าลงทัณฑ์ เนื่องจากเป็นพวกนอกรีด 

 

 

   พอบาเลียสต้าร่ายคาถาต้องสาปออกมา เขาก็สำลักเลือดสีเเดงเข้มออกมา นองเต็มพื้นดิน

 

 

“เฮือก! คงไกล้จะตายเเล้วสินะ ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ข้าจะมิยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นอันขาด……..!”

 

   

 

    เสียงพึมพำของบาเลียสต้า พร้อมกับสติที่กำลังจะหายไปทันใดนั้นเพลิงสีดำทมิฬได้หอบร่างของบาเลียสต้าขึ้น เหล่าตระกูลดิอัลเวียตกตะลึงกับการตื่นขึ้นของราชันย์เเห่งความมืด ภาพของราชันย์เเห่งความมืดเป็นอัศวินร่าง สวมชุดเกราะเหล็กสีดำสนิท ไร้ดวงตา ท่าทีเย็นยะเยือกไม่สามารถสัมผัสพลังเวทย์ได้เเม้จะอยู่ระดับ 11 เเล้วก็ตาม เมื่อเพ่งมองไปยังที่อัศวินผู้เป็นตำนานก็ทราบได้เลยว่าเขาคือผู้มีพลังเวทย์สูงสุดระดับ 17ที่เหนือกว่าระดับ17ไปอีกมาก  ตระกูลดิอัลเวียเห็นบาเลียสต้าไม่ตายจึงเกิดโทสะ ส่อสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่รุนเเรง  ราชันย์เเห่งความมืดผู้นั้นได้กลางฝ่ามือออก จู่ๆเเผ่นดินก็เเยกตัวเผยดาบในตำนานออกมาเป็นที่ประจักษ์เเก่พวกตระกูลดิอะลเวีย ซึ่งดาบเล่มนั้นมีลักษณะเป็นดาบเหล็กทมิฬประดับประดาไปด้วยลวดลายอันสวยงาม เเต่จุดเด่นของดาบคือสามารถควบคุมเปลวเพลิงสีดำเเละธาตุอื่นๆได้ทุกธาตุ 

 

 

    เมื่อดาบถึงมือของราชันย์เเห่งความมืด ร่างของคนในตระกูลดิอัลเวียคนหนึ่งได้ล้มลงอย่างน่าตกใจ ทันทีที่ดาบสัมผัสกับร่างกายของมนุษย์ไม่มีเลือดไหลออกมาสักนิด  มีเเต่เพียงเพลิงสีดำเผาผลาญร่างกายผู้นั้นจนมิเหลือซาก

 

 

 

    “ ท่านพี่…! เเกมันเป็นใครกันถึงกล้ามาขวางเหยือของข้า”เสียงตะโกนขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่เต็มเป็นด้วยความสิ้นหวัง 

 

   ดูเหมือนว่าผู้ที่ตะโกนขึ้นเมื่อตระกี้นี้จะเงียบเสียงไปพร้อมกับคมดาบของราชันย์เเห่งความมืด ที่ผ่าหลอดคอหอยขาดออก พร้อมกับร่างที่ลงไปกองลงกับพื้นดิน เลือดที่กำลังไหลทะลักออกมาจากศพได้สร้างตราเวทย์สีเเดงปกคลุมดาบ

 

 

    “มา…เริ่ม….การ…นอง….เลือด….กัน…เถอะ..!”เสียงกล่าวขึ้นของราชันย์เเห่งความมืด(เเอสราส)ผู้นั้น น้ำเสียงฟังดูเเล้วเบาเเต่กลับขนลุก อย่างน่าหวาดกลัว เพียงเเอสราสผู้นั้นกล่าวจบ ทั้งตระกูลอัลดิเวียก็จมสู่กองเลือดในชั่วพริบตา เมื่อฆ่าทุกคนในตระกูลจนหมดสิ้น เเอสราสก็ก้มลงคุกเข่าให้เเก่ร่างที่จมลงบนกองเลือดของบาเลียสต้าพร้อมกับพูดว่า “ ข้าขอเป็นดาบให้เเก่ท่าน…….สายเลือดเเห่งจุดจบ!”

 

 

    “เดี๋ยวก่อนสิ…..อย่าเพิ่งไป!”บาเลียสต้าได้ละเมอพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง เขารู้สึกตกใจอย่างมากเหมือนกับว่าฝันนั้นเป็นความจริง เหมือนจะบอกเหตุในอนาคตภายภาคหน้า เเต่อย่างไรก็ตามเวลาอันรอคอยก็มาถึงจนได้ เวลาที่จะคัดเลือกเข้าสู่การทดสอบเข้าเป็นอัศวิน เมื่อเหล่าเด็กน้อยอายุ 12 ปี จะถูกคัดเลือกไปเพื่อทดสอบพลังเวทย์ เหล่าผู้ที่ไม่สามารถปลุกพลังเวทย์ได้จะถูกจัดให้เป็นคนธรรมดาที่ไร้พลัง

 

 

 “ข้าชื่อบาเลียสต้า อัลเซดรากูล เป็นหนึ่งในผู้ทดสอบที่มาจากหมู่บ้านเรอัล ข้าเป็นลูกบุญธรรมของ ลูค เรอัลประมุขหมู่บ้านเรอัล ข้ามีพี่ชายชื่อ คริส เรอัลเเละน้องสาวชื่อ มารีน่า เรอัล!”

 

    

 

 

   .......“นี้คงเป็นจุดเริ่มต้นของข้าสินะ!!”…....

 

 

     “เฮ้ย!..บาเลียสต้าตื่นได้เเล้ว!” เสียงร้องเรียกของมารีน่าได้ดังจนบาเลียสต้าที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ลุกขึ้นมาพร้อมกับตระโกนกลับไปว่า “รู้เเล้ววววว……..!!”

 

   

 

    บาเลียสต้ารู้สึกฉุนขาดเเต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยิ้มให้ทุกๆเรื่อง เเต่ดูเหมือนว่าวันนี้มีจดหมายมาจาก กองทัพเเห่งจักรวรรดิโครนอส ได้เรียกร่วมตัวเหล่าเด็กๆจากทุกเมือง ทุกหมู่บ้านเข้ามารับการทดสอบภายในสายวันนี้ เเต่ไม่ว่ายังไงก็ตามบาเลียสต้าก็เป็นเจ้าบ้าที่ไม่เคยได้เรื่องได้ราวเสียที เเม้จะโดนพ่อบุญธรรทตำหนิไปเขาก็ไม่เคยสนใจ พ่อบุญธรรมสนใจเเต่ลูกเเท้ๆของเขา คือคริส เรอัล อัศวินระดับเงิน (ระดับ 3 ) ผู้อัจฉริยยะของหมู่บ้านผู้ที่ใช้เวลาพัฒนาพลังเวทย์ของตนได้เร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ทั้งๆที่อายุเพียง 13 ปี เเต่กลับถูกส่งให้ไปเป็นลูกศิษท์อัศวินระดับเเพททินัม(ระดับ 5 )

 

 

     “จะให้ทำไงได้ ข้ามันเเค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเมื่อ12 ปีก่อน! ข้าไม่เคยรู้ถึงความรักของพ่อเเม่ที่เเท้จริง มีเเต่เพียงสร้อยคอรูปไม้กางเขน สีดำที่สลักตัวอักษรโบราณ  ซึ่งนักปราชญ์ในหมู่บ้านก็มิมีผู้ใดอ่านออกได้สักคนเดียว”

 

 

     ในโลกที่เขาอาศัยอยู่นั้นถูกเเบ่งการปกครองเป็น 4ส่วนใหญ่ๆ ได้เเก่ ส่วนเเรก4 ผู้ปกครอง เเต่เนื่องด้วยกาลเวลาได้ผันผานไปเป็นเวลายาวนาน  ถ้าจะให้เล่าก็คือเมื่อ1000ปีก่อนได้มีผู้มีพลังระดับจักรพรรดิ(ระดับ14)เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ปกครองโลกใบนี้เเต่ด้วยเหล่ามนุษย์ที่พลังเริ่มสูญหายไปตามกาลเวลา ผู้มีพลังมากที่สุดเพียงระดับ 10 เท่านั้น เพียงพลังของระดับ10 ก็สามารถทำลายล้างจักรวรรดิหนึ่งจักรวรรดิได้ง่ายดาย บนทวีปนี้นั้นผู้มีพลังสูงสุด คือระดับ10 ขั้นปลาย ผู้ปกครองทั้ง 4 

 

              

 

……“โลกใบนี้…พลังมันคือทุกสิ่ง!”…...

 

 

 

   

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว