Complex Love 1
- Sakuya Aika -
หลังจากนั้นผมหยุดเรียนติดต่อกันหลายวัน ระหว่างนั้นอาจารย์ริวซากิก็โทรมาถามไถ่อาการและพักเรื่องการลงโทษเอาไว้จนกว่าผมจะรู้สึกดีขึ้น ผมโผล่หน้ามาโรงเรียนอีกทีก็เช้าวันจันทร์เลย
ฮ้าวววว!~
ผมอ้าปากหาวเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมาที่ล็อกเกอร์รองเท้าอย่างขี้เกียจ
“เอย์จิ”
“หือ... ยูกิ”
พอหันไปมองตามเสียงเรียกก็เห็นยัยนั่นเข้าพอดี ยูกิรีบเดินมาหาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“นายหายดีแล้วเหรอ”
“อื้ม”
ยัยนั่นแวะไปเยี่ยมผมที่บ้านมาช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็เลยรู้เรื่องที่ผมบาดเจ็บ นอกจากนั้นผมยังโดนบ่นจนหูชาที่ไปมีเรื่องกับมิชิโอะผู้ชายที่ยัยนั่นชอบอีก ...แต่ผมไม่ได้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ยัยนั่นฟังหรอก ไม่สิ ความจริงผมไม่อยากพูดถึงมันมากกว่า
“เห... แผลบนหน้าหายเกือบหมดแล้วหนิ”
“อืม แม่ช่วยหายามาให้ทาน่ะ”
“ดีจังเลย อ๊ะ! ฉันลืมไปว่าการบ้านยังไม่เสร็จ ไปก่อนนะเอย์จิแล้วเจอกันที่โรงอาหารตอนเที่ยง”
“อืม”
ยูกิรีบวิ่งออกไปทันทีผมมองตามแล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย ยัยนั่นชอบลืมทำการบ้านประจำเพราะแบบนี้ไงถึงต้องสอบซ่อมบ่อยๆ
“เฮ้เอย์จิ”
ผมหันขวับไปมองทางเจ้าของเสียงเมื่อครู่อย่างประหลาดใจ หัวใจกระตุกไหวเมื่อสับสายตาเข้ากับคนตรงหน้า
“เร็น” หมอนั่นเป็นเพื่อนร่วมห้อง ตัวสูงโปร่ง ผิวเนียน ผมสีม่วงขลับ ตาสีอำพันเหมือนเจ้าชายหมาป่าที่หลุดออกมาจากภาพเขียน บางมุมก็เข้มแข็งแต่บางมุมก็เปราะบางคล้ายจะบุบสลายได้ง่ายๆ เร็นเป็นแบบที่ผมชอบบางทีก็จะเผลอมองหมอนี่อย่างไม่รู้ตัวแต่ว่าตอนนี้ผมกับรู้สึกเฉยๆ กับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไปซะแล้ว
“มาเรียนได้แล้วเหรอ”
“อะอื้ม”
เร็นเดินเข้ามาที่ชั้นรองเท้าห่างผมไปเพียงไม่กี่ช่องแล้วยิ้มให้
“จะขึ้นห้องเลยไหม”
“อืม”
ผมเดินมาที่ห้องเรียนพร้อมเร็น ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักแต่ผมกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ควรจะเป็น สงสัยคงเพราะช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะละมั้ง เลยไม่มีอารมณ์คิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับใคร ทั้งที่ผมแอบปลื้มเร็นอยู่ในใจมาตั้งนาน... พอมาถึงทุกคนที่อยู่ในห้องก็เอ่ยทักทายผมทันที เร็นแยกตัวออกไปนั่งที่ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ปล่อยให้ผมอยู่ในวงล้อมของเพื่อนๆ คนเดียว จนกระทั่งอาจารย์เข้ามาในห้องผมถึงหลุดเป็นอิสระ ทุกคนรีบแยกย้ายกันกลับไปนั่งที่ตัวเองทันที
หลังจากนั้นผมเอาแต่นั่งเหม่ออยู่ในห้องเรียนไม่ได้ยินกระทั่งเสียงออดพักเที่ยง จนเสียงเรียกของริเสะดังขึ้น
“เอย์จิ!”
ผมสะดุ้ง หันไปมองริเสะแล้วกะพริบตาปริบ
“เอย์จิไม่ไปทานข้าวเหรอ หรือว่าเอาข้าวกล่องมา”
“อ้อ... โทษทีลืมไปเลย”
ผมยิ้มให้ริเสะอย่างขอบใจที่ช่วยเตือน ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทันที ตอนนี้ยูกิน่าจะอยู่ที่โรงอาหารแล้วยัยนั่นต้องกำลังบ่นถึงผมอยู่แน่ๆ อ่ะ... จริงสิ ผมหยุดกึกระหว่างทางทันทีที่ฉุกนึกขึ้นได้ เมื่อกี้หรือว่าริเสะมีอะไรจะพูดกับผม? ผมหันกลับไปมองทางที่เพิ่งเดินจากมาก่อนจะส่ายหน้าอย่างปล่อยวางแล้วหันกลับมา ตอนนั้นเอง...
พลั่ก!
หน้าผมชนเข้ากับแผ่นอกของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เจ็บๆ ผมรีบถอยห่างออกมาทันทีแล้วก้มหน้าขอโทษอย่างรู้ตัวว่าผิด
“ขอโท... มิชิโอะ!”
คำขอโทษหายไปกลางคัน ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันทีที่รู้ว่าคนตรงหน้าคือหมอนั่น
“เอย์จิ” มิชิโอะหรี่ตาลง
เราสองคนจับจ้องสายตากันนิ่งไม่รู้นานเท่าไหร่ สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบไปทางอื่นพึมพำคำ “ขอโทษ” ออกไปเบาๆ แล้วเดินออกมา
“เอย์จิ...”
เสียงมิชิโอะเรียกชื่อ ผมหยุดฝีเท้าที่ก้าวออกมาได้เพียงสองก้าวแล้วหันไปมองด้วยสีหน้าราบเรียบไม่แสดงออกถึงอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอก เพียงแค่เห็นหน้ามิชิโอะบางสิ่งก็ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจผมบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกนี่มันคืออะไร รู้เพียงแต่ว่าผมอึดอัดใจที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา
“ตานายเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีหนิ”
ผมตอบสั้นๆ แล้วเดินออกมา ยังไม่ลืมความรู้สึกขุ่นมัวในตอนนั้น
“เย็นนี้อย่าลืมมาช่วยเก็บบอลที่ชมรมด้วยล่ะ”
อะไรนะ!
เสียงมิชิโอะตะโกนอยู่ข้างหลัง อารมณ์ที่กำลังยุ่งเหยิงถูกลบล้างด้วยเส้นเสียงที่กวนประสาทราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นของหมอนั่น พอหันกลับไปมิชิโอะก็ไม่อยู่แล้ว
“เป็นอะไรเอย์จิ”
“เปล่า”
“แต่ท่าทางนายอารมณ์ไม่ดีนะ” ยูกิเหล่มองหน้าผมระหว่างดูดน้ำหวานในแก้ว
“สงสัยฉันคงหยุดเรียนนานไปหน่อย ก็เลยเบื่อๆ น่ะ”
“งั้นเหรอ ว่าไปแล้วฉันก็อยากหยุดเรียนหลายๆ วันแบบนั้นบ้าง ท่าจะสบาย”
“อย่าเลย แค่นี้ฉันก็ขี้เกียจจะติวหนังสือให้เธอแล้ว”
“ชิ ถึงฉันจะหัวไม่ดีแต่ก็ไม่ได้โง่สักหน่อย”
“ต่างกันตรงไหน”
“เอย์จิ...” ปกติถ้าผมพูดแบบนี้ยูกิจะต้องตะคอกกลับมาแล้วแต่นี่ไม่ ยัยนั่นเรียกชื่อผมแล้วมองตรงไปด้านหลังของผมด้วยท่าทางเหมือนมีอะไร
ผมขมวดคิ้วหันไปมองอย่างสงสัย
“ริเสะ?” การปรากฏตัวที่เหนือความคาดหมายของคนตรงหน้าทำผมอึ้งจนลืมคำพูดในหัวไปชั่วขณะ
“เอย์จิ...” ริเสะมองหน้าผมก่อนจะเบือนสายตาไปทางยูกิ “ฉันไม่สบายใจน่ะ ก็เลยอยากจะมาขอโทษยูกิเนะ”
ท่าทางริเสะสำนึกผิดจริงๆ ผมหันกลับไปมองยูกิ ส่งสายตาถามยัยนั่นว่าจะเอายังไง ยูกิพยักหน้าแล้วพูดกับริเสะอย่างไม่ถือสาเอาความ
“ฉันลืมไปแล้วล่ะ แต่ว่าอย่าให้มีครั้งที่สองอีกล่ะฉันไม่ยกโทษให้จริงๆ ด้วย”
“อะอื้ม จะไม่ทำอีกแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้น... ตอนนี้เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้แล้วใช่ไหม” ริเสะยิ้มอย่างโล่งอกแล้วยิงคำถามที่คาดไม่ถึงใส่ยูกิ ยัยยูกิพอได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับทำหน้ากระอักกระอ่วนออกมา ยัยนั่นคงไม่ได้รังเกียจริเสะหรอกแต่การจะเป็นเพื่อนกับคนที่เคยคิดร้ายด้วยมันคงยุ่งยากใจน่าดู
“ว่าแล้วเชียว คงไม่ได้สินะ” ริเสะตีหน้าเศร้า
“จะว่าไงดีล่ะ ...จู่ๆ มาขอเป็นเพื่อนเลยมันก็แปลกๆ นายว่าไงเอย์จิ?” ยูกิโยนปัญหามาให้ผมช่วยคิด แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย นี่มันเรื่องของพวกเธอไม่ใช่เหรอ
“อะเอ่อ...” ผมเริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมาทันทีเมื่อมีสายตาสองคู่จ้องมองมา “...ก็ถ้าปรับความเข้าใจกันแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่”
“ถ้างั้นฉันกับยูกิเนะก็เป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”
“อะอื้มได้สิ” ยูกิยิ้มตอบอย่างฝืนๆ ว่าแล้วเชียว ยัยนั่นต้องอึดอัดอยู่แน่ๆ ไม่เข้าใจเลยถ้าไม่อยากเป็นเพื่อนก็แค่ปฏิเสธไปตรงๆ ก็ได้ พวกผู้หญิงนี่ชอบทำอะไรมีลับลมคมในกันเสียจริงๆ
“เอย์จิจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า” ริเสะเดินเข้ามาถามหลังจากได้เวลาเลิกเรียน ผมมองหน้ายัยนั่นอย่างรู้สึกแปลกใจก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
“ยังกลับไม่ได้น่ะพอดีต้องไปช่วยเก็บบอล”
“เก็บบอล?”
“อื้ม ไปนะ”
ผมเก็บของเสร็จก็ลุกออกมาทันที ริเสะมองตามด้วยสายตาสงสัย แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย
“...”
ผมชะงักเมื่อเจอกับมิชิโอะที่ล็อกเกอร์รองเท้า ทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ ก้มหน้าลงเปลี่ยนรองเท้าโดยไม่พูดอะไร จนกระทั่งหมอนั่นเปลี่ยนรองเท้าเสร็จและเดินออกไปผมค่อยผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ว่าแต่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย... แค่เจอกับหมอนั่นทำไมต้องประหม่าขนาดนี้ด้วย
“เสร็จแล้วเหรอ”
“...” ผมยืนอึ้ง มิชิโอะที่ยืนอยู่หน้าประตูทางออกหันมามองด้วยสายตาเป็นคำถาม
“จะไปชมรมยัง”
“อืม”
มิชิโอะจ้องมองแวบหนึ่งก่อนจะเดินนำออกไป ผมก้าวตามหลังมิชิโอะไปเงียบๆ ไม่มีการพูดคุยใดๆ ระหว่างทาง ถึงแม้ว่าผมจะคาใจเรื่องโคตะก็เถอะ ตั้งแต่วันนั้นหมอนั่นได้คุยกับโคตะหรือยังนะ
“พวกนายมาช้าเกินไปแล้ว”
เสียงคล้ายไม่พอใจที่ตะโกนแข่งกับเสียงหวดบอลในสนามของอาจารย์ริวซากิลอยมากระทบหู ผมถึงรู้สึกตัวว่าเดินมาถึงชมรมเทนนิสแล้ว
“ห้ามใจลอยล่ะถ้าไม่อยากโดนบอลอัดหน้าอีก” มิชิโอะหันมาเตือนอย่างหวังดีก่อนจะตะโกนตอบเสียงของอาจารย์ริวซากิอย่างไม่สะทกสะท้านแล้วตรงไปเปลี่ยนชุดที่ล็อกเกอร์ชมรม ชุด... อ๊ากลืมไปเลยผมไม่ได้เอาชุดวอร์มมาเปลี่ยน!
มิชิโอะคงสังเกตเห็นท่าทางกระวนกระวายของผม เขาหันมามองระหว่างหยิบชุดออกมาจากล็อกเกอร์
“นายมีชุดมาเปลี่ยนหรือเปล่า”
“อือ...แบบว่าลืมน่ะ จริงๆ ใส่ชุดนักเรียน...”
“เอาไปใส่สิ”
ผมยังพูดไม่ทันจบก็ต้องตกใจเพราะชุดที่มิชิโอะโยนมาให้ ยื่นมือออกไปรับแทบไม่ทันแหนะ มองชุดพละในมือสลับกับหน้าหมอนั่นเลิ่กลั่ก
“ยืนบื้ออะไรอีกรีบเปลี่ยนสิ”
จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ให้ใส่ชุดเดียวกับมิชิโอะเนี่ยนะ...
หลังตะโกนบอกเสร็จเขาก็ถอดเสื้อออกทันที อึก... ผมเผลอมองแผ่นหลังขาวจั๊วะของมิชิโอะอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไล่สายตาลงไปยังขอบกางเกงที่เกาะอยู่ต่ำกว่าเอวอย่างหมิ่นเหม่แล้วของเหลวอุ่นๆ ก็พุ่งออกมาทางจมูก!
อั่ก! จริงเหรอเนี่ย ผมรีบยกมือขึ้นปิดหน้าทันที ตะโกนบอกมิชิโอะแล้ววิ่งออกมาอย่างขายหน้า
“ฉัน... ฉันเหมือนจะไม่สบาย ขอไปห้องพยาบาลแป๊บ!”
“หา!?”
“ขออนุญาตครับ!”
ผมผลักประตูห้องพยาบาลผาง อาจารย์คิโยชิเหลือบมามองด้วยสายตาประหลาดใจ
“เอย์จิ... นั่นเลือดไหลเหรอ”
“คะแค่กำเดาน่ะครับ”
“รีบนอนลงเร็ว” อาจารย์คิโยชิประคองผมมาที่เตียงอย่างเป็นห่วง “เอ้านี่บีบจมูกไว้นะ แล้วหายใจทางปาก”
ผมทำตามคำแนะนำ อาจารย์คิโยชิลุกออกไปแล้วกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับผ้าเย็นและกระดาษทิชชู่
“นี่ประคบดั้งไว้”
“...ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ รู้สึกว่าเลือดจะหยุดไหลแล้ว” ผมตอบอายๆ เพราะไม่ได้บาดเจ็บอะไรเพียงแต่ที่เลือดไหลคงเพราะเผลอคิดอะไรแปลกๆ
“หือ... จริงด้วย ยังไงก็เถอะเอานี่ประคบไว้ก่อนและก็เช็ดเลือดที่เลอะด้วย” อาจารย์คิโยชิมองหน้าผมจนแน่ใจแล้วถึงพูดออกมา “แล้วไปทำอะไรมาล่ะทำไมกำเดาไหล”
“อะเอ่อ... จู่ๆ มันก็ไหลน่ะครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม”
“ไม่ใช่ว่าเป็นผลกระทบจากอุบัติเหตุที่สนามเทนนิสหรอกเหรอ ไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกรอบดีกว่านะ”
“อาจารย์รู้ด้วยเหรอว่าผมโดนบอลอัดตา”
“อาจารย์ริวซากิบอกน่ะ”
“อ๋อ...” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วก็เผลอพูดเรื่องของทั้งคู่ออกมา “อาจารย์กับอาจารย์ริวซากิท่าทางสนิทกันนะครับ”
“...”
ใบหน้าอ่อนโยนของอาจารย์คิโยชิเรียบตึงทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ผมเสียววูบ ...นี่เราพูดเรื่องที่ไม่สมควรออกไปหรือเปล่านะ แล้วจู่ๆ อาจารย์คิโยชิก็ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย
“กับอาจารย์ริวซากิไม่ได้สนิทกันอย่างที่เห็นหรอก หมอนั่นเป็นตัวปัญหาเธอเองก็ระวังเอาไว้ด้วยล่ะ”
“เอ๋?” ผมกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ อาจารย์ริวซากิเป็นตัวปัญหางั้นเหรอหมายความว่ายังไงกันนะ ผมเอียงคอสงสัยแต่อาจารย์คิโยชิก็ไม่พูดอะไรอีก เขาลุกขึ้นเก็บเศษทิชชู่ที่ผมใช้ซับเลือดไปทิ้งถังขยะแล้วกลับไปนั่งโต๊ะ
ปล่อยให้ผมคาใจอยู่คนเดียว...
“เดี๋ยวครูออกไปทำธุระก่อนนะ ถ้าจะออกไปก็ช่วยปิดประตูห้องให้ด้วยล่ะ”
“ครับ”
อาจารย์คิโยชิถือแฟ้มเดินออกไปจากห้อง ผมเหลือบตามองเพดานแล้วถอนหายใจออกมา พออยู่คนเดียวสมองผมก็เริ่มคิดไปเรื่อย...
ใบหน้ามิชิโอะลอยเข้ามาในหัว ผมสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไรทำไมต้องมีอาการแปลกๆ ทุกทีที่เจอหมอนั่น... แล้วเมื่อกี้ก็ยังเลือดไหลเพราะมองร่างกายท่อนบนของมิชิโอะอีก ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเห็นผู้ชายเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย แต่ว่าหุ่นหมอนั่นมัน...
อึก... ผมรู้สึกวูบวาบเหมือนกำเดาจะไหลออกมาอีกรอบเมื่อนึกถึงหุ่นที่ชวนใจสั่นของมิชิโอะ รีบส่ายหน้าไล่ภาพหมอนั่นออกจากหัวทันที
“เฮ้เอย์จิ!”
เสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นทำผมสะดุ้งเฮือก พอเหลือบไปมองก็เห็นมิชิโอะก้าวฉับๆ เข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่ปะทุไม่น้อย
“มิชิโอะ!”
“นายนี่มันสร้างปัญหาให้ฉันจริงๆ” มิชิโอะที่ทำท่าจะโวยวายในตอนแรกเห็นสภาพผมแล้วก็ถอนหายใจแล้วระบายน้ำเสียงเหนื่อยใจแทน หมอนั่นวางกระเป๋าที่ผมลืมไว้ลงบนเตียง
ผมมองกระเป๋าแล้วยิ้มเก้อๆ “ขะขอบใจนะ”
“ขอบใจบ้าไร แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นกับนาย คงไม่ได้แกล้งป่วยหรอกนะ”
“ฉันกำเดาไหลนิดหน่อยน่ะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
ผมกำลังจะลุกขึ้นแต่หมอนั่นก็ผลักหน้าผากผมให้ลงไปนอนเหมือนเดิม
“เฮ้ทำอะไรของนายเนี่ย”
“ถ้าป่วยแล้วจะลุกขึ้นมาทำไม”
“ฉันไม่ได้ป่วย”
ผมเถียงกลับทันควัน มิชิโอะเหลือบมองเสื้อผมด้วยสายตาจับผิดผมมองตามก่อนจะเห็นหยดเลือดกำเดาที่เปื้อนอยู่แล้วฉีกยิ้มเจื่อน
“แฮร่~”
“เฮ้อ... เอาเป็นว่าวันนี้นายกลับบ้านไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะบอกอาจารย์ริวซากิให้ว่านายยังไม่หายดี”
มิชิโอะเสนอทางออก ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะถึงยังไงก็ไม่อยากไปวิ่งเก็บบอลที่ไม่รู้ว่าจะพุ่งมาจากทางไหนอยู่แล้ว แต่พอรู้ว่าโคตะก็อยู่ที่นั่นด้วยผมก็ฟุ้งซ่านขึ้นมาทันที รีบคว้าข้อมือมิชิโอะที่กำลังจะเดินจากไปเอาไว้อย่างลืมตัว
“หือ...” มิชิโอะเหลือบมองข้อมือที่โดนจับแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะเหลือบมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ “เอย์จิ?”
“ฉัน ...ฉันจะไปที่สนามด้วย”
“...”
จบแล้วจ้า ขอโทษน๊าที่หายไปนาน หวังว่ายังไม่ลืมกันนะคะ
ไว้พบกันตอนหน้าค่ะ >3
...หนึ่งเม้นท์เท่ากับหนึ่งกำลังใจน๊าาา ^^
อยากรู้ความเคลื่อนไหว ติดตามข่าวสารอื่นๆ ทวงนิยาย คุยกับนักเขียน บลาๆ ....เข้าไปกดไลค์เพจเลยจ้าาาา จิ้มๆ