ตอนที่42
หลังจากที่เมธวัจน์พาอิงอัปสรไปรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาเด็กสาวไปไหว้พระขอพรที่วัดพระใหญ่ ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแถบนั้น จากนั้นก็พาไปล่องเรือชมทัศนียภาพและเลือกซื้อของฝากที่ตลาดน้ำสี่ภาค พาไปชมพิพิธภัณฑ์ภาพจิตรกรรมสามมิติ พาไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของช้างไทยที่หมู่บ้านช้างพัทยา พอเริ่มตกเย็นก็พาเด็กสาวตระเวนหาอาหารอร่อยๆลงท้องจนอิ่มแปล้ กะเวลาว่าทางรีสอร์ทจัดเตรียมตามที่เขาสั่งไว้เรียบร้อยแล้วจึงเดินทางกลับที่พัก
เมื่อมาถึงที่พักคนทั้งคู่ก็พบว่าท้องฟ้ามืดสนิท พอก้มดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลากว่าสองทุ่มครึ่ง เมธวัจน์ให้สมปองกับนายสมานช่วยกันขนของที่ซื้อมาเข้าไปเก็บ ส่วนตัวเขาก็จูงมือเด็กสาวเดินไปทางด้านหลังของบ้านพักที่มีสะพานทอดยาวจากตัวบ้านยื่นลงไปในน้ำทะเล
“ เอ๊ะ! ทำไมคุณพ่อไม่พาน้องอิงเข้าไปข้างในล่ะคะ พามาด้านหลังทำมะ… ว้าว! ” อิงอัปสรที่เดินตามแรงจูงของร่างสูงมาด้วยความสงสัยไม่ทันถามจบ ก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นแกมประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น เมธวัจน์พาเด็กสาวเดินไปบนสะพานที่ประดับประดาด้วยดอกไม้สีขาวและตะเกียงเจ้าพายุตลอดสองข้างทาง
อิงอัปสรที่กำลังให้ความสนใจกับดอกไม้และตะเกียงเจ้าพายุเดินตามแรงจูงของเมธวัจน์ไปอย่างเผลอไผล เมื่อเดินไปถึงปลายสุดของสะพานพลันได้ยินเสียงพลุ เด็กสาวสะดุ้งตกใจรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง บนท้องฟ้าที่มืดมิดปรากฎพลุดอกไม้ไฟหลากสีอย่างต่อเนื่อง ดูอร่ามละลานตา พลุไฟดอกสุดท้ายที่ถูกจุดขึ้น ปรากฎเป็นรูปหัวใจ ที่มีคำว่า ‘ Love ’ อยู่ตรงกลาง
เด็กสาวไม่รู้ว่ามือหนาปล่อยจากการกอบกุมมือบางของเธอไปตั้งแต่เมื่อไร เพราะในตอนที่หันกลับไปหา เธอก็พบว่าร่างสูงลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นสะพานเเล้ว กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกง มือหนาเปิดกล่องอย่างช้าๆ เผยให้เห็นแหวนเพชรน้ำงามดีไซน์น่ารักวงหนึ่งที่วางอยู่ข้างใน
“ คุณพ่อรู้... ว่าการแต่งงานคงจะเร็วเกินไปสำหรับน้องอิง แต่คุณพ่อก็อยากจะให้ทุกคนได้รู้ว่าน้องอิงมีเจ้าของแล้ว เลยจะขอหมั้นเอาไว้ก่อน รอจนน้องอิงพร้อมแล้วค่อยแต่งงานกันนะครับ ”
คำพูดง่ายๆแสนราบเรียบกลับทำให้อิงอัปสรตื้นตันอย่างที่สุด ตาคู่คมที่จ้องมองมาพาให้หัวใจดวงน้อยๆสั่นไหว ความรู้สึก ณ ตอนนี้เกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แค่ขอหมั้นยังตื่นเต้นดีใจขนาดนี้ แล้วถ้าตอนขอแต่งงานจริงๆมันจะขนาดไหนกันนะ สาวน้อยอดที่จะวาดฝันถึงอนาคตที่เเสนสวยงามไม่ได้
เธอมองชายตรงหน้า ภาพที่คุณแม่พาเขามาที่บ้านพลันแวบเข้ามาในหัว...
มันเป็นการเจอกันครั้งแรกของเราสองคน เธอที่ยังเป็นเพียงเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองสบตากับดวงตาคมที่เธอรู้สึกว่าแลดูมีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด แม้ว่าในตอนนั้นเธอจะได้ยินเสียงของคุณแม่ ที่กำลังแนะนำให้รู้จัก และบอกให้เธอเรียกเขาว่า ‘ คุณพ่อ ’ แต่เชื่อไหม ว่าเธอไม่ได้ละสายตาไปไหนเลย จ้องมองเพียงแค่เขา ผู้ชายที่ติดตาเธอตั้งแต่แรกเจอ...
หลังจากที่คุณเเม่พาเธอย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกันกับคุณย่ารุจีและคุณพ่อคนใหม่ เด็กหญิงอิงอัปสรตัวน้อยๆก็ได้รับความรักความเอ็นดูจากทุกคนในบ้าน ยกเว้นก็เเต่คุณพ่อคนใหม่ที่ไม่เอาอกเอาใจเธอเหมือนใครๆ เธอที่ยังเป็นเพียงเด็กน้อยรู้สึกไม่พอใจ เเละเพื่อให้ได้ความรักจากพ่อเมธ เธอถึงต้องออดอ้อนสารพัด บางที… เธออาจจะเป็นเด็กสาวที่แก่แดดที่สุดในโลกก็เป็นได้
“ ค่ะ น้องอิงจะหมั้นกับคุณพ่อ รอจนเรียนจบ เเล้วเราจะแต่งงานกัน ” เสียงหวานสั่นเครือเอ่ยตกลง ตั้งแต่วันวานจวบจนปัจจุบัน เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อเมธจะรุดหน้ามาไกลถึงขนาดนี้
เมธวัจน์ที่คุกเข่าอยู่รวบเอวบางเข้ามากอด ใบหน้าคมเเนบกับหน้าท้องแบนราบอย่างดีใจ สถานะทางสังคมระหว่างเขาและเด็กสาวชัดเจนขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ไม่ได้เป็นพ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยงอีกต่อไป ตั้งเเต่นี้ทุกคนจะได้รู้ว่าพวกเขาเป็นคู่หมั้นกัน และในอนาคก็จะเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า เขาสัญญาว่าจะรักและไม่ทอดทิ้งเด็กสาวตรงหน้าอย่างแน่นอน
เมธวัจน์ค่อยๆผละใบหน้าออกจากท้องแบนราบแล้วเอ่ยบอก
“ รอจนน้องอิงเรียนจบ คุณพ่อจะไปขอน้องอิงจากคุณแม่ของน้องอิงอย่างเป็นทางการนะคะ ขอให้น้องอิงมาอยู่ด้วยจนชั่วชีวิต ” มือใหญ่จับมือเล็กมากุมไว้แล้วสวมแหวนหมั้นให้ที่นิ้วนางข้างซ้าย เงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสวย ริมฝีปากอุ่นร้อนจรดจูบบนหลังมือที่หอมกรุ่น
อิงอัปสรมองชายหนุ่มจูบหลังมือตัวเองด้วยใบหน้าที่แดงสุกปลั่ง มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นประคองใบหน้าคมเอาไว้ในอุ้งมือ สายตาสบกันอย่างสื่อความหมาย ‘ รัก ’ คือคำที่ทั้งคู่พูดกันผ่านสายตา เข่าเล็กค่อยๆย่อลงจนอยู่ในท่าคุกเข่าบนพื้นสะพานแบบเดียวกันกับร่างสูง และเพราะตัวเตี้ยกว่าจึงต้องยืดตัวขึ้นให้ริมฝีปากอยู่ในระดับเดียวกัน เด็กสาวทาบทับริมฝีปากของตัวเองลงบนปากหนาที่จูบตอบกลับมาด้วยความรักและสิเน่หา เนิ่นนาน
เมธวัจน์และอิงอัปสรผละจูบออกจากกัน ทั้งคู่ยืนขึ้นและหันหน้าไปมองยังทะเลที่เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา ร่างใหญ่ยืนซ้อนร่างเล็ก สองแขนแกร่งสวมกอดเอวบางจากด้านหลัง ท่ามกลางแสงของตะเกียงเจ้าพายุ แสงพระจันทร์เสี้ยว และเสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้าหาฝั่งพลันได้ยินเสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอก
“ คุณพ่อรักน้องอิงนะคะ รักที่สุด ”
“ น้องอิงก็รักคุณพ่อค่ะ รักที่สุด ”
เมธวัจน์ยิ้มรับคำบอกรักของเด็กสาวที่ตอบกลับมาอย่างดีใจ แขนแกร่งทั้งสองข้างช้อนร่างบางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมเเขน
“ อุ๊ย ” เด็กสาวร้องด้วยความตกใจ แล้วถามต่อ “ นี่คุณพ่อจะทำอะไรคะ ”
“ ถึงจะยังไม่ได้แต่งงานกันเป็นทางการ แต่เราก็หมั้นกันแล้ว ฉะนั้นตอนนี้เราจะไปซ้อมเข้าหอกันค่ะ ซ้อมไว้ พอถึงวันจริงน้องอิงจะได้ชำนาญ ” ว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตยกอ้างเหตุผลขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ สาวเท้าพาร่างเล็กในอ้อมแขนกลับไปที่บ้านพัก พาเข้าสู่ห้องนอนที่จะกลายเป็นห้องหอจำลองในค่ำคืนนี้
“ อ๊ะ! ไม่ได้นะ น้าสมปองกับลุงสมานพักอยู่ห้องข้างๆ เดี๋ยวสองคนนั้นก็ได้ยินหรอก รู้จักอายคนอื่นเขาบ้างสิตาแก่นี่ ” อิงอัปสรโวยวาย กลัวว่าคนขับรถทั้งสองจะได้ยินยามประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะ
“ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ สองคนนั่นไม่อยู่หรอก คุณพ่อสั่งให้ไปพักที่อื่นแล้ว พรุ่งนี้เช้าถึงจะกลับมา แล้วตาเเก่คนนี้เเหละที่จะพิสูจน์ให้น้องอิงเห็นเอง ว่าถึงจะเเก่เเค่ไหนก็ยังเเรงดีไม่มีตกเเน่นอน ” เมธวัจน์บอกอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาวางแผนมาตั้งแต่ตอนที่น้องอิงบอกว่าอยากจะมาเที่ยวทะเลแล้ว เรื่องอะไรจะยอมให้สองคนนั้นมาอยู่ขัดขวางแผนห้องหอจำลองของเขากันล่ะ ไม่มีทางเสียหรอก
ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน ภายในห้องนอนของบ้านพักหลังน้อยแว่วเพียงเสียงครวญครางและกระซิบกระซาบบอกรักกันของหนุ่มใหญ่และสาวน้อยวัยแรกแย้ม เมธวัจน์เฝ้าปรนเปรอให้เมียเด็กด้วยความรักและทะนุถนอม
ย้อนกลับไปในวันแรกที่เจอกัน ในวันนั้นเขาเพิ่งจะเข้าใจว่าเหตุใดตัวเขาถึงได้ครองโสดอยู่หลายปี ไม่ยอมลงหลักปักฐานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น แวบแรกที่ได้สบตากับดวงตาใสแจ๋วไร้เดียงสาของเด็กน้อย หัวใจที่เฉยชาพลันเต้นแรง รู้สึกเหมือนได้พบเจอกับคนที่ใจรอคอยมานานแสนนาน ใครไหนเลยจะคาดคิดว่าคาดสโนว่าอย่างเขาจะตกหลุมรักเด็ก คนอื่นจะประนามอย่างไรเขาก็ไม่สน เขารู้เเค่ว่า ‘ เนื้อคู่ของเขาเพิ่งเกิดและเติบโตได้เพียงไม่กี่ขวบปีเท่านั้น ’
จบบริบูรณ์
---------------------------------------------------------------------
อ่านมาถึงตัวอักษรที่เป็นพิมพ์หนา ซึ่งอยู่ก่อนเส้นกั้น
เชื่อว่าคงมีหลายคนเเอบตกใจ นี่มันจบเเล้วเหรอ!
จะบอกว่าจบเเล้วค่ะ เเต่...
จบบริบูรณ์ เเบบที่ยังไม่บริบูรณ์จริงๆ เอ๊ะ! ยังไง
.
.
.
ไว้เจอกันในตอนพิเศษนะจ้ะ
ปล. เรื่องนี้ไม่ใช่นิยายเรื่องเเรกที่เเต่ง เเต่เป็นเรื่องเเรกที่จบ 55555555
( เรื่องเเรกที่เเต่ง คือ เรื่องลิขิตรักซาตาน ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเเก้ไขเนื้อเรื่องเเละลงใหม่ )
ยอมรับจริงๆว่าตัวเองยังมีฝีมือและสกิลที่ไม่ดีพอ
บางช่วงอาจอ่านเเล้วติดๆขัดๆ ไม่สมเหตุสมผลบ้าง
ออกทะเลไปบ้าง เเต่อยากบอกทุกคนว่า ขอบคุณที่เลือกเปิดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้
ขอบคุณที่ให้โอกาสเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง? ที่ฝันอยากเเต่งนิยายของตัวเองให้คนอื่นได้อ่าน
ขอบคุณที่ตามอ่านเเละอยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้ ( วันที่เขียนนิยายจบ )
ขอบคุณสำหรับทุกการกดไลค์ คอมเมนต์ และยอดเหรียญที่สนับสนุน ขอบคุณจริงๆค่ะ
ด้วยรัก
พระจันทร์เสี้ยว