"บอสมาได้ไง"
"พี่อยู่ที่ทำไมผมจะไม่รู้ แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์ผมเลยล่ะครับ"
"กลับไปเถอะ"
เพลิงสะบัดตัวออกจากการโอบกอดของอีกคน เขาขยับตัวออกห่างเพื่อเว้นระยะให้เหมาะสมสำหรับตัวเองและคนชื่อบอส
"พี่เพลิงยังไม่หายโกรธผมเหรอครับ"
"พี่ไม่ได้โกรธ แต่พี่แค่อยากให้เราจบกันได้แล้ว"
เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่เพลิงได้พูดตัดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบอส ตั้งแต่วันที่เขาเห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนนอนเปลือยอยู่บนเตียงโดยที่ทั้งแผ่นหลังมีรอยข่วนรอยกัดเต็มไปหมด เสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่บนพื้นและยังมีถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วตกอยู่ มันก็เดาได้ไม่ยากว่าคนของเขาได้ทำอะไรในห้องนี้บ้าง
"พี่เพลิงก็รู้ว่าผมไม่ยอม พี่แค่บอกผมมาว่าพี่ไม่ชอบอะไรผมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ ถ้าเป็นเรื่องวันนั้นผมขอโทษมันจะไม่เกิดขึ้นอีก ผมสัญญา"
"บอสไม่ต้องทำเพื่อพี่ขนาดนั้น แล้วก็ปล่อยพี่ด้วย"
เพลิงขัดขืนจากอ้อมแขนของชายหนุ่มอีกคน เขาไม่เคยรู้สึกอึดอัดจนอยากหายตัวไปแบบนี้มาก่อนเพราะสายตาของอรัณที่มองอยู่ตอนนี้ จนเขาไม่กล้าสบตากับเธอตรงๆ
"ผมขอโทษ"
"พี่ไม่ได้โกรธ แต่เราต่างคนต่างไปเถอะนะ"
"ผมรักพี่เพลิง พี่เพลิงก็รู้"
"แต่พี่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับบอสแล้ว"
"ขอตัวก่อนนะ"
บทสนทนาของคนทั้งสองถูกขัดด้วยอรัณ เธอลุกขึ้ยยืนเต็มความสูงแล้วพูดบอกคนทั้งสองที่คุยกันอยู่ เธอพึ่งนึกได้ว่าตัวเองเป็นคนนอกและควรปล่อยให้ทั้งคู่คุยเรื่องส่วนตัวกันไป ก่อนที่จะเดินพ้นบริเวณสระน้ำเพื่อลงบันไดไป คำถามตัดพ้อที่ดังไม่มากออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้มาใหม่ ที่บังเอิญหูได้ยินเข้า
"หรือพี่มีคนใหม่"
"....."
"ถ้าพี่ยัง..."
"ใช่ พี่มีคนใหม่รู้สึกกับเขามาสักพักแล้ว"
เพลิงตั้งใจพูดให้คนที่กำลังจะเดินจากไปได้ยินด้วย เขามั่นใจว่าอรัณได้ยินแน่นอน สำหรับความสัมพันธ์ของเขาและบอส ไม่ใช่ว่าเขาไร้ใจหรืไม่เคยรักชายหนุ่มเลย แต่ขาก็ไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกนั้นมันได้หายไปจากใจ อาจจะตั้งแต่ฝันถึงคนหน้าเหมืนกับอรัณ หรือหลังจากนั้นก็ไม่อาจรู้ แต่ความรู้สึกที่ควรจะเสียใจเพราะแฟนนอกใจกลับไม่มีเลย และไม่ได้รู้สึกโกรธบอสเลยแม้แต่นิด กลับกลายเป็นว่าต้องการหนีห่างและจบความสัมพันธ์ให้มากที่สุด
"ผมไม่เชื่อ พี่อย่าเอาเรื่องนี้มาอ้างเพื่อกันผมออกเลย"
"แล้วแต่บอสจะคิด"
"ผมไม่มีวันยอมหรอก พี่ยังรักผมอยู่เราจะกลับมาคืนดีกันแน่นอน"
"กลับไปเถอะ"
เพลิงพูดอีกครั้งอย่างเหนื่ยใจ และบอสก็ยอมจากไปแต่โดยดี เขารู้ว่าบอสไม่ยอมตามที่พูดแน่นอน แต่สิ่งที่น่าหนักใจมันต่อจากนี้มากกว่า เพราะอรัณที่มารับรู้เรื่องความหลังของเขากับแฟนเก่าย่างบอส มันทำให้เขาเข้าหาเธอยากขึ้นไปอีก มันอาจจะดูเชื่อยากหรืแทบจะเชื่อไม่ได้เลยว่าเพลิงรู้สึกกับอรัณในแบบไหน เพราะทั้งเพศสภาพของเพลิงอาจทำให้อรัณคิดว่าเธอกำลังถูกปั่นหัวเล่นอยู่ มันไม่ง่ายที่จะขอสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบของความรักได้เลย เหตุการณ์เมื่อครู่ยิ่งทำให้เขาคิดไม่ตก สิ่งที่เขาแคร์อย่างเดียวคืออรัณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าอรัณรู้แบบนี้แล้วเขายังจะมีโอกาสอยู่หรือไม่ ระหว่างทางกลับห้องอรัณก็ได้เดินมาเจอกับฮันเตอร์และซุปเปอร์ที่ดูเหมือนกำลังประลองฝีปากกันมาตามทางอย่างดุเดือด
"อ่าว พี่เพลิงล่ะ"
"คุยกับผัวอยู่ข้างบน แล้วไอ้โมล่ะ"
อรัณตอบซุปเปอร์แล้วถามหาคนตัวเล็กอีกคนที่หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
"อยู่ในห้อง เข้าห้องน้ำอยู่"
"เออ กลับแล้วนะ กูไปส่งไอ้โมเอง"
"อ่าว กูว่าเสร็จแล้วจะพาไปกินข้าว"
"เอาไว้วันหลังแล้วกัน พรุ่งนี้กูไปหาแม่" อรัณตบบ่าซุปเปอร์เบาๆ
"ยังไงก็กราบขอบพระคุณมึงมากนะครับคุณหนูรัณ ฝากสวัสดีแม่ด้วย"
อรัณโบกมือลาเพื่อนและหันไปไหว้ลาฮันเตอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ
"เฮ้ย ไม่ต้องไหว้พี่ก็ได้ กลับดีๆนะครับ"
"ค่ะ"
"ไหว้เหี้ยทำไม"
"คนอะไรมีผัวเป็นเหี้ย" ฮันเตอร์ไม่คิดถือสาคำพูดคำจาของอีกคน
“ไอ้เปอร์มันชอบเหี้ยๆค่ะ"
อรัณยิ้มน้อยๆส่งให้ฮันเตอร์อีกครั้งเป็นการบอกลา แล้วเธอก็เดินแยกจากทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะเปิดศึกกันอีกครั้ง เมื่อเข้าห้องมาเธอก็เจอโมจินั่งหันหลังให้อยู่บนโซฟาตัวเดิม ฝีเท้าเดินปกติได้เปลี่ยนเป็นย่องเบาๆเข้าไปหาอีกคน เธอโอบกอดโมจิจากทางด้านหลัง เล่นเอาคนที่นั่งเหม่อไม่ทันได้ตั้งตัวตกใจสะดุ้ง แล้วรีบหันไปมอง
"รัณ"
"ตาแดงๆ เป็นไร"
"ปะ เปล่า..หาวบ่อยน่ะ"
"เออๆ"
"แล้วนี่ถ่ายเสร็จแล้วเหรอ"
โมจิเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่ออรัณดูเหมือนจะจับพิรุธได้ เขาพยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติมากที่สุดและพยายามไม่ให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลลงมา
"อือ ไอ้เปอร์มันขึ้นไปเก็บของต่อ เดี๋ยวกูส่งมึงกลับบ้านแล้วกัน"
อรัณเดินไปหยิบกุญแจกรถและกระเป๋าเงินก่อนจะเดินมาหาโมจิ เธอยืนมือออกไปให้เพื่อน คนตัวเล็กรู้งานดีส่งมือจับตอบแล้วลุกขึ้น
"โอเค เราก็อยากกลับบ้านแล้วอะ"
"ป่ะ"
"ไม่บอกเปอร์ก่อนเหรอ" คนตัวเล็กรั้งแขนอรัณไว้ก่อนออกจากห้อง
"บอกให้แล้วน่า"
"โอเคๆ"
สวนกุหลาบขาวปกคลุมไปด้วยความเงียบสงบและร่มรื่น ดอกกุหลาบสีขาวสะอาดเบ่งบานสะะรั่งราวกับรับรู้ว่าจะมีแขกมาเยือน มันจึงบานต้อนรับแขกคนสำคัญ ในมือของอรัณมีดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ดอกหนึ่ง เธอถือมันอย่างถนอมและคนที่เดินเคียงข้างมาก็มีอยู่ในมือ แต่เป็นกุหลาบสีแดงเพียงดอกเดียวเช่นกัน
เท้าทั้งสองคู่หยุดอยู่หน้าแท่นหินอ่อนสูงเทียบอกที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวนดอกกุหลาบแห่งนี้ บนแผ่นหินมีเพียงชื่อที่สลักด้วยภาษาอังกฤษอยู่ แผ่นหินเรียบแต่ดูสวยสง่าตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นและต้นไม้น้อยใหญ่รอบๆ แม้ทั้งคู่จะได้เข้ามาเพียงปีละครั้ง แต่สวนแห่งนี้ก็ถูกดูแลโดยคนงานของตระกูลมาโดยตลอดไม่มีเว้นห่างให้พืชพรรณที่ไม่ต้องการขึ้น หรือปล่อยให้รกร้าง
"รันจะไปไหนต่อไหมลูก"
"ยังไม่รู้เลย คุณชายมีอะไรรึเปล่าคะ"
"ถ้าเป็นไปได้ก็อยู่บ้านนะ ไม่งั้นเย็นๆก็กลับมากินข้าวกับป๊า"
"หือออ ป๊ามีอะไรรึเปล่า"
สองพ่อลูกนั่งคุยกันบนเก้าอี้นั่งสีขาวเยื้องๆไปจากแท่นหิน เก้าอี้ตัวนี้ถูกใช้ทุกครั้งเมื่อทั้งคู่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ ราวกับว่าเขาทั้งคู่กำลังใช้เวลาแห่งครอบครัวร่วมกันอยู่ บทสนทนาต่างๆเริ่มขึ้นและจบลงไปหลายๆเรื่อง เรื่องราวชีวิตประจำวันหรือเรื่องต่างๆถูกแชร์ให้กันและกันฟังเหมือนกันแบ่งปันให้คนที่ไม่สามารถคุยด้วยรับรู้ไปด้วย
"ป่าวววว ผมก็แค่อย่กกินข้าวกับลูกสาวคนสวยบ้างไง"
"แค่นั้นจริง?" "ที่จริงวันนี้ก็จะมีแขกมาร่วมโต๊ะด้วย"
"เอ้า ทุกทีป๊ามีแขกรันไม่เห็นต้องร่วมโต๊ะเลยนี่"
หญิงสาวถามคนเป็นพ่อด้วยความข้องใจ เพราะพ่อของเธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่ใช่พวกเข้าสงคมแนวนี้อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เธอเดาไม่ถูกจริงๆว่าเพราะอะไรการพบปะครั้งนี้จำเป็นต้องมีเธอร่วมอยู่ด้วย
"แต่คนนี้ไม่ได้ไง นะคะคนเก่งของป๊า"
"โอเค งั้นวันนี้รันนอนบ้านนี่แหละ”
“งั้นกลับกันเลยไหม ป๊ามีประชุมต่อบ่ายนี้”
“โอเคค่ะ”
รถหรูสีดำเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณหน้าสวนไม่นานก็มีรถตู้สีดำอีกคันขับเข้ามาจอดเทียบที่เดิมของรถคันก่อน แต่ผู้ที่ลงมาจากรถนั้นไม่ใช่คนเดิมแต่อย่างใด
"ตาเพลิงลงมาเร็วเข้าสิ"
"ทำไมต้องลากเพลิงมาด้วยเนี่ย"
"นี่ เขาเป็นคนสำคัญของหม่ามี๊ น้องเพลิงต้องให้เกียรติเขาสิลูก"
"ค่ะๆ เราจะเข้าไปกันได้รุยังคะหม่ามี๊"
"ลุงเขียนรออยู่นี่แหละจ้ะ ดิฉันเข้าไปไม่นาน"
"ครับคุณหญิง"
สิงแม่ลูกเดินเทียบกับเข่าไปยังสวนกุหลาบขาว ทั้งคู่รับรู้ได้ถึงความสงบจากธรรมชาติรอบๆและบรรยากาศที่เงียบสงบ สองแม่ลูกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างดึงดูดสายตาเพลิงไปหมด จนกระทั่งเดินมาถึงแผ่นหินอ่อนกลางสวนที่มีดอกกุหลาบาสองดอกวางอยู่ คุณหญิงดุษฏีส่งยิ้มให้กับแผ่นหินนราวกับทักทาย และหันไปคุยกับคนข้างๆที่ยืนมองแผ่นหินนั้นอยู่
"เย็นนี้น้องเพลิงมีดินเนอร์กับหม่ามี๊นะคะ"
"ไหนแขกป๊าล่ะ เมื่อไหร่จะมา"
"เดี๋ยวก็คงมาแหละ"
สองพ่อลูกคุยกันไม่นานก็ได้ยินเสียงรถมาจอดเทียบหน้าบ้าน บนโต๊ะอาหาร เรียงรายไปด้วยอาหารคาวหวานและอาหารโบราณหลายชนิด มันเป็นธรรมดาของบ้านเมื่อมีแขกมาเยือน แต่ครั้งนี้แปลกไป เพราะมีอรัณนั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วย นานเท่าไหร่จำความไม่ได้ว่าเธอไม่เคยร่วมโต๊ะอาหารของแขกของผู้เป็นพ่อเลย ถ้าจะมีก็เป็นแค่การกินข้าวระหว่างพ่อกับลูกเพียงสองคน แต่ครั้งนี้มันแปลกจริงๆ
"คงมาแล้วล่ะ"
"ป๊าเหงื่อแตกนะ ร้อนเหรอ"
"แห่ะๆ คงงั้น"
"ขอโทษที่ต้องให้รอนะคะ"
เสียงแหลมที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเรียกสายตาจากสองพ่อลูกให้หันไปมอง อรัณชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นนายแบบรุ่นพี่ของซุปเปอร์เดินขนาบข้างมากับผู้หญิงในชุดเดรสยาวสีครีมที่มีแม่บ้านเดินนำคนทั้งคู่เข้ามายังห้องรับแขกของบ้าน
"ไม่เป็นไรๆ เชิญคุณหญิงครับ"
"กรี๊ด ให้ตายเถอะหนูรัณของป้า"
เสียงแหลมร้องหวีดขึ้นมาพร้อมกับเจ้าของหุ่นเพรียวในชุดเดรสยาววิ่งตรงมาหาอรัณที่นั่งหน้าเหวอทำอะไรไม่ถูก แม้ชุดยาวจะเป็นอุปสรรคในการวิ่งของเธอ แต่สุดท้ายคุณหญิงเสียงแหลมก็มาถึงตัวอรัณจนได้ เธอกอดรัดอรัณอย่างรักใคร่จับนู่นจับนี่สำรวจไปเรื่อย
"โตเป็นสาวแล้วหนูรัณของป้า ได้พ่อมาเยอะเหลือเกิน"
“อ่า...สวัสดีค่ะ”
“นี่คุณหญิงวิลา และพี่เพลิง เพื่อนแม่ลูกสมัยลูกเด็กๆ ส่วนพี่เพลิงก็เพื่อนลูกสมัยเด็กๆลูกคงจำไม่ได้แล้ว”
“อู๊ยยย ไม่ต้องไหว้ป้า..อุ๊ยไม่สิ ต้องเรียกแม่สินะ ไม่ต้องไหว้แม่ก็ได้จ๊ะ”
อรัณเหลือบตาไปมองยังตุลการณ์อย่างไม่เข้าใจและขอความช่วยเหลือ พลันสายตามองเลยไปยังเพลิงที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูดังเดิม ดวงตารีตับจ้องมาที่เธอราวกับตกอยู่ในภวังค์จนคุณหญิงต้องไปลากมายังที่นั่งด้วยตัวเอง
"แหมม มองกันแบบนี้คงจำกันไม่ได้แล้วแน่ๆเลย ใช่ไหมน้องเพลิง" คุณหญิงวิลาหันไปพูดกับลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
"ก็หลายปีมาแล้วนะครับ คงจะลืมๆกันไปบ้าง" ตุลการณ์หันไปคุยกับคุณหญิงอย่างเป็นกันเอง
"แหม ตอนคิดถึงตอนทั้งคู่เป็นเด็ก ติดกันแจเลยนะคะ"
“นั่นสินะครับ แล้วคุณไตรล่ะครับ”
“คุณพี่ไปดูงานต่างประเทศน่ะค่ะ กลับมาอีกทีก็อาทิตย์หน้านู่นเลย ดิฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะที่อดรนทนรอไม่ไหวแล้ว”
อรัณรู้สึกแปลกๆกับรอยยิ้มของคุณหญิงที่ส่งมาให้เธอ ไหนจะสายตาของเพลิงที่เอาแต่จับจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตาอีก กลายเป็นว่าอรัณไม่กล้าแม้แต่กระดิกตัวทำอะไรเลย
“แหะๆ ผมยังไม่ได้บอกอรัณไว้ล่วงหน้าเหมือนกันครับ”
"น้องเพลิงก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ ดิฉันกะว่าจะมาเซอร์ไพรซ์วันนี้ โอกาสเป็นใจจริงๆ”
“คุณหญิงเป็นฝ่ายพูดดีกว่าครับ”
คุณหญิงวิลาวางช้อนและมีในมือลงข้างจาน สองมือบางยกขึ้นมาผสานกันไว้บนโต๊ะ เธออยู่ในท่าทางวางมาก และเอ่ยเสียงเรียบ ฟังดูแล้วเฉียบขาด
“วันนี้ ลูกทั้งสองจะต้องหมั้นหมายกัน”
"คะ?"
"เอ่อ...รัณลูก"
"หม่ามี๊ พูดอะไรน่ะ"
ทั้งเพลิงและอรัณออกเสียงทักท้วงแทบจะทันที สีหน้าของทั้งคู่บ่งบอกว่าตกใจมากมายขนาดไหนกับสิ่งที่ได้ยิน มีเพียงคุณหญิงวิลาที่นั่งยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวอยู่ผู้เดียว ส่วนตุลการณ์ที่นั่งหน้าเครียดไม่ต่างจากอรัณเอาแต่จับตามองอาการของอรัณเอาไว้อย่างเป็นห่วง
"สองตระกูลเราคุยเรื่องนี้กันมานานแล้ว ว่าจะให้ลูกทั้งสองหมั้นกัน" ตุลการณ์พูด
"ใช่แล้วจ๊ะ โดยทั้งคู่ไม่มีสืทธิ์โต้แย้งใดๆทั้งสิ้น"
คำพูดของผู้ใหญ่ทั้งสองคนได้ดูดดึงเอาสติของอรัณหลุดลอยไปไกลแล้ว ไม่มีบทสนทนาใดๆหลุดออกมาจากริมฝีปากบาง คิ้วสวยขมวดแน่น ดวงตาเหม่อลอยเอาแต่นั่งจ้องจานข้าวอย่างเดียว เช่นเดียวกับเพลิงที่เอาแต่นั่งมองอรัณไม่วางตา ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ไม่ว่าจะตกใจหรือดีใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดูรวดเร็วไปหมดจนไม่ทันได้ตั้งตัว ส่วนอรัณคงช็อคเข้าขั้น เพราะดูจากอาการแล้วน่าจะหนักหนาเอาการ
"และนี่แหวนหมั้นของลูกทั้งคู่"
กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มสองกล่องถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว มันไม่อาจดึงความสนใจของอรัณไว้ได้นาน เธอเหลือบตามองมันอยู่คู่หนึ่งแล้วดึงสายตากลับมายังจานข้าวดังเดิม ทำไมถึงรู้สึกว่าเมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดมีขนาดเท่ากันและเรียงรายกันอย่างสวยงามเหลือเกิน
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยังคุยกันไปเรื่อยๆ โดยมีเพลิงและอรัณเป็นเพียงฉากประกอบ เพราะทั้งคู่ไม่มีใครปริปากหรือพูดอะไรออกมาเลย จนกระทั่งเป็นอรัณที่เอ่ยขึ้นมา
"รัณ....ขอตัวนะคะ"
และร่างโปร่งก็เดินจากไปอย่างล่องลอยขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน คนเป็นพ่อได้แต่มองตามไปอย่างเป็นห่วง อรัณคงทีเรื่องคุยกับเขายาวแน่ๆ
"เธอคงตกใจมากน่ะค่ะ หนูเพลิงก็น่าจะเหมือนกันนะคะ เงียบเชียว
.............................................................................................
ลงนิยายแต่ละที ไมเกรนจะขึ้น งงไปหมด หัวร้อนเด้อออ5555
มาเเล้ววววววว มาต่อชิ้นส่วนแสนน้อยนิดแต่มีความสำคัญให้แล้วนะคะ
พรุ่งนี้มาลงตอนใหม่ให้นะคะ ไม่เบี้ยวแน่นอน สัญญาเลยยย