ว่าสำหรับฉันนั้นเธอคือทุกสิ่ง
เป็นแรงบันดาลใจเป็นทุกๆ อย่าง
เธอเชื่อมให้ฉันเห็นภาพที่สวยงามของชีวิต
แม้ว่าเรายังไม่ทันได้รู้จัก…กันเลย
ปีพุทธศักราช 2547…
ณ บ้านตัว พ
“คุณแม่ขาา คุณแม่อยู่ที่ไหนคะ” เสียงใสของเด็กสาวอายุ 18 ปี รูปร่างผอมเล็กน้อย สูงประมาณร้อยหกสิบเซนติเมตร เสียงดังขึ้นในบ้านพักตากอากาศที่สร้างขึ้นจากไม้ทั้งหลัง จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือหลังคาสีฟ้าอ่อนซึ่งมันเข้ากันได้ดีกับตัวบ้านสีครีม
“…” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
สาวน้อยวัยรุ่นที่ตอนนี้สวมเสื้อยืดตัวโครงสีน้ำตาลมอซอกับกางเกงเจเจสีแดงสลับดำ พร้อมหัวฟูๆที่ปกติมันมีผมตรงยาวสีดำขลับถึงกลางหลัง ซึ่งบ่งบอกว่าเธอคงพึ่งตื่นนอน เธอเริ่มเดินทั่วทั้งบ้านพลางเอามือซ้ายจัดทรงผมให้เข้าที่ และเอามือขวาขยี้ดวงตากลมโตที่ลับกับจมูกเเละปากเล็กๆของเธอ
“คุณ! แม่! คะ!” สาวน้อยพยายามตะโกนอีกครั้ง
“หรือว่า…อยู่ในสวนมะพร้าวกันนะ” เธอเริ่มตั้งข้อสันนิษฐาน พร้อมเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปที่สวนมะพร้าวที่กินพื้นที่บริเวณข้างบ้านที่ในตอนนี้ลูกมะพร้าวกำลังออกผลงอกงาม
สาวน้อยเดินไปตรงทางเล็กๆตรงกลาง ที่ขนาบข้างด้วยต้นมะพร้าวเรียงรายกันเป็นแนวยาว แต่ถ้ามองไปทางซ้ายทะลุต้นมะพร้าวไป จะเห็นทะเลสีฟ้าครามที่ส่องแสงระยิบระยับหลังกระทบกับแสงแดดยามเช้า
“คุณเเม่อยู่ที่นี่รึเปล่าคะ” เธอเริ่มตะโกนหาคุณแม่ของเธออีกครั้ง
“…” ผลตอบรับยังคงเงียบงันเหมือนเดิม
“งั้นคงไปตลาดแน่เลย ทำไมไม่เรียกกันสักหน่อยนะ” เธอเริ่มสันนิษฐานอีกครั้งพร้อมกับบ่นคุณแม่ของเธอไปพลางๆ ในใจเริ่มเป็นห่วงคนที่หายไป เพราะคุณแม่ของเธอกำลังเป็นหวัดนั่นเอง
จากนั้นไม่นานจึงตัดสินใจที่จะกลับไปรอที่บ้านโดยย้อนกลับไปทางเดิม สาวน้อยเดินรับลมพร้อมกับเเสงแดดอุ่นๆ แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าที่ต้นมะพร้าวต้นหนึ่งฝั่งริมทะเลในสวน มีชิงช้าที่ ‘พี่พานพบ’ พี่ชายของเธอทำไว้ให้เมื่อหน้าร้อนปีที่แล้วก่อนจะไปเกณฑ์ทหาร
สาวน้อยยืนคิดตำเเหน่งของต้นมะพร้าวต้นนั้นประมาณ 5 วินาทีก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ต้นมะพร้าว
ชิงช้าห้อยลงมาจากเชือกหนาที่ยึดมันไว้ โดยปลายทั้งสองข้างของเชือกหนาถูกตรึงไว้กับต้นมะพร้าวข้างละต้น มันแกว่งไปตามแรงลมเล็กน้อย ไม้ยาวที่ถูกทำขึ้นสึกหรอไปบ้างถ้าเทียบกับหน้าร้อนปีที่แล้ว แต่มันยังคงใช้การได้ดีและแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของเธอ
สาวน้อยนั่งลงที่ชิงช้าพร้อมกับหันหน้าสูดกลิ่นของทะเล หลังจากนั้นก็เริ่มแกว่งมันช้าๆ เธอดื่มดำกับลมอ่อนๆและแสงแดดอุ่นๆ
แต่เมื่อเธอแกว่งไปได้สักพักก็เริ่มพบกับความผิดปกติบนชายหาดสีขาวนวล แสงของอะไรบางอย่างที่โผล่ขึ้นมาจากทรายส่องเข้าตาของเธอ
“อะไรหน่ะ” สาวน้อยเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ไวกว่าความคิด ขาของเธอเดินไปที่ของสิ่งนั้น เธอใช้มือปัดทรายที่กลบของสิ่งนั้นไว้ออก
“ตายละ! ใครมาทำโทรศัพท์ตกไว้เนี่ย” ในที่สุดก็พบกับมัน โทรศัพท์แบบฝาพับซึ่งกำลังมาแรงสุดๆ เเละเป็นรุ่นเดียวกับที่เธอกำลังอ้อนวอนให้คุณแม่ของเธอซื้อให้เป็นโทรศัพท์เครื่องแรก
“ว้าว~ ยังใหม่อยู่เลยซะด้วย” เธอพูดขึ้นหลังเริ่มสำรวจสภาพตัวเครื่อง จากนั้นจึงมองไปรอบๆเพื่อดูความเป็นไปได้ว่าเจ้าของอาจอยู่ใกล้ๆตรงนี้
แต่เมื่อมองจนทั่วก็พบว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย
เธอจึงเริ่มเปิดเครื่องโทรศัพท์ที่ถูกปิดไว้ เมื่อเครื่องโทรศัพท์แสดงหน้าจอสว่างขึ้น เธอเริ่มสำรวจแกลลอรี่เก็บภาพ และพบกับผลลัพธ์คือความว่างเปล่า เธอจึงลองพยายามดูอีกครั้งโดยเริ่มกดไปที่ข้อมูลเบอร์โทรออก มันขึ้นแค่เพียงเบอร์เดียว เบอร์นั้นถูกตั้งชื่อว่า 'R' เธอกดโทรออกเพื่อติดต่อเจ้าของ
'หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้' สาวน้อยกดวางและโทรออกอีกครั้ง
'หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถ…'
ตู๊ด!
ไม่ทันที่ระบบตอบรับอัตโนมัติจะพูดจบเธอก็กดสายมันทิ้ง
“นี่คุณเจ้าของ ฉันไม่ได้จะขโมยนะคะ ฉันหมดหนทางแล้วจริงๆ ฝากไว้ที่ฉันก่อนแล้วกันนะ” สาวน้อยพูดกับเครื่องโทรศัพท์ แต่แน่นอนว่ามันไม่สามารถตอบกลับเธอได้
เธอเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกงเจเจของเธอพร้อมเดินมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน
ฟึบฟับๆ ฟึบฟับๆ
เสียงถุงพลาสติกที่ดูเหมือนกำลังถูกพับเป็นสามเหลี่ยมเล็กๆ ต้นเสียงจากหญิงวัยกลางคนที่ผมบนศีรษะของเธอเคยเป็นสีดำสนิท ในเวลานี้เริ่มมีผมขาวประปราย แต่ถึงแบบนั้นความสวยของเธอก็ไม่ได้ถูกลิดรอนลงเลย หญิงวัยกลางคนกำลังพับถุงพลาสติกเก็บใส่ชั้นเล็กๆ ชั้นหนึ่งในห้องครัวของเธอ
“คุณแม่กลับมาแล้วเหรอคะ” สาวน้อยถามเสียงใสหลังเดินเข้าบ้านมา
“อ้าว! ‘พบรัก’ ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” หญิงสาววัยกลางคน แม่ของสาวน้อย 'พบรัก’ ถามขึ้นด้วยความแปลกใจหลังจากลูกสาวของเธอตื่นเช้ากว่าปกติ
“ใช่ค่ะ นอนหลับเต็มอิ่มเลย แต่ว่า! ทำไมคุณแม่ไม่รอหนูคะ ไหนสัญญาว่าจะไปตลาดด้วยกันไง” พบรักทำเเก้มป่องและวิ่งอ้อมไปกอดที่ข้างหลังคุณแม่ของเธอ
“โธ่! แม่เเค่เป็นหวัดมีน้ำมูกนิดเดียวเอง แค่นี้สบายมาก” คุณแม่ของพบรักพูดพลางเอามือลูบหัวลูกสาวจอมขี้อ้อนด้วยความเอ็นดู
“แต่ก็ยังไม่หายดี ยังไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวนี้เชื้อโรคเยอะจะตาย” พบรักยังคงพูดโต้ตอบอย่างเจื้อยแจ้ว
“จ้าๆ เดี๋ยววันหลังจะชวนละกัน” สุดท้ายคุณแม่ก็แพ้ลูกอ้อนของเธอ
“เอ้อ! คุณแม่คะ หนูเก็บโทรศัพท์ได้ที่ชายหาดด้วยค่ะ มันยังใหม่อยู่เลย” พบรักเริ่มเล่าเรื่องของโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งพบมาให้คุณแม่ของเธอฟัง
“อ้าว! ของใครล่ะลูกมีข้อมูลติดต่อทิ้งไว้ไหม”
“ไม่มีเลยค่ะ ข้อมูลในเครื่องว่างเปล่า มีก็แต่เบอร์โทรศัพท์เบอร์เดียว แถมยังไม่มีใครรับอีกค่ะ”
“งั้นเราเก็บไว้ก่อนละกันเดี๋ยวแม่จะลองไปถามคนแถวๆนี้ให้ บางทีอาจจะเป็นของนักท่องเที่ยวทำตกไว้ก็ได้”
“ได้ค่ะ ถ้าแม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของแล้ว แม่ค่อยมาบอกหนูนะคะ เดี๋ยวหนูเอาไปให้เจ้าของเอง”
“โอเคได้ๆ แต่ก่อนอื่นเราไปอาบน้ำก่อนไปตัวเหม็นหมดแล้ว แม่ทำไก่ทอดของโปรดเราไว้ให้ด้วยเนี่ย” แม่พูดหลังชี้ไปที่ไก่ดิบที่ถูกหั่นไว้เตรียมทอด
“ว้าวว มีการเอาของกินมาล่อด้วย”
“จะกินไม่กิน ถ้าไม่กินแม่ไม่ทำให้แล้วนะ” เเม่พูดแกมขู่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่พบรักก็เชื่อฟังแต่โดยดี
เธอผละออกจากหลังของคุณแม่ พร้อมทำท่าตะเบ๊ะใส่
“รับทราบค่าา” พบรักเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนของเธออยู่ชั้น 2 ที่มีหน้าต่างหันเข้าตรงข้ามกับริมทะเล
เมื่อเปิดเข้าไปก็พบกับเตียงกว้าง 3 ฟุต สีขาวสะอาดตาถูกตั้งไว้กลางห้อง ข้างเตียงมีชั้นวางโคมไฟเล็กๆอยู่ทางด้านขวาของเตียง ส่วนด้านซ้ายริมกำแพงมีชั้นวางหนังสือที่ทำจากไม้วางอยู่ ถัดจากชั้นวางหนังสือก็เป็นโต๊ะอ่านหนังสือ
พบรักเอาโทรศัพท์ที่เก็บได้วางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือที่ถูกตั้งไว้ริมหน้าต่างโดยหันข้างให้กับหน้าต่าง เธอเริ่มดำเนินกิจวัตรประจำวันของเธอตามปกติ
ปึง!
เสียงปิดประตูห้องน้ำที่อยู่ในห้องของเธอ ที่ถัดจากโต๊ะอ่านหนังสือของเธอเล็กน้อย
ครืด~ ครืด~
เสียงโทรศัพท์สั่นขึ้นหลังจากพบรักเข้าห้องน้ำไป
'2 Messages From R'