“รักนะตัวเอง” ... ฉันพูดคำนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ครั้งนี้ฉันพูดเพื่อย้ำกับตัวของฉันเอง ว่าชีวิตต่อจากนี้ที่ไม่มีเขาคนนั้นฉันจะต้องอยู่ให้ได้ ยังไงซะชีวิตก็ต้องเดินต่อไป
เอี๊ยดดดดดดดดด !!
โครมมมมมมมมม !!
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพที่เห็นรอบตัวนั้นเรือนลาง ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกดังไปทั่ว พวกเขากำลังทำอะไรกันนะอยากรู้จริงๆเลย ฉันพยายามยกแขนขึ้นเพื่อที่จะพยุงตัวนั่ง แต่ก็เหมือนว่าร่างกายมันชาไปเสียแล้ว นี่ฉันเป็นอะไร ?
ฉันพยายามที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผลเช่นเดิม ซักพักมีหญิงสาวคนหนึ่งรีบวิ่งตรงมาหาฉันอย่างไว ในมือถือกล่องอุปกรณ์สีดำ ... ใช่แล้วล่ะ ฉันเคยเห็นมันบ่อยๆในห้องพยาบาลนั่นเอง
จากความรู้สึกชาเมือครู่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด มันค่อยๆมากขึ้นทีละนิดๆ ตอนนี้ฉันไม่อาจฝืนมันได้อีกต่อไปทั้งร่างกายและดวงใจที่เจ็บปวด ขอฉันพักสักหน่อย น้ำตาอุ่นๆเอ่อล้นออกมาทางหางตาร้อนหยดแล้วหยดเล่า เมื่อร่างกายไม่เต็มใจที่จะต้านทานความเจ็บปวดนั้นได้อีก ฉันจึงได้ปล่อยให้เปลือกตาที่ค่อยๆหนักอึ้งได้พักพร้อมกับสติของฉันที่ดับวูบไป