คำเตือน นิยายเรื่องนี้สามารถแชร์ นำไปเล่าต่อหรือสปอยได้หากพวกคุณจะทำแต่ไม่รับประกันความปลอดภัยนะจ๊ะ^-^
------------------ บทนำ ------------------
ในปี 2495 มนุษย์ที่มีอารยธรรมมาอย่างยาวนาน ได้กลับเขาสู่สภาวะเช่นเดียวกับยุคหิน อารยธรรมโบราณของเหล่ามนุษย์อียิปโบราณ ตำนานฟาโรห์ รวมไปถึงเรื่องเล่าและตำนานต่างๆของบรรดาเทพ กรีซ-โรมัน และศาสนาพราหม อิสลาม คริสต์ หรือแม้กระทั้งศาสนาคู่กายชาวเอเชียอย่างศาสนาพุทธ ได้ถึงจุดสิ้นสุดและสุดท้ายอารยธรรมที่มนุษย์มีจะจบลงด้วยการล้มสลาย แต่ก็ยังมีการฟื้นฟูหรือการศึกษาเหล่าอารยธรรมที่ถูกค้นพบ
หนึ่ง ชีวิตเกิดมาก็ต้องตาย
หนึ่ง ความฝันที่เคยมีสักวันก็ต้องดับลง
หนึ่ง ความทรงจำสักวันคงต้องหายไป
หนึ่ง หากหนึ่งบุคคลที่เคยเป็นเพียงบัวใต้โครนตม กลายเป็นนกที่โบยบินได้อย่างอิสระมากที่สุดละ?
โลกเราเปลี่ยนไปทุกวัน นั้นคือสิ่งแรกที่เขาตื่นขึ้นมาจากความฝันแต่กลับมีเพียงอย่างเดียวที่ไม่เปลี่ยนไปเลย...
มันคือ ความเหงา
นั้นอาจเป็นสิ่งเดียวที่อยู่คู่กับเขามาตั้งแต่เด็ก เขาเคยอาศัยอยู่กับพ่อแม่เรียกได้ว่าตอนนั้นครอบครัวของเขาเรียกได้ว่าสมบรูณแบบ แต่มันต้องจบลงเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตลงจากการปล้นชิงทรัพย์ หลังจากนั้นเขาก็อยู่กับแม่กันแค่สองคน...
คงเป็นความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับเขา จนทำให้เด็กชายวัย 8 ปีที่สดใส ร่าเริงมีเพื่อนเยอะแยะแบบเขากลายเป็นพวกเด็กมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต อย่างโรคซึมเศร้า แม่เขาเองก็พยายามที่จะทดแทนในส่วนของพ่อมันจึงทำให้เขาเริ่มที่จะพยายามในการแสดงอารมณ์แบบคนอื่นๆ...
ด้วยความเงียบเหงาที่สังสมมาตั้แต่ที่พ่อเขาจากไปมันทำให้เขากลายเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครจนทำให้คนเป็นแม่และผู้ใหญ่ที่รู้จักกันมาบ้างเริ่มรู้สึกเป็นห่วง ตอนนั้นบางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามันน่ารำคาญสิ้นดี อยากจะให้หายๆไปซะ เพราะแต่ละคนเเข้าหาเขาเพื่อสูบเอาผลประโยชน์จากแม่เขาทั้งนั้น จนสุดท้ายพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นกลับไม่มายุ่งกลับเขาอีกเลย เอาเข้าจริงความทรงตัวของเขาเองมันก็มีอยู่แค่นี้
ก็ดีแล้วล่ะ เพราะพวกนั้นมันน่ารำคาญ หายไปซะได้ก็ดี
และนี้คือข้อเสียของเขา ที่เป็นพวกชอบรำคาญทุกอย่างที่เข้ามาในรัศมี 1 เมตร เลยทำให้ไม่มีเพื่อนมาเลยในช่วงหลัง แต่ถึงอย่างนั้นเขาไมรู้ว่าคนอื่นในสังคมภายนอกจะคิดเช่นไร เพราะสิ่งที่เขารักคือการได้ศึกษาเรื่องราวต่างๆหรือแม้กระทั้งหนังสือบูชาซาตานมันทำให้ผมรู้สึกได้ว่าได้ไปอยู่ในโลกแห่งความฝันโลกที่ไร้ซึ่งกฏเกณฑ์ที่จะมาบังคับมาให้เราทำโน่นนี้นั้นตามคำสั่ง จนบางที่พวกเราเองรู้เอือมระอา...
ถึงเขาจะศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติและตำนานมากมายแค่ไหนแต่เขาก็ยังแยกแยะความจริงกับเรื่องที่ศึกษาได้ ถึงแม้เรื่องที่ศึกษาจะน่าสนใจมาแค่ไหน สุดท้ายมันก็แค่เรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมาของตำนานความเชื่อ โดยเฉพาะเรื่องที่อ้างอิงตามนิยายและลักษณะที่พวกชาวบ้านบอกเล่าต่อกันมาว่าพวกเขาเหล่านั้นมีลักษณะอย่างไร กินหรือมีความเป็นมาอย่างไร สุดท้ายมันก็เป็นแค่ความเชื่อ เรื่องของมิติเวลาเป็นเรื่องพิสูจได้หากแต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม เรื่องของการเดินทางข้ามมิติเป็นเรื่องที่เป็นไปได้หากแต่เป็นข้อห้ามและดูเหมือนเขาเองที่ก็พยายามที่จะปกปิดบางอย่างจากตัวเขาเอง แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก...
สุดท้ายเขาต้องมาทบทวนว่าเขามาตรงจุดนี้ได้ยังไง?
[สวัสดีบัดดี้ ]
" แกอีกแล้วหรอ... "
[ อย่าทำเสียงอย่างกับเบื่อหน่ายทุกอย่างแบบนั้นสิครับ...]
" ก็แกมันน่าเบื่อจริงๆนิ อีกอย่างทั้งที่แกไม่มีตัวตนหรือร่างกายแท้ๆ แต่กลับตอบโต้ได้ยังกับมีความรู้สึกนึกคิดอย่างงั้นแหละ? "
[ แหม่ๆ ก็คุณเป็นคนเดียวที่รอดจากเหตุการนั้นนี่ครับ แล้วก็นะครับ แจ็คพอตมันมาแตกที่คุณเองตังหาก ต้องโทษดวงของคุณแล้วละครับ:) ]
" เคยมีคนบอกแกบ้างรึป่าว ว่าแกมันน่าจับมากระทืบมากเวลาแกพูด "
[ จุๆ อย่านะๆ ถึงคุณอยากที่จะจับผมมากระทืบมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้หรอกคุณก็รู้นิครับ:) ]
ใครก็ได้เอามันออกไปจากหัวผมที...ลบมันไปจักรวาลนี้เลยก็ได้...
[ไม่เอาหน่า แค่หยอกเล่นเอง โอ๋เอ๋ อย่างอลเขาเลยนะเด็กดี ]
" ฉันไม่ได้งอลแก "
[งั้นหรอๆ ]
" แต่... "
[แต่ไรหยอ ^_^ ]
" แต่ว่า ฉันเกลียดแกว่ะ "
[ อุ๊ย! ต๊ายตาย ]
--------- shut up the king ---------
เรื่องบางเรื่องก็ควรตัดสิ้นเอาเอง
เพราะคนเรามีความคิดเป็นของตัวเอง
ถ้าตัดสิ้นใจเองไม่ได้ว่าต้องเลือกหรือต้องการอะไร
แล้วทำไม
เราไม่คว้ามันมาทั้งสองอย่างเลยละ
มันคงจะดีไม่น้อยเลย จริงไหม
ผู้ลงนาม
โค้ดเนม --- Buddy ---