ตอนที่ 7 สถานการณ์ชักจะล่อแหลม
ครืน!
กระท่อมเล็กหลังหนึ่งปลูกสร้างไว้ท่ามกลางป่าลึกโดยมีเสียงฟ้าร้องประกอบฉากชวนให้ฉันนึกถึงกระท่อมผีสิง...ว่าแล้วก็เสียวสันหลังวูบวาบขึ้นมา ฉันไม่ได้กลัวนะ...แค่ไม่อยากเจอ ฮือๆ
แต่แบบนี้ก็เหมือนในหนังรักโรแมนติกด้วยนะ ที่พระเอกนางเอกหลงป่าและบังเอิ๊ญ บังเอิญเจอกระท่อม แล้วหลังจากนั้นก็ต้องถอดเสื้อกอดกัน...เย้ย ฉันเริ่มฟุ้งซ่าน
“ยืนเพ้ออะไรของเจ้า รีบเข้ามาสิ” เสียงดุๆ ออกคำสั่งจนจินตนาการสาวน้อยอย่างฉันกระเจิง
ฉันเดินเข้าไปในกระท่อมโดยไม่ลืมเอาเจ้าครอสเข้าไปหลบด้วย
“เอามันออกไป มีคอกม้าด้านหลัง”
ฉันอ้าปากหวอ คุณชายเธอเล่นสั่งฉันดังลั่นโดยไม่สนว่าฉันต้องออกไปเปียกอีกรอบ “แต่เจ้าครอสมันขี้ขลาด” อยู่ตัวเดียวในคอกฝนตกป่ามืดๆ แบบนี้มันต้องกลัวแน่นอน
“จะให้มันนอนบนตัวเจ้าหรือไงล่ะ ถ้าแบบนั้นตามสบายข้าไม่ขัด”
หนอย...ปากคอเราะร้ายขึ้นทุกทีผู้ชายคนนี้!
ฉันฮึดฮัด แต่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะมันก็ถูกอย่างที่ฮาเดสว่า กระท่อมหลังนี้เหมือนสร้างไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์ล่าสัตว์มากกว่าจะเป็นที่พักตากอากาศ มีเพียงห้องเล็กๆ ห้องเดียวกั้นสัดส่วนสำหรับก่อกองไฟไว้ตรงกลาง อุปกรณ์ล่าสัตว์และทำครัวแขวนระเกะระกะเต็มไปหมด มีประตูบานพับกั้นฉากเล็กๆ ในส่วนของห้องน้ำที่มีไว้สำหรับแค่ปลดทุกข์เท่านั้น
ฉันคอตก จูงเจ้าครอสที่ทำตาละห้อยหน้าประตูเดินอ้อมไปหลังกระท่อม มีคอกม้าขนาดเล็กอยู่จริงๆ ด้วย อย่างน้องก็ดีตรงที่เป็นคอกปิดยกหลังคาสูงพอๆ กับกระท่อม คงไม่ต้องกังวลเรื่องเจ้าครอสจะต้องตากไอฝนตลอดคืน
“อยู่นี่นะ ไม่ต้องกลัว” ฉันลูบหัวของมันขณะเขี่ยหญ้าแห้งที่กระจัดกระจายให้รวมเป็นกองเดียวอย่างมีระเบียบ มันครางหงิงๆ อย่างน่าสงสาร “ไม่เห็นต้องกลัวเลย นั่นไงมองเห็นแสงไฟจากกระท่อมด้วยฉันก็อยู่ใกล้ๆ แกนี่แหละ”
เหมือนมันจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด เพราะในท้ายที่สุดมันก็ยอมสงบลงแล้วล้มลงนอนพร้อมกับมองส่งฉันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ฉันยิ้มให้มันก่อนเดินกลับไปทางเดิม
แสงไฟเมื่อครู่ทำให้ฉันรู้ว่าฮาเดสคงจะก่อกองไฟเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เป็นจริงดังคาดเมื่อเปิดประตูไปเจอเขาถอดเสื้อผ้าเหลือกางเกงขายาวบางๆ ตัวเดียว (โอ๊ย...จะบ้าตาย) กำลังนั่งต้มกาแฟอยู่ ข้างๆ มีเหยือกดินเผาที่เจ้าตัวคงจะถือไปรองน้ำฝนมา ส่วนเมล็ดกาแฟ? “นายดูคุ้นเคยกับที่นี่ดีนี่นา” ฉันทัก...จริงๆ แล้วอยากจะพูดว่าเฮียดูชิวไปนะ
“กระท่อมล่าสัตว์ของข้าเอง ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่เลยค่อนข้างร้าง” ฉันมองรอบๆ เมื่อฮาเดสพูดจบ มันดูร้างจริงๆ ด้วย อย่างชั้นเก็บของตรงนั้นมีฝุ่นเกาะ จะว่าไปนายนี่ก็อยู่ง่ายๆ แฮะ ลูกเศรษฐีมาล่าสัตว์ยังต้องปลูกคฤหาสน์เล็กๆ ซักหลัง แต่นี่แค่กระท่อมไว้เก็บของ แทบจะไว้แค่ซุกหัวนอนยามฉุกเฉินจริงๆ
ฉันนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามเพื่อขอส่วนบุญส่วนกุศล เอ๊ย ขอเผื่อแผ่ไออุ่นจากกองไฟทั้งที่น้ำยังหยดจากเสื้อติ๋งๆ นั่งเผาผลาญออกซิเจนในปอได้ไม่ถึงสองวินาทีดวงตาสีแดงก็มองฉันเขม็งอีกแล้ว
“เจ้าทำพื้นเปียกไปหมดแล้ว” โอเค ฉันทำเปียก อย่าพูดจาเหมือนเป็นแม่บังเกิดเกล้าของฉันจะได้มั้ย ”ไปถอดเสื้อตากไป”
ง่อววว...ฉันอ้าปากค้าง ถะ...ถอดเนี่ยนะ จะบ้าเหรอ อย่ามาทำตัวตามสเต็ปละครหลังข่าวกับฉันเด็ดขาด ฉันจะไม่ผิงไฟแล้วเปลือยกอดนายแบบหนาวเนื้อห่มเนื้อแน่นอน
“ไปถอด” ฮาเดสสั่งอีกครั้ง พร้อมชี้ไปทางราวไม้ที่เดียวกับที่เสื้อผ้าของเขาตากอยู่ ฉันรู้สึกได้ว่าเส้นความอดทนของอีกฝ่ายกำลังตึงจัด
ก็ได้ ไปถอดออกก็ได้...ที่ยอมทำอย่าคิดว่าฉันกลัวนาย แค่เกรงใจหรอก
“ตะ...แต่ฉันไม่มีเสื้อเปลี่ยน” ฉันบอกเสียงอ่อย จะให้ฉันโชว์ซิกแพ็คแบบนายไม่ได้หรอก เกิดฉันหน้ามืด...กรรมผิด...เกิดนายหน้ามืดกดฉันขึ้นมาจะทำยังไง
“จะถอดเองหรือให้ข้าช่วย”
ฮ่วย...สงสารฉันหน่อยสิ ฉันมองฮาเดสอย่างโกรธเคืองที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ฉันเลย สงสัยจะเป็นพวกมีอาการทางจิตย้ำคิดย้ำทำถึงได้ดุเอาดุเอาแบบนี้
สุดท้ายฉันก็เดินไปทางราวผ้าทั้งที่เม้มปากแน่น ตั้งใจว่าเงียบดีกว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ฉันเหวี่ยงผ้าคลุมขึ้นแขวนอย่างหงุดหงิด ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมด้านหลังของชุดกระโปรงยาวที่ใส่ออกมาวันนี้...อยากให้ถอดนักใช่มั้ยคอยดูนะแม่จะถอดนายจะต้องตะลึงตาค้าง...แต่ประทานโทษเถอะ ของดีมองได้แต่ห้ามแตะย่ะ!! แต่เสื้อฉันแกะไม่ออกอ่ะ ฮือๆ...มันเปียก รังดุมมันเลยหดแน่น
ฉันสงเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจอยู่คนเดียว สงสัยตานั่นคงเริ่มรำคาญเลยหันมาถามตาขวาง “เป็นอะไรอีก”
ถึงจะเจ็บใจนิดหน่อยแต่ฉันต้องยอมหลอกใช้ศัตรูก่อน เรียกว่าหลอกใช้น่ะถูกแล้ว ฉันไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากฮาเดสซักหน่อย “ช่วยแกะกระดุมหน่อย ฉันแกะไม่ถนัด”
ฉันว่าได้ยินเสียงเขาหัวเราะ ฉันเลยมองข่มขู่ไปหนึ่งที ซึ่งก็ได้ผลอยู่มั้งเพาะเขาเดินมาหา ปัดผมของฉันไปไว้ด้านข้างแล้วตั้งหน้าตั้งตาแกะ
“วันหลังใส่ตัวที่ถอดง่ายๆ ดีกว่ามั้ง” แกะไปยังจะบ่นอีก ฉันว่าที่จริงแล้วตานี่ไม่ใช่คนเงียบขรึมอย่างที่พยายามสร้างภาพ แต่เป็นคนที่กวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างบาทาสุดๆ ดูพูดออกมาแต่ละคำ ทำแต่ละอย่างสิ ไม่แปลกที่จะมีแต่ศัตรูเต็มไปหมด
“ฉันจะใส่แบบนี้ใครจะทำไม” แปลกแฮะ ทำไมครั้งนี้เขาไม่เห็นโต้ฉันคืน
เงียบไปพักหนึ่ง ฉันรู้สึกถึงแผ่นหลังที่โดนอากาศเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ
“นั่นสินะ” พอเขาคล้อยตามแบบนี้ฉันว่าบรรยากาศมันจั๊กจี้แปลกๆ แฮะ แถมลมหายใจอุ่นๆ ที่อยู่ใกล้กับฉันก็ชวนขนลุกบอกไม่ถูก
ฮาเดสยืนนิ่งจนฉันลองคลำๆ บริเวณหลังดูบนว่าเขาแกะเสร็จตั้งนานแล้วแล้วไม่ยอมบอกฉัน ตาบ้านี่ “ขอบคุณ เสร็จแล้วก็ถอยออกไปซะ ฉันจะถอดเสื้อ” ฉันเห็นเสื้อคลุมล่าสัตว์เก่าๆ พับอยู่บนชั้นเก็บของ เอามาห่มแก้ขัดไปก่อนน่าจะพอไหว
กำลังดึงเสื้ออยู่ โล่งโจ้งได้ไม่นานฉันโดนจับแต่งตัวเฉยเลย
“เอานี่ไปใส่ดีกว่า” เขาดึงเสื้อผ้าออกมาจากแหวนมิติซึ่งฉันก็นึกงงว่าทำไมถึงคนอย่างเขาถึงได้เก็บเสื้อผ้าผู้หญิงเอาไว้ เขาติดกระดุมให้อีกครั้งแต่คราวนี้เป็นกระดุมหน้า ชุดเดรสกระโปรงยาวครึ่งแข้งสีฟ้าฉันใส่ได้พอดีเป๊ะ หุ่นฉันนี่ก็พอดีเหมือนกันแฮะ อกเป็นอกเอวเป็นเอว ฉันภูมิใจมาก หุหุ แถมแอบเช็คคุณสมบัติของตัวเสื้อแล้ว...เสื้อธรรมดาไม่ใช่ไอเทมส์พิเศษ ยิ่งคิดหาเหตุผลไม่ออกจริงๆ ว่าฮาเดสเก็บไว้เพื่ออะไรเนี่ย
ฉันไม่ทัก เขาก็ไม่พูด ต่างคนต่างอมพะนำกันไป “เอาชุดกิ๊กมาให้ฉันใส่เปล่าเนี่ย”
“กิ๊ก?” แน่นอนว่าฮาเดสไม่เข้าใจคำนี้
ฉันถอนใจอย่างรำคาญ ช่างเถอะเบื่อจะถาม ยังไงชีวิตส่วนตัวเจ้าชายเฮงซวยพวกนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ดังนั้นฉันจึงพาตัวเองมานั่