ลิขิตรักนางพญา
บทนำ
มู่อี้ผิน
แสงอาทิตย์สาดส่งกระทบระยิบระยับ สะท้อนกับม่านน้ำตกที่ไหลหึความรู้สึกอบอุ่นและเย็นช่ำในคราวเดียวกัน ภายใต้ม่านน้ำตกสูงชันนั้นกับซ่อนเร้นถ้ำเอาไว้อย่างมิดชิด ความชื้นจากน้ำตกทำให้ภายในถ้ำเย็นช่ำราวอยู่ในฤดูหนาวตลอดเวลาทั้งที่ยามนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิที่แสนอบอุ่น ร่างบอบบางของหญิงสาวนางหนึ่งนั่งอยู่บนโขดหินใหญ่กลางถ้ำในส่วนที่ลึกที่สุด แม้ดวงตาจะปิดสนิทหากแต่ใบหน้าคมเรียว จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากแดงช่ำราวผลอิงเถานั้นทำให้มิอาจปกปิดความงดงามของนางได้แม้แต่น้อย เรือนผมยาวสีดำสนิทราวน้ำหมึกแผ่สยายละพื้น ตัดกับชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่นางสวมใส่ เบื้องหน้าปรากฏเสือขาวตัวใหญ่ที่นอนหมอบนิ่งหากแต่สายตาดุดันของมันกับจดจ้องที่ปากถ้ำอย่างมิยอมกระพริบตา เสือขาวตัวนี้เดิมทีเป็นเพียงสัตว์ป่าตนหนึ่ง แต่เพราะในทุกฤดูใบไม้ผลิสตรีงดงามผู้นี้มักจะมาบำเพ็ญเพียรที่นี่เพื่อบำเพ็ญเพียรเพิ่มตบะของตน ทำให้สัตว์ป่าที่อยู่โดยรอบต่างมารับเอาไอทิพย์ของนางและร่วมสอดส่องดูแลนางไปด้วย
ดวงตางดงามคมคายมิแพ้ใบหน้าของนางลืมตาขึ้นเมื่อรับรู้ได้ว่ามีผู้มาเยือน ริมฝีปากสีแดงสดยกยิ้มอย่างดีใจ ลุกขึ้นจากที่นั่งของตนย่อกายลงพื้น
“คาราวะท่านปู่”
“ลุกขึ้นเถิด”
ชายชุดสีเทา ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นบ่งบอกอายุของตนว่าล่วงเลยมานาน เส้นผมและคิ้วเป็นสีขาวเช่นเดียวกับหนวดเครา หากแต่ใบหน้าและแววตาของเขากับแฝงความกังวลอย่างชัดเจน
“ท่านปู่มาหาข้าถึงที่นี่คงมีเรื่องสำคัญมาก”
น้ำเสียงหวานใสราวเสียงพิณเอ่ยถาม ชายชราถอนหายใจยาวจดจ้องใบหน้างดงามของหลานสาวตนก่อนเอ่ยเสียงกังวล
“มู่อี้ผิน หลานรัก เวลานี้ชะตาของเจ้าจะต้องพบกับด่านสวรรค์ เจ้าจะพบกับชายผู้หนึ่งผู้ถือชะตาด้ายแดงของเจ้า”
“แสดงว่าข้ากำลังจะได้แต่งงาน ท่านควรจะยินดีนะเจ้าคะ”
ชายชราส่ายหน้าไปมา ด่านสวรรค์มิใช่เรื่องที่หน้ายินดีสักนิด หลานรักของเขาย่อมต้องพบเจอเรื่องราวอีกมากมายให้ฝ่าฟัน
“แล้วเจ้าจะได้รู้เองว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรยินดีหรือไม่ แต่หลานรักจงจำไว้สิ่งหนึ่ง เจ้าจะต้องไม่ลืมเรื่องการบำเพ็ญเพียรเพิ่มตบะเป็นอันขาด”
บทที่1
เฟยเทียน
ณ ชานเมืองของเมืองหลวง ที่อุดมไปด้วยความเขียวขจีของทุ่งหญ้า สวนผัก ท้องนา ท้องฟ้ามีสีฟ้าครามสดใส บรรยากาศเย็นสบาย มีสายลมพัดยอดไม้ไหวเอน ทำให้ดอกหญ้าปลิวไสว ช่างเป็นวิมานดินของคนฐานะยากจนเช่นนัก มีครอบครัวฐานะยากจนครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ "เฟยเทียน"คือชื่อของชายหนุ่มรูปงาม ร่างทะมัดทะแมง ผิวสองสี ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาเฉียบคม เขาเป็นคาที่มีสติปัญญาดี เฉลียวฉลาด ตั้งใจศึกษาหาความรู้ต่างๆมาใส่ตัว ชอบอ่านตำราต่างๆ และปีนี้เขาได้ตั้งใจมากเพื่อที่จะเดินทางสู่เมืองหลวงไปสอบจอหงวนให้ได้ ในขณะที่เฟยเทียนกำลังหมกมุ่นอยู่กับการตำรา ได้มีหญิงชราร่างบาง ผิวหนังเหี่ยวย่นไร้ซึ่งความเต่งตึงเฉกเช่นหญิงสาว สีผมขาวหม่นซึ่งถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย มายืนอยู่ตรงหน้าของเขาและจ้องมองเขาอย่างเอ็นดู ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น พร้อมกับพูดว่า
"มีอะไรหรือเปล่าท่านแม่"
"เฟยเทียน"
"ขอรับท่านแม่"
"สัมภาระของเจ้าที่จะต้องใช้เดินทางไปเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ ข้าได้เตรียมไว้ให้เจ้าเรียบร้อยแล้วนะ" "ขอบพระคุณขอรับท่านแม่ นี่ก็ดึกมากแล้วท่านแม่เข้านอนเถอขอรับ"
"เจ้าก็เช่นกัน พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าตรู่"
"ขอรับท่านแม่ ข้าขออ่านตำราอีกสักหน่อยก่อน"
หลังจากอ่านตำราเสร็จเสียงปิดตำราเบาๆ มีลมพัดเข้ามาเบาๆทางช่องลม ทำให้เขาเคลิ้มหลับไปในที่สุด
ความตั้งใจไปสอบจอหงวนของเฟยเทียน มันคือความฝันสูงสุดของเขามาตั้งแต่เด็กๆ เขาพยายามอ่านตำราไม่ให้ขาดตกบกพร่อง จนสามารถสอบผ่านมาได้ ทำให้แม่ของเขามีความภูมิใจในตัวเขามากสม เขาคิดมาเสมอว่าถ้าเขาได้รับตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่นี้จะทำให้เขาและแม่ของเขาได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม่ของเขาก็จะไม่ต้องมาทำไร่ทำนาให้เหน็ดเหนื่อยและด้วยตำแหน่งจอหงวนนี้จะทำให้เขามีชื่อเสียง ยศฐาบรรดาศักดิ์ ช่างเป็นการสร้างเกียรติแก่วงศ์ตระกูลยิ่งนัก
เขาสะดุ้งตื่นด้วยสีหน้าที่มีความฉงนยิ่งนัก ภาพในความฝันมันช่างติดตาเหลือเกิน ภาพหญิงงามที่มีใบหน้าเรียวคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงช่ำ ผมยาวสีดำสลวยยาวละพื้น "หญิงงามผู้เลอโฉมนางนั้นเป็นใครกัน แล้วทำไมข้าถึงฝันเห็นนาง"เขานั่งครุ่นคิดอยู่นาน สักครู่ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น
"เฟยเทียน เฟยเทียน นี่ๆๆ แม่เตรียมหม่านโถวไว้ให้เจ้าไว้กินระหว่างทางด้วยนา...เผื่อเจ้าหิวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะได้เอามันมากินประทังชีวิตได้ เจ้าต้องเดินทางหลายวัน แม่ก็อดเป็นห่วงเจ้าไม่ได้นี่นา..."แม่พูดจบพลางถอนหายใจ"เฮ้อ"ก้มหน้างอตัวลงเหมือนคนหมดแรง
"โธ่....ท่านแม่ข้าไปสอบจอหงวนนะ ข้าไม่ได้จะจากท่านแม่ไปไหน ไม่เท่าไหร่ข้าก็กลับมาหาท่านแม่แล้ว"
"อืมๆ...ยังไงซะแม่ก็ขอให้เจ้าทำความฝันที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จนะ"
"ไม่ต้องห่วงนะท่านแม่ ข้าจะตั้งใจทำให้จงได้"
พูดจบก็ก้มห้วยกมือคาราวะท่านแม่ แล้วก้าวขาออกจากกระท่อมน้อยของเขา ซึ่งในการก้าวขาออกจากบ้านครั้งนี้เขาเลือกก้าวท้าวขวาออกก่อน เพราะนั่นมันคือเคล็ดลับความโชคดีของเขาที่ได้กระทำมาแต่ครั้งยังเล็ก ซึ่งทุกครั้งที่เขาจะต้องออกจากบ้านเพื่อไปทำนา ปลูกผัก เขาจะถือเคล็ดนีเสมอเขาชื่อว่ามัาจะทำให้เขาโชคดี พบเจอแต่สิ่งดีๆ เมื่อเขาเดินไปได้สักพักก็หันกลับมาตะโกนว่า
"ข้าไปก่อนนะท่านแม่ ดูแลตัวเองดีๆ อีกไม่นานข้าจะกลับมา"
"โชคดีนะเฟยเทียน"
ในขณะที่เขาเดินนั่นใจของเฟยเทียนก็ยังคงครุ่นคิดถึงสตรีแสนงามที่ปรากฏอยู่ในความฝันของเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
ทุ่งหญ้า ป่าเขาเขียว ท้องนาเขียวขจี เสียงน้ำไหลเซาะหินในลำธาร เสียงสายลมพัดพัดทิวไม้ปลายยอดหญ้า เปรียบราวเสียงดนตรีที่กลมกลืนกัน มันช่างเพราะสะกิดในห้วงหัวใจเหลือเกิน เฟยเทียนหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศที่แสนจะทำให้เขามีความสุขและลืมเรื่องราวในความฝันของเขาไปได้ในชั่วขณะหนึ่ง และคิดใจว่า "แล้วข้าจะกลับมา แล้วข้าจะกลับมา ลาก่อนท่านแม่"
บทที่ 2
การเดินทางของเฟยเทียน
เฟยเทียน ชายหนุ่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังชาย ที่หอบเอาความหวังและความฝันออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง เพื่อการสอบจอหงวน เขาจะต้องเดินทางผ่านป่าเขาลำเนาไพร เขาจะต้องฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆในป่าเพียงลำพัง
หลังจากที่เฟยเทียนเดินทางออกจากหมู่บ้าน จนตอนนี้ก็ใกล้ค่ำแล้ว เขาพยายามเดินหาที่นอนหลับพักผ่อนจนได้มาเจอโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เขานั่งลงอย่างใจเย็นและผ่อนคลาย แล้วเสียงจากเถ้าแก่โรงเตี๊ยมก็ดังขึ้นข้างๆกายเขา "รับอะไรดีครับคุณชาย" "ข้าขอหม่านโถว กับน้ำชาก็พอเถ้าแก่ ว่าแต่ที่นี่พอมีห้องพักให้ข้าได้หลับสบายสักคืนมั้ยท่าน" เฟยเทียนเอ่ยถาม " มีขอรับคุณชาย เดี๋ยวถ้าคุณชายกินอิ่มแล้วข้าจะให้เสี่ยวเอ้อไปพาไปนะขอรับ" เสี่ยวเอ้อ เดี๋ยวถ้าคุณชายท่านนี้กินอิ่มแล้ว ช่วยพาเค้าไปพักผ้อนด้วยนะ" เถ้าแก่ตะโกนสั่งเสียงดัง "ได้ขอรับเถ้าแก่"เสี่ยวเอ้อตอบรับ
เมื่อเฟยเทียนกิ่นอิ่ม เสี่ยวเอ้อก็รีบทำตามคำสั่งจากเถ้าแก่ พาเฟยเทียนไปยังห้องพักทันที "เชิญตามมาทางนี้ครับคุณชาย"ระหว่างเดินตามเสี่ยวเอ้อนั้น เขาเหลียวมองบรรยากาศรอบๆโรงเตี๊ยม เขาพยเห็นแต่ความมืดและเงียบสงัด "ห้องนี้แหละขอรับคุณชาย พักผ่อนให้สบายนะขอรับ ข้าไปล่ะขอรับ"
เมื่อเฟยเทียนเปิดประตูเข้าไป เขาก็พบความสบายกายคิดว่าคืนนี้ข้าต้องหลับสบายแน่ๆ เตียงที่คลุมด้วยผ้างดงาม หมอนที่จัดอย่างเป็นระเบียบ ม่านมุ้งดูสะอาดตา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าได้มากเลยที่เดียว เขารีบชำระล้างร่างกายและเปลี่ยนชุดในทันทีทันใด ในขณะที่เฟยเทียนกำลังจะเอนกายลงนอน ภาพหญิงงามผู้เลอโฉมก็กลับเข้ามาในห้วงความคิดเขาอีกครั้ง เขานึกถึงนางผู้น้นอย่างมีความสุข มีรอยยิ้มน้อยๆ จนเคลิ้มหลับไป