มนตราเม็ดทราย
12
ตอน
34.4K
เข้าชม
156
ถูกใจ
37
ความคิดเห็น
18
เพิ่มลงคลัง

 

 

แอนนา แมรี่ ยืนหน้าดำคร่ำเครียดอยู่ตรงเคาท์เตอร์ ที่สนามบินคูเวต สาวสวยอยู่ในชุดกระโปรงยีนส์สั้นจู๋ เสื้อสายเดี่ยวแขนสปาเก็ตตี้สีอ่อน เสื้อยีนส์ที่สวมคลุมไว้ ถูกโยนไว้ที่กระเป๋า แว่นตาสีดำยัดใส่ตรงกลางระหว่างร่องอก ใบหน้าสีชมพูสุกเปล่ง เพราะความร้อนอบอ้าวระอุ กำลังโต้เถียงกับพนักงานของสายการบินฉอดๆ อย่างไม่ลดราวาศอก เพราะโมโหสุดขีดที่มาไม่ทันเครื่อง

"ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะ ที่ไฟล์ที่คุณต้องการบินต่อไปยังประเทศไทย อยู่ที่ลานบินกำลังจะบินขึ้นแล้ว คุณมาช้าไปหนึ่งนาที"

"แค่หนึ่งนาที!!คุณจะไม่อนุโลมบ้างเลยรึ" แอนนา แมรี่ ส่ายหน้าสวยไปมา ให้ตายเถอะ เธอหลับในไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มาสายตั้งหนึ่งนาที

"มาสาย ไม่ว่า จะหนึ่งวินาที หรือ หนึ่งนาที ก็มาสายเช่นกันค่ะ" พนักงานสาวชาวอาหรับ ตอบอย่างสุภาพเพราะหน้าที่ ต้องสะกดอารมณ์เอาไว้ ถ้าไม่งั้นคงไม่ยอมขนาดนี้

"นี่คุณ ที่นี่มันกลางทะเลทรายนะ จะให้ฉันไปประเทศที่สองได้อย่างไรกัน ตั๋วเครื่องบินก็จ่ายไปหมดแล้ว ไม่ทราบว่าเที่ยวบิน เที่ยวต่อไป ฉันต้องเสียเวลานานเท่าไหร่ กับเรื่องสนุกของคุณเรื่องนี้" ทั้งที่เรื่องไม่สนุกอย่างที่พูดแต่มันเหลืออดเกินกว่าจะทน

"คุณต้องรออีกพรุ่งนี้ตอนค่ำค่ะ จะเป็นเวลาเดียวกันกับไฟล์ที่คุณพลาดไปค่ะ" พนักงานสาวตอบแบ่งรับแบ่งสู้

"หา! อะไรกันคะคุณ แล้วคืนนี้ฉันจะไปนอนที่ไหน" เป็นสาวเป็นนางคงไปไม่ได้ต้องนอนถึงเช้าตามม้านั่งรอเครื่อง โอ๊ยถ้ารู้อย่างนี้จะไม่เข้าห้องน้ำเสียยังดีกว่า ก็เพราะหลับในไปนิด ยังดันมาท้องเสียอีกนี่แหละ ทำให้เธอต้องพลาดเที่ยวบินที่สำคัญที่สุดไป

 

แอนนาแมรี่สามารถพูดได้หลายภาษา ไทย เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เพิ่งจะจบปริญาเอกสายแพทย์ศาสตร์ ต้องการที่จะเดินทางไปพบญาติพี่น้องฝ่ายแม่ กว่าจะเรียนจบเลือดตาแทบกระเด็น พอมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างนี้ ยิ่งท้อใจ "คุณแล้วฉันจะหลับนอนที่ไหนล่ะคืนนี้?"

"สนามบินของเราเล็กไม่ใหญ่พอที่จะมีโรงแรมอยู่ข้างใน คุณต้องเข้าไปในตัวเมืองหาโรงแรมดีๆ พักเอง ด้วยงบส่วนตัวของคุณเพราะไม่ใช่ความผิดพลาดของสายการบินค่ะ" พนักงานสาวคนเดิมเริ่มชี้แจงให้สาวสวยเข้าใจ ไม่รู้เพราะอะไร แม่สาวคนสวยจากเมืองศิวิไลซ์ถึงเข้าใจอยาก หรืออาจจะไม่ต้องการเข้าใจก็ได้ อย่างว่าล่ะนะ ชาวตะวันตก คิดแต่ว่าตัวเองมาจากประเทศที่พัฒนาแล้ว เห็นชาวอาหรับอย่างเธอเป็นเพียงแค่ฝุ่นละอองไป

 

มองลอดออกไปจากกระจกใส เห็นเครื่องบินลำที่เธอจะไปด้วย ได้บินพุ่ง

ขึ้นสู่ท้องฟ้า มันน่าเจ็บใจนัก บินหายไปต่อหน้าต่อตา ยิ่งมองยิ่งเจ็บจี๊ดลึก ส่งสายตาละห้อย

 

ตู๊ด!

 

กรี๊ดๆๆๆ เสียงร้องดัง

ชุลมุนวุ่นวาย จนฟังไม่เป็นภาษา

คละกับเสียงร้องไห้ของเด็กเล็ก เสียงกรีดร้องของผู้หญิง

ปั้งๆๆๆ เสียงกระสุนดังรัวกระหน่ำหลายนัด จนนับไม่ถ้วน

 

"อุ๊ย!! " แอนนา แมรี่ ตกใจส่งเสียงออกมาพอๆ กับคนอื่นที่อยู่ในบริเวณนั้น

"อุ๊ฟฟ!!อื้อๆๆๆ" แอนนา แมรี่ ถูกมือใหญ่จากหนุ่มปริศนามาปิดปากเอาไว้ ไม่สามารถพูดออกมาเป็นภาษาคนที่เข้าใจได้

"เงียบๆ ถ้าไม่อยากจะเป็นศพเฝ้ากลางทะเลทรายแห่งนี้" ถึงจะเป็นสนามบินนานาชาติก็ตาม แต่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย มองไปทางไหนมีแต่เม็ดทราย ชายนิรนามคนเดิมกล่าวตักเตือนแม่สาวเลือดผสมเอเชียตะวันตก แต่ดูอย่างไรก็ไม่ออกมาทางเอเชียเลยสักนิด รูปร่างผิวพรรณออกมาทางยุโรปตะวันตกมากกว่า ถ้าไม่บอกหรือสืบเสาะดูก็ไม่รู้ว่าเธอ เป็นสาวเลือดผสมไทยเยอรมัน

"ไม่ต้องตกใจ ข้ามาดี มาช่วยป้องกันภัยให้คุณ" ชายร่างใหญ่นอนทับร่างบอบบางจนมิดร่าง ถึงเธอจะเป็นคนสูงในที่นี่ดินแดนอาหรับแต่ชายแปลกหน้าคนนี้ยังสูงกว่าเธออยู่ดี

จะบอกเธอว่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และได้ยินทุกถ้อยคำ รับทราบถึงปัญหาของเธอด้วย ตอนแรกแลเห็นข้างหลังอยู่ไวๆ กำลังจะบินไปที่พระนครของตนอยู่แล้ว สะดุดตาเป็นพิเศษตรงผมสีทองสุกอร่ามโดดเด่นกว่าใคร ข้างหลังหุ่นดีสมส่วน รูปร่างหน้าตา มีความพึงพอใจใน เสน่ห์หา จึงเป็นเหตุให้เดินเข้าใกล้ ยิ่งสวยกว่าที่คิด ตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าสตรีเชื้อชาติตะวันตกคนนี้จะสวยเซ็กซี่ ชนิดใครเดินผ่านต้องหันกลับมามองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตะลึงราวกับว่าเธอเป็นซุปเปอร์โมเดลชื่อดังของโลกทีเดียว

ปั้งๆๆ เสียงกระสุนหลายนัดรัวไม่ยั้งมือ ความตึงเครียดเขามาครอบคลุมพื้นที่ ทุกคนต่างก็รักตัวกลัวตายกันทั้งหมด

