รักที่ใจ
0
ตอน
368
เข้าชม
22
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
3
เพิ่มลงคลัง

รักที่ใจ

ผมชื่อ กานต์ เรียนอยู่มหา'ลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา สาเหตุที่เรียนคณะนี้เอาตรงๆ ก็ไม่มี แค่ตอนที่สอบเข้าที่นี้ผมเลือกสอบแบบคะแนนได้พอจะเช้าคณะไหนก็เลือกคณะนั้น ไม่ได้เจาะจงว่าต้องเรียนอย่างนั้นเพื่อเป็นอย่างนี้ ผมใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก

ผมเป็นคนตัวเล็กไม่เล็กขนาดสูงไม่ถึง 170 หรอกนะครับ ผมสูง 169 แต่ติดที่ตัวบางเลยทำให้ดูตัวเล็ก เอาง่ายๆ มันก็คือตัวเล็กนั้นแหละเพราะคณะนี่มันมีแต่พวกหุ่นนักกีฬาอาจารย์บางท่านยังคิดเลยว่าผมไม่เหมาะจะเรียนคณะนี้ ผมก็ฟังๆ ไปเพราะในใจก็แอบคิดแบบนั้นแต่ทำไงได้ก็เลือกเเล้วนิ ถึงจะแบบนั้นแต่ก็เรียนผ่านมาเเล้วปีนึงตอนนี้ผมอยู่ปี 2 เเล้วช่วงนี้ก็เพิ่งจะเปิดเรียนมาได้เดือนนิดๆ คณะต่างๆ ก็กำลังจะวุ่นวายเรื่องเตรียมรับน้องนูนนี้นั้นหลายอย่าง

ชีวิตของผมก็ดำเนินมาอย่างปกติสุขจนกระทั่งเมื่อปีที่เเล้วตอนเข้ามาใหม่ๆ ผมดันไปมีเรื่องกับรุ่นพี่คณะอื่น ไม่ได้เรื่องขนาดต่อยตีกันหรอกครับ แค่เขาตะคอกผมอยู่ฝ่ายเดียวผมก็ก้มหน้าก้มตารับคำด่าของเขามาก็เท่านั้น ผมไม่ได้กลัวนะแค่อยากให้เรื่องมันจบๆ ผมคิดว่าถ้าเราเงียบยอมรับความผิดถึงแม้เราจะไม่ได้ผิดเพื่อให้เรื่องมันจบและผ่านๆ ไปดีกว่าเถียงเขากลับเเล้วทำให้เรื่องมันใหญ่โตไม่จบไปสิ้น มันก็น่าจะดีกว่าถึงแม้จะถูกคนอื่นมองว่าขี้ขลาดก็ช่างมันเพราะไม่ได้ไปขอข้าวคนพวกนั้นกิน จบนะครับ :)

กลับมาเข้าเรื่องต่อพี่คนนั้นเขาชื่อ 'โซ่' ครับ อยู่คณะนิเทศศาสตร์สาขาภาพยนต์และสื่อดิจิทัล (สืบมาดี) เหตุการณ์ครั้งที่สองที่ทำให้ผมเจอพี่เขาอีกก็คือวันนั้นผมกำลังจะไปมหา'ลัยตามปกติแต่ที่แปลกไปคือพี่โซ่เขามาดักรอผมที่หน้าบ้านครับ!

Holy sh_t!!

พี่โซ่ยืนพิง BMW M9 สีขาวพี่เขาใส่แว่นกันแดดสีดำกำลังสูบบุหรี่อยู่ ขอโทษนะครับผมยืนตะลึงอยู่หน้าประตูบ้าน เชี่ย!! แบดบอยสาด! พี่โซ่แกเห็นว่าผมยืนอยู่หน้าบ้านก็ผละตัวออกมายืนดีๆ มองมาทางผมเเล้วกวักมือเรียก ผมก็มองแกแบบงงเขาพยักหน้าเเล้วกวักมือเรียกผมอีก ไม่ใช่โง่นะแต่ เรียกผมทำไม อันนั้นไม่สำคัญ พี่มันมาบ้านผมถูกได้ไง มีแต่คำถามเข้ามาในหัว แค่เอานิ้วชี้ไปที่ตัวเองแต่ก็ยังไม่ยอมเดินไปหาพี่เขา จนเหมือนเขาทนไม่ไหวเเล้วมั้งเลยทิ้งบุหรี่ตามด้วยเอาตีนเหยียบมันก่อนจะก้าวตีนนั้นมายืนหน้าประตูรั้วเเล้วเอามือเกาะประตูอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเพราะแรงสะเทือน

ผมสะดุ้งตกใจมองไปทางประตูที่มีร่างสูงๆ ยืนเกาะอยู่ พี่โซ่ถอดแว่นกันแดดออกด้วยท่าเท่ๆ เเล้วจ้องหน้าผมเขม่น ไม่กล้าสบตาพี่เขาเลยบอกตรงๆ

"มึงจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย"  เสียงหล่อเข้มเอ่ยขึ้นทำให้ผมสะดุ้งอีกรอบ ผมพยักหน้าเเล้วเดินไปหาพี่เขาเรายืนจ้องตากันแปบนึงก่อนพี่เขาจะพูดต่อ

"มาขึ้นรถไวๆ จะได้ไปสักที"  เขาว่าเเล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับเข้าไปนั่งเรียบร้อยผมไม่รอช้าออกจากบ้านล็อคประตูรั้วเเล้วกลับหลังหันไปมอง BMW สีจาวคันงามนั้นอีกรอบ สวยงามเสียจนไม่กล้าเข้าไปใกล้ ไม่รู้ใครเป็นเหมือนผม

มั้งอย่างบ้านผมฐานะปานกลางแค่มีกินไม่อดอยากแต่ก็ไม่ได้มีมากขนาดนี้ที่จะฟุ่มเฟือยได้เวลาผมเห็นของที่ราคาแพงๆ ผมจะไม่กล้าเข้าไปใกล้กลัวจะไปทำของๆ เขาพัง อย่างเช่น BMW คันนี้ ผมไม่กล้าเข้าใกล้มันเลย

เเล้วคงเพราะผมยืนนิ่งอยู่นานพี่โซ่เขาเลื่อนกระจกลงเเล้วตะโกนใส่ผม

"เห้ย! กูให้มึงขึ้นรถไม่ใช่ยืนจ้องรถ!!" ผมลุกลี้ลุกลนย้ายตัวเองเข้าไปประจำตำแหน่งข้างคนขับด้วยอาการหวั่นๆ ความรู้สึกหลายๆ อย่างตีวนกันไปหมดหลังจากนั้นเขาก็มักจะมารับผมแบบนี้ทุกวันบางวันก็บังคับพาไปกินนู้นกินนี่โดยอ้างว่าไม่ชอบกินข้าวคนเดียวพาไปดูหนังซื้อนั่นโน้นให้ทั่งที่ผมไม่ได้อยากได้หรือไปเผลอมองของเล่านั้นเลยนะ ปฏิเสธไปหลายครั้งว่าไม่ได้อยากได้ซื้อให้ทำไม แกตอบว่าไรรู้มั้ยครับ

'

ซื้อให้ก็เอาๆ ไปเหอะจะเรื่องมากทำไม

'

ด้วยน้ำเสียงดุๆ ด้วยนะครับผมก็เอาๆ มาจะบอกว่าผมไม่เคยแตะของที่แกให้สักชิ้นเลยนะอันไหนเป็นกล่องก็ไม่เคยเปิดอันไหนเป็นถุงผมก็จะหาตะกร้ามาเเล้วเอาถุงพวกนั้นใส่ตะกร้าไว้จนมันเต็มตะกร้าอ่ะคิดดู ทำแบบนี้อยู่เป็นเดือนๆ สิ้นเดือนของเดือนที่สามที่ผมรู้จักพี่เขา พี่เขาพาผมไปที่ห้างเดิมพอไปถึงร้านแรกที่เข้าคือร้านทองพี่โซ่ซื้อสร้อยทองไปเส้นนึง ตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจหรอกออกมายืนรอหน้าร้านด้วยซ้ำพี่แกซื้อเสร็จก็เดินออกมาเขาพาผมไปหาอะไรกันจนอิ่มเเล้วเขาก็พามาส่งบ้าน

แต่มันยังไม่จบแค่นั้นเมื่อพี่โซ่บอกว่าขอไปนั่งเล่นในบ้านได้มั้ย ผมก็มองหน้าพี่แก ผมประมวลใบหน้าพี่โซ่ออกมาได้ดั่งนี้ หน้าขาว หล่อ มันออกตี๋ๆ แต่ก็ไม่เชิง หน้าเนียน ทำผมทรงอันเดอร์คัต ยิ้มก็เท่แต่นานจะยิ้มที พี่เขาคงเห็นว่าผมจ้องหน้าเขานานเลยเอามือมาตีแก้มผมเบาๆ พอเรียกสติ

'

ตกลงว่ายังไง ให้กูอยู่ได้มั้ย

'

ผมพยักหน้าเเล้วเปิดประตูลงจากรถไม่ลืมปิดประตูเเล้วตรงไปไขกุญแจบ้านเปิดประตูรั้วออกกว้างเพื่อให้พี่โซ่ถอยรถเข้าเมื่อเห็นว่าประตูเปิดเรียบร้อยพี่โซ่ก็ถอยรถเข้ามาจอดดับเครื่องสนิทแกก็ก้าวลงมาเเล้วเดินไปปิดประตูรั้วล็อคเรียบร้อยก่อนจะเดินตามผมเข้ามาในบ้าน บ้านผมก็เป็นบ้านในหมู่บ้านจัดสรรมีพื้นที่หน้าบ้านฝั่งประตูไว้จัดสวนข้างเอาไว้จอดรถ นึกออกมั้ยสวนจะอยู่ฝั่งเดียวกับประตูเข้าบ้านแต่ที่จอดรถจะอยู่ตรงกับประตูรั้วก็พอถอยรถเข้ามาเปิดลงไปกลับหลังหันจะมีบันไดสามขั้นเดินขึ้นมาเป็นทางเดินพอประมาณเเล้วจะมีประตูเข้าบ้าน ตามนั้น

พอเข้ามาในบ้านผมก็เปิดไฟเปิดแอร์แล้วให้พี่โซ่นั่งรอที่โซฟา ผมเดินเข้าครัวไปเอาน้ำเย็นมาให้เขาดื่ม มาละบรรยากาศกดดันจะเปิดทีวีมันก็จำเจ ทำไมเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้คนเราต้องเปิดทีวีทำลายบรรยากาศชวนน่าอึดอัดนี่  ไม่  ผมจะไม่ทำแบบนั้นมันต้องมีทางอื่นที่ไม่ใช่การเปิดทีวีสิ

พัลกำลังนั่งนึกอยู่นั้นคนร่างสูงก็เหลือบตาไปเห็นข้าวของที่ตนซื้อให้ยังอยู่สภาพเดิมไม่มีการแตะต้องใดๆ ทั้งสิ้นก็นึกเคืองในใจฟาดมือกระแทกกับโต๊ะเเล้วตวัดสายตามามองคนร่างบางที่สะดุ้งเล็กน้อย

'

มันหมายความว่ายังไง!!!

'

ผมตกใจเพราะดูจากท่าทางคงโกรธผมมากแน่ๆ

'

อะไรคือหมายความว่ายังไงของพี่

'

ผมถามกลับไปเลยกลายเป็นว่าไปเพิ่มขีดความโกรธของเขาอีกขีดนึง

'

นี่มึงกวนตีนกูใช่มั้ย!!!

'

'

ผมจะกวนพี่ทำไม

'

ผมเริ่มเสียงเเข็ง จู่ๆ มาโกรธกันมันไม่ใช่เรื่องปะว่ะ

'

ของที่กูซื้อให้ มึงไม่แตะมันเลยนิ ทำไมเกลียดกูมากหรือไง!!!

'

'

ก็ผมบอกพี่แต่แรกเเล้ว ว่าผมไม่อยากได้ไม่ต้องซื้อแต่พี่ก็ซื้อ

'

เออเอาดิคิดว่าตะคอกเป็นคนเดียวหรือไง พี่โซ่ฟึดฟัดหายใจแรงเหมือนข่มอารมณ์โกรธจากประสบการณ์ที่โดนตะคอกมาคาดว่าพี่แกคงเป็นคนใจร้อน ร้อนมากด้วยอะไรสกิดนิดหน่อยก็วิ่งเต้นไปหมดเเบบนี้เเย่นะ

'

ที่กูซื้อให้ก็เพราะกู

ชอบมึง ไม่งั้นกูไม่ซื้อให้มึงหรอก!!!

'  ห๊ะ???

'

เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ?

'

ผม

ถามเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ยินผิด พี่โซ่นิ่งไปเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อกี้พูดอะไรไปจนผมถามอีกรอบพี่เขาก็หันมามองผมด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเมื่อกี้แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยถามอีกรอบพี่โซ่ก็รวบเอวผมเข้าไปชิดกับตัวพี่แกเเล้วกอดผมเเน่น ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ (ตกใจบ่อย ขวัญอ่อนไง) พี่โซ่ซุกหน้าลงกับไหล่ผมเเล้วกระชับอ้อมกอดเเน่นขึ้นผมเริ่มอึดอัด

'

กูชอบมึง

'

...

ตึกตัก...

'

ตั้งแต่วันที่มึงเดินชนกูวันนั้น กูก็ชอบมึง

'

...

ตึกตัก...

พี่โซ่ผละหัวออกจากไหล่ผมแต่ยังไม่ละอ้อมกอดแกจ้องตาผมนิ่งๆ ผมมองด้วยตาที่สั่นไหวคู่นั้น ทำไมเขาถึงชอบผมร่างสูงที่กอดผมอยู่ตอนนี้ไม่น่าจะเป็นคนที่ชอบผมเลย เขาคือเจ้าชาย ส่วนผมมันก็แค่ขาวไร่ที่ไม่มีโอกาศแม้จะเข้าไปในเมืองหลวงแต่เจ้าชายก็ยังบังเอิญมาพบเจอกับชาวไร่เพียงเพราะเขาหลบหนีความตึงเครียดในวังออกมา นอกเมืองเเล้วม้าของพระองค์ก็วิ่งไปชนใครเข้า เขาคนนั้นเป็นชาวไร่ทั้งที่ทำไร่ตากแดดแต่ผิวกายยังขาวผุดผ่องใบหน้าเนียยใส่ไร้เหงื่อไคล

ช่างหน้าแปลกจริงๆ นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าชายตกหลุมรักชาวไร่ตั้งแต่แรกสบตา แต่ด้วยความเป็นหน่อเนื้อกษัตริย์จึงจำเป็นต้องต่อว่าถึงแม้ในใจอยากจะรู้จักกับร่างเล็กตรงหน้าใจแทบขาด แต่หลังจากนั้นเจ้าชายก็มักจะหาโอกาศมาพบเจอชาวนนบ่อยครั้งโดยหาข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นมาบังคับเพื่อเอาเขามาอยู่ข้างกาย

'

กูชอบมึงนะ กานต์

'

พี่โซ่ก้มหน้าต่ำลงมาเเล้วกดริมฝีปากแนบชิดลงมาบนริมฝีปากของผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมอยากจะผลักเขาออกแต่ตัวผมเล็ดกว่าเขามากแถบยังเตี้ยกว่าตั้ง 10 เซน จะเอาแรงที่ไหนไปสู้ทำได้แค่ไม่ให้ลิ้นร้อนที่กำลังดันริมฝีปากของผมที่เม้มเเน่นไว้ลุกล้ำเข้ามาก็เป็นพอ

'

อ๊ะ!

'

พี่โซ่เอามือล้วงเข้ามาในกลางเกงเเล้วบีบเค้นแก้มก้นของผมจนเผลอร้องออกมากลายเป็นเปิดโอกาศให้ลิ้นร้อนอุ่นแทรกเข้ามาล่วงล้ำภายในโพร่งปากผมอย่างหื่นกระหาย

'

อือ...

'

ผมคราง ไม่นะ! นั้นเสียงผมจริงหรือนี่ ผมทุบหลังเขาเพราะเริ่มหายใจไม่ออก พี่โซ่ผละจูบออกช้าๆ อย่างอ้อยอิ่งขบเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างของผมเสียงดังจ๊วบจ๊าบ ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าหน้าของผมมันแดงมากแค่ไหนร่างกายร้อนรุุ่มเหมือนยืนอยู่ท่านกลางเปลวไฟ เสียงหอบหายใจของผมเเละเขาดังประสานกันพี่โซ่ยกยิ้มอย่างพอใจ แกส่งท้ายด้วยการจุ๊บปากผมหนึ่งทีแถมด้วยหอมแก้มผมเสียงดังฟอดใหญ่ๆ เเล้วจึงปล่อยผมออกจากอ้อมกอดแกร่งของตน

'

กานต์ครับ

'

'

คะ ครับ...

'

'เป็นแฟนกับพี่นะครับ'

'ห๊า O_O'  ตกใจสิครับ ชีวิตนี้ผมไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเดียว เเล้วก็ไม่เคยคิดเลยด้วยว่าจะมีคนมาสาร

ภาพรักเเล้วขอเป็นแฟนแบบนี้ แถมคนๆ นั้นมันยังเป็นผู้ชายอีก พระเจ้าเล่นตลกอะไรกับชีวิตของผมอยู่

'ตกลงมั้ยครับ น้องกานต์ พี่ชอบน้องกานต์นะ' เสียงอ่อนเชี่ยวนะ ผมเงยหน้ามองพี่โซ่ดวงตาพี่เขาจ้องมาที่ผม ใบหน้าเขาคาดหวัง

ตลอดระยะเวลาสองเดือนกว่าๆ ที่ได้รู้จักกันผมยอมรับว่าก็แอบหวั่นไหวเพราะเขาเองก็ทำดีกับผม เวลาผมเหนื่อยเขาก็ให้ผมหยุดพัก เวลาผมท้อเขาก็เป็นกำลังใจให้ เวลาผมเศร้าเขาก็มักจะหาเรื่องมาทำให้ผมยิ้ม บ้างครั้งมีคนเข้ามาหาเรื่องผมเขาก็จะปกป้องผม ผมโดนอาจารย์ลงโทษให้ไปวิ่งรอบสนามพี่โซ่ก็จะมาวิ่งเป็นเพื่อนถ้าผมเหนื่อยเขาก็จะให้ผมขี่หลัง ที่คอยซื้อของให้ถึงแม้ผมจะไม่อยากได้แต่เวลาผมรับมันมาผมแอบเห็นรอยยิ้มของเขา ถึงจะดูโหด เถื่อน แต่ภายในพี่โซ่ก็เป็นคนดีคนนึง

'คิดนานไปเเล้วนะ' เสียงนุ่มเรียกสติของผมให้กลับมา ผมสบัดหัวไล่อาการมึนเล็กน้อยเเล้วจ้องมองหน้าพี่เขาต่อ

'ถ้าผมไม่ตกลง พี่โซ่จะยังทำดีกับผมอยู่มั้ย'  ผมถาม จะให้ตอบตกลงไปเลยมันก็ดูง่ายๆ ยังไงชอบกล

'

ไม่ พี่ชอบกานต์ วันพระไม่ได้มีหนเดียว'

'ถ้างั้นผม....'

'.....'

'ผม..'

'.....'

'ผมตกลงเป็นแฟนกับพี่'

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

นั้นก็เป็นเรื่องราวคราวๆ ที่เกิดขึ้นของผมทุกวันนี้ผมก็คบกับพี่โซ่อยู่แต่เรื่องของผมน้อยคยที่จะรู้ มี ไอโก้ เพื่อนสนิทของผมที่รู้ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกใครนะ แต่แค่มันไม่มีใครมาถามผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปป่าวประกาศด้วยว่าเป็นแฟนกับใคร เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

"กานต์เว้ยเหม่อเชี่ยไรของมึงเนี่ย" ไอโก้ตบหัวผมเพราะเห็นผมนิ่งไปนาน แม่ม.. เล่นซะกูหัวทิ่มเลยนะ

"กูคิดนี่ไง อัตราการเต้นของหัวใจเนี่ย" แถไปครับ เอาจริงๆ ผมเหม่อออกทะเลไปไกลจนถึงแปซิฟิคเเล้ว

"เรียนผ่านมาปีนึงเเล้วมึงยังต้องคิดอีกหรอ เรื่องแบบนี้มันเบสิคมากเลยนะเว้ย"

"เออ พ่อคนหัวดี" ผมดียาวๆ เเล้วเอานิ้วชี้จิ้มหัวมัน (ไม่ใช่หัวเผือก แฮ่!)

"คิดถึงพี่โซ่ก็บอก อย่ามาทำไก๋" ไอโก้ล้อผม เวลาผมเหม่อมันชอบล้อผมแบบนี้ประจำ ผมเอามือปัดเชิงรำคาญ

เเล้วก้มหน้าทำงานที่อาจารย์สั่งต่อ

"เห้ยไอกานต์ผัวมึงโทรมา" ผมเงยหน้ามองโทรศัพท์ตัวเอง ห่า ปิดเสียงไว้ระบบสั่นก็ไม่ได้เปิด ผมรีบหยิบมารับทันทีเดี๋ยวระเบิดลงอีก เคยทะเลาะกันเพราะผมปิดเสียงไว้นี่แหละ พี่โซ่โทรมา 37 มิสคอล ความบรรลัยจึงเกิดขึ้นกับผมทันที มาเลยครับ BMW M9 สีขาวคันงามมาจอดหน้าคณะตามด้วยร่างสูงใหญ่ที่เดินลงมาจากรถปิดประตูเสียงดังจนคนที่นั่งกินข้าวอยู่ใต้คณะหันมามองเป็นตาเดียว ผมนี่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ขายาวๆ ก้าวมาหยุดอยู่ข้างๆ ผม ผมนั่งริมโต๊ะพอหันไปมองเท่านั้นแหละขนลุกเกรียว ยิ่งกว่าเจอผี

หน้าโหดมาเลยครับ ผมรู้เลยว่าพี่แกจะพูดอะไร

"ทำไมไม่รับโทรศัพท์ห๊ะ!!!!" ซื้อหวยถูก T_T  ผมยังไม่ได้พูดอะไรพี่โซ่ลากผมขึ้นรถทิ้งให้เพื่อนที่นั่งร่วมโต๊ะกับเมื่อกี่ 3 ชีวิตนั่งเอ๋อรับประทานกับเป็นแถบๆ

"อธิบายมา เอาให้เข้าหูนะมึง" พี่โซ่จอดรถที่หน้าบ้านผมเเล้วหันมาถามเสียงกุ ผมหันไปเผชิญหน้ากับเขา จะให้พูดอะไรอ่ะ พูดเเล้วพี่จะยอมผมมั้ย

"ขอโทษครับ" ผมพูดเสียงสลดได้แต่ก้มหน้ารับกรรม พี่โซ่ผ่อนลมหายไปเฮือกใหญ่ทำเอาผมสะดุ้ง ไม่กล้าเงยหน้าเลยว่ะ

"เงยหน้ามาคุยกันดีๆ"

ผมเงยหน้ามองแกตามที่บอก หน้าพี่เขาไม่โหดเเล้วแต่ตายังเเข็งๆ อยู่

"ครั้งนี้จะยกโทษให้ก็ได้" พี่โซ่ส่งยิ้มมาให้ผมก็ยิ้มตาม ผมขยับตัวไปกอดพี่เขาเเล้วซุกหน้าลงกับบ่ากว้างอย่างอ้อนๆ

"ขอโทษนะ" ผมอ้อนพี่โซ่เอามือลูบหลังผมเบาๆ เเล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูผม

"มึงทำแบบนี้ อ่อยกูหรอ"

"มะ ไม่..."

"ไม่ปฏิเสธ แหมน้องกานต์อยากโดนก็บอกกันดีๆ ก็ได้นะ" ไม่ใช่นะ!

พี่โซ่ยิ้มเจ้าเล่ห์ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไรก็ถูกทาบทับด้วยริมฝีปากของอีกฝ่าย การจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมไม่ทันตั้งรับอะไรทั้งสิ้น ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาชิมความหวานลัดเลาะไปทั่วจนน้ำใสๆ ไหลย้อยออกมาทางมุมปากเสียงหายใจของทั่งสองสอดประสานไปทั่วรถสปอร์ตคันงาม ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วลำตัวเนียนขาว ที่นุ่มไปทุกสัดส่วน ทั้งๆ ที่เรียนกีฬาแต่กร้ามเนื้อดั่งชายไม่เผยให้เห็นเลยผิดกับอีกคนที่วันๆ เอาแต่นั่งอยู่หน้าคอมแต่กลับมีรูปร่างกร้ามเนื้อเเน่นผมกับเป็นชายชาตรี

"เข้าบ้านกันเถอะ" ร่างสูงก้มลงจูบเบาๆ ทิ้งท้ายก่อนจะลงจากรถอ้อมไปอีกฝั่งช้อนร่างเล็กนั้นขึ้นอุ้มเเล้วพาเข้าไปในบ้าน ร่างเล็กโอนอ่อนเพราะถูกเล้าโลมอย่างหนักหน่วงร่างกายจึงอ่อนแรงยอมให้เขาอุ้มเอาง่ายๆ อาจจะเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกปฏิบัติด้วยแบบนี้ในใจเขาครุนคิด \

'วันนี้กูโดนแน่ๆ'

ครับเเล้วก็เป็นแบบนั้นแหละครับ ถามว่าสรุปเเล้วผมโดนมั้ย?

โดน!

สามยกเลยด้วยซ้ำนั้นครั้งแรกของผมนะ ฮือๆ ครั้งแรกก็โดนทั้งคืนกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้ายังดีนะที่นาฬิกาเจ้ากรรมดันมาร้องเอาตอนตีสามกว่า ไม่เช่นนั้นกานต์ผู้นี้อาจจะไม่ได้หยุดพักเลยก็เป็นได้

[

วันนี้พี่มีถ่ายหนังสั้นงานของอาจารย์ชนินทร ไป

เพชรบุรี 4 วัน]

เอ๊อ  จู่ๆ ก็ใจหวิว

"หรอครับ กลับวันไหนหรอ" ผมถามพยายามไม่ให้เสียงสั่น ผมอยู่กับพี่เขาตลอดแทบไม่เคยห่างจากกันนอกจากมาเรียน พี่เขาอาจจะเคยไปถ่ายงานแต่ก็ไม่ได้ไปนานขนาดนี้ ผมกับเขาคบกันจะเกือบปีเเล้วครับ เดือนหน้าก็ครบปีเเล้ว ผมก็ดูหนังอ่ายนิยายมาก็เยอะถ้าหากการไปครั้งนี้ทำให้พี่เขาเปลี่ยนไปเเล้วผมจะทำยังไง ผมรักเขานะ ผมจะทนได้ยังไงถ้าหากวันนึงผมต้องอยู่โดยไม่มีพี่โซ่อยู่ข้างๆ ผมอีกเเล้ว

[

มึงร้องไห้หรอ] พี่โซ่ถามเสียงรนๆ

"ป่าว ผมไม่ได้ร้อง" ผมตอบกลับไปก็ไม่ได้จะร้องไห้หรืออะไรหรอก แต่ตื้นในอกเฉยๆ

[

ไม่เอาแบบนี้ได้มั้ย]

"อะไรครับ" ผมถามเสียงพี่โซ่อ่อนลงผมตั้งใจฟังสิ่งที่แกพูด

[เรียกแทนตัวเองว่ากานต์ นะครับพี่อยากได้ยิน] เสียงพี่โซ่เหมือนอ้อน ถึงจะเขินๆ แต่ผมก็ไม่ได้มีปัญหากับเรื่องนี้อยู่เเล้ว

"ได้"

[เด็กดี]  ฟังจากเสียงผมว่าพี่โซ่น่าจะยิ้มอยู่

[พี่ไปรับตอนนี้ได้มั้ย อยากอยู่ด้วย] พี่โซ่

ถามผมหันไปมองหน้าไอโก้ที่กำลังมองผมอยู่เหมือนกัน มันคงได้ยินเสียงหงอยๆ ของผมละมั้งเลยสนใจจะฟังเป็นพิเศษ ผมหยิบปากกามาเขียนบนกระดาษว่าจะกลับเเล้วนะ ตอนนี้เลยเเล้วสกิดให้ไอโก้อ่าน มันอ่านเเล้วทำมือโอเคผมก็พยักหน้าให้มัน

"ได้ พี่โซ่จะมารับกานต์ใช่มั้ย"

[ใช่ มารอหน้าคณะเลยเดียวไปรับ]

"ได้ครับ"

[เดี๋ยว!]

ยังไม่ทันที่ผมจะวางสายพี่โซ่ก็โพงขึ้นมาซะก่อน

"ครับ?"

[ทำยังไงก่อน] ทำอะไรว่ะ =_=

"ทำอะไรอ่ะ"

[บอกรักพี่หรือยัง] ไอเชี่ยพี่โซ่เล่นไรเนี่ย!

[บอกรักพี่มาเร็วๆ จะไปรับเเล้ว]  งื้ออ >//<  บิดไปทีดิกู

"เป็นเหี้ยไรของมึงห๊ะ ยืนบิดเป็นลูกข่างเลยเอ้า" ไอโก้ด่าครับ ผมเลยต้องหยุดอาการเขินแต่เพียงเท่านี้

"แฮ่มๆ กานต์รักพี่โซ่นะ" พูดเองเขินเอง งื้อออ  >^<

[พี่ก็รักกานต์นะ]  เเล้วพี่โซ่ก็วางสายไป  ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเเล้วมันเหมือนตัวเองหลุดออกมาจากโลกส่วนตัวพอหันไปมองรอบๆ เท่านั้นแหละเพื่อนอีก 2 ชีวิตที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันอันได้แก่ ไอฟิว เเล้วก็ ไอเท็ค กำลังกอดกันเพื่อล้อเลียนผมอยู่

"เก๊ารักตะเองนะ" ไอเท็คหยิบคางไอฟิวที่กำลังนั่งบิดไปมาอยู่พร้อมพยายามทำหน้าเขินให้แบ๋วที่สุดอยู่ด้วย

"บ้า! ตะเองพูดไรอะ อายเขา" ไอฟิวเอามือตีอกไอเท็คอย่างเขินอาย เวรจริง -_-;

ผมแจกนิ้วกลางให้มันคนละทีก่อนจะหยิบกระเป๋าเเล้วเดินออกจากห้องมารอพี่โซ่ข้างล่าง

"อ้าวน้องกานต์ ^^" ผมหันไปมองตามเสียงก็พบพี่ซันเพื่อนในกลุ่มของพี่โซ่แกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"หวัดดีครับพี่ซัน" ทักทายตามประสา

"มารอไอโซ่ใช่มะ" พี่ซันถาม

"ครับ เเล้วพี่ซันมาทำไรคณะผมครับ" ผมถามกลับ

"มารอไอโซ่เนี่ยแหละ พรุ่งนี้พี่ไปกะมัน มันเลยให้พี่มารอกะกานต์นี่แหละ"

"อ้อ เรื่องมันเป็นอย่างนี้" เกิดความเงียบขึ้นเพราะบทสนทนาจบลง อาการกดดันมาละ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ทุกที เวลาจบบทสนทนาบรรยากาศชวนให้ลุดขึ้นยืนเเล้วเดินหนีมันชอบเข้ามาทุกที ใครเชิญมึงไม่ทราบ!

"ทำไมพวกพี่ถ่ายหนังบ่อยจัง" ก็ต้องเป็นผมเองที่ทำลายบรรยากาศ แต่สงสัยด้วยแหละ

"ก็นะ เรียนภาพยนต์นิหว่า ถ่ายอยู่นั้นแหละบางทีก็รำคาญเหมือนกัน" เป็นผมก็รำคาญ

"เเล้วทำไมครั้งนี้ไปนานจังละครับ"

"ไอโซ่มันอยากได้เอเลยทุ่มทุนสร้าง เป็นงานของอาจารย์ชนินทรด้วยแกให้เกรดอยากมาก"

"อ้อ ผมอยากไปด้วยจัง"

"ลองขอโซ่ดิ มันเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด"

"ครับ" ผมคุยกับพี่ซันอีกเล็กน้อยก็รู้สึกถึงเงาของร่างใหญ่ๆ กำลังตรงเข้ามา พอหันไปมองร่างใหญ่ที่ว่านั้นก็มาปรากฎอยู่ต่อหน้าเเล้ว

"ยุ่งไรกะเมียกูหะ ไอซัน" พี่โซ่พูดหยอกๆ พี่ซันส่ายหน้าสบัดพร้อมด้วยโบกมือไปมา

"กูชวนน้องเขาคุยเล่นเอง นั่งเฉยๆ มันเบื่อ"

"ปะ ไปกันเถอะ" พี่โซ่ชวนพร้อมทั้งคว้ามือผมจูงเดินไปด้วย ก็คือเขาจูงมือผมเดินไปที่รถนั้นแหละโดยมีพี่ซันเดินตามหลังมา

"เชด! วันนี้เอาเบ๊นซ์มาหรอว่ะ" ผมมองรถคันที่พี่โซ่กำลังขึ้นไปนั่ง Benz e class sport สีขาวอีกเเล้วครับคันนี้ก็สวยอีกละ

บ้านพี่โซ่รวยครับรวยเป็นทุนเดิมอยู่เเล้วบ้านหลังใหญ่โตผมเคยไปบ้านเขาแต่นานๆ ครั้งเพราะพี่โซ่ไม่ค่อยถูกกับพ่อเท่าไหร่ บ้านเขาอยู่กับน้อยคนครับมีพ่อแม่เเล้วก็น้องชายที่อายุเท่ากับผมมหา'ลัยเดียวกันแต่คนละคณะมันชื่อแซ่เรียนวิศวะสาขาการบิน แสบพอตัวเลยล่ะเเล้วก็แม่บ้านอีกสี่ห้าคนส่วนพี่ซันออกมาอยู่คอนโดคนเดียว

"มาเร็วๆ ไอพวกนั้นรออยู่ที่คอนโดกูเเล้ว" ผมก้าวขึ้นรถผมนั่งหน้าพี่ซันนั่งหลังเเล้วรถก็เคลื่อนตัวออกจากมหา'ลัย

เมื่อมาถึงคอนโดเราสามคนก็พอกันย้ายที่ขึ้นลิฟท์มาชั้น 20 (มีแค่ 20 ชั้น) ชั้นนี้มีห้องเดียวก็คือห้องของพี่โซ่เจ้าตัวแตะคีย์การ์ดเเล้วเปิดประตูเข้าไปตามด้วยผมเเละพี่ซัน เมื่อเข้ามาก็พบความวุ่นวายชนิดที่เรียกว่าอลหม่านกันเลยทีเดียว พี่เกรธ หนุ่มหุ่นนักกีฬาผิวคล้ำแดดกำลังแหกปากร้องเพลงอยู่ พี่ริว ตัวเท่าผมแต่หนากว่านิดนึงกำลังเอาเหล้าผสมน้ำส้ม ผสมโค้ก และสารพัดน้ำอย่างมันมือ พี่ไปป์หุ่นเท่าพี่ริวแต่สูงกว่านิดๆ กำลังสวาปามอาหารตรงหน้าอย่างไม่หยุดมือและปาก

"โห ไอพวกเวรให้อยู่กันแปบเดียวเล่นซะห้องกูเละเลยนะ" พี่โซ่โวยวายเเล้วเดินเข้าห้องนอนไป พี่ซันเดินเข้าไปร่วมวงกับเพื่อนทักทายกันเฮฮาลืมไปเลยมั้งว่าผมก็มาด้วย

"ไอเชี่ยชิน อย่าเอาสเลทมาเล่นดิว่ะอันนี้หลายพันเว้ย ไม่ได้

" พี่ซันที่เพิ่งมาเห็นเพื่อนเอาอุปกรณ์ถ่ายทำมาเล่นก็เตือนพร้อมกับฉกสเลทมาถือเลยเอง

"อ้าวไอเชี่ยซันเอาสเลทมาเล่นทำไม เอามานี่" พี่โซ่ที่เปลี่ยนเสื้อเเล้วเดินออกมาเห็นเพื่อนเล่นก็ดุเเล้วดึงสเลทจากพี่ซันไปเก็บในห้องนอนตัวเอง

"กานต์ไปอาบน้ำไป เหนี่ยวตัวจะแย่" เอิ่ม =_= ผมไม่ได้เหงื่อออกนิพี่จะเหนี่ยวตัวได้ไง  แต่ก็ไม่อยากให้มากความทำตามๆ ไปก็จบเรื่อง ผมเดินเข้าห้องนอนพี่โซ่เเล้วหยิบผ้าเช็ดตัวของผมเดินเข้าห้องน้ำไป ผมมานอนคอนโดพี่โซ่บ่อย บ่อยจนมีเสื้อนักศึกษาของผมอยู่ที่นี่ สรรพสิ่งของของผมอยู่ที่นี่ บ้านของผมก็ไม่ต่างกันมีของพี่โซ่อยู่เหมือนกันแต่น้อยกว่าเพราะไม่ค่อยได้ไปนอน ส่วนใหญ่จะมานอนคอนโดมากกว่า

บ้านผมมีผมอยู่แค่คนเดียว แต่ก่อนผมอยู่กับพ่อแม่แต่แม่ของผมท่านเสียไปเมื่อสามปีที่เเล้วด้วยอาการหัวใจหยุดเต้นผมจึงอยู่กับพ่อแต่หลังจากที่แม่เสียงไปปีนึงพ่อผมก็บ้างานเหมือนจะพยายามทำงานเพื่อให้ลืมเรื่องแม่เลนผันตัวเองไปอยู่อังกฤษ ทิ้งผมไว้ที่นี่คนเดียวผมไม่เคยคุยโทรศัพท์กับพ่อเลยหลังจากที่ท่านไปอังกฤษได้แค่ส่งอีเมล์หากันเท่านั้น แต่ท่านก็โอนเงินให้ผมตลอดไม่ปล่อยให้ผมอดอยากแต่ก็อย่างที่บอกใช้ฟุ่มเฟื่อยไม่ได้

ผมอาบน้ำแต่งตัวทาครีมปะแป้งเสร็จก็เดินออกมาไปพี่โซ่ พี่โซ่เอากิ๊บอันยาวๆ ของพวกช่างทำผมมาหนีบผมไว้

เพราะอันเดอร์คัตมันต้องเสยผมไปข้างหลังถ้าไปเรียนพี่โซ่จะเซ็ตผมไปแต่ถ้าอยู่บ้านเฉยๆ จะเอากิ๊บหนีบไว้ ผมว่าเอากิ๊บหนีบมันดูดีกว่าเซ้ตอีกนะ -.,-

เห็นเขาทำก็อยากทำมั้งเลยเดินกลับเข้าไปในห้องหยิบมาอันนึงจากนั้นก็ เสยครับเสยเเล้วเอากิ๊บหนีบ เท่อย่าบอกใคร เกิดมาหน้าตาดีก็งี้ เอากิ๊บติดดูแบดบอยเลยพอเอาลง...  กูแบ๋ว -///-

ติดกิ๊บเสร็จก็เดินออกมาอีกรอบ พี่โซ่กวักมือเรียกผมก็เดินเข้าไปหาเห็นพี่กันกำลังเล่นกีตาร์อยู่ พอเดินเข้าไปใกล้พี่โซ่ก็คว้าเอวผมเเล้วออกเเรงดึง กลายเป็นผมถูกดึงไปนั่งลงบนตักพี่โซ่อย่างง่ายดาย เพื่อนๆ พี่เขาก็โหร้องกันใหญ่

ผมนี่เขินหน้าแดงหมดเเล้ว หันไปมองหน้าพี่โซ่อย่างเคืองๆ ก็ได้รับรอยยิ้มภูมิใจกลับมา ไม่มีจุดยืนเลยตรู

Soo Say

ได้แกล้งเมียเป็นอะไรที่สุขใจจริงๆ ผมก็สังสรรกันไปจนเกือบๆ เที่ยงคืน วันนี้ตกลงกันไว้จะนอนที่นี่หมดจะได้ไปเพชรบุรีพร้อมกันทีเดียว

"พี่โซ่พรุ่งนี้กานต์ไปด้วยนะ" น้องบอกผมเสียงงัวเงียเหมือนจะง่วง ก็สงสัยจะง่วงนั้นแหละครับเพราะหัวนี่เอนซ้ายเอนขวาจนผมกลัวคอจะหักเลยต้องจับหัวน้องให้พิงอกผมดีๆ

"ทำไมถึงอยากไปละครับ" ผมถามเเล้วหอมหัวน้องเบาๆ น้องเอื้อมมือกอดเอวผมไว้เเล้วพูดอู้อี้อยู่กับอกจนผมต้องจับแก้มน้องทั้งสองข้างให้เงยหน้าพูดดีๆ

"พูดดีๆ พี่ฟังไม่รู้เรื่อง" น้องทำหน้างอ ส่งเสียงฮือในลำคอ น่าฟัดจังว่ะ

"กานต์อยากอยู่กับพี่โซ่นะ ให้กานต์ไป" เอาเเล้วครับน้องเริ่มงอแงเเล้ว เวลาง่วงนอนกานต์จะงอแงเป็นเด็กๆ อยากได้อะไรตอนนั้นก็ต้องได้ ทั่งๆ ที่พอตื่นขึ้นมาไม่เห็นจะสนใจของที่ผมไปหามาให้เลย เวลาง่วงน่ารักกว่าเยอะ

"ครับพี่ให้กานต์ไปด้วย ปะไปนอนดีกว่า" ว่าจบผมก็ช้อนตัวน้องขึ้นมาอุ้มแต่ยังไม่ทันจะออกเดิน ไปพวกเพื่อนก็ทักขึ้นมาเสียก่อน

"ไปไหนว่ะ หรือว่าทำสงคราม" ไอเชี่ยซัน -_-

"สงครามหน้ามึงสิ พาเมียไปนอนจบนะ" ผมยกตีนให้ไอเชี่ยซันทีนึงเเล้วอุ้มเด็กน้อยของผมเข้าห้องนอน

ผมบรรจงวางร่างเล็กลงบนเตียงน้องฮึดฮัดเล็กน้อยแต่ก็นิ่งไป ผมดึงผ้าห่มคลุมถึงคอเเล้วจุ๊บหน้าผากน้องพร้อมกระซิบเสียงนุ่มว่า...

"หลับฝันดีนะครับ"  ผมเดินไปปิดไฟเเล้วออกจากห้องมานั่งเล่นกับพวกมันต่อ

"มึงไปชอบน้องมันได้ไงว่ะ ครั้งแรกที่เจอก็เอาแต่ด่าน้องเขาอยู่ฝ่ายเดียว" ไอกันถาม ผมมองมันยกยิ้มมุมปากอย่างวายร้ายให้

"มึงไม่เข้าใจหรอก คนเขาเกิดมาคู่กัน ต่อให้ครั้งจะเจอกันยังไงมันก็ได้รักกันอยู่ดี" คม!

"ถุย! ถ้ามึงเลิกกันเมื่อไหร่นะกูจะเอาคำนี่พูดกรอกหูมึงทุกวันเลย คอยดู"

"อ้าวไอเชี่ยเกรธไปเเช่งเพื่อนได้ไงครับ มึงนั้นแหละคั่วหญิงไม่ซ้ำหน้าเลยนิ" ไอไปป์พูดเข้าหู

"อะไรๆ อย่างกูไม่เรียกคั่วผู้หญิงนะเว้ย แค่ยังหาหนึ่งเดยวในใจไม่ได้เท่านั้นเอง" เเล้วก็ตามด้วยเสียงโหร้องของบรรดามิตรสหาย ไอเชี่ยพวกนี่เสียงดัง เมียกูตื่นพอดี

ก๊อกๆๆ

ผมหันไปมองทางประตูเเล้วหันหลับไปมองเพื่อน ตอนนี้ภายในห้องเงียบหมด ผมเหลือบมองนาฬิกา

00.38 น.

เที่ยงคืนครึ่งกว่าๆ แบบนี้ใครมันมาหาผมว่ะแต่ผมก็ยังไม่ลุกไปเปิดประตูรอฟังว่าคนๆ นั้นมันยังอยู่มั้ยหรือว่าผมหูฝาดไปเพราะตอนมันเคาะรอบแรกไอพวกเพื่อนเชี่ยมันก็เล่นกันเสียงดัง ไอพวกเพื่อนมันก็คงรู้ว่าผมคิดอะไรเลยพากันเงียบเเล้วรอฟังเหมือนกัน...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ไอซันทำท่าจะลุกไปเปิดแต่ผมห้ามไว้ มันเลยย้ายมานั่งบนโซฟาข้างผมแทน ไม่ ผมจะยังไม่ไปเปิดผมเหลือบมองนาฬิกาอีกรอบ..

00.43 น.

ผ่านมา 5 นาที จากที่ได้ยินเสียงตอนแรก..

ก๊อกๆๆ

เคาะสามครั้ง แต่มันถี่ขึ้น...

"ใครว่ะไอสัส" ไอริวเหมือนเริ่มทนไม่ไหว ผมก็ทนไม่ไหวแต่ถ้าเกิดว่าเปิดไปหรือเข้าไปใกล้ประตูเเล้วมันกด

ระเบิดละ! (คิดได้เนอะ)

ผมเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง...

00.49 น.

6 นาที...

ปัง! ปัง! ปัง!

!!!!

ไม่ใช่เสียงปืนอย่าตกใจ!!  (บอกใครน่ะ)

"ใครว่ะไอสัสเอ้ย!"

ไอเกรธทำท่าจะลุกจนไอไปป์กับไอกันริวต้องรั้งมันไว้ให้ใจเย็น

"ไปเปิดเหอะเดี๋ยวเมียมึงก็ตื่นหรอก" ไอ้กันว่าเเล้วเอากีตาร์ไปเก็บที่ ไม่บอกกูก็จะไปอยู่ล่ะ

"เดี๋ยวกูไปเอง" ผมกล่าวนิ่งๆ ไอซันอาสาจะไปด้วย ผมกับซันเดินมาที่ประตูมองหน้าหันเล็กน้อยผมทำนิ้ว 1 2 3 เเล้วกระชากประตูออกอย่างแรง ตรงหน้าไม่มีใคร...

"คอนโกมึงมีผีป่ะเนี่ย" ผมหันไปตีแก้มเบาๆ ชะโงกหน้าออกไปมองซ้าย..  ไม่มี  มองขวา...  ไม่มี

"ไอโซ่ที่ตีนมึงมีกล่องอะไรด้วย" ผมก้มมอง มี กล่องของขวัญมีจดหมายวางอยู่ข้างบน ผมก้มหยิบมันมาเเล้วเดินเข้ามาข้างใน ไอพวกข้างในก็ดูจะสนใจกับสิ่งของที่ผมหยิบมา

"มึงดูจดหมายก่อน" ไอริวบอกผมก็เปิดข้างในซองดู...

ไม่มีเชี่ยไรเลย...

"ใครเล่นว่ะ อย่าให้กูเจอ" ไอเกรธอีกล่ะ

ผมเลิกสนใจเเล้วเปิดกล่องออกดูมีจดหมายจ่าหน้าซองถึง...

'

กานต์'

ผมขมวดคิ้วใครมันมาส่งของขวัญให้เมียกู หรือจะเป็น!

ชู้!!

"กูรู้มึงคิดอะไรไอโซ่ ไม่ใช่หรอกกูว่าคนที่แอบชอบน้องมันมากกว่า"

"หรือไม่ก็คนที่เกลียดกานต์เข้าขั้นโคม่าเลยก็ได้..." ผมหันไปมองคนพูด ไอไปป์

"มึงคิดแบบนั้น" ไอซันถาม ผมก็อยากรู้

"มึงดูของในกล่อง" มันทำหน้าเหมือนจะกลัวก็ไม่เชิงเเล้วพยักพเยิดหน้ามาทางกล่องบนตักผม

"!!!!"

สตั้นท์ไปสามวิ!!

ผมเบิกตากว้างเเล้วหยิบของในกล่องออกมาดู มันเป็นรูปกานตั้งแต่เข้ามาในมหา'ลัยใหม่ๆ จนถึงล่าสุดคือเมื่อ

อาทิตย์ที่เเล้วแต่ทุกรูปมีทั้งปากกาแดง ปากกาน้ำเงิน คัตเตอร์ ขีดข่วนจนเละไปหมดผมเทรูปในกล่องลงบนพรม

เเล้วกวาดหยิบขึ้นมาดูทีละรูป บางรูปก็ฉีกหัวกับตัวแยกออกจากกันบางรูปก็เผาเหลือแค่เสี่ยวหน้า

ใครมันทำแบบนี้ว่ะ!! ใจผมเต้นแรงมาก ทั้งโกรธ ทั้งโมโห หลายๆ อย่างอัดเข้ามาอย่าให้กูเจอคนทำนะ สัสเอ้ย!

"ใครทำว่ะ เลวสัสอ่ะ"

"เห้ย ไอกันมึงเเกะกระดาษตรงฝากล่องออกมาดิว่ะ" เสียงไอซันบอก ผมหันไปมองตาม มันมีประดาษเอสีพับครึ่งแปะอยู่ใต้ฝากล่อง ไอกันจัดการแกะออกมาเเล้วยื่นให้ผมมีตัวหนังสือเขียนด้วยยาทาเล็บสีแดงหยดย้อยจนเหมือนเลือดจ่าชัดเจนว่า..

'ถึง กานต์'

ผมเปิดข้างในอ่านด้วยมืออันสั่นเทา..

"เชี่ย!!" พวกมันอุทานเป็นเสียงเดียวกัน

ผมเบิกตากว้างมือที่ถือกระดาษอยู่สั่นจนมองเห็นข้างใน

มีรูปกานต์วันรับน้องที่หน้าถูกแต้มไปด้วยดินสอพองสีๆ กำลังยิ้มแย้มอย่างสดใสถูกยาทาเล็บสีแดงกากบาททับทั้งรูป...

มีข้อความเขียนด้วยยาทาเล็บสีแดงว่า..

.

.

.

.

.

.

.

'

กู      จะ    ฆ่า    มึง!!

'

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

โปรดติดตาม

(อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ)

นี่คือสปอยของนิยาย 'รักที่ใจ' เวอร์ชั่นตอนยาว หากท่านใดสนใจ

อยากจะอ่านเนื้อเรื่องเป็นตอนๆ โปรดคอมเม้นที่ด้านล่าง

ศิษย์ปัญจ เขียน

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว