เธอขยับใบหน้าหนีเขาที่กำลังแตะรอบใบหูจนแดงก่ำ “นิดขอโทษค่ะ อาภีทำงานก่อนเถอะค่ะ”
ร่างกายท่อนล่างของเธอที่ขยับไปมาบนต้นขาของเขากระตุ้นความรุ่มร้อนในกายให้คืนชีพอีกครั้ง
“เธอนอนหลับไปก่อนเลย ฉันจะทำงานต่อ” เขาจับร่างบางให้ลุกยืนก่อนจะผลักตัวเธอออกห่างเบาๆ สร้างความน้อยใจที่เขาหมดความสนใจในตัวเธอแล้วไล่เธอออกห่าง
“ให้นิดอยู่เป็นเพื่อนมั้ยคะ หรือทำอย่างอื่นช่วยมั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอก ความรู้เธอแค่มัธยมไม่สามารถช่วยงานพวกนี้ได้หรอก”
เพราะความที่ตัวเองพูดก่อนไม่คิดได้ตอกย้ำความรู้ที่ด้อยกว่าเขาเป็นอย่างมาก เธอมันก็แค่เด็กมัธยมปลายที่เพิ่งเรียนจบไม่ได้ร่ำเรียนต่อมหาวิทยาลัยเหมือนกับคนอื่นเขา แค่คิดเธอก็น้ำตาคลอด้วยความเสียใจ
ภูวนลลอบมองนีลดาที่นั่งนิ่งบนเตียงพร้อมกับก้มหน้าไม่พูดจาอะไรก็เพิ่งจะคิดได้ว่าเขาคงพูดจากับเธอรุนแรงไปกว่าเหตุแต่จะให้เขาขอโทษมันก็คงไม่ใช่
“ว่างๆเธอก็หาข้อมูลเรียนต่อมหาวิทยาลัยใกล้ๆแถวนี้ พอเรียบจบมาจะได้มาช่วยฉันทำงานในไร่บ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้คนแก่อย่างฉันหาเลี้ยงเมียเด็กอยู่ฝ่ายเดียว”
คำพูดที่ขวานผ่าซากที่แฝงความห่วงใยของเขาลอยขึ้นมาให้เธอได้คลายความเสียใจของตัวเองได้ไปบ้าง อย่างน้อยเขาก็ปลอบใจเธอได้ดี
“ค่ะอาภี” เธอโต้ตอบเขาหลังจากที่ไม่ได้ยินน้ำเสียงหวานจากเธอหลายนาที
นี่เขากำลังหลงเธอใช่มั้ย...
“นอนได้แล้วนี่มันก็ตีสามแล้ว”
“อาภีก็ทำงานให้เสร็จเร็วๆนะคะจะได้พักผ่อน” เธอยิ้มหวานให้เขาก่อนที่จะคลานขึ้นเตียงนอนนุ่มมันกว้างใหญ่กว่าเตียงนอนเล็กของเธอมากจนนอนได้สีห้าคน เธอพลิกตัวนอนตะแคงหันไปทางเขาที่กำลังเคร่งเครียดกับงานจนไม่ได้สนใจเธอที่นอนจ้องมองเขาอย่างอบอุ่นใจก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากงานแต่งงานและการเดินทางมาที่นี่กินเวลาหลายชั่วโมง
เขาเงยหน้ามองคนตัวเล็กที่นอนหลับบนเตียงพร้อมกับยิ้มและหัวเราะกับตัวเองลำพังเหมือนกับคนบ้า เขาคงเป็นบ้าจริงๆ เธอนอนหลับเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย การที่มีคนนอนข้างกายบนเตียงใหญ่ที่เขาใช้นอนหลับเพียงอย่างเดียวไม่นึกคิดให้ใครมานอนด้วย พอถึงเวลาเขาแล้วกลับรู้สึกว่าเตียงไม่โล่งเลยกลับรู้สึกดีที่มีคนมาแบ่งปันพื้นทีความเหงาได้มากขึ้น
แสงแดดที่สาดส่องเข้ากระทบใบหน้าที่หันไปทางริมหน้าต่างก็ปลุกนีลดาให้ลืมตามองอย่างเกียจคร้านและรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังถูกต้นไม้ทับร่างไว้ไม่ให้ขยับ เธอก้มมองแขนล่ำที่กำลังโอบกอดเธอไว้อย่างแน่นหนาแต่กลับอบอุ่นภายใต้อ้อมแขนที่แข็งแรง เธอค่อยๆพลิกตัวกลับมาหาเขาอย่างเบาที่สุด
ใบหน้าหล่อที่เต็มไปหนวดเครากำลังนอนหลับราวกับเด็กหนุ่ม ลมหายใจของเขาขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะไม่รับรู้ถึงแววตาคู่งามที่จับจ้องใบหน้าอย่างสนใจ
นีลดาใช้เวลานี้สำรวจภูวนลอย่างตั้งใจ มือบางของเธอยกแตะหน้าผากที่ย่นจากความเคร่งเครียดและประสบการณ์ที่ดำเนินมายาวนาน ขนตาของเขายาวและสวยสำหรับเธอมากก่อนจะลากนิ้วมาหยุดที่สันจมูกที่โด่งรับกับความหน้าตาดีของเจ้าของร่างใหญ่และมาหยุดตรงริมฝีปากที่เธอได้สัมผัสเมื่อไม่กี่ชั่วโมงทีผ่านมา ไม่คิดว่ามันจะมีอิทธิพลต่อใจเธอได้มากเท่านี้
จูบแรกของเธอเป็นของเขา...
เธอค่อยๆแกะมือเขาออกจากกายและค่อยๆขยับตัวออกห่างก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปอาบน้ำและปล่อยให้เขาได้พักผ่อนตามสบายบนเตียงโดยไม่ต้องมีสิ่งใดมารบกวน และเธอก็ตั้งใจว่าจะเริ่มต้นช่วยเขาทำงานบ้านในตอนเช้านี้ที่สายไปจนสี่โมงกว่าพอเธอลงมาก็พบว่าตัวเองเหมือนเป็นส่วนเกินสำหรับแม่บ้านที่กำลังถูบ้านอย่างขยันขันแข็ง
หญิงสาววัยใกล้ห้าสิบมองนีลดาอย่างตกใจก่อนจะตั้งสตินึกได้ว่าเมื่อวานเจ้านายของเธอเพิ่งแต่งงานที่กรุงเทพแต่ไม่คิดว่าภรรยาของเขาจะเด็กได้ถึงเพียงนี้
“ให้นิดช่วยถูบ้านมั้ยคะ” นีลดาเอ่ยปากช่วยอย่างเต็มใจ
“ไม่เป็นไรค่ะมันหน้าที่ของดิฉัน”
“นิดควรจะเรียกคุณว่าอย่างไรดีคะ ...” นีลดายืนเกาหัวไม่สามารถลำดับชั้นญาติกับแม่บ้านวัยใกล้ห้าสิบได้ เธอไม่รู้ว่าจะเรียกตามสามีหรือเรียกตามอายุของเธอที่แค่สิบแปด
“แล้วคุณอายุเท่าไหร่คะ” อุสาถือโอกาสลอบถามอายุเจ้านายสาว
“นิดอายุสิบแปดปีค่ะ”
“คุณพระ! คุณอายุน้อยกว่าลูกฉันอีกหรือเนี่ย” อุสายกมือทาบอกด้วยความตกใจไม่คิดว่าเธอจะอายุน้อยมากขนาดนี้
“เรียกดิฉันว่าพี่สาตามคุณภีแล้วกัน คุณจะได้ไม่สับสน”
“ค่ะพี่สา ถ้ามีอะไรให้นิดช่วยก็บอกนะคะ แล้วห้องครัวอยู่ทางไหนเหรอคะ พอดีนิดจะทำอาหารให้อาภีทานตอนเช้าค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณนิด พี่ทำอาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เกรงใจพี่สาจังเลยค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้นิดจะตื่นให้เช้ากว่านี้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณนิด ปกติพี่เป็นคนทำงานบ้านและทำอาหารไว้ทุกเช้าแบบนี้อยู่แล้วค่ะ”
“นิดทำอาหารตอนกลางวันก็ได้ค่ะ
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณนิด พอถึงกลางวันคุณภีจะทานข้าวในไร่กับคนงาน พอตกตอนเย็นพี่ก็จะหิ้วปิ่นโตมาให้คุณภี บางครั้งคุณภีก็ทำอาหารเองบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ทานข้าวตอนเย็นนักหรอกค่ะ”
“ทำไมเหรอค่ะ”
“คุณภีมัวแต่ทำงานค่ะ ข้าวปาไม่ค่อยทานมัวแต่วางแผนงานในไร่ทุกวัน พอจะว่างก็ไปอบรมดูงานที่ต่างประเทศบ้าง จังหวัดไกลๆบ้าง คุณนิดอาจจะต้องอยู่คนเดียวลำพังก็ได้ในบางครั้ง
แม่บ้านคนสนิทเล่าเรื่องราวให้นีลดาฟังอย่างละเอียดโดยไม่รู้ตัวว่าคนที่กำลังพาดพิงแอบฟังตั้งแต่ประโยคที่อุสาเล่าเรื่องทานข้าวตอนเย็นแล้ว
“จะพูดอะไรก็เกรงใจผมบ้างนะพี่...” เสียงกระแอมของเขาดังก้องจนทั้งสองที่ยืนสนทนากันหันไปมองเขาแล้วก็ตกใจแทบหัวใจวาย