มนต์โฉมยง ภาคพิเศษ ดอกฟ้ารัญจวน
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมผลงานของสรีสามัญค่ะ
นิยายเรื่องนี้เปิดฟรีนะคะ
ฉะนั้นจะเปิดให้อ่านฟรีค่ะ มี 10 ตอนนะคะ
มนต์โฉมยงมี ภาค 1 แล้วนะค่ะ
โหลดกันได้เลย
(โหลดของแท้ ซื้อของเเท้กันเถอะนะคะ)
ขอบคุณทุกท่านที่สนับสุนนของแท้ค่ะ
มนต์โฉมยง ภาค 1 สิเน่หาสองเทวี
สรีสามัญ
www.mebmarket.com
สมัยก่อนประวัติศาสตร์อุษณรศมัยปุระปราสาททิพย์สถานปราสาทศิลาตั้งตระหง่านสูงชะลูดเสียดท้องคคนานต์ ตัวปราสาททำจากศิลาขนาดใหญ่ก่อร่างสร้างเป็นโดมคล้ายปราสาทบายน ศิลาหลายก้อนถูกสลักเรียงร้อยเป็นรูปอัปสรบ้าง รูปกินนรีบ้าง แล้วแต่พระประสงค์ของเจ้าชายศิลาเศวตร พระพ่อเมืองผู้เป็นใหญ่ในแดนอุษณรศมัยปุระ รอบด้านปราสาททิพย์สถานมีสระปทุมมาลย์ขนาดใหญ่ ธาราใสไหลวนในสระ ดอกบัวจงกลนีชูช่อสวยยามพระพายเชยพัดกลิ่นระรื่น ว่ากันว่า กลิ่นนี้อวลหอมไปถึงนาสาของเจ้าชายเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้พระผ่านเกล้าจึงชอบเสด็จมาชมปทุม จนถึงกับมีพระราชโองการให้ทหารหาญปลูกดอกบัวแทบทุกวัน พระตำหนักพระเทวีแผ่นศิลาสีขาววางเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ แซมด้วยกรวดเลื่อมลายสลับสี แสงตะวันอ่อน สาดส่องกระทบก้อนกรวดสีสวยวาววับจับตา แผ่นศิลาทอดยาวไปจนสุดตัวพระตำหนักพระเทวี ตำหนักแห่งมเหสีเอก “อุษณรศมัยเทวี” เทวีผู้เลอโฉม โฉมงามแห่งอุษณรศมัยปุระ ดินแดนแห่งนางระบำในเพลานี้พระเทวีประทับบนพระแท่นสีเงินยวงสะอาดตา ดวงพักตราหวานซึ้งตรึงฤทัย พระเนตรคมกริบดุจนางเหยี่ยว พระนาสิกรั้นได้รูปสวย ริมพระโอษฐ์งามราวกระจับ ช่างงดงามอย่างหาที่ติมิได้ หากชายใดได้เห็นจักต้องลุ่มหลงจนขาดสติเป็นแน่แท้ “พระเทวีเพคะ เพลานี้หม่อมฉันได้เตรียมนางกำนัลไว้พร้อมแล้วเพคะ ” เสียงหวานของนางข้าหลวงวัยกำดัดเอ่ยกราบทูล“เจ้าอย่าเอ็ดไป ประเดี๋ยวจะโดนลงทัณฑ์” สุรเสียงหวานแต่เหยียบเย็นเอ่ยออกจากพระโอษฐ์สีชาดได้รูปสวย สีพระพักตร์เพลานี้บึ้งตึงอย่างหาที่สุดมิได้ จนนางข้าหลวงคนสนิทต้องสงบปากตนเอง พระเทวีทรงทอดพระเนตรเห็นนางข้าหลวงนั่งปิดปากอยู่นั้นก็พอพระทัยยิ่ง พระนางจึงตรัสถามนางข้าหลวงคนสนิท นางข้าหลวงษานางข้าหลวงวัยกำดัดเพียงสิบสี่ปี“เจ้าพี่ ทรงเป็นเช่นไรบ้างเพลานี้” สุรเสียงหวานล้ำตรัสพลางทอดพระเนตรมองเหม่อออกไปนอกพระบัญชร“หม่อมฉันได้ยินมาว่า เพลานี้เครื่องบรรณาการจากนคราอื่นกำลังจะเดินทางมาถึงนะเพคะ”นางข้าหลวงวัยกำดัดเอ่ยกราบบังคมทูลตามความจริงพระขนงเรียวสวยขมวดเป็นปม ดวงพระพักตร์หวานบึ้งตึงลงทันใดที่ได้สดับเรื่องราวจากนางข้าหลวงคนสนิท นางข้าหลวงษา ทุกคราที่เจ้าพี่ทรงไปรบทัพ จักต้องมีนางบรรณาการมาด้วยเสมอ เครื่องราชบรรณาการอย่างน้อยสุดก็เห็นจักเป็นต้นไม้ทอง นอกนั้นเหล่าเมืองน้อยใหญ่ต่างพากันถวายนางสนมบ้าง เจ้านางบ้าง หรือแม้กระทั่งมเหสีก็ยังยอมยกให้มาเป็นสนมของเจ้าพี่ เจ้าพี่ผู้ปรารถนาสิ่งใดจักต้องได้ดังใจมาดหมาย พระนางเคยคิดไว้ว่าหากวันใดวันหนึ่งพระนางจักต้องลดองค์ลงไปเป็นสนมบ้าง พระนางจักมีชีวิตอยู่ได้เยี่ยงไร“พระมเหสีจักเสด็จไปรับเครื่องราชบรรณาการด้วยองค์เองหรือไม่เพคะ” นางษา ข้าหลวงวัยกำดัดกราบทูลถาม พลางลอบมองพระพักตรางามตาที่ยังคงความอ่อนเยาว์ประหนึ่งบุษผาผลิบานแรกแย้ม “เหตุใดเจ้าถามข้าเยี่ยงนั้น ข้าจักไปดูหน้านางบรรณาการใหม่เสียหน่อย ว่าพอจะอยู่ในตำหนักน้อยได้หรือไม่” อุษณรศมัยเทวีตรัสแก่นางข้าหลวงษาอย่างทรงพลังทว่าในฤทัยร้อนรุ่มดังเพลิงไหม้มังสา“ถ้าเช่นนั้นพระเทวีรีบเสด็จเถิดเพคะ”นางข้าหลวงวัยกำดัดกราบทูล
มนต์โฉมยง ภาค 1 สิเน่หาสองเทวี
สรีสามัญ
www.mebmarket.com
สมัยก่อนประวัติศาสตร์อุษณรศมัยปุระปราสาททิพย์สถานปราสาทศิลาตั้งตระหง่านสูงชะลูดเสียดท้องคคนานต์ ตัวปราสาททำจากศิลาขนาดใหญ่ก่อร่างสร้างเป็นโดมคล้ายปราสาทบายน ศิลาหลายก้อนถูกสลักเรียงร้อยเป็นรูปอัปสรบ้าง รูปกินนรีบ้าง แล้วแต่พระประสงค์ของเจ้าชายศิลาเศวตร พระพ่อเมืองผู้เป็นใหญ่ในแดนอุษณรศมัยปุระ รอบด้านปราสาททิพย์สถานมีสระปทุมมาลย์ขนาดใหญ่ ธาราใสไหลวนในสระ ดอกบัวจงกลนีชูช่อสวยยามพระพายเชยพัดกลิ่นระรื่น ว่ากันว่า กลิ่นนี้อวลหอมไปถึงนาสาของเจ้าชายเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้พระผ่านเกล้าจึงชอบเสด็จมาชมปทุม จนถึงกับมีพระราชโองการให้ทหารหาญปลูกดอกบัวแทบทุกวัน พระตำหนักพระเทวีแผ่นศิลาสีขาววางเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ แซมด้วยกรวดเลื่อมลายสลับสี แสงตะวันอ่อน สาดส่องกระทบก้อนกรวดสีสวยวาววับจับตา แผ่นศิลาทอดยาวไปจนสุดตัวพระตำหนักพระเทวี ตำหนักแห่งมเหสีเอก “อุษณรศมัยเทวี” เทวีผู้เลอโฉม โฉมงามแห่งอุษณรศมัยปุระ ดินแดนแห่งนางระบำในเพลานี้พระเทวีประทับบนพระแท่นสีเงินยวงสะอาดตา ดวงพักตราหวานซึ้งตรึงฤทัย พระเนตรคมกริบดุจนางเหยี่ยว พระนาสิกรั้นได้รูปสวย ริมพระโอษฐ์งามราวกระจับ ช่างงดงามอย่างหาที่ติมิได้ หากชายใดได้เห็นจักต้องลุ่มหลงจนขาดสติเป็นแน่แท้ “พระเทวีเพคะ เพลานี้หม่อมฉันได้เตรียมนางกำนัลไว้พร้อมแล้วเพคะ ” เสียงหวานของนางข้าหลวงวัยกำดัดเอ่ยกราบทูล“เจ้าอย่าเอ็ดไป ประเดี๋ยวจะโดนลงทัณฑ์” สุรเสียงหวานแต่เหยียบเย็นเอ่ยออกจากพระโอษฐ์สีชาดได้รูปสวย สีพระพักตร์เพลานี้บึ้งตึงอย่างหาที่สุดมิได้ จนนางข้าหลวงคนสนิทต้องสงบปากตนเอง พระเทวีทรงทอดพระเนตรเห็นนางข้าหลวงนั่งปิดปากอยู่นั้นก็พอพระทัยยิ่ง พระนางจึงตรัสถามนางข้าหลวงคนสนิท นางข้าหลวงษานางข้าหลวงวัยกำดัดเพียงสิบสี่ปี“เจ้าพี่ ทรงเป็นเช่นไรบ้างเพลานี้” สุรเสียงหวานล้ำตรัสพลางทอดพระเนตรมองเหม่อออกไปนอกพระบัญชร“หม่อมฉันได้ยินมาว่า เพลานี้เครื่องบรรณาการจากนคราอื่นกำลังจะเดินทางมาถึงนะเพคะ”นางข้าหลวงวัยกำดัดเอ่ยกราบบังคมทูลตามความจริงพระขนงเรียวสวยขมวดเป็นปม ดวงพระพักตร์หวานบึ้งตึงลงทันใดที่ได้สดับเรื่องราวจากนางข้าหลวงคนสนิท นางข้าหลวงษา ทุกคราที่เจ้าพี่ทรงไปรบทัพ จักต้องมีนางบรรณาการมาด้วยเสมอ เครื่องราชบรรณาการอย่างน้อยสุดก็เห็นจักเป็นต้นไม้ทอง นอกนั้นเหล่าเมืองน้อยใหญ่ต่างพากันถวายนางสนมบ้าง เจ้านางบ้าง หรือแม้กระทั่งมเหสีก็ยังยอมยกให้มาเป็นสนมของเจ้าพี่ เจ้าพี่ผู้ปรารถนาสิ่งใดจักต้องได้ดังใจมาดหมาย พระนางเคยคิดไว้ว่าหากวันใดวันหนึ่งพระนางจักต้องลดองค์ลงไปเป็นสนมบ้าง พระนางจักมีชีวิตอยู่ได้เยี่ยงไร“พระมเหสีจักเสด็จไปรับเครื่องราชบรรณาการด้วยองค์เองหรือไม่เพคะ” นางษา ข้าหลวงวัยกำดัดกราบทูลถาม พลางลอบมองพระพักตรางามตาที่ยังคงความอ่อนเยาว์ประหนึ่งบุษผาผลิบานแรกแย้ม “เหตุใดเจ้าถามข้าเยี่ยงนั้น ข้าจักไปดูหน้านางบรรณาการใหม่เสียหน่อย ว่าพอจะอยู่ในตำหนักน้อยได้หรือไม่” อุษณรศมัยเทวีตรัสแก่นางข้าหลวงษาอย่างทรงพลังทว่าในฤทัยร้อนรุ่มดังเพลิงไหม้มังสา“ถ้าเช่นนั้นพระเทวีรีบเสด็จเถิดเพคะ”นางข้าหลวงวัยกำดัดกราบทูล