พี่โฟล์คซอง กับ น้องนักบอล

Y

จบ  พี่โฟล์คซอง กับ น้องนักบอล

พี่โฟล์คซอง กับ น้องนักบอล

Ti amo_Je t'aime

Y

49
ตอน
11.4K
เข้าชม
47
ถูกใจ
8
ความคิดเห็น
32
เพิ่มลงคลัง

ผม“เรย์”ครับ เรียกผมสั้น ๆ แบบนี้ก็พอ ส่วนชื่อจริงนามสกุลจริงนี่ไม่ต้องไปนึกถึงมันหรอกครับ แค่เห็นหนังหน้าผมใคร ๆ ก็พอเดาออกแล้วล่ะครับว่ามิได้มีเชื้อสายไทยแท้เหมือนคนอื่นเขาแน่นอน ต้นตระกูลผมอพยพมาจากที่ไหนมีม๊ากับป๊าผมสองคนเท่านั้นแหละครับที่จำได้ ส่วนผมต่อให้ย้ำกี่ปี ๆ ผมก็ไม่ได้จดไม่ได้จำหรอกครับ เอาจริง จะเสียเวลาจดจำอดีตไปทำไมในเมื่อผมเกิดในยุคดิจิตอล อยากจดจำอดีตก็แค่บันทึกมันไว้ในไอจีเท่ห์ ๆ แค่นี้หมดเรื่องแล้วครับ 

และตอนนี้ใครที่ติดตามไอจีผม ซึ่งมีแค่หลักร้อยที่ผมโคตรจะภูมิใจ ก็พอทราบอัถชีวประวัติผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ที่พอจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาผมได้บ้างก็ตรงชื่อผมนี่แหละครับ 

นายพิพิธ เทพกาญจนาพิพิธ ใช่ครับดูจากนามสกุลก็รู้ได้ทันทีว่าป๊ากับม๊าผมขี้เกียจตั้งชื่อให้ผมมากแค่ไหน เอาส่วนท้ายสุดของนามสกุลมาตั้งชื่อให้ลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวของตระกูลซะงั้น ผมไม่โกรธป๊ากับม๊าหรอกนะครับ เพราะผมรู้ว่าชื่อเล่นของผมท่านตั้งใจตั้งมากแค่ไหน ที่จริงต้องบอกว่าผมโชคดีมากกว่าที่ท่านติดตาติดใจติดอะไรก็ไม่รู้กับดาราที่ชื่อเรย์ แมคโดนัล ผมไม่รู้ว่าท่านเกิดทันหรือคนที่ชื่อเรย์ แมคโดนัลนั่นเกิดทันป๊ากับม๊าผมกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ ชื่อผมโครตเท่ห์เลยเมื่อไปประดับบนโปรไฟล์ แต่เพราะคนไทยชอบนักที่จะหยิบเอาแค่บางส่วนของชื่อมาเรียกเพื่อให้เกิดการจดจำได้ง่าย จาก “เรย์” ก็กลายมาเป็น “พิเรย์” แล้วสุดท้ายก็ .... พิเรน (ทร์) … 

ถึงผมจะตาตี๋แต่ตัวผมโตแขนขาฟิตปั๋งนะครับ เพราะผมเป็นถึงนักฟุตบอลมหาลัย ยิ่งตอนนี้เทรนด์หนุ่มตี๋มีซิคแพคมาแรง ไปไหนมาไหนมีแต่สาวกรี๊ดจนหูแทบดับ อันนี้อย่าไปพูดถึงฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์เลยน่ะครับที่ดูยังไงก็ไม่ค่อยมี เป็นได้แค่ตัวสำรอง ที่เหลือผมเลยนึกเอาเองคนเดียวว่าเพราะความหน้าตาดีอินเทรนด์ของผมต่างหากที่ทำให้สาวกรี๊ดสาวหลง อันนี้ผมภูมิใจ ผมจะละเรื่องความปากหมาของผมเอาไว้ฐานที่เข้าใจกันนะครับ 

ที่จริงผมน่าจะเป็นหนึ่งในหนุ่มมหาลัยที่หน้าตาดีและเนื้อหอมที่สุด ที่ควรจะมีสาวควงไม่ซ้ำหน้านะครับ แต่ติดที่ผมเป็นคนตรงๆ พูดจาขวานผ่าซาก หรือเรียกง่าย ๆ ว่าหมาไม่แดกนั่นแหละครับ จะให้มาคอยจ๊ะจ๋าทั้งวี่ทั้งวันผมไม่ไหวหรอกครับ โบกมือบ๊ายบายไปตั้งแต่คบกันวันแรกแล้ว บอกตามตรงตอนนี้ยังไม่มีสาวคนไหนเข้าตาผมเลยสักคน ต่อให้นมโตเท่าแตงโมแค่ไหนผมก็ไม่สน จนสุดท้ายนึกอยากจะคบทอมเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่มันจะเสียชาติเกิดไปไหมหล่ะครับและป๊ากับม๊าคงเอาผมตาย ผมเลยเลือกที่จะครองตัวเป็นโสด เดินไปเดินมาให้สาว ๆ กรี๊ดเล่นดีกว่า หล่อเลือกได้ประมาณนั้น 

ส่วนไอ้หมอนั่น คนที่ทำให้ผมนึกอยากกระโดดต่อยหน้าทุกครั้งที่เจอหน้ามัน แค่เห็นเงามันผมก็หงุดหงิดแล้วเหอะ คนอะไรหล่ออย่างเดียวไม่พอ แค่ยืนนิ่ง ๆ สาว ๆ ก็แทบเข้าคิวกันถวายตัวแถวยาวเหยียดแล้ว แค่เดินผ่านสาวก็กรี๊ดแล้วอ่ะ ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งหงุดหงิดกับท่าทีหยิ่ง ๆ นั่น 

ที่จริงผมรู้จักไอ้หมอนี่มาตั้งแต่มัธยมปลายแล้วครับ แค่คำว่ารู้จักดูจะสนิทเกินไป ผมขอใช้คำว่าคนเคยเห็นหน้าจะดีกว่าดูห่างเหินดี ผมเห็นมันวนเวียนเวียนว่ายตายเกิดอยู่สถาบันเดียวกับผมมานาน พอเข้ามหาลัยแม่งดันมาเป็นรุ่นพี่ผมปีนึงไปอีก 

มันเรียนวิศวะครับ ส่วนผมเรียนคอมฯ คงเพราะคนละเอกที่ต่างกันสุดขั้วนี่หรือเปล่า ที่ทำให้ผมไม่ชอบขี้หน้ามันเวลามันเดินผ่านหน้าคณะผม เดี๋ยวนะครับ ผมไม่ได้แอบมองมันนะ คนอย่างไอ้เรย์ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาอยู่แล้ว จะมีก็แต่ไอ้หมอนี่แหละครับที่ชอบผ่านเข้ามาให้ผมเห็นแล้วก็หงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนหมาบ้าถูกน้ำร้อนลวก 

ผมอยู่ปีสอง มันอยู่ปีสาม สงสัยกันใช่ไหมครับผมปีหนึ่งผมหายไปไหน เอาตามจริงผมเพิ่งย้ายมาจากอีกสถาบันนึงที่ป๊ากับม๊าบอกว่าไกลเกินไม่อยากให้เรียนเลยเอาผมมายัดไว้ที่มหาลัยนี่แทน ดีไหมหละครับครอบครัวผม ตอนสมัครคะยั้นคะยออยู่นั่นเรียนได้ปีเดียวหาที่ใหม่ให้ผมเฉ๊ยยยย 

นี่แค่อารัมภบทเองนะครับ ผมก็แค่อยากแนะนำตัวให้พอทำใจกันก่อน ก่อนที่จะไปอ่านเรื่องราวของผมในหน้าถัดๆ ไป เอาเข้าจริงๆ ผมไม่ได้เป็นคนเกรี้ยวกราดโดยกมลสันดานนะครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แถมจะยิ่งเกรี้ยวกราดปากคอเราะร้ายหนักเมื่อเห็นหน้ามัน สงสัยผมกับมันคงเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ผมเลยต้องตามหลอกหลอนมัน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผมสาบานเลยว่าจะตามหลอกหลอนตามเกรี้ยวกราดใส่มันทุก ๆ ที่เลยคอยดู เกลียดจนถึงกระดูกดำทุกครั้งที่ได้ยินมันเรียกผมว่า “ไอ้ตี๋พิเรน (ทร์)” 

ส่วนผม นายธนเดช วีระกุลปรีชาชาติ ครับ เรียกง่าย ๆ เลยคือ “พ้ง” หรือ ” 徐栋 “ 

แต่สาบานได้เลยว่าผมไม่ได้มีบรรพบุรุษเป็นจีนเลยสักนิด ผมไทยแท้ตั้งแต่ต้นตระกูลยันท้ายตระกูล หน้าตาจนถึงชื่อจริงของผมก็ไทยแท้แต่โบราณ ยกเว้นก็ไอ้ชื่อเล่นนี่แหละครับที่ไม่รู้คนที่บ้านผมเกิดพิเรนทร์อะไรขึ้นมา ตั้งซะราวกับเคยมีบรรพบุรุษเป็นจีนแผ่นดินใหญ่หอบเสื่อผืนหมอนใบข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งตัวที่ฝั่งไทย 

หรืออาจเพราะผมเป็นคนเดียวในบ้านที่ผิวขาวจัดขัดกับหน้าไทยแท้ของผมทุกคนในบ้านเลยพร้อมใจกันตั้งชื่อผมให้สอดคล้องกับผิวไปซะงั้น แบบนี้ก็ได้หรือครับ ทำไมไม่คิดถึงอนาคตของผมบ้างเลย โดยเฉพาะการต้องเอาหน้าหล่อ ๆ เข้ม ๆ ไปแอ๊วสาวมันช่างขัดกันอย่างกับอะไรดี 

กับไอ้ตี๋พิเรนทร์นั่นหรือครับ เอาจริงผมก็มองมันมาตลอดตั้งแต่มัธยมนั่นแหละ ไม่รู้มันมีอะไรดียิ้มทีตาหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ แต่มันก็อยู่ในสายตาผมตลอดแหละครับ จนเมื่อจบมัธยมแล้วสอบเข้ามหาลัยผมก็ไม่ได้เจอมันอีก จนเมื่อผมขึ้นปีสาม ผมเลยได้รู้ว่าคณะที่ผมเดินผ่านทุกวันแต่ไม่เคยคิดอยากแวะนั่นจะมีไอ้หน้าตี๋นั่งอยู่ ที่ประจำของมันก็ใต้ถุนอาคารนั่นแหละครับ มันชอบมาแต่เช้า เช้ามาก จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม จนวันหนึ่งผมอุตส่าห์แหกขี้ตาตื่น ผมจึงพบว่าที่บ้านมันคอยรับส่งนี่เอง คนที่มาส่งคงไม่แคล้วพ่อมันแหละครับที่ดูยังไงก็สำเนาถูกต้อง 

ตั้งแต่เจอมันอีกครั้งในวันนั้น มันทำให้ผมอยากแวะคณะมันขึ้นมาบ่อย ๆ ผมมักจะรีบตื่นแต่เช้าและขับรถมาจอดใกล้ ๆ คณะมัน อันที่จริงหน้าคณะผมก็มีที่จอดนะครับแต่ที่ผมเลือกจอดหน้าคณะมัน เพราะอยากเห็นหน้าตี๋ ๆ มันมากกว่า จนตอนนี้กลายเป็นเรื่องสนุกในกลุ่มเพื่อนเมาท์กันหาว่าผมมาติดสาวคณะนี้ เพราะคอนโดที่ผมเช่าอยู่ไม่ไกลใช้เวลาแค่ 10 – 15 นาทีก็ถึง แต่ผมก็ไม่คิดจะแก้ข่าวหรอกนะครับดีเสียอีก ต่อไปจะได้ไม่ต้องมีสาวหน้าไหนมาเกาะแกะวุ่นวายกับผม ถือเป็นความโชคดีของผมไป 

ความสัมพันธ์ของผมกับมันเกิดขึ้นตอนไหนหน่ะหรือครับ มันยังไม่เล่าให้ฟังใช่ไหม งั้นเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังเอง มันเริ่มตอนที่มหาลัยมีนโยบายสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาต่างคณะ โดยจะเลือกจับคู่คณะที่ใกล้กันมาทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันโดยถือเป็นส่วนหนึ่งของคะแนนสอบปลายภาคด้วย 

ผมไม่รู้ว่ามหาลัยเอาแนวคิดนี้มาจากไหน แต่ผมก็อยากขอบคุณเพราะมันทำให้ผมกับมันใกล้ชิดกันมากขึ้น ผมได้เจอมันบ่อยขึ้น ผมลืมบอกไปใช่ไหมครับ ว่าคณะผมอยู่ติดกับคณะมันและบังเอิญผมดันจับคู่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับมัน ตอนที่ผมจับชื่อได้ผมไม่รู้หรอกครับว่าเป็นมันเพราะผมเรียกแต่ไอ้ตี๋พิเรนทร์ตามเพื่อนมันมาตลอด 

สำหรับผมนับเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่กำลังเริ่มต้น แต่สำหรับมันคงเป็นเหมือนวันสุดท้ายในชีวิต ด่าผมจนเกือบจะเสียผู้เสียคน แต่ผมก็ไม่โกรธมันหรอกครับเพราะวันหนึ่งข้างหน้าผมจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกให้สาสมกับที่มันด่าผมในวันนี้เลย ผมบอกมันแบบนั้น และแน่นอนมีหรือคนอย่างไอ้ตี๋นั่นจะไม่โกรธจนควันออกหู แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกครับ ต่อให้มันร้องแรกแหกกระเชอยังไงผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนคู่ทำโปรเจคอย่างเด็ดขาด ... 

เอาเป็นว่าติดตามอ่านเรื่องราวของผมกับไอ้ตี๋พิเรนทร์นั่นในเรื่องดีกว่าครับ ให้ผมเล่าตอนนี้ไอ้ตี๋นั่นมาเห็นเข้าก็พาลโมโหผมหนักไปอีก ฐานที่เอาเรื่องราวของมันมาเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต วันดีคืนดีมันปล่อยไวรัสเข้าคอมผมจะทำยังไง ผมว่าผมไม่เสี่ยงดีกว่าครับ แต่รับรองว่าเรื่องของเราจบสวยไม่เหมือนนิยายแน่ๆ อันนี้ผมนั่งยันนอนยันเลยเอ้า 

ติ อโม_ เฌอ แตม (Ti amo_Je t’ aime) 

9 ธันวาคม 2561 

อ้อ ผมลืมบอกไป อ่านเรื่องเต็มจนจบ 626 หน้า ในรูปแบบ E-book ได้แล้วนะครับ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว