บทลงทัณฑ์จากม้าหนุ่ม
ยุคกรุงศรีอยุธยา
กำปอ คือ ชื่อสาวรุ่นนางหนึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพระยาผู้มีอันจะกิน นางมีรูปร่างสะโอดสองค์ ผิวขาวเหมือนไข่ปลอก เป็นที่ต้องตาบรรดาชายหนุ่มแลชายแก่ เมื่อถึงช่วงวัยที่จะต้องมีเหย้ามีเรือน นางก็จำเป็นที่จะต้องจากบ้านบิดามารดาไปอยู่บ้านสามีตามขนบธรรมเนียมประเพณี บ้านของสามีนางเป็นท่านขุนปลูกเรือนอยู่ละแวกใกล้ท่าน้ำ รอบๆบ้านค่อนข้างเป็นส่วนตัว เพราะในรัศมี 500 เมตร ไม่มีบ้านเรือนของผู้อื่นอยู่ใกล้ เนื่องด้วยท่านขุนรักความสันโดษ อีกทั้งพื้นที่หลังบ้านยังเป็นคอกม้าที่ที่มีม้ารูปร่างสวยงามอยู่เป็นจำนวนมาก ท่านขุนค่อนข้างมีภารกิจที่จะต้องออกเดินทางทั้งงานราษฎร์และงานหลวงอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเอาใจใส่กำปอเมียรักได้เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น แต่อย่างไรก็ดีท่านขุนก็ไม่ให้เมียอยู่ลำบาก ได้กำชับบรรดาข้าทาสบริวารในเรือนให้ทำตามที่กำปอสั่งหรือต้องการอย่าได้ขัดเป็นอันขาด ในเรือนท่านขุนมีข้าทาสหญิงอยู่ไม่มาก ที่มีล้วนแต่มีอายุทั้งสิ้น แต่ที่มีมากคือ ทาสชายล้วนรูปร่างกำยำเพราะต้องคอยดูแลม้าซึ่งมีงานให้ทำตลอดวัน ท่านขุนเมื่อเสร็จภารกิจกลับมาบ้าน ในช่วงเช้าท่านจะเป็นดูคอกม้าและม้าด้วยตนเองทุกครั้ง ดังนั้น งานดูแลม้ารวมทั้งคอกจึงต้องเรียบร้อยตลอด มิฉะนั้น หวายได้ลงแผ่นหลังข้าทาสที่บกพร่องคนนั้นแน่ เพราะท่านเป็นคนจริงจัง เข้มงวด กับงาน ซึ่งข้าทาสในเรือนต่างรู้นิสัยข้อนี้ดี แต่ถ้าทำตามหน้าที่ได้ดี บางครั้งท่านขุนก็มีสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆให้
ท่านขุนได้รับพระราชโองการให้ไปปฏิบัติภารกิจยังพื้นที่ที่ห่างไกล การเดินทางใช้เวลาค่อนข้างนาน แม้จะให้เมียติดตามไปด้วยได้ แต่ท่านขุนตริตรองว่าไม่ควรพาไปเพราะสภาพภูมิประเทศไม่สะดวก กันดาร การเดินทางยากลำบาก กำปอเมียสาวด้วยสามีไม่ค่อยได้เอาใจใส่ตน จึงเกิดความเหงาขึ้นในจิตใจ แม้จะสบายกายด้วยข้าทาสบริวารไม่ขัดใจตน อรุณร่งวันหนึ่ง กำปอเดินลงไปยังคอกม้า เห็นทาสชายขยันขันแข็งทำความสะอาดคอก กำจัดมูลม้าเอาไปเททิ้งให้เป็นเป็นปุ๋ยที่โคนต้นมะม่วงและไม้ยืนต้นอื่นๆที่ปลูกไว้ เหงื่อแต่ละคนไหลท่วมกายผ่านหน้าอกแผ่นหลังอันกำยำและบึกบึน ทาสแต่ละคนนุ่งเพียงโจงกระเบนรัดตรึงให้แน่นเพื่อการทำงานที่คล่องตัว เลือดฝาดไหลสูบฉีดผ่านใบหน้าขาว ใจเต้นแรงระรัวจนปกปิดอการไม่สนิท ทาสชายคนหนึ่งจึงถามว่า ลงมาทำไมขอรับ ไมอยู่บนเรือน ที่นี่ค่อนข้างมีกลิ่นและไม่เหมาะกับคุณผุ้หญิง กำปอมองหน้าคนที่ถามนั้น ไอ้เม่น นั่นเอง หน้าตาจัดว่าคมคายแม้เนื้อตัวจะมอมแมม ผิวคล้ำอย่างชาวบ้านทั่วไป อีกทั้งรูปร่างยังจัดว่าได้สัดส่วนชายฉกรรจ์ กำปอตอบกลับไปว่า ทำไม ข้าลงมาดูไม่เหรอ เผื่อว่าเจ้าดูแลม้าและคอกม้าไม่ถี่ถ้วนไงเล่า ไอ้เม่นก้มหน้าเจื่อนๆ งั้นขออภัยขอรับ แล้วเหลือบตามองแว๊บหนึ่ง ว่าแต่ทำไมท่านหญิงต้องหน้าแดงด้วย กำปอตกใจชั่วครู่ที่โดนจับอาการได้ จึงละล่ำละลักตอบ ไม่สักหน่อย เจ้าตาไม่ดีเอง ไอ้เม่นยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพราะรู้ว่านายหญิงต้องใจตนเป็นแน่ พลางมองรูปร่างกำปอด้วยตาเล็กตาน้อยเพราะก้มศรีษะอยู่ ผิวขาวปานหยวก บอบบาง หน้าอกจัดว่าใหญ่กว่าหญิงสาวรุ่นทั่วไป ใบหน้ารูปใข่ ริมฝีปากรูปกระจับบางสีชมพู ดวงตาหวาน หากได้มองจังๆ คงตกตะลึงในความงามเป็นแน่ กำปอพูดตัดบท ข้าไม่เสวนากับเจ้าแล้ว ครั้งนี้ข้าให้อภัย เห็นแก่หน้าตา เอ๊ย ความขยันดอกนะ พูดจบกำปอก็หันหลังสาวเท้าเดินขึ้นเรือน ปล่อยให้ไอ้เม่นมองตามร่างบางนั้น อย่างหมั่นเขี้ยว
คืนหนึ่ง หลังจากบรรดาข้าทาสคนอื่นหลับกันหมดแล้ว ไอ้เม่นเดินมานั่งทอดอารมณ์ที่ท่าน้ำเพียงลำพัง มีเพียงแสงจันทร์ครึ่งเสี้ยวส่องกระทบผิวน้ำ ลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ เสียงจักจั่นเรไรร้องระงม จู่ๆเหมือนมีใครสักคนเดินมาด้านหลัง แม้ฝีเท้าจะแผ่วเบา แต่ไอ้เม่นก็ได้ยิน มันหันไปมอง สายตาปะทะกับร่างบางภายใต้สใบที่ปราศจากการผูกรัดผ้าที่หน้าอก จึงเห็นสองถันกระเพื่อมตามจังหวะร่างกายที่ขยับ ผิวขาวนวลตัดกับความมืด กำปอนั่นเอง ไอ้เม่นก้มหน้าต่ำขณะที่จิตใจร้อนรุ่มด้วยเพลิงกฤษณา ท่อนลึงค์แข็งผงาดภายใต้โจงกระเบนจนอาจสังเกตความผิดปกติได้ กำปอค่อยๆนั่งลงใกล้ๆ ไม่หลับไม่นอนไอ้เม่น มานั่งทำกระไร ไอ้เม่นซึ่งตอนนี้สติกระเจิง ตอบลิ้นพันกัน เปล่าๆขอรับ กำปอขยับกายในท่านั่งพับเพียบทำให้สไบเลื่อนหลุดจากไหล่ เผยให้เห็นสองเต้าสวยงามเหมือนดอกบัวตูม ที่ราดลงเหมือนถุงทราย ปทุมถันสีตาลอ่อน กำปอแกล้งทำตกใจกระชับสไบขึ้นปิด แล้วลุกขึ้นเดินไปยังบันไดท่าน้ำ ปลดอาภรณ์ออกจนหมด เผยให้เห็นสัดส่วนที่โค้งเว้าเหมือนนาฬิกาทราย ยิ่งสะโพกอันงอนงาม ยิ่งสะกดตาไอ้เม่น กำปอเดินลงน้ำอย่างช้าๆ เมื่อลงจนระดับผิวน้ำเสมอระดับหน้าอก แต่ยังคงให้เห็นสองเนินนั้น นางเอ่ยขึ้น ลงมาซิเม่น ถ้าไม่ลงมาข้าจะสั่งให้หวายลงหลังเจ้า ไอ้เม่นคิดหนักแม้ยากลงน้ำใจจะขาด แต่ด้วยอาชญาครั้งนี้หนักยิ่ง หากโดนจับได้ แต่คิดไตร่ตรองแล้ว ในเมื่อตัวคนเดียวไม่มีครอบครัว ญาติพี่น้อง ก็คุ้มที่จะเสี่ยง ไอ้เม่นลุกขึ้นยืนปลดผ้านุ่งออก ลำลึงค์ขนาดใหญ่เท่าลำแขนผงาด หัวสีแดงบานเส้นเลือดแดงปูดตามท่อนลำนั้น กำปอเมื่อเห็นตกตะลึงในความใหญ่ของชายหนุ่ม ขณะเดียวกันความกระสันกับพุ่งพล่านจนรู้สึกถึงน้ำหล่อลื่นที่ไหลออกมาบริเวณถ้ำน้อยๆของตน ไอ้เม่นเดินลงน้ำอย่างช้าๆและแผ่วเบา เมื่อไปใกล้กำปอ ทาสหนุ่มได้กอดคอประทับริมฝีปากหนาเข้ากับริมฝีปากบางอย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง สองมือสากลูบไล้ไปทั่วกายนุ่มก่อนขย่ำเข้าที่สองถันนั้น บีบเค้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นถึงความช้ำที่เต้าขาวนั้น ไอ้เม่นละจากจากปากมาจูบดูดดื่มที่ยอดถันเหมือนเด็กดูดน้ำนมมารดา กำปอครางด้วยความเจ็บปนความเสียวส่านจนร่างสั่นสะท้าน ไอ้เม่นเงยหน้าขึ้นมองหน้าหญิงสาว สายตากำปอเว้าวอนบ่งบอกถึงอารมณ์กามที่ต้องการอีก ไอ้เม่นยกขากำปอขึ้นฉีกให้กว้าง กำปอเอาหลังพิงบันไดท่าน้ำ ไอ้เม่นจับมังกรของตนดันเข้าโพรงสวาทเมื่อหัวมังกรปะทะปากถ้ำสัมผัสได้ถึงความคับแน่น แต่มันไม่รอช้าดันจนสุดลำ กำปอสะดุ้งตัว คล้ายเหมือนร่างกายโดนฉีก ไอ้เม่น เบาๆสิ ของแกใหญ่ แอบไปเอาเชื้อจากม้าในคอกหรือไง กำปอเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงกระเส่า แล้วชอบหรือไม่ขอรับ ไอ้เม่นตอบ พูดจบก็กระแทกบั้นเอวเข้าออกอย่างรุ่นแรงหนักหน่วงจนน้ำกระเพื่อมขึ้นไปที่ท่าน้ำ ไอ้เม่นประกอบกามกิจราวกับไม่ได้ผ่านหญิงสาวมานานแรมปี เหมือนสัตว์ป่าที่ขย้ำศัตรู กำปอที่ห่างหายจากรสสวาทเมื่อได้ความหฤหรรษ์จากทาสหนุ่มที่ปรนเปรอให้ เหมือนตอบความต้องการของร่างกาย น้ำหล่อลื่นไหลผ่านรูสวรรค์จนฉ่ำ ไอ้เม่นคราง นายหญิง ผมจะเสร็จแล้ว พูดจบไอ้เม่นก็ชักท่อนลำออกมาจากรูสวาท น้ำสีขาวข้นแตกใส่สองเต้าอันอวบอิ่ม กำปอใช้นิ้วเรียวลูบสัมผัสน้ำนั้น แล้วค่อยๆเอามาใส่ปาก หวานดีจริง กำปอเอ่ยขึ้น ไอ้เม่นดันร่างหญิงสาวขึ้นไปนอนพักบนท่าน้ำในท่านอนหงายทั้งๆที่เปลือย แล้วมันเองก็มานั่งข้างๆหย่อนขาลงในน้ำ กำปอยิ้มไม่มีท่าทีเขินอายแม้แต่น้อย ข้าชอบเจ้า ไอ้เม่น หญิงสาวเอ่ยขึ้น แต่ไอ้เม่นกังวลใจสายตาทอดไปอย่างไร้จุดหมายในความมืด .....