ซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจ ในควันปืน : ปรปักษ์เสน่หา

แอ็กชั่น

จบ ซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจ ในควันปืน : ปรปักษ์เสน่หา

ซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจ ในควันปืน : ปรปักษ์เสน่หา

ระรินใจ

แอ็กชั่น

2
ตอน
26.8K
เข้าชม
132
ถูกใจ
91
ความคิดเห็น
155
เพิ่มลงคลัง

ช่วยอุดหนุนกันหน่อยนะคะ

http://www.greenmindbook.com/product-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%B2-384020-1.html

ขอบคุณค่า

.....................................................................

บทนำ

ดวงหน้าหวานซึ้งของพิมพ์ศิริกำลังหลับพริ้ม เรียวปากอิ่มสวยหยัดยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับความสุขที่กำลังลอยล่องอยู่ในห้วงภวังค์..แต่หากจะถามว่ากำลังฝันถึงอะไร หญิงสาวก็คงตอบไม่ได้ เพราะความสุขนั้นมันมาจากความอิ่มเอมที่เธอไม่เคยได้รับหรือประสบพบเจอจากใครมาก่อนในชีวิต..ความสุขจากความห่วงหาอาทร เสมือนว่าเธอคือคนสำคัญและมีค่าเหนืออื่นใด..ความสุขจากเสียงหัวเราะ และสายตาลุ่มลึกที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว ความอบอุ่นจากวงแขนแกร่งและแผ่นอกกว้างที่มีไว้ให้เธอได้ผ่อนคลาย..ประดุจมันเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับเธอคนเดียวเท่านั้น

หญิงสาวยังคงเคลิบเคลิ้มอยู่ในภวังค์อันแสนหวานได้ไม่นานนัก แรงกอดกระชับจากวงแขนยามเมื่อเธอขยับตัว เรียกสติสัมปชัญญะของเธอให้ตื่นตัว ลืมตาขึ้นมาปะทะเข้ากับแผงอกกว้างของผู้ชาย ! พร้อมๆกับความทรงจำเมื่อค่ำคืนหลั่งไหลเข้ามา

‘เขา’..ผู้ชายแปลกหน้า ที่มีแรงดึงดูดอย่างประหลาด และสามารถปลดปล่อยความรู้สึกที่ถูกปิดกั้นไว้เนิ่นนานของเธอได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คำกระซิบกระซาบกึ่งท้าทายเพียงไม่กี่คำของเขาเท่านั้น และไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเพราะความบ้าบิ่นของตัวเอง..แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างงดงามอ่อนหวานจนเกินกว่าจะลืมไปได้โดยง่ายจริงๆ

พิมพ์ศิริยกลำแขนที่โอบกอดเธอออกจากตัวอย่างเบามือที่สุด ค่อยๆขยับร่างเปล่าเปลือยอันร้าวระบมของตนออกจากผืนผ้าห่มที่ใช้ร่วมกันกับเขาลงมายืนข้างเตียง ก้มหยิบชิ้นส่วนเสื้อผ้าของตนที่กองปะปนกับเสื้อผ้าของเขาขึ้นมาสวมอย่างเงียบเชียบ และในขณะที่หยิบชุดราตรีของตนนั้น เธอเห็นกระเป๋าเงินของเขาหล่นออกมาจากเสื้อเชิ้ตตัวนอก จึงหยิบมันขึ้นมาและคิดจะเปิดดูชื่อจากบัตรประชาชนของเขา..แต่เมื่อคิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขามันเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น หลังจากนั้น ก็จะไม่มีวันกลับมาเจอกันอีก เพราะครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำตัวเหลวไหลเช่นนี้

เพราะฉะนั้นแล้ว..จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องรู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน..เหมือนๆกับที่เขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน ว่าเธอคือใคร..หญิงสาววางเงินจำนวนหนึ่งใกล้กับกระเป๋าเงินของเขา และอดไม่ได้ที่จะทอดสายตามองเสี้ยวหน้าคมเข้มที่กำลังหลับใหลภายใต้แสงสลัวจากดวงไฟ..ใบหน้าของเขาช่างดูไร้พิษสงและอ่อนโยนจนเกินกว่าจะละสายตาไปได้ในนาทีนี้

 

แต่ในท้ายที่สุด เธอก็พาตัวเองเดินจากเขาไปในความเงียบงันของราตรีกาล พร้อมๆกับความทรงจำชั่วข้ามคืนซึ่งคงจะระเหยไปในอากาศทันทีที่พระอาทิตย์สาดแสงแรงกล้า เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ..ไม่ใช่เลย จริงๆ

..........................................

บทที่ ๑

 

ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว ร่างผอมสูงของเด็กหนุ่มวิ่งโลนโผนโจนทะยานไปตามซอยที่ทั้งรกระเกะระกะด้วยสิ่งของและผู้คนอย่างว่องไว ลัดเลาะมุดรอดรั้วไม้อย่างคนเจนพื้นที่ ก่อนปีนขึ้นหลังคาบ้านอีกหลังเพื่อหวังมุ่งหน้าไปยังถนนอีกเส้น และนึกกระหยิ่มใจในความสามารถของตนที่สามารถทำให้เขารอดพ้นเงื้อมือกฎหมายได้อีกครั้ง

เด็กหนุ่มเหลือบสายตามองผู้ที่ตามมาอีกครั้ง ด้วยคาดหวังว่าคงไม่เห็นแม้แต่เงา..เสียงสุนัขเบื้องล่างยังคงเห่ากรรโชกไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านแต่อย่างใด..ทว่า ร่างสูงเพรียวของนายตำรวจนอกเครื่องแบบที่กระโจนพรวดขึ้นมายืนบนกำแพงสูง มันทำให้ผู้เฝ้ามองถึงกับเบิกตาค้างอย่างคาดไม่ถึง

“ไอ้..!..แม่งมาไงวะ” และหันหลังตั้งหน้าตั้งตาปีนลงจากหลังคาบ้าน ในขณะที่ฝ่ายไล่ล่านั้นก็เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

โจรหนุ่มหันกลับมามองพื้นดินที่ห่างไม่ไกล ก่อนจะกระโดดลงไป โกยหนีสุดชีวิตหมายจะเปิดประตูรั้ว..แต่วันนี้มันเหมือนจะเป็นดวงซวยของเขา เมื่อเจ้าของบ้านล็อกกุญแจไว้ แถมยังมีสุนัขตัวใหญ่นอนขวางอยู่ ซึ่งตอนนี้มันก็หูตั้งลุกพรวดเห่ากรรโชกใส่ แต่โชคดีที่ติดโซ่ล่าม ทำให้มันไม่สามารถพุ่งเข้ามาได้ เขาจึงหันปีนกำแพงข้างบ้านแทน พลัน! สะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาล็อกร่างได้สำเร็จ

“จะไปไหน”

“ปล่อยกู”

โจรหนุ่มหันกลับหมายต่อสู้ แต่อีกฝ่ายหลบได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ยังไม่ทันจะลงมือลงไม้กันมากกว่านี้ เสียงสุนัขทั้งฝูงที่เจ้าของบ้านเลี้ยงไว้พากันวิ่งกรูเข้ามา เขาเบิกตาโพลง รีบหันกลับหมายปีนรั้ว แต่ยังช้ากว่านายตำรวจหนุ่มที่กระโจนแผล็วราวกับข้อเท้าติดสปริงขึ้นไปยืนบนกำแพงเพียงชั่วพริบตา

“แม่งคนรึลิงวะ!”

รู้สึกทึ่งในใจพร้อมเร่งปีนป่าย พลัน! แหกปากร้องลั่น เมื่อมือที่ยึดเกาะบนขอบกำแพงถูกอีกฝ่ายจงใจเหยียบ บดขยี้จนต้องปล่อยให้ร่างร่วงลงมาอีกครั้ง

“เฮ้ย! มึงจะให้กูโดนหมากัดตายรึวะ”ปากก่นด่าไปอีกสารพัด ขณะพยายามจะหาช่องพาตัวเองขึ้นไปอยู่บนกำแพงด้วยใจระทึก กับเสียงสุนัขที่เข้ามาใกล้

ใบหน้าคร้ามคมเข้มปรากฏลักยิ้มที่ข้างแก้มด้านซ้าย ยามเจ้าตัวกำลังยิ้มยียวนต่อผู้ที่อยู่เบื้องล่าง

“เออ! เลือกเอา จะยอมให้หมากัด รึยอมให้กูจับ”พลางไล่เหยียบมือของอีกฝ่าย พร้อมๆกับหลบหลีกการไขว่คว้าหวังกระชากขาเขาให้ร่วงลงไปเช่นกัน

“แม่งเอ้ย!”โจรหนุ่มแช่งด่าอีกไม่กี่คำก็แหกปากร้องลั่น พลางสองมือสองขายกปัดป้อง เมื่อสุนัขพันธ์ทางสามตัวกระโจนเข้าใส่

“โอ้ยย! ช่วยด้วยๆ”

ร่างสูงเพรียวบนกำแพงยอบตัวลงนั่งเอ่ยถามอย่างใจเย็น

“จะยอมรึยัง”

ขณะผู้ที่กำลังถูกรุมฟัดรีบตะโกนตอบทันที

“เออๆ กูยอมแล้ว..ช่วยกูที..เอาไอ้หมาบ้าพวกนี้ออกไปที..โอ้ย!”

คนฟังแค่นยิ้มสะใจ ก่อนตะโกนเรียกเจ้าของบ้านสองสามี-ภรรยาที่ออกมาด้อมๆมองๆอยู่ไม่ไกล

“ลุง..มาเอาหมาออกไปทีครับ”

ชายแก่พยักหน้าหงึกหงักและเดินนำภรรยามาช่วยกันดึงสัตว์เลี้ยงของตนออกมาให้ห่างร่างของผู้ต้องหาหนุ่มที่นอนคุดคู้หมดสภาพ เลือดโชกตัว บาดแผลนั้นไม่ได้สาหัสสากรรจ์นัก..แต่หากเป็นเจ้าตัวใหญ่ที่ถูกล่ามโซ่อยู่หน้าบ้านนั่นกัดเข้าล่ะก็ คงต้องใช้เปลหาม รึไม่ก็ผ้าห่อศพกลับไปเป็นแน่

สายตาอาฆาต เคียดแค้นตวัดขึ้นไปยังผู้ที่นั่งยิ้มกวนประสาทบนแนวกำแพงภายใต้แสงตะวันเจิดจ้า

“ไอ้โรคจิต!

...........................................

ร้อยเวรหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดกับการพิมพ์รับเรื่องแจ้งความของบรรดาผู้เสียหาย ที่วันนี้มีเรื่องเข้ามาไม่หยุดหย่อน ต่างจากทุกๆวัน ที่โรงพักเล็กๆแห่งนี้ไม่ค่อยเกิดคดีนักพลางชำเลืองสายตาขึ้นมองเพื่อนร่วมอาชีพในชุดนอกเครื่องแบบอีก 3นาย กำลังนำตัวผู้ต้องหาที่ถูกใส่กุญแจมือ เนื้อตัวสะบักสะบอมปุปะด้วยผ้าก๊อตเดินผ่านหน้าไป และเอ่ยทักกับนายตำรวจรุ่นใหญ่ที่เดินรั้งท้าย ปาดเหงื่อที่ชุ่มโชกใบหน้าด้วยอาการเหนื่อยหอบยังไม่จางหาย จากการวิ่งไล่จับเจ้าหัวขโมยรายนี้ ที่มันทั้งวิ่ง ทั้งปีนป่ายรั้ว ทั้งมุดทั้งลอดสารพัดที่มันจะหาทางหนีท่ามกลางแดดเปรี้ยงของเดือนเมษา

“ไปแข่งไตรกีฬามารึไง จ่า..มันถึงได้หมดสภาพกันซะขนาดนี้น่ะ”

“แข่งวิบากไล่จับลิงมาต่างหาก”

และนายตำรวจอีกคนที่ห่างไปเพียงก้าวเดียวหยุดเดิน เพื่อจะก้าวถอยมาพูดกับเพื่อนด้วยรอยยิ้ม

“แต่เรามีพญาลิง ไอ้วายร้ายนี้เลยไม่รอด..แถมเกือบถูกหมากัดตายอีกต่างหาก”

สองนายตำรวจที่ร่วมเหตุการณ์หัวเราะครืน เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆ พร้อมคำขู่ทั้งน้ำตาของผู้ต้องหาหนุ่มที่จะยื่นฟ้องตำรวจที่ปล่อยให้เขาถูกหมากัด

บุรุษร่างสูงเพรียวที่กำลังจะก้าวเข้าไปยังส่วนของห้องสอบสวน แต่เจ้าตัวชะงักเมื่อรู้สึกว่าถูกปล่อยทิ้ง จึงส่ายสายตาหาลูกน้องของตนไปยังโต๊ะร้อยเวร และเห็นว่าทั้งหมดกำลังสุมหัวนินทาเขาเป็นแน่..เรียวคิ้วเข้มเหนือดวงตาคมกริบย่นเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าตนเองมีเรื่องให้เพื่อนร่วมอาชีพเก็บไปนินทาได้อีกแล้ว นอกเหนือจากสำเนียงการพูดที่ผิดเพี้ยนของเขา

“มานี่เลย”ธีรเดชกวักมือเรียก ก่อนหันเดินเข้าห้องสอบสวนอย่างไม่ใส่ใจ..เพราะขณะนี้มีเรื่องที่น่าสนใจกว่ากำลังรอเขาอยู่

นายตำรวจทั้งสองหันมายิ้มให้ร้อยเวรหนุ่ม ก่อนพากันเดินหายเข้าไปภายในห้องสอบสวน..ซึ่งใช้เวลาสอบปากคำไม่นาน ผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพจนหมดเปลือก ตามที่เจ้าทุกข์มาชี้ตัว

.........................................

“โอย..หิวข้าวชะมัด” จ่าคนเดิมเปรยออกมากับเพื่อน พลางลูบท้องพลุ้ยๆอันว่างเปล่า เมื่อยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้า เพราะได้รับแจ้งเหตุให้ไปไล่จับเจ้าหัวขโมยรายนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เหยียบเท้าเข้าโรงพักเลยด้วยซ้ำและหันไปชักชวนเพื่อนออกไปกินอะไรกันที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้โรงพัก ซึ่งพวกเขามักไปร้านนี้กันบ่อย เนื่องจากเจ้าของร้านมีลูกสาวสวย

เด็กสาวรูปร่างหน้าตาดีในชุดกางเกงยีนขาสั้น เสื้อยืดแนบเนื้อสีสันสดใส ยิ้มจนแก้มแทบปริเมื่อเห็นนายตำรวจทั้งสามกำลังเดินตรงมาที่ร้าน และทั้งจิตใจ ทั้งสายตาของเธอพุ่งตรงไปยัง ‘หมวดธีร์’ ที่เธอเรียกติดปาก..จำขึ้นใจ

“แม่ๆ..มารับออเดอร์พี่คนนี้ที”เธอตะโกนบอกมารดาที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตา จึงสวนออกมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“เอ๊ะ..ไม่เห็นรึไงว่าข้าไม่ว่าง” พลางเสือกตะหลิวผัดข้าวในกระทะเสียงลั่น

“น่าแม่..”

เด็กสาวพูดแค่นั้น แล้วก็เดินไปหน้าร้านอย่างไม่ใส่ใจ

ผู้เป็นมารดาได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน บ่นงึมงำขณะตักข้าวผัดร้อนๆใส่จานและยกเสิร์ฟลูกค้าที่กำลังนั่งคอยด้วยตัวเอง ก่อนหันไปรับออเดอร์ลูกค้าที่ลูกสาวโยนมาให้ พลางชำเลืองสายตามองลูกอย่างหมั่นไส้กับท่าทางออดอ้อนฉอเลาะกับนายตำรวจกลุ่มนี้ โดยเฉพาะกับนายตำรวจหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีอีกคน ที่ลูกสาวนั้นมองสบตาพราวระยับเชียว

เด็กสาวนำรายการอาหารที่ได้เดินไปส่งให้มารดา และกลับมาอีกครั้งพร้อมเครื่องดื่มเย็นๆที่บรรจงวางให้ธีรเดชด้วยสายตาหวานเชื่อม เปิดเผยถึงความรู้สึกพิเศษ..ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มรับจืดเจื่อน และเบนสายตาไปจดจ่อกับรายการในจอโทรทัศน์ ปล่อยให้เพื่อนๆทั้งสองพูดคุยหยอดคำหวานๆกับสาวน้อยกันไป..

ธีรเดชนั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย..จนกระทั่งถึงรายการข่าวภาคเที่ยงที่ยังคงมีแต่ข่าวอาชญากรรมต่างๆซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยถอยลงเลย..จนบางครั้ง ตัวเขาเองเริ่มรู้สึกจะชินชากับข่าวพวกนี้แล้วด้วยซ้ำซึ่งนั่น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก สำหรับเขาที่มีหน้าที่ปกป้อง ดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชน

“ทำเป็นเล่นตัวไปเถอะ..เดี๋ยวถ้าน้องเขาหันไปสนใจคนอื่นขึ้นมาแล้วจะเสียดายนะ หมวดธีร์”

เพื่อนที่นั่งข้างหันมาบอกยิ้มๆ ยามเด็กสาวคล้อยหลังไปแล้ว

“นั่นสิ..ทั้งขาว..ทั้งอึ๋มขนาดนี้..ถ้าเป็นผมนะ..ซี๊ส”นายดาบทำหน้าหื่น พร้อมขยำมืออย่างมันเขี้ยว ให้สองหนุ่มที่นั่งมองขบขันเล่น

ธีรเดชอมยิ้มและเบนสายตากลับไปยังหน้าจอโทรทัศน์ทันทีที่หูแว่วเสียงนักข่าวผู้หนึ่งกำลังสัมภาษณ์อนาวิน ถึงความคืบหน้าของคดีลอบทำร้ายผู้เป็นบิดา ซึ่งผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ทั้งๆที่เป็นคดีใหญ่..และชายหนุ่มผู้กุมอำนาจสูงสุดของไพศาลกรุ๊ปตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ประดุจว่า ตนเองเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ..ทั้งในความเป็นจริง ธีรเดชหรือแม้แต่นายตำรวจหลายคนต่างก็รู้ดีว่าตระกูลพาณิชไพศาลนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับองค์กรนี้มาตั้งแต่ครั้งอดีต และความรู้สึกนี้ยังคงแทรกซึมอยู่ในกระแสเลือดของคนตระกูลนี้จนถึงรุ่นปัจจุบัน และแม้ว่าจะมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคนที่คนในตระกูลนี้ยอมคบหาด้วยนั่นก็เป็นเพราะผลประโยชน์เกื้อกูลกันทั้งสิ้น ..แต่ไม่ว่าใครจะคิดอะไรกันเขาก็ไม่สนใจ เพราะขณะนี้ ความนึกคิดของเขาเป็นอันหยุดนิ่ง เมื่อเฟรมของมุมกล้องขยายออกกว้าง ให้เห็นถึงสองสาวที่ยืนอยู่เบื้องหลังผู้เป็นพี่ชาย..คนหนึ่งสวยเฉี่ยวให้ความรู้สึกร้อนแรง ท่าทางบ่งบอกถึงความหยิ่งทะนงตนที่มีสูงล้น ขณะที่ผู้หญิงอีกคนให้ความรู้สึกสงบนิ่ง เย็นเยือกยามได้สบสายตาคมที่ดูเหมือนจะเมินเฉยต่อทุกสิ่งรอบกาย..

‘ไม่หรอก..เธอไม่ได้เยือกเย็นดุจก้อนน้ำแข็งเลย’  ธีรเดชนึกแย้งในใจ..ทุกรสสัมผัสในค่ำคืนนั้นยังตราตรึงอยู่ในความรู้สึกไม่จางหาย ร่องรอยคมเขี้ยวจากฟันซี่เล็กๆที่ขบกัดตามลาดไหล่ ลำคอและแผงอก หรือแม้แต่รอยขีดข่วนจากคมเล็บบนแผ่นหลังของเขานั้นยังคงเหลือรอยจางๆพอให้เห็น..หรือเป็นเพราะเขา ที่ชี้นำให้เธอเป็นเช่นนั้น..

แสงสลัวของโคมไฟโอบล้อมเสี้ยวหน้าเนียนละมุนที่กำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง..ความอ่อนล้า เผยออกมายามดวงตากลมตวัดขึ้นมองสบ ริมฝีปากอิ่มเปียกชุ่มด้วยเบียร์ที่ยกขึ้นดื่มจากกระป๋องแล้วกระป๋องเล่า รอยยิ้มแกนๆราวกับต้องการปกปิดความขมขื่นที่ซ่อนไว้ในใจจากคนทั้งโลก..แต่เขาเห็นมัน!..

ความเจ็บแปลบตีตื้นขึ้นมาในอก ราวกับว่าสิ่งที่อยู่ในใจของเธอนั้น มันเป็นความทุกข์ตรมของตัวเขาเอง

และก็อดใจไม่ไหวที่จะดึงร่างแสนบอบบางนั้นเข้ามากอด.. “..คืนนี้คุณอยู่กับผม..ผมอยากให้คุณคิดถึงแต่ผมเท่านั้น..โยนทุกอย่างที่มันรบกวนจิตใจของคุณทิ้งไป..หรือจะโยนมันทิ้งลงมาที่ผมก็ได้..ผมจะยอมตามใจคุณทุกอย่าง..ทุกอย่างตามที่คุณจะบัญชา..”

และเพียงจูบเดียวที่เขาประทับลงบนริมฝีปากนุ่มแปรเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นอีกคนที่เต็มเปี่ยมด้วยความเร่าร้อน ดุร้าย กระหายสิ่งที่มาเติมเต็มไม่หยุดหย่อน..และตัวเขาเองก็พร้อมสนองเธอด้วยความเต็มใจเช่นกัน

“หมวดธีร์..หมวดธีร์..”

ธีรเดชกระพริบตาถี่ยามหันไปหาคนเรียก สายตายังมึนงงยามถูกกระชากจิตสำนึกออกจากภวังค์..และเห็นหน้าเพื่อนทั้งสองกำลังเพ่งมองมา

“กำลังคิดไม่ดีอะไรอยู่รึเปล่า..สายตาชวนฝันมากเลยนะหมวด” นายจ่าเอ่ยแซวเจือรอยยิ้ม

ชายหนุ่มแค่นยิ้ม ยอมรับแต่โดยดี

“ใช่..กำลังคิดเรื่องชวนฝันอยู่” และก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานต่อ โดยไม่สนใจจะเปิดปากขยายความให้เพื่อนร่วมอาชีพทั้งสองที่พยายามคะยั้นคะยอด้วยความอยากรู้..เพราะเรื่องชวนฝันนี้จะเป็นความลับระหว่างเขากับเธอเท่านั้น

 

ยามบ่ายของสนามฝึกซ้อมยิงปืน..โมรียายืนไม่ห่างจากร่างสูงเพรียวของเตชิต ขณะลอบปรายสายตามองเสี้ยวหน้าคมหวานที่เปี่ยมด้วยพลังของบุรุษเพศกำลังจดจ่ออยู่กับการบรรจุลูกกระสุนปืนให้เธอ และขณะที่กำลังมองเพลินๆ เสียงทุ้มกังวานก็เอ่ยออกมาโดยที่สายตาเขาก็ยังจดจ่ออยู่ ณ จุดเดิม

“คุณควรจะสนใจวิธีการใส่ลูก มากกว่าสนใจมองอย่างอื่นนะครับ” และหันมาส่งปืนให้

หญิงสาวรับเจ้าวัตถุอันตรายที่มีน้ำหนักพอสมควรมาถืออย่างระวัง พลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงระรื่น

“ช่วยไม่ได้..ก็หน้าของพี่มันน่ามองกว่าลูกปืนนี่นา” เธอโปรยยิ้มก่อนเหนี่ยวไกส่งลูกผ่านลำกล้องสู่เป้าที่เล็งไว้อย่างแม่นยำ ทั้งสามนัด

“โย่!” หญิงสาวร้องอย่างสะใจ และหันมาหาเขาพร้อมดวงตาวิบวับ “ไม่คิดจะให้รางวัลหนูเล็กบ้างเหรอ”

เตชิตลอบกลืนน้ำลาย เพราะไม่เพียงแต่สายของเธอเท่านั้นที่สื่อถึงแรงปรารถนาในตัวเขาอย่างเปิดเผย ร่างอรชรของผู้พูดยังขยับเข้ามาใกล้เสียชิดจนแทบจะสัมผัสไออุ่นผสานความหอมละมุนจากเรือนร่างนี้..และแม้ว่าเขาอยากตอบรับในท่าทีนั้นใจแทบขาด แต่สิ่งที่เขาแสดงตอบกลับไปคือความเฉยเมย ราวกับไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของเธอ

“ถ้าอยากได้รางวัล คงต้องไปเอากับคุณจิล..เพราะผมไม่มีอะไรจะให้” และเบือนสายตาหนี แสร้งมาสนใจกับปืนอีกกระบอก

โมรียาหน้าบูดทันตา เพราะเป็นอีกครั้งที่เตชิตเมินเฉยต่อความรู้สึกที่เธอเพียรพยายามแสดงออกมาถึงความรักที่มีต่อตัวเขาอย่างเปี่ยมล้น

“ฮึ! นี่เขาไม่รู้จริงๆ รึว่าโง่กันแน่นะ”

หญิงสาวหันเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องซ้อม

 

เรียวนิ้วยาวของพิมพ์ศิริจับด้ามช้อนเงินอันเล็กคนอยู่ในถ้วยกาแฟร้อนหอมกรุ่น สายตาที่ก้มมองนั้นเหม่อลอยอยู่ในภวังค์กับภาพที่ปรากฏซ้ำๆอย่างที่เธอไม่อาจต้านทานกับความระลึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเพียงชั่วข้ามคืน..แต่..สามารถทำลายกำแพงทุกอย่างที่เธอก่อร่างสร้างไว้มานานนับปี..เข้ามาหยิบยื่นสัมผัสอันแสนวิเศษที่เธอไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะได้พานพบ หรือยอมรับได้จากผู้ชายคนไหน..รอยยิ้มที่เขามีให้ ซุ่มเสียงกระซิบกระซาบยามใกล้ชิด สัมผัสอ่อนโยนทะนุถนอมราวกับเธอเป็นของล้ำค่าแสนบอบบาง ยังติดตรึงในความรู้สึก

และ...คำ ‘รัก’ ที่เขาบอกกับเธอในค่ำคืนนั้น..ฟังแล้วเหมือนกลั่นออกมาจากใจของเขาเสียเหลือเกิน..จนเธอนึกอยากให้คำพูดนั้นเป็นความจริง ทั้งๆที่รู้ดีว่า คำพูดนั้นเป็นเพียงลมปากที่เกิดขึ้นตามอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น..และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาอาจจะจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ว่าได้พูดอะไรกับเธอ..หรือกับใคร..

พิมพ์ศิริยังลอยคว้างอยู่ในความคิดคำนึง จนไม่เห็นโมรียาที่เดินมานั่งร่วมโต๊ะ และนิ่วหน้ามองเธออยู่ชั่วอึดใจก็อดรนทนไม่ได้ ยื่นมือมาดีดนิ้วเรียกสติตรงหน้า จนเธอสะดุ้งเฮือก

“นั่งเหม่อเชียว..เจ๊เป็นอะไรหรือเปล่า หมู่นี้รู้สึกจิตใจไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะ” โมรียาหลิ่วสายตาลง

“เปล่า..ก็แค่เรื่องงานน่ะ ช่วงนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ” ว่าพลางก็ยกถ้วยกาแฟที่เริ่มอุ่นขึ้นจิบ

“นั่นสิ ช่วงนี้ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา ดูชีวิตมันยุ่งเหยิงเหลือเกิน” ทั้งเรื่องคนร้าย ทั้งเรื่องพี่ชายที่ไปพันพัวกับผู้หญิงของคู่แข่งทางธุรกิจ จนเกิดเรื่องราวใหญ่โต..หรือแม้แต่หัวใจของเธอ มันก็แสนจะยุ่งเหยิงและมืดมน

 

อนาวินดูนาฬิกาก่อนบรรจุกระสุนเพื่อซ้อมยิงเป็นชุดสุดท้าย..

ครูฝึกเข้ามายืนข้างกาย เมื่อชายหนุ่มยิงเสร็จแล้ว เขาก็เอ่ยชม

“คุณยิงแม่นมากนะครับ..สนใจจะลงแข่งทีมชาติไหมครับ”

ชายหนุ่มแค่นยิ้ม

“ถ้าผมมีเวลาว่างมากกว่านี้ ก็อาจจะสนใจ..วันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ครับ..แล้วพบกันใหม่”

 

ครูฝึกบอกและมองจนร่างสูงเพรียวเดินนำลูกน้องคู่ใจพ้นไปจากห้องแล้ว เขาก็หันกลับมามองยังปลอกกระสุนที่หล่นมาจากปืนของอนาวินเมื่อครู่ ก่อนจะชำเลืองสายตาไปยังกล้องวงจรปิดที่เขารู้ดีว่าติดตั้งอยู่มุมไหน..ในอึดใจต่อมา เรือนร่างหนาใหญ่เคลื่อนกายมาบดบังสายตาของกล้องไม่ให้จับได้ว่า มือข้างหนึ่งใช้ผ้าเช็ดหน้าหยิบปลอกกระสุน ก่อนจะส่งมันลงกระเป๋ากางเกง และเลี่ยงเดินออกไปจากห้อง เพื่อส่งต่อให้กับอีกใครบางคนที่กำลังรออยู่

...........................................

จบบทที่๑ค่ะ

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว