Drug in Love
ก็ไม่ใช่ไม่รู้หรอกนะ ว่าไอ้เจ้านี่มันทั้งคออ่อน เมาง่าย แถมยังชอบพูดจาตลกๆตอนเมา แต่จะพูดยังไงดีล่ะ นั่นหน่ะ สิ่งนั้นแหละมั้งที่ทำให้เผลอคิดไปว่า "ทำหน้าน่ารักๆก็เป็นแหะ"
-22.00- ร้านนั่งดื่มย่านคาบูกิโจ
"วันนี้มาคนเดียวเหรอคะ คุณฮิจิคาตะ"
เสียงจากคุณป้าเจ้าของร้านเอ่ยถามชายหนุ่มร่างสันทัดสมส่วนในชุดยูกาตะสีกรมท่า ที่เพิ่งจะย่อตัวนั่งลงที่หน้าเค้าเตอร์บาร์ เพราะเกิดความความแปลกใจ
โดยปรกติแล้วลูกค้าประจำท่านนี้มักจะมาพร้อมกับหัวหน้าและลูกน้องในหน่วยชินเซ็นกุมิโดยมักจะมีเหตุการณ์ที่ยกพวกมาฉลองแบบตลกๆกันเสมอ จะเรียกว่าหาเรื่องฉลองและดื่มน้ำเมาก็คงจะไม่ผิดนัก
"วันนี้ตั้งใจมาพักจริงๆหน่ะ พอดีพรุงนี้ได้วันหยุด ก็เลยว่าจะออกมาคลายเครียดซักหน่อย ขอแบบเดิมนะคุณป้า"
สิ้นเสียงสั่งเพียงไม่นาน ข้าวร้อนๆพูนชามเต็มไปด้วยมายองเนสก็ถูกส่งมาวางตรงหน้าเค้าอย่างเคย พร้อมด้วยสาเกขวดเล็กๆ และที่เขี่ยบุหรี่ แค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับค่ำคืนแห่งการผ่อนคลายจากงานรักษาความสงบสุขของเมืองเอโดะ ในความคิดของชายหนุ่มการได้นั่งดื่มเหล้าและดื่มด่ำค่ำคืนที่มีแสงจันทร์สว่างเต็มดวง ใช้เวลาให้ผ่านไปช้าๆ นี่แหละเพียงพอแล้ว
"อะไรกันป้า ไม่เห็นจะมีบอกตรงไหนของเมนูเลย ว่ามีอาหารหมาขายด้วยหน่ะ แย่ที่สุด คุณกินจะทานข้าวลงได้ยังไงเนี่ย"
เสียงทุ่มต่ำแต่ดูเฉื่อยชาจนน่าโมโหดังขึ้นจากด้านข้างถัดไปไม่เยอะ เสียงที่จะบอกว่าเค้าช่างรู้สึกคุ้นเคยก็คงจะไม่ผิดนัก
ชายผมหยักโศกสีเงิน ใบหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมวังมีดวงตาปลาตาย ใช่แล้ว
ชายหนุ่มเจ้าของฉายาชิโระยาฉะอดีตนักรบขับไล่ที่ผู้คนในยุคสงครามต่างรู้จักกันดีถึงความเก่งกาจ
และฝีดาบที่ไม่เคยเป็นสองรองใคร
"อย่างแกหน่ะ ที่สมควรจะกินที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นเลือดจากปากของแกเองนั่นแหละ
จะให้ฉันช่วยเอาออกมาให้ไหมละ ไอ้หัวหยิกเอ้ย"
กล่าวสวนไปแทบจะทันที ดูเหมือนการปะทะคารมสำหรับชายหนุ่มทั้งสองกลายเป็นเรื่องปรกติแทนคำทักทายไปซะแล้ว
"เห้ย เห้ย จะดีเหรอโองุชิคุง พูดจากับคุณกินที่เคยช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงแบบนี้เนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยน้าาา"
"โองุชิคุงบ้านแกสิ แล้วฉันเคยไปขอความช่วยเหลือแกเมื่อไหร่ไม่ทราบ ไอ้ตูดหมึก"
บรรยากาศที่เคยเงียบเมื่อกี้ค่อยๆมีเสียงทะเลาะวอแวกันขึ้นมาทีละนิด และท่าทางจะไม่จบลงง่ายๆด้วย เพราะตอนนี้กินโทกิเคลื่อนตัวเองพร้อมถ้วยพาเฟ่และขวดเหล้ามานั่งอยู่ข้างๆท่านรองของหน่วยชินเซ็นเรียบร้อย เป็นอันที่รู้กันว่าเป็นการเปิดศึกทะเลาะเรื่องไร้สาระเช่นถั่วแดงกวนและมายองเนสอะไรเกิดก่อนกัน แต่ที่น่าแปลกวันนี้จนกินโทกิแอบสงสัยไม่ได้ก็คงจะเป็นการที่ชายหนุ่มตรงหน้าเค้าออกมากินเหล้าเพียงลำพัง ช่างดูผิดวิสัยรักเพื่อนพ้องที่เจ้าตัวมีซะเหลือเกิน อะไรกันนะที่ทำให้ท่านรองปีศาจเครียดถึงขนาดต้องลุยเดี่ยวยามราตรี อดคิดไม่ได้ตามประสาคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนั่นแหละน้า แต่ก็ช่างเถอะ เค้าเองก็ออกมาฉายเดี่ยวอยู่บ่อยๆ แถมคืนนี้ถ้าจะมีเพื่อนดื่มให้คอยลับฝีปากเป็นไอ้หมอนี่ก็คงจะไม่เลว.
-01.30-
"ไหวแน่นะคะคุณกิน ให้ป้าเรียกลุงช่วยแบกไปไหมคะ"
เจ้าของร้านถามด้วยความเป็นห่วง ก็ลูกค้าขาประจำของเค้าทั้งสองคนหน่ะสิ ไอ้เรื่องทะเลาะกันลั่นร้านหน่ะชินแล้ว แต่ไม่เคยเห็นว่าฝ่ายผู้ผดุงษ์ธรรมจะเมาเป๋ขนาดนี้มาก่อน รู้ตัวอีกทีจากที่ทะเลาะกันก็กลายเป็นการท้าทายบ้าๆบอๆดวลสาเกของสองหนุ่มไปซะแล้ว กินได้ไม่นานจากเสียงทะเลาะก็กลายเป็นพูดกันด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย แถมคุณฮิจิคาตะยังมีรอยยิ้มเปื้อนหน้าอยู่บ่อยครั้งอีกด้วยเมื่อชายหนุ่มหัวหยิกผมเงินเอ่ยเรื่องตลกๆ แปลกจริงๆสองคนนี่ ตอนมีสติหล่ะก็ไม่เคยจะพูดดีกันสักครั้งแท้ๆ
"สบายมากป้า ขอโทษที่รบกวนจนปิดร้านเลยนะ"
กล่าวร่ำลาเจ้าของร้านคนสนิท พลางถูลู่ถูกังพากันเดินแบบไม่ค่อยจะตรงทางซักเท่าไหร่ ไอ้เค้าเองไม่ได้เมาอะไรมากมาย ด้วยชินจากการดื่มมาก สาเกแค่นี้เลยถือว่าไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ไอ้เจ้ามายองเลอร์ที่เค้าพยุงอยู่นี่สิ ก็พอจะรู้หรอกว่าคออ่อน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเมาง่ายขนาดนี้แหะ ปรกติเวลาดื่มกันก็จะมีทั้งคนในหน่วยของเจ้านี่อยู่ด้วยเสมอทำให้ฮิจิคาตะไม่ได้มีเวลาดื่มของมึนเมาเท่าไหร่นักเพราะมัวแต่ห้ามเจ้ากอลิล่าไม่ให้แก้ผ้าบ้าง หรือแม้แต่ห้ามโอคิตะไม่ให้เอาโซ่ล่ามคอคนอื่นก็เป็นหน้าที่เจ้าหมอนี่
"นี่ ฮิจิคาตะคุง โตเป็นควายป่านนี้แล้วยังยุง่าย เกลียดความพ่ายแพ้ดวลเหล้ากับฉันจนยอมเมาปลิ้น รู้ถึงไหนอายถึงนั่นนะ"
"อื้มมม~ ฮึก"
"เฮ้ยๆ ตอบคนอื่นด้วยการสะอึกเนี่ยเสียมารยาทนะคร้าบ ไอ้ผู้กินเงินภาษีประชาชน"
"เงียบปายเลยแกหน่ะ น่ารำคาญเป็นบ้า"
"คร้าบๆ งั้นคุณกินจะทิ้งซากตำรวจเน่าๆไว้ตรงนี้นะคร้าบ หนักจริงวุ้ยแก"
พูดจริงทิ้งจริงอย่างกินโทกิสะอย่าง หลังสิ้นเสียงฮิจิคาตะเลยหมดสภาพลงไปกองเป็นก้อนกลมๆอยู่ข้างผนังในซอยระหว่างทางกลับบ้าน ยูคาตะที่เคยใส่อย่างเรียบร้อยรัดกุมบัดนี้มันเผยอจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน โอบิคาดเอวก็หมิ่นเหม่เหมือนพร้อมจะให้อิสระกับเจ้าของชุดตลอดเวลา ด้านล่างยิ่งหนักกว่าเมื่อกินโทกิเหลือบไปเห็นรองเท้าเกี้ยะที่ร่างบางใส่มีเพียง1ข้างเท่านั้น เหอะๆ คืนนี้หนักจริงๆแหะเจ้านี่
"นี่ สติยังอยู่ดีรึป่าววะ ข้ามฝั่งแม่น้ำของคนตายไปรึยังแก"
นั่งยองๆลงเพื่อเอ่ยถามพร้อมตบเบาๆที่แก้มขาวนวลเพื่อเรียกสติ
"เออ ทิ้งฉันไว้ตรงนี้แหละ เดี๊ยวสร่างเมาแล้วคงจะเดินกลับไหว"
"สภาพแกตอนนี้แค่ยืนให้ขาไม่พับให้ได้ก่อนเถอะเจ้าชายมาโย เละเป็นมายองเนสเน่าๆเลยนะแก"
"มันเรื่องของฉันโว้ย ไปๆได้แล้วไป"
"เรื่องงานมันเครียดจนต้องออกมาดื่มคนเดียวเลยรึไงหึ องค์ชายมาโย"
"....."
"หรือเก็บกดมากจากงานจับกุมผู้ร้าย แหม แถวนี้ก็ใกล้ๆกับโยชิวาระด้วยสินะ ไม่ใช่ว่าพอคุณกินกลับไปแล้วจะไปปึ๋งปั๋งต่อที่ย่านโคมแดงหละ"
"ฉันไม่ได้ทุเรศเหมือนแกนะโว้ย ไอ้ปีศาจปึ๋งปั๋ง"
"งั้นก็...เรื่องที่ฉันบอกความรู้สึกกับแกเมื่อตอนเจอกันคราวที่แล้ว"
ไม่มีเสียงยอกย้อน ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ
ใช่เค้าเดาถูก..ฮิจิคาตะจับทางง่ายยิ่งกว่าเด็กสาวรุ่นๆสะอีก กะไว้อยู่แล้วไอ้เรื่องที่เค้าบอกว่ารู้สึกพิเศษกับหมอนี่ไปเมื่อคราวที่แล้ว แถมด้วยจูบแบบถึงพริกถึงขิงไปอีก1ยก เรื่องนั้นคงทำให้เจ้าซามูไรมายองเลอร์กระวนกระวายใจไม่น้อย ไอ้ที่มาดื่มคนเดียวก็คงจะไม่พ้นเรื่องนี้นั่นแหละ
"ฉันมันแย่จนแกต้องคิดหนักขนาดนี้เลยเหรอ"
ก็แค่ไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง ไม่มีเงิน ไม่มีอนาคต มีก็แต่คดีติดตัวอีกเป็นกระพรวน
"ก็ไม่ใช่...แบบนั้น"
คำตอบนี้เค้าจะถือเป็นเชิงบวกได้ไหมนะ ก้มหน้าเค้าไปพิสูจธ์คำตอบใกล้ๆก็ยิ่งเห็นใบหน้าของท่านรองที่ลูกน้องไม่เคยได้เห็น ผิวขาวนวลและอ่อนเยาว์กว่าเค้า ดวงตาคมได้รูปที่บอกไม่ได้ว่าออกไปทางสวยหรือเท่กันแน่ แต่มันดูลงตัวเมื่ออยู่ภายใต้ผมหน้าม้ารูปตัววีสีดำสนิท ยิ่งพอมีสีแดงอ่อนๆอยู่บนแก้มด้วยแล้วยิ่งดู....น่ารัก
น่ารักยิ่งกว่าผู้หญิงที่เค้าเคยผ่านมาสะอีกมั้งเนี่ย เคยได้ยินว่าไว้ผมยาวมาก่อนที่จะ
เข้าเอโดะ ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเข้ากับใบหน้านี้ขนาดไหน แล้วไหนจะอาการประหม่าแบบสุดๆนี่อีก หลบตาจนมองแต่พื้นแล้วมั้งนั่น โห ให้ตายเถอะ...ปลุกโหมด S ในตัวคุณกินดีชะมัด
"ถอยไป เหม็นเหล้าชะมัดเลยแกหน่ะ"
ฮิจิคาตะพูดพลางใช้ข้อศอกและแรงที่เหลืออยู่ดันอกชายหนุ่มที่นั่งยองอยู่ข้างๆให้เคลื่อนตัวออกไป เพราะตอนนี้กลุ่มก้อนสีเงินเป็นหยุ่มๆอยู่ใกล้สะจนลมหายใจอุ่นที่มีกลิ่นของแอลกอฮอลเล็กน้อยลอยอบอวลไปทั่ว
"พูดหมือนแกไม่ได้กินเหล้างั้นแหละ ไอ้บ้าตัวไหนฟะที่มันจะเอามายองเนสเทลงในถ้วยสาเกหน่ะ"
ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ กินโทกิที่มีการแกล้งกวนประสาทชาวบ้านเป็นงานหลักยิ่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ปะทะแรงดันกับชายหนุ่มที่แทบจะไร้แรงลุกยืน เป็นเรื่องง่ายสะยิ่งกว่าง่ายแม้ในตอนปรกติแรงจะสูสีกันในด้านพละกำลัง แต่ตอนนี้แรงของเจ้าหน้าม้าวีเชฟน้อยสะยิ่งกว่าแรงของยัยป้าแก่โอโทเซะตอนป่วยออดๆแอดๆสะอีก
"ไหนขอลองดมไหนสิ กลิ่นเหล้าของฉันหรือมายองเนสของแก...มันแรงกว่ากัน"
"เห้ย ... จะทำอะไรแ..ก..."
ไวเท่าความคิด สิ้นเสียงยียวนกวนประสาทจากกินโทกิ ริมฝีปากของทั้งสองคนแตะกันอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะค่อยๆรุนแรงขึ้นตามระดับอารมณ์ที่พุ่งพวย ไม่ได้หอมหวานเหมือนอย่างคราวที่แล้ว แต่จูบนี้เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำจันทร์ แรงปราถนา ชวนให้มึนเมาลุ่มหลง มันเป็นจูบที่ดุดันแต่ก็นุ่มนวลในเวลาเดียวกัน ก่อนจะทิ้งทวนด้วยการที่ชายหนุ่มร่างหนางับเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวที่ริมฝีปากล่างของท่านรองปีศาจ
ไม่รู้ว่าเพราะความมึนเมาหรือเพราะจูบเมื่อกี้ทำให้ฮิจิคาตะแทบหมดแรงจนต้องใช้ท่อนแขนเกาะเกี่ยวรอบคอของฝ่ายตรงข้าม อีกฝ่ายก็ไม่ได้รังเกียจกลับใช้ฝ่ามือประคองโอบเอวและท้ายทอยสวยได้รูปของชายหนุ่มเจ้าของใบหน้ายั่วยวน ที่ปล่อยรังสีชวนให้ทำมิดีมิร้ายนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิม
"นี่..ฉันไม่ใช่พวกสุภาพบุรุษหรอกนะโองุชิคุง ไอ้เรื่องฉวยโอกาศหน่ะ เป็นเรื่องถนัดของคุณกินเลยหล่ะน้า
มาให้ท่ากันแบบนี้...มันจะดีแล้วเหรอมาโย"
"อย่าให้มันมากไปนักนะ ... แก"
ฮิจิคาตะกระชากตัวชายหนุ่มเจ้าของกลุ่มก้อนสีเงินเข้ามาประชิดตัว จนหน้าผากทั้งสองแตะกันเพียงเผาเบา ดวงตาเรียวช้อนตาขึ้นมอง แตะริมฝีปากเพียงเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
"ที่ฉันตามแกไปที่ร้าน..ยังต้องให้พูดอะไรมากกว่านี้อีกรึไง...ไอ้เจ้าบ้าหัวหงอก"
..............................