"ฮือๆ ฉันกลัวจังเลย" แอนนา แมรี่แทบจะร้องไห้ออกมา มันรู้ว่าวันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่สิบสาม คืนปล่อยปีศาจ แม่มดออกล่าเนื้อมนุษย์ ไม่ใช่การเริ่มต้นที่ดี ท่ามกลางดงกระสุนชัดๆ

"จุ๊ๆ ไม่ต้องตกใจกลัว ผมจะคุ้มภัยให้คุณเอง" ชายแปลกหน้าสวมชุดดำโพกผ้ามัดหัวสีเดียวกัน ปลอบใจเธอ ร่างผิวขาวอมชูมพูแก้มระเรื่อ

"ฉันไม่รู้จักคุณมาก่อนแล้วจะให้เชื่อใจได้อย่างไรกันล่ะ เราอยู่ต่างเชื้อชาติต่างเผ่าพันธุ์อยู่แล้ว แน่นอนความคิดต่างกัน ฉันก็ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อคุณเลย" ผู้ที่นอนราบอยู่ใต้ร่างใหญ่ เอ่ยเสียงแผ่วเบาหวิว

" มูลฮาเหม็ด ฮาฮาชัง แห่งบูลเนียร์เซีย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเรารู้จักกันแล้วนะ หายกลัวยัง? ผมเองก็ยังไม่รู้จักชื่อคุณเลยไม่เห็นจะน่ากลัวสักหน่อย" ชายร่างบึกบึนเหมือนคนที่เล่นกีฬาออกกำลังกายฝึกซ้อมอยู่ตลอด

"ฉันชื่อ แอนนาแมรี่ หลุย์ เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ กำลังจะต่อเครื่องไปที่ประเทศไทย" หยุดคำว่า ตกเครื่อง เพราะตัวเองหลับในมาช้าไปหนึ่งนาที เครื่องบินโฉบไปต่อหน้าต่อตา

"คุณ ฉันหนัก ตัวคุณหนักยิ่งกว่ากระสอบทรายซะอีก ไปกินช้างมาหรือยังไง?" แอนนา แมรี่เริ่มโวยวาย อยากจะเอะอะให้ดังลั่นแต่กลัวเสียงระเบิด ทั้งกระสุนรัวไม่ขาดสาย บู๊สนั่นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ

กรี๊ดๆๆ

เสียงหวีดร้องของหญิงสาวอย่างโหยหวน กอดร่างไร้วิญญาณของชายที่นอนจมกองเลือด สังเวยชีวิตอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเขา กลายเป็นเหยื่อไปโดยไม่รู้ตัว

 

โชคดีที่แอนนาแมรี่ ถูกดึงร่างมากอดเอาไว้หลังเคาท์เตอร์ พอที่จะมองเห็นอะไรลอดตามช่องรูเล็ก อยากจะร้องไห้โฮปล่อยออกมาดังๆ ก็ทำไม่ได้เดี๋ยวผู้ร้ายจะยิงเอาต้องอดทนเอาไว้

"นี่คุณ ปล่อยฉันได้แล้ว" ตอนแรกรู้สึกอึดอัดตรงหน้าอก ที่ไหนได้มีมือชายปริศนานามว่ามูลฮาเหม็ด จับไว้กำจนแน่นอกหายใจไม่ทั่วท้อง

"ผมจะปล่อยคุณได้ยังไงล่ะ ถ้าไม่ปกป้องคุณเดี๋ยวก็โดนลูกหลงขึ้นมา" มูลฮาเหม็ดยื่นคำขาด พอรู้ตัวว่าตนกำลังยืดกองภูเขาอาไว้ลูกหนึ่งจึงลดมือออกจากเต้านมของหญิงสาว

 

"ท่านครับ เหตุการณ์สงบแล้วครับ ปลอดภัยแล้วครับ" ชายร่างกำยำหนึ่งในห้ารีบรายงานนายผู้ที่ยังนอนทับผู้หญิงชาวตะวันตกไว้ สองมือยังยึดดอกบัวยอดปทุมเอาไว้

"นี่ปล่อยฉันนะอีตาบ้า ฉวยโอกาส ฉันจะไปดูคนเจ็บ" แอนนา แมรี่ จึงผลักชายร่างใหญ่ออกจากตัว

" คุณจะไปดูคนบาดเจ็บได้ยังไง เราต้องออกเดินทางนะเดี๋ยวคนร้ายกลับมาอีก" มูลฮาเหม็ดคาดการณ์ไว้

"ฉันเรียนจบแพทย์ศาสตร์มานะ จะมานั่งดูคนที่ได้รับบาดเจ็บเฉยๆ ไม่ได้หรอก ร่ำเรียน

มาช่วยคน ไม่ได้มานั่งดูคนป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ"

"เรามีแพทย์หญิงร่วมคณะ มีสหายรายหนึ่งของเราโดนยิง งั้นก็ช่วยดูแลทำแผลด้วยนะในระหว่างทางจะได้ปลอดภัย" แพทย์หญิงสวยอย่างนี้ขอเปลี่ยนกันเจ็บดีไหมเอ่ย ชายหนุ่มร่างใหญ่ต่างพากันมองด้วยสายตาละห้อยไปตามกัน

"พวกเจ้าถอยไป เดี๋ยวข้าจะช่วยนางเอง" มูลฮาเหม็ดกล่าวด้วยเสียงเด็ดขาด ใครจะกล้าขัด ถ้าไม่อยากคอหลุดออกจากบ่า

"ชายที่ได้รับบาดเจ็บต้องผ่าเอากระสุนออกก่อน ฉันมีเครื่องมือบางส่วนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง แต่ต้องหาที่ปลอดภัยเพื่อทำการผ่าตัดด่วน"

"นำสหายผู้ที่บาดเจ็บขึ้นเครื่อง เราจะทำการผ่าตัดบนเครื่องเดินทางมุ่งหน้าไปยัง

นครของเราด่วน" มูลฮาเหม็ดบรรชา

 

"ฉันต้องการลูกมือ ถ้าจะผ่าตัดใหญ่คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องถอยออกไป" แอนนา แมรี่ กล่าวอย่างเด็ดขาดเช่นกัน

 

เพื่อนใหม่เพศตรงข้ามรีบเข้ามาช่วยเหลือเธอผ่าตัด หยิบโน่นหยิบนี่ให้ตามคำสั่งของสตรี อย่างรีบเร่งเคร่งเครียด หน้าสิ่วหน้าขวาน เครื่องบินส่วนตัวบินล่องลอยอยู่บนผืนทะเลทราย มองไปทางไหนมีแต่ทรายปกคลุมจรดฟ้าสุดลูกหูลูกตา แสงอาทิตย์สาดส่องร้อนระอุ แต่บนเครื่องบินยังมีแอร์ปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ

 

สหายผู้ได้รับบาดเจ็บร้องโอดครวญจวนจะขาดใจตาย เลือดไหลไม่ยอมหยุด ส่วนคุณหมอก้มๆ เงยๆ ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจนลืมสังขารตัวเอง ทำให้มองเห็นนมเต้าใหญ่เสียดสีกันไปมา กระโปงสั้นจู๋ เห็นกางเกงในวับๆ แวมๆ มูลฮาเหม็ดตอนแรกก็ให้สหายคนหนึ่งมาช่วยด้วยแต่พอภาพล่อแหลมเข้า เจ้าตัวไม่รู้ตัวเสียด้วยจึงโดนถีบให้ออกไปนั่งนอกห้องผู้โดยสาร เหมือนคนอื่นๆ จึงมีแต่มูลฮาเหม็ดกับแอนนา แมรี่ เท่านั้นที่ช่วยสหายอดปลื้มไม่ได้ ที่มีโอกาสสร้างความสัมพันธไมตรีกับหญิงสาวชาวศิวิไลซ์คนนี้

 

*** เรื่องนี้กำลังเขียนอยู่น๊ะเปลี่ยนรสชาติอะ

                                  

 

 

                                              

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว