ปล้นร้ายกลายรัก
9
ตอน
23.6K
เข้าชม
129
ถูกใจ
37
ความคิดเห็น
38
เพิ่มลงคลัง

>> ป. 1 <<

 

กลางดึกเงียบสงัดมีแต่เสียงลม เสียงแมลง ฟังจนชินหูไปแล้วสำหรับบ้านนอกเรียกให้ดีก็ชนบท เรียกทางการก็ต่างจังหวัด เรียกอีกทีไม่รู้จะเรียกอะไรดี  รู้แค่มันไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงก็แล้วกัน

 

“เฮ้อ ร้อนอะไรอย่างนี้วะ”เสียงทุ้มฟังก็รู้แล้วว่าหล่อ บ่นไปมือพัดไปด้วย

 

“ลมก็พัด มึงยังบ่นร้อนอีกเหรอวะ”เสียงทุ้มแหบน่าจะเคยหล่อมาก่อนหน้าผมเกิด แล้วถ่ายทอดมาให้ผมหมดในตอนนี้ นั่งลงข้างๆมวนยาสูบดูดพลุ้ยๆ

 

“พัด แต่วันนี้ไม่รู้พัดเบอร์อะไร ไม่แรงอ่ะ”บอกหยอกคนเคยหล่อก่อนจะนอนลง

 

“น่าจะสี่สิบ”คนเคยหล่อที่เป็นพ่อผมเอง หันมาหยอกกลับ

 

“พ่อรู้ได้ไง”นอนตะแคงเอามือหนุนหัวถามคนเคยหล่อ

 

“รู้ กูใส่ทุกวัน”หันมาบอกยกยิ้ม

 

“นั่นมันเบอร์รองตีนพ่อ ตีนหนูก็น้องๆพ่อนั่นแหละ”ตอบมาได้เบอร์รองเท้า

 

“ตีนน้องๆกูที่เป็นอามึงใหญ่กว่าเยอะ”ยังไม่เลิกย้อนจุกยิ่งกว่าโดนศอกถองอก

 

“พอแล้ว กับลูกก็ไม่เว้นเอาชนะอยู่ได้”ผมโบกมือให้พ่อเคยหล่อพอสักที

 

“กับคนอื่นกูก็โดนสิ กับมึงยังไงคงไม่ทรพีลุกมาเตะกูหรอก”มียักคิ้วตบท้ายของชายวัยห้าสิบกว่า ทำไปได้

 

“หนูไม่กล้าเตะ แต่กล้าเหยียบ”ผมยักคิ้วกลับให้รู้ว่าทำได้เหมือนกัน อาจจะฟังและดูเป็นเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสม ที่ผมพูดกับพ่อแบบนี้เราหยอกเล่นอย่างนี้ประจำ

 

“อกตัญญู”ชี้หน้าและนอนลงบ้างบอกให้รู้ว่ารอการเหยียบจากผม

 

“พ่อใช้หนูเหยียบเองนะ เวลาเมื่อยน่ะ”ผมไขข้อสงสัยว่าทำไมถึงกล้าเหยียบพ่อบังเกิดเกล้าได้ยังไง ก่อนขึ้นเหยียบก็กราบทุกครั้งเป็นการขมา และเริ่มทำพิธีเหยียบทันที ช้าอีกนิดผมจะกลายเป็นฝ่ายถูกเหยียบซะเอง

 

“อืม ดี ดี ตรงนั้นหน่อย ไอ้หนู”พ่อดูสุขสมในการเหยียบ บอกผมที่ชื่อ หนู หรือ ไอ้หนู คิดว่าผมเป็นตุ๊ดล่ะสิพูดหนู แต่ผมว่าไม่แปลกนะแถวบ้านผมผู้ชายส่วนใหญ่นอกจากคำว่า ‘ผม’ หรือชื่อตัวเอง ก็แทนตัวด้วย ’หนู’ ก็เยอะตอนเด็กผมเคยอายนะคือชื่อเหมือนเด็กผู้หญิง เพื่อนผู้ชายมันก็เรียก อีหนู อีหนู ต่อยโครมเข้าให้ คิดจะเปลี่ยนชื่อเล่น

 

‘พ่อ หนูจะเปลี่ยนชื่อเล่น’เดินหน้าง้ำปากเจ่อนิดไปบอกพ่อ

 

‘เปลี่ยนทำไมน่ารักดีออก’พ่อหันมามองแว่บหนึ่งก่อนจะดูทีวีต่อ

‘เพื่อนล้อ เรียกอีหนู อีหนู อย่างกับตุ๊ดหนูอาย’เดินไปนั่งข้างๆอย่างแรง ถ้ามีบ๊อบคงสะบัด แต่โก๊ะกลางหัวก็สะบัดได้ ตอนเด็กป่วยบ่อยปู่เลยทำพิธีแบบโบราณให้เลือกตุ๊กตาดินปั้น ไอ้เราก็คิดว่าให้เลือกของเล่น ล่อตัวนี้เข้าให้ในตอนนั้น ดีนะไม่ปั้นทรงพั้งค์หรือเดทร็อค ไม่งั้นเสร็จกูแน่ ฮ่าๆๆๆ

 

‘กูไม่เห็นอายเลย’พ่อตอบด้วยรอยยิ้ม

 

‘ก็มันไม่ได้ล้อพ่อนิจะได้อาย’ย้อนพ่องอนๆ

 

‘แต่ก่อนกูโดนล้อ เพื่อนเรียก อีนก อีนก กูก็ขานรับ จ๋า พร้อมยันไปโครม เลิกเรียกเลย’พ่อหัวเราะบอกกลับอย่างภูมิใจ พ่อชื่อเล่นนก ชื่อจริง กนก ผมคิดสภาพตามที่พ่อพูดทำให้หัวเราะปากกว้างจนลืมว่ามันเจ่ออยู่

 

‘หนูเอ้ย ชื่อจริงชื่อเล่น ถ้าพ่อแม่ตั้งให้มงคลชีวิตทั้งนั้นแหละ มันไม่ได้ตั้งตามหลักตามดวง แต่กูกับแม่มึงตั้งจากใจที่ดีใจตอนมึงเกิด เข้าใจไหม แต่ถ้ามึงจะเปลี่ยนก็ตามใจ ยังไงก็ไอ้หนูลูกกูอยู่ดี’พ่อลูบหัวบอกผมด้วยรอยยิ้ม แป้งที่ทาหน้าทาตัวขาวโพลนตัดกับตาดำจริงๆ หลังจากนั้นผมเลิกอายเพราะมีพ่อเป็นไอดอล

 

“ไอ้หนู แล้วเรื่องแต่งงานเอ็งจะเอายังไงล่ะ”พ่อถามผมที่กำลังเหยียบย่ำกลางหลังให้เส้นคลายและตื่นจากความคิด

 

“ก็คงเอาหลังแต่งแหละพ่อ เอาก่อนคงไม่ดีหรอกมั้ง ผู้หญิงเขาจะเสีย หะ โอ้ย”ผมตอบพ่อไปตามตรง แต่คงตรงใจพ่อพลิกตัวมาฟาดหน้าแข้งด้วยด้ามไฟฉายประจำตัวไม่รู้จะส่องอะไรนักหนา ผมลงมานั่งกุมสูดปาก

 

“มันเรื่องของมึงจะเอาหน้าเอาหลังก็ช่าง แต่ระวังข้างหลังมึงจะโดนเอาไม่รู้ตัว”พ่อฟาดด้วยผ้าขาวม้าและอวยพรให้พร้อม ผมถลาไปกอดหอมฟอดๆ

 

“ขอหนูเอาคืนบ้างดิ สักดอกก็ยังดี และพูดอวยอะไรแบบนั้นเล่า”ผมโยกตัวพ่อสุดที่รักไปมา แกเอามือลูบหัว ใช่ครับอีกห้าวันผมกำลังจะแต่งงานกับสาวหมู่บ้านเดียวกัน ครอบครัวเรารู้จักกันมานานแล้ว

 

“พ่อไม่ได้บังคับหนูนะ”พ่อย้ำกับผมอีกครั้ง แกถามว่าผมมีคนชอบอยู่บ้างไหม อายุก็เยอะแล้ว แค่ยี่สิบห้าเนี่ยะนะ น่าจะมีครอบครัวได้สักที ผมคิดไม่นานก็ตอบว่าไม่มี

 

“หนูเต็มใจเองแหละ หยกก็เห็นกันมาแต่เล็กเป็นเพื่อนกันมาก็นาน นิสัยก็ดี”ผมบอกให้พ่อสบายใจ ตั้งแต่ผมเรียนจบจนกลับมาบวชครบพรรษาลาสิกขาไปทำงานก็นานอยู่ เบื่อความวุ่นวายเลยกลับมาบ้านก็ได้เวลาจะเบียดพอดี เรื่องอย่างว่าตอนเรียนก็มีบ้างตามประสาผู้ชายแต่ป้องกันทุกครั้ง ฐานะบ้านผมไม่ได้รวยเท่าไฮโซแต่อยู่ได้กับค่าเช่านา เช่าตลาด สวนผลไม้ขนาดกลาง และที่เปล่าๆอีกร้อยกว่าไร่ อยู่อย่างพอเพียงก็กินได้จนตายลืมบอกไปผมดูเหมือนไม่เต็มแต่จบบัญชีนะครับ สงสัยสิทำไมผมไม่เรียนเกษตร เหตุผลคือพ่อผมเรียนแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ พ่อซึมซับกรอกหูผมตั้งแต่เด็กแล้วเลยให้ผมเรียนบัญชีไว้ประดับสมองอีกซีกซะ

 

 

“อืม งั้นก็หมดห่วง”พ่อระบายยิ้ม

 

“พูดเป็นลางอะไรอย่างนั้น รุ่นนี้เหนียวแน่นตายยาก เชื่อหนูเหอะ”ผมพูดให้สบายใจกอดแกแน่นกว่าเดิม

 

“กูแค่พูดเป็นลาง มึงนี่พูดตรงๆเลย อวยกูจังนะ ยังไงสมบัติก็ของมึงอยู่แล้ว”พ่อตบหัวผมสองที

 

“พ่อหาเองเหรอ”ผมถามยิ้มๆ

 

“เปล่า ยึดของพ่อกูมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”ผมส่ายหน้าพร้อมขำๆ เอากับแกสิตอบซะหัวเราะลั่นจนปู่สะดุ้งแล้วมั้ง ก่อนนั่งรับลมสักพักก็เตรียมจะเข้าบ้าน ผมประคองพ่อลุกขึ้น กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตู ปัง ปัง ๆๆๆๆๆๆๆ  ผมหันขวับกับเสียงที่ได้ยิน

 

“เฮ้ย มันเลยตรุษจีนแล้วนิ”พ่อกูไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลยยังคิดบวกว่าเขาจุดประทัดวันตรุษจีนอีก

 

“ตลกอะไรตอนนี้ เข้าบ้านก่อน”ผมรีบดันพ่อเข้าบ้านปิดประตูปิดไฟหน้าบ้าน หมาที่ใต้ถุนพร้อมกันคอรัสทันที ผมหยิบปืนและเดินไปซุ่มตรงหน้าต่าง อยู่ตรงนั้นมองฝ่าความมืดออกไปก็ไม่มีความผิดปกติอะไร เสียงก็เงียบไปแล้ว

 

“เกิดอะไรวะ”ผมงึมงำ ก่อนจะหันมา”ว๊าคคคคคคคคคคคคคคค”ร้องสุดเสียง

 

“กูเอง”พ่อมายืนข้างหลังเอาผ้าขาวม้าคุมหัวเห็นแต่ตาดำทำกูแหกปากเข่าแทบทรุด

 

“โอ้ย พ่อ อย่าเล่นอย่างนี้อีกนะเกิดหนูตกใจเอาปืนไปโดนอกดังปัง จะทำไง”ผมตั้งสติได้โวยใส่พ่อไปนิดๆ ไม่ใช่โกรธแต่เป็นห่วง เกิดปืนลั่นขึ้นมา ตาย กูโดนข้อหาปิตุฆาตโดนประชาทัณฑ์เข้าไปอีก เอามือกุมอกดีไม่ร้อง กรี๊ด

 

“โดนขนาดนั้นทำศพสิมึง แล้วเป็นไงวะ”พ่อตอบกลับและถามด้วย

 

“ไม่รู้เงียบไปแล้ว สงสัยเขาออกหาหนูกันมั้ง”ผมส่ายหน้าบอกพ่อเดินเอาปืนไปเก็บ

 

“หามึงทำไม ไปทำอะไรไว้”พ่อถามด้วยน้ำเสียงตกใจ จับตัวผม

 

“หนูนาที่พูดถึงเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง อาศัยตามท้องนาร่องสวน กินพืชผลสร้างความเสียหาย แต่ตัวมันกินได้ ไม่ใช่หนูรูปหล่อที่เป็นลูกพ่อ ถามจริงก่อนมาได้แม่ทำงานคาเฟ่มาก่อนหรือเปล่า”ผมสาธยายสายตัวเหนื่อยๆ ถามพ่อที่ยังคงความขี้เล่นไม่มีบันยะบันยัง แกเป็นคนอารมณ์ดีคาบเส้นกับคนบ้าเลยก็ได้ ผมไม่ได้พูดว่าพ่อตัวเองนะ แต่พ่อแม่ของพ่อซึ่งก็คือปู่กับย่าผมเป็นคนพูดเอง โอ้ย แล้วจะพูดให้สับสนทำไมวะบอกปู่ย่าก็จบแล้ว เลยตกทอดมาถึงผมด้วยในด้านอารมณ์

 

“ฮ่าๆๆๆๆ กูอำมึงคลายเครียดไปงั้นแหละ ไป ไป นอน นอน”แกหัวเราะดันผมเข้าห้องนอน

 

“เครียดกว่าเดิมสิไม่ว่า หามุกมาเล่นตอบแทบไม่ทัน หนูรักพ่อนะ”ผมส่ายหน้าอีกทีพร้อมบอกแกอย่างนี้ประจำก่อนจะปิดประตูห้อง เมื่อแกปิดห้องแล้ว อืม พรุ่งนี้ถ้าหูเราไม่ฝาดต้องมีคนในหมู่บ้านพูดเรื่องนี้แน่ เอาไว้ไปดมกลิ่น เอ้ย สืบดีกว่าตอนนี้นอนก่อน ท้องแข็งไปหมดแล้ว ไม่ใช่ขี้ไม่ออกแต่หัวเราะพ่อตัวเองจนเจ็บไปหมด

 

.
.
.

 

“เมื่อคืนได้ยินเสียงปืนไหม”หยกถามผมที่ร้านก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้าน

 

“ได้ยิน แต่แน่ใจเหรอว่าปืน ไม่คิดว่าใครจุดประทัดเล่นเหรอ”ผมพยักหน้าถามหยกยิ้มๆ

 

“ใครจะบ้ามาจุดเล่นกลางค่ำกลางคืน บ้าแล้ว ไม่ใช่ตรุษจีน”หยกตอบส่งค้อนให้

 

“ว่าที่พ่อสามีหยกไงจ๊ะ”ผมยักคิ้วตอบ ทำเอาหยกหัวเราะ

 

“คงมีแต่ลุงนกนั่นแหละคิดแบบนั้น”หยกพูดถึงพ่อผมด้วยรอยยิ้ม  หยก ไม่ใช่คนสวยจัด แต่น่ารัก ผิวพรรณขาวแบบลูกคนจีนตามชื่อ แต่ตาสองชั้น รูปร่างอวบไม่ผอมแบบสมัยนิยม เป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ

 

“ไอ้นก ไอ้นก”เสียงตื่นเต้นเรียกชื่อดังลั่น

 

“สัด ชื่อพ่อกู อุ้ย หยก โทษที ว่าไง สำเริง”ผมด่ามันแถมขอโทษที่พูดหยาบ หยกยิ้มไม่ถือสา หันไปถามมันก่อน

 

“จวย สำเริงพ่อกูเหมือนกัน”ไอ้รงค์ลูกลุงเริงเพื่อนพ่อผมเอง “อึก กูตื่นเต้นไปหน่อยเลยเรียกผิดเรียกถูก”มันบอกอีกทีหลังยกล้อผมดูด โอเลี้ยงครับไม่ใช่ยกล้อแบบนั้น

 

“ตื่นเต้นอะไรเหรอรงค์”หยกถาม ไอ้รงค์เป็นเพื่อนอีกคนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจนมัธยมก็แยกกันแต่ก็เจอกันตลอด และมันจบเทคนิคประจำจังหวัด มันเรียนไม่ค่อยเก่งแต่หัวดีเรื่องเครื่องยนต์ทุกชนิด ก็เลยหันมาเอาดีทางทำนา ถามว่าเกี่ยวอะไรกัน เกี่ยวข้าวไงครับ บ้านมันเป็นโรงสีใหญ่ที่สุดในตำบล มันดูแลรถทุกอย่างของพ่อมัน ตั้งแต่ รถแทรกเตอร์ รถเกี่ยวข้าว รถปิกอัพ รถมอไซด์ และอีกหลายๆรถของคนในหมู่บ้าน ซ่อมที่ไหนไม่หายมาหาณรงค์มันไม่เคยคิดเงินแม้แต่บาทเดียว มีแต่ตอบแทนด้วยการไปเยือนที่บ้านถ้ารู้ว่าลูกสาวสวย มีน้ำใจมากเพื่อนผม

 

“เมื่อคืนไง ที่เขาว่าได้ยินเสียงปืนติดต่อกันหลายนัด ได้ยินพ่อกูคุยกับลุงผู้ใหญ่ว่ามีนักโทษแหกคุกหนีมา”ไอ้รงค์เล่าสั้นๆแต่หน้าตื่นเต้นเหมือนเล่าหนังเรื่องยาว

 

“จริงเหรอวะ แล้วไงต่อ”ผมก็ตื่นเต้นตามมัน จริงๆไม่ใช่มุก

 

“เขาบอกว่ากำลังขนย้ายนักโทษจากกรุงเทพไปอีกจังหวัด แต่มีการปล้นนักโทษระหว่างทาง ยิงต่อสู้กันฝ่ายตำรวจบาดเจ็บนักโทษหนีไปได้”ไอ้รงค์เล่าต่ออีกนิดเท่าที่มันรู้ ก่อนจะส่งยิ้มส่งสายตาให้ลูกสาวป้าแช่มที่ยิ้มตอบเหมือนกัน

 

“เดี๋ยวก็โดนจับ”ผมบอกก่อนจะตักลูกชิ้นลูกสุดท้ายเข้าปาก มัวฟังมันเพลินลืมกิน

 

“อืมตอนนี้เขาระดมกำลังจับอยู่”มันหันมาพูดเออออกับผม

 

“หมายถึงมึง ข้อหาพรากผู้เยาว์”ผมพูดใส่มัน หยกหัวเราะก๊าก

 

“เชี่ย กูนึกว่าไอ้พวกนั้น จับได้ไงกูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย มีจรรยาบรรณพอโว้ย”มันด่าก่อนจะหาข้ออ้าง ลูกป้าแช่มอายุเพิ่งจะสิบหกแต่โตกว่าสาววัยเดียวกันมาก

 

“ไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าได้หลังทำไปแล้วถูกตีนชาวบ้านรุมยำ”ผมต่อให้มันอีก เลยโดนตบไหล่แทบทรุด หยกขำน้ำตาเล็ด ก่อนจะขอตัวไปขึ้นเวร เราเพิ่งกลับมาจากในเมืองไปรับการ์ดแต่งงานและของชำร่วย ส่วนชุดวิวาห์เพื่อนหยกที่เปิดร้านเสื้อผ้าเตรียมให้ ช่างภาพก็ไอ้เล็กเพื่อนผมอีกจบเมืองนอกเชียวนะครับการศึกษาไม่เล็กเหมือนชื่อ หาแดกกันเองนี่แหละสะดวกดีเงินทองหมุนเวียนในหมู่เพื่อนไม่มีก็ติดมันได้

 

“มึงนั่นแหละจะโดนกูก่อน ห้ามแย่งกูอุปถัมภ์นะมึง”ไอ้รงค์ด่าและชี้หน้าผมว่าอย่าปาดหน้าหม้อมัน

 

“กูมีจรรยาบรรณพอโว้ย”ผมย้อนใส่มันบ้าง

 

“หลังเพื่อนไม่เอาแล้วกูเอาต่อแบบนี้เหรอ”มันก็ย้อนใส่อย่างรู้ทันแต่เป็นย้อนแบบเล่นกันเฉยๆ ไม่ได้เจตนาดูถูกแต่อย่างใดและพฤติกรรมทางสันดานผมไม่เคยทำกับสตรีรวมถึงบุรุษด้วยครับ แมนสุดๆ

 

“ตีน กูว่าพอเถอะใครได้ยินเขาจะมองว่ากูไม่ดี ส่วนมึงไม่ดีอยู่แล้ว”ผมดูดโอเลี้ยงแก้วใหม่ที่สั่ง

 

“ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นมาเลย กูไม่ไปรดน้ำมึงแล้ว”มีงอนกูอีก

 

“รดน้ำงานมึงเห๊อะ หลั่งน้ำพระพุทธมนต์โว้ย”ผมเตะหน้าเข้งมันจนร้องซี๊ด

 

“สายไหนวะ”ยังไม่เข็ด ติดเชื้อพ่อกูไง

 

“สายบ้านตาเริงมั้ง สันดาน ไม่ใช่พุทธมณฑล”ย้อนรอยไปบ้านมึงซะ มันก็หัวเราะ

 

“มึงไม่ไปตัดผมเหรอวะ”มันพูดและจับผมที่ยาวจนมัดได้

 

“ใกล้ๆก่อน หรือว่าจะไว้แบบนี้ดีวะ เท่ห์ดี”ผมตอบก่อนจะยอตัวเอง

 

“ตัดเห๊อะ เดี๋ยวจะสวยเกินเจ้าสาว ครึครึ”มันหัวเราะชอบใจ

 

“สวยเชี่ยไร น่ารักก็ไปอย่าง ฮ่าๆๆๆๆ”ผมด่าก่อนจะหยอกมันกลับ มันเป็นปมด้อยผมอีกอย่างที่หน้าถอดแบบแม่มาเยอะ แม่ผมเป็นนางเอกลิเกเก่าหน้านี่หวานหยด ผิวขาวจั๊วะ ผมรับมาแค่ดวงตาหวาน คิ้วเข้มในแบบผู้ชาย ผิวขาวเหลือง แต่สูงโปร่งติดพ่อ ผมเคยเล่นเป็นพระเอกลิเกตอนเด็กด้วยนะ แม่ยกติดตรึมเกือบจะเอาดีทางนี้แล้ว แต่หันเหซะก่อน  แม่เสียตอนผมอยู่ มอ.สาม จำได้ว่าร้องไห้กับพ่อข้ามวันข้ามคืนเลย กว่าจะทำใจได้

 

“เออว่ะ  ฮ่าๆๆๆๆ”มันพูดและหัวเราะกลับบ้างก่อนเราจะคุยกันอีกนิดก็แยกย้าย ผมขับรถจี๊ปของพ่อที่ใช้มานานเกือบยี่สิบปีแล้วเข้าบ้านหมาไม่มีเห่าเพราะจำเสียงจำกลิ่นได้

 

“อ้าว หนู กลับไวจัง”มะยมลูกป้าจันทร์ที่ผมจ้างมาเก็บกวาดบ้านเอาผ้าไปซักรีดด้วย แกถามก่อนจะหันไปตากผ้าต่อ แต่งงานแล้วครับ ผัวแกรับเหมาเดินทางบ่อย ลูกก็เข้าเรียนมัธยมหมดแล้ว ผมเห็นแกอยู่บ้านเฉยๆก็เลยถามแกก็ตกลง เก็บเป็นค่าขนมค่าเรียนได้

 

“ไม่มีอะไรมากหรอกพี่ ไปรับ และก็กลับ”ผมตอบก่อนจะหอบเอกสารขึ้นบ้าน แวะไปธนาคารมาด้วย ส่วนของเอาไปไว้ที่บ้านหยกแล้ว พี่มะยมพยักหน้าไม่ได้ถามต่อ

 

“พ่อไปสวนเหรอพี่”ผมถามพี่มะยมที่เตรียมจะทำกับข้าว วันนี้แกเก็บมะรุมในสวนที่ออกเยอะมากมาแกงส้มให้ แถมมีปลานิลจากบ่อเลี้ยงเองมาทอดด้วย

 

“เออ แกไปคุมคนตัดผลไม้น่ะ”พี่มะยมตะโกนบอก คนงานที่ว่าคือคนแถวนี้แหละครับประมาณสิบคนได้ ผมไม่ได้ถามอีกหยิบบัญชีรายรับรายจ่ายมาตรวจสอบ ปีนี้ผลผลิตดีขึ้นหลังจากเจอน้ำท่วมเข้าให้เมื่อปีที่ผ่านมา

 

“หนู หนู ไอ้หนู อีหนู โว้ยยยยยยยยย”เสียงโวกเวกโวยวายเรียกผมให้ตื่นจากแฟ้ม อ้าว หลับไปเมื่อไรวะกู

 

“จ๋า ใครวะ”เสียงใครมาเรียกวะ คุ้นๆแต่กูรับปากก่อนดีกว่าตอนใครวะพูดกับตัวเอง

 

“พ่องมึงไง ช่วยตัวเองหรือไงวะ ใจร้อนไปได้ไม่กี่วันมึงก็มีคนช่วยแล้ว”กูว่าแล้ว เป็นใครไปไม่ได้ พ่องกูเอง คุณนก

 

“เราต้องช่วยตัวเองก่อนให้คนอื่นช่วยสิ พ่อสอนเองไม่ใช่เหรอ”ผมเดินออกมาไม่ลืมหยิบน้ำเย็นๆไปให้ พร้อมสาลี่ที่ปลอกไว้เรียบร้อยติดไปด้วย

 

“เหรอวะ กูสอนให้มึงเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอ”พ่อทำหน้าคิดแถมพูดเหมือนจำไม่ได้ผมหรี่ตาเล่นมุกหรือเปล่าเนี่ยะ

 

“จำไม่ได้ก็ไม่ต้อง กินก่อนจะได้หายเหนื่อย”ผมเลยตัดบทดีกว่า แต่ทันเห็นพ่อแอบหัวเราะ

 

“เออ ไอ้หนู เดี๋ยวก่อนเข้านอนคืนนี้ดูรอบๆบ้านกันอีกทีนะ”พ่อพูดหลังจากพักจนหายเหนื่อย

 

“ก็ดูทุกคืนอยู่แล้ว”ผมบอกพ่ออย่างไม่ใช่เรื่องแปลก ปกติก็ทำตลอด

 

“แต่มากขึ้นว่ะ ก็เรื่องเมื่อคืนนั่นแหละ ไอ้บุญมันบอกว่ามีนักโทษแหกคุกออกมากบดานแถวบ้านเรา”พ่อพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังไม่ได้ล้อเล่นอย่างทุกครั้ง ไอ้บุญที่พ่อพูดถึงคือเพื่อนที่เป็นกำนัน ผมคงเรียกไอ้ตามแกไม่ได้หรอก ลูกชายแกก็ไอ้ปอนด์เพื่อนผมเหมือนกันแต่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ตอนผมออกจากงานกลับมาบ้านมันก็ช่วยขนของมาส่งให้ คอนโดที่โน่นผมก็ปล่อยให้เขาเช่าไป

 

“จริงเหรอพ่อ”ผมถามย้ำ

 

“จริงสิ ก็สารวัตรเขามาแจ้งด้วยตัวเองกับไอ้บุญเลยนะ”พ่อพยักหน้า

 

“ไอ้รงค์มันก็บอกว่าลุงผู้ใหญ่ก็ไปคุยกับพ่อมันเหมือนกัน เอาไงดีล่ะพ่อ”ผมบอกให้พ่อฟังถามความเห็น

 

“เราก็ป้องกันเท่าที่เราทำได้นั่นแหละวะ ว่าแต่วันนี้มะยมมันทำไรกิน”พ่อสรุปใจความเป็นอันเข้าใจก่อนจะถามถึงกับข้าวมื้อเย็นที่พี่มะยมกำลังทำอยู่

 

“แกงส้มมะรุม กับปลานิลทอด น่าจะเสร็จแล้วมั้ง”ผมบอกพ่อที่พยักหน้า ก่อนแกจะขอตัวไปอาบน้ำ

 

“หนู พี่กลับก่อนนะ”พี่มะยมเดินขึ้นมาบอก

 

“ครับ พี่มะยมเอานี่ไปกินสิ เพื่อนส่งมาให้”ผมรับคำก่อนจะส่งสาลี่ถุงใหญ่ให้

 

“เออ ขอบใจนะ พี่ไปล่ะ”แกรับก่อนจะลา ผมเดินดูรอบบ้านอีกทีก่อนจะอาบน้ำบ้าง

.
.
.

“พ่ออยู่บนบ้านนี่แหละ หนูไปดูเอง”ผมบอกพ่อที่จะลงไปด้วย

 

“ไปด้วยกันนั่นแหละ น่ากูไม่หลอกผีมึงหรอก”พ่อจะไปให้ได้ แถมล้อผมอีก

 

“โถ่ ล้อไม่เลิก หนูเป็นห่วงพ่อต่างหากล่ะ อยู่รอบๆบ้านแล้วกัน โอเคนะ”ผมทำหน้าแบบอะไรว๊าล้ออยู่ได้ ต่อรองอีกนิด แกหัวเราะก่อนจะเดินแค่รอบๆ ผมก็เดินไปอีกทาง ฟากทางสวนมีไฟสว่างพอสมควร เดินไปอีก

 

“รอยอะไรวะ”ผมก้มมองพื้นที่มีรอยเหมือนน้ำหยด ก่อนจะเบิ่งตาเมื่อเห็นชัดขึ้น คราบเลือด ผมสูดลมหายใจเดินเข้าไปอีกนิด มือกระชับ 9 มม. ให้เตรียมพร้อม เดินไปจนได้ยินเสียง แกรก แกรก พงหญ้าขยับไปมา ในหัวเริ่มคิดว่าถ้าแหวกเข้าไปเจอ ปอบ นั่งแหวกไส้ไก่กินอยู่ล่ะจะทำไงดี คิดอีกทีกูคิดลึกซึ้งไปหรือเปล่าวะ ผมหยิบกิ่งไม้ที่ใหญ่พอสมควรก่อนจะซุ่มข้างต้นไม้ใหญ่ จะยิงเข้าไปเลยก็กลัวว่าจะไม่ใช่โจรเกิดเป็นอย่างอื่นล่ะ ให้มันปรากฏตัวก่อนดีกว่า ผมเหวี่ยงเข้าไปตรงพงหญ้าแรงพอสมควร

 

“เอ๋งงงงงงงงงงง เอ๋งงงงงงงงงงงงงง”ครางยาวเลย เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ซวยแล้วกูทำบาปเข้าให้

 

“ไอ้ตะบัน ห่าราก พาสาวมาติดเป้งก็ไมบอก เกือบแล้วมึง”ผมชี้หน้าไอ้ตะบัน หมาพันธ์ทางตัวใหญ่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับอีหมาสาวที่มาจากไหนไม่รู้

 

“ขอโทษโว้ย กูไม่ได้จะขัดจังหวะการตะบันของมึง เชิญมึงทำให้เสร็จต่อไป มีเสบียงสำรอง กะล่อยาวเลยสิมึง”ผมคุยและแซวมันไปด้วย ที่แท้รอยเลือดก็คือหัวปลาสดสองหัวเผื่อแฟน สงสัยมันคงเอามาจากถังขยะแน่ๆ ผมเลยเดินกลับเมื่อไม่มีอะไรนอกจากหมาที่กระทำอนาจารกันอยู่เท่านั้น

 

“อ้าว คุณนกขึ้นบ้านไวจริง ไม่รอกันเลยนะ ไม่เหมือนตอนจะลงมาเลย”ผมบ่นงึมงำแต่ขำๆมากกว่า เดินขึ้นบ้านปิดประตูนอกชานลงกลอนแน่นหนา ทีนี้โจรขึ้นบ้านก็ลงไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ ฉลาดจริงกูคิดไปได้

 

“เรียบร้อยพ่อ”ผมบอกมือก็ลงกลอนประตูสุดท้าย

 

“เหรอ”สั้นๆ แต่หันขวับ เบิกตาก่อนจะหรี่ลง

 

“พ่อ”แค่นั้นที่หลุดจากปาก ทรุดลงกับพื้นเมื่อเสียงดังปึกตรงท้ายทอย

 

************************************************************************************************************************

ฝากอีกเรื่องด้วยจ้า  นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ได้เขียนเอาไว้ ลองอ่านกันดูนะ ลงในเวป www.thaiboyslove.com  ด้วย ใครไม่อยากลุ้นตามไปอ่านได้ หรือจะเริ่มลุ้นกันใหม่ก็ได้ เม้นท์ไม่เม้นท์ไม่ว่ากัน ขอบคุณนะที่แวะเข้ามา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว