ภายใต้ค่ำคืนอันแสนมืดมิด บรรยากาศวังเวงเงียบสงัด สายลมหนาวโชยมาจนทำรู้สึกเย็นจนขนลุก ยังมีหญิงสาวคู่หนึ่งที่ไม่สะทกสะท้านต่อความน่าสะพรึงกลัวนี้
"พี่เสือจ๋า อากาศวันนี้มันหนาวเหลือเกิน ชบาว่าเราควรหาอะไรทำกันดีกว่านะจ๊ะ" หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น เพื่อออดอ้อนชายคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ มือเล็กๆของเธอก็ลูบไล้ไปทั่วแผงหน้าอกของชายคนรัก
"จะดีเหรอชบา นี่มันกลางป่านะ แล้วบรรยากาศมันก็..." ชายหนุ่มพูดตอบ แล้วก็หันมองซ้ายมองขวา ทำท่าทางขนลุกกับบรรยากาศรอบตัว
"ดีสิจ๊ะ บรรยากาศแบบนี้สิ ถึงจะน่าตื่นเต้น"
พูดจบก็ไม่รอช้า เป็นฝ่ายเริ่มเข้าไปประกบปากจูบชายหนุ่ม มือของเธอก็เลื่อนไปถอดสไบของเธอออก ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของชายหนุ่ม จนชายหนุ่มก็เริ่มทนต่อแรงรุกเร้าไม่ไหว จูบตอบเธออย่างเร่าร้อน จากนั้นก็ก้มลงมาดูดเลียที่หน้าอกของหญิงสาว
"จะทำอะไรก็ทำเถอะจ้ะพี่เสือ ชบาจะทนไม่ไหวแล้ว"
หญิงสาวเร่งเร้าชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ชายหนุ่มไม่รอช้าเอามือไปถอดผ้านุ่งของหญิงสาวและตัวเองออก จากนั้นก็ค่อยๆให้หญิงสาวนั่งทับลงมาบนตัวของเค้า
"อ๊ะ อ่าส์ เสียวจัง ซี๊ด อ่าส์"
หญิงสาวครางออกมาไม่ขาดปาก ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งได้ใจ เอามือจับสะโพกของหญิงสาวให้ขย่มเร็วขึ้น ทั้งสองต่าง เร่งจังหวะใส่กัน จนมีเสียงครางออกมาไม่ขาดสาย
"เร็วอีกสิจ๊ะ เร็วอีก" หญิงสาวพูดเร่งชายหนุ่ม
"ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ซี๊ด อ่าส์" ชายหนุ่มพูดตอบออกมา
เมื่ออารมณ์รักช่างพลุ่งพล่านและเร่าร้อน หญิงสาวจึงดึงปิ่นปักผมที่เส้นผมของเธอออก ทำให้ผมของเธอสยายยาวมาถึงเอว
"ซี๊ด อ่าส์ อาส์ ซี๊ด เกือบแล้ว เกือบแล้ว " ชายหนุ่มครางเสียงกระเส่า หญิงสาวเห็นเช่นนั้นจึงค่อยๆยกปิ่นปักผมชูขึ้น แล้วปักลงไปที่คอหอยของชายหนุ่ม
"ชะ ชบา ทะ ทำไม ทะ แบบนี้" ชายหนุ่มถามหญิงสาวด้วยอาการเจ็บปวดทรมาน
"เพราะพี่ เพราะพี่ ที่เป็นคนทำลายชีวิตพี่สาวของชบา" หญิงสาวพูดออกมาด้วยอาการร้องไห้เสียใจที่ต้องจำใจทำแบบนี้
จากนั้นหญิงสาวก็ลุกขึ้นแล้วหยิบผ้านุ่งของเธอมาปิดร่างกายไว้
"ทะ ที่ผ่านมา มะ มันคืออะไร" ชายหนุ่มถามอย่างยากลำบาก เพราะเลือดไหลออกมาจากคอไม่หยุด
"ชบาก็แค่ต้องการแก้แค้น โดยใช้ความรักที่พี่ให้ชบาเป็นเหยื่อล่อ" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
"ชบาทั้งรักทั้งแค้น แต่เหมือนความแค้นมันมากกว่าความรัก พี่เลยต้องมาตายแบบนี้" หญิงสาวน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
จากนั้นก็เดินเข้าไปหาชายหนุ่มดึงปิ่นปักผมที่ปักคาอยู่ที่คอออก แล้วปักลงไปอีกครั้ง
"ลาก่อน" หญิงสาวเอ่ยลาทั้งน้ำตา แล้วก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆชายคนรัก มองเค้าค่อยๆตายอย่างช้าๆ จนกระทั่งเค้าสิ้นลมหายใจ
คัท!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงผู้กำกับตะโกนบอกผ่านเครื่องขยายเสียง จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังกึกก้อง..
“เก่งมากครับทุกคน ปิดกล้องแล้วโว้ย” ผู้กำกับตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกดีใจสุดๆ หลังจากที่ใช้เวลาถ่ายทำอย่างยาวนาน แล้วเค้าก็หันมาพูดกับเรา
“เอาผ้าไปให้พระเอกนางเอกหน่อย” พอได้ยินอย่างนั้นเราก็วิ่งไปหยิบเสื้อคลุมแล้วเดินเข้าไปยื่นผ้าให้คนที่เป็นนางเอก จากนั้นก็ค่อยยื่นส่งให้พ่อพระเอกหน้าหวาน
"แล้วผู้จัดการส่วนตัวผมไปไหน ทำไมถึงปล่อยให้ยัยป้าที่ไหนไม่รู้เข้าถึงตัวผมได้" ดาราหน้าหล่อนั่นมันหลอกด่าเรา ด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยเป็นมิตร
“ ว่าใครว่าป้า เดี๋ยวก็ได้มีเรื่องหรอก หน้าชั้นเนี่ยนะ เด็กพอๆกับนายเลย นายหน้าจืด” พูดจบก็จ้องตาเขม็งใส่ดาราหนุ่มคนนั้น แล้วอยู่ๆก็มีเสียงตะโกนลั่นมาแต่ไกล
"โอ๊ยๆ มีเรื่องอะไรกันกันคะน้องน้ำเหนือ" เสียงอิเจ๊ดาด้าผู้จัดการของดาราคนนั้น
น้ำเหนือ : แล้วนี่เจ๊ไปไหนมา ทำไมถึงให้คนอื่นเข้ามาประชิดตัวผมแบบนี้
เรา : ถือว่าเป็นพระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงเลยถือเนื้อถือตัวงั้นเหรอ เชอะ!!ซักวันเถอะ จะตกวูบลงมาไม่รู้ตัว
เจ๊ดาด้า : ใจเย็นก่อนค่ะคุณน้องเหมือนฝัน อย่ามีเรื่องกันเลยนะ น้องน้ำเหนือเค้าก็แค่กลัวจะตกเป็นข่าวเสียๆหายๆน่ะ
น้ำเหนือ : เจ๊รู้จักยัยป้าคนนี้ใช่ไม๊ ยังไงก็ช่วยอบรมให้ผมด้วยแล้วกัน //พูดจบแล้วก็ใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกไป
เรา : ฮึ่ย!!เจ๊ ทำไม่นักแสดงในสังกัดเจ๊คนนี้ถึงได้หยิ่งนักล่ะ แถมมาเรียกฝันว่าป้าอีก ฝันไม่ยอมนะเจ๊
เจ๊ดาด้า : ใจเย็นๆก่อนค่ะคุณน้อง น้ำเหนือเค้าก็ดูหยิ่งๆนิ่งๆไปอย่างนั้นแหละ แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอกค่ะ
เรา : เห็นแก่เจ๊ที่เป็นสายรหัสฝันนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฝันเอาเรื่องแน่
เจ๊ดาด้า : แล้วนี่คุณน้องจะกลับที่พักยังไงคะ
เรา : เดี๋ยวกลับกับต้องตาค่ะเจ๊ ไม่ต้องเป็นห่วง
ระหว่างที่เรายืนคุยกับอิเจ๊อยู่นั้น ก็มีเสียงผู้กำกับตะโกนบอกทุกคน..
ผู้กำกับ : เดี๋ยวสุดสัปดาห์นี้เราจะเลี้ยงปิดกล้องละครเรื่องรักซ่อนแค้นกันนะครับทุกคน มากันให้ครบๆนะ
ค่ะ/ครับ //เสียงทุกคนในกองถ่ายตะโกนตอบรับ
เรา : เจ๊!! งั้นฝันไปช่วยเค้าเก็บของกันก่อนนะ
เจ๊ดาด้า : อืมๆ ไปเหอะ เอ้อ!! แล้วสุดสัปดาห์นี้ก็อย่าลืมมาด้วยนะ
เรา : เจ้ก็รู้นิ่ว่าฝันไม่ค่อยชอบปาร์ตี้
เจ๊ดาด้า : มาเหอะน่า เปิดหูเปิดตา ผ่อนคลายสมองบ้าง ได้เจอดาราเยอะแยะเลยนะ
เรา : จริงสิ มีดาราที่ฝันชอบด้วย งั้นเป็นอันว่าตกลงแล้วกัน
เจ๊ดาด้า : ก็แค่นั้นแหละ แล้วเจอกัน
จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายไปช่วยกันเก็บของเก็บอุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดง กว่าจะเสร็จก็เกือบตีสอง...
เรา : กลับที่พักเหอะว่ะ เสร็จหมดแล้วนิ่
ต้องตา : อืม ไปดิ ชั้นโคตรจะง่วงเลยว่ะแก
แล้วเราสองคนก็เดินกันมาที่รถ ซึ่งรถที่จะนั่งกันไปเป็นรถของต้อง เราอาศัยมันตลอดแหละ โชคดีที่ทำงานอยู่กับไอ้เพื่อนรักคนนี้...
ต้องตา : นั่นน้ำเหนือนี่หว่าแก ชั้นขอไปเซลฟี่กับเค้าแป๊บนึงนะ ทำงานด้วยกันแต่ไม่มีโอกาสเข้าถึงเลย
เรา : อย่าเลยว่ะแก รีบกลับเหอะ
ต้องตา : แป๊บเดียวเองแก ตามมาๆ//แล้วไอ้ต้องก็ดึงแขนลากเราไปด้วยจนได้
พอเดินมาถึงที่รถของดาราหนุ่มคนนั้น ไอ้ต้องเพื่อนเราก็เข้าไปขอถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยเค้าก็ยอมให้ถ่ายด้วยอย่างเต็มใจ อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา เมื่อกี๊ด่าเราเหมือนเราเป็นตัวอะไร แล้วนี่!! ทำไมถึงยอมง่ายๆ งง!!!...
น้ำเหนือ : เรียบร้อยแล้วนะครับ
ต้องตา : ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
เรา : เสร็จแล้วใช่ปะไอ้ต้อง รีบกลับเหอะ เบื่อจะแย่ละ
ต้องตา : งั้นต้องขอตัวก่อนนะคะ เจอกันวันเลี้ยงปิดกล้อง
น้ำเหนือ : ครับ
เรา : เร็วๆ ชั้นจะอ้วกกับความมารยานอกจอของใครบางคนแล้ว
น้ำเหนือ : เธอว่าใคร
เรา : ป่าวนิ่ พูดลอยๆ ใครเดือดร้อนก็รับไป
ต้องตา : เฮ้ยๆไอ้ฝัน รีบกลับเลยๆ //พูดแล้วก็ดึงแขนเรากลับไปที่รถ
เรา : แกเนี่ยนะ คนอยากมีเรื่องซักหน่อย จะมาขัดทำไม
ต้องตา : ขึ้นรถ ไหนง่วงไง
เรา : เออๆๆ //แล้วเรากับต้องก็ขึ้นไปนั่งบนรถ
พอขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว เราสังเกตเห็นอะไรบางอย่างยืนอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่นั่น เราพยายามเพ่งมองเพื่อให้เห็นชัด จนเพื่อนเรานึกสงสัย...
ต้องตา : มองอะไรของแกวะฝัน เห็นจ้องอยู่นานละ
เรา : แก ผู้หญิงคนนั้นทำไมเค้ายังไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกวะ ถ่ายเสร็จตั้งนานแล้วนะ
ต้องตา : ผู้หญิงคนไหนของแก ชั้นไม่เห็นใครซักคน
เรา : ก็คนที่ยืนอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่นั่นไง ใส่สไบสีเขียว ผมยาว หน้าขาว สงสัยจะเป็นตัวประกอบ
ต้องตา : แกพูดบ้าอะไรวะ ไม่เห็นมีใครเลย
เรา : แต่ชั้นเห็นจริงๆนะเว้ย
ต้องตา : นี่อย่าบอกนะว่า......ฮึ่ย!!!ขนลุก หยุดมองเดี๋ยวนี้ หลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นใหม่
เรา : ก็ได้ๆ //แล้วเราก็ทำตามที่เพื่อนเราบอก จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมามองอีกครั้ง
ต้องตา : เป็นไง ดีขึ้นรึยัง
เรา : เค้าหายไปไหนแล้ววะ
ต้องตา : ไม่มีใครหาย ตรงนั้นไม่มีใครตั้งแต่แรกแล้ว แกคงทำงานหนักจนตาลายแน่ๆ
เรา : แต่ว่า...
ต้องตา : พอๆ เลิกเถียงได้แล้ว ชั้นจะขับรถ
เรา : ก็ได้วะ
แล้วเราก็นั่งเงียบๆไม่พูดอะไรต่อ ทำได้แต่หันหลังกลับไปมองที่ต้นไม้ใหญ่นั่นว่ามันไม่มีใครยืนอยู่จริงๆเหรอ สงสัยเราจะตาฝาดไปจริงๆ หรือไม่สัญชาตญาณบางอย่างของเราคงกลับมาอีกครั้ง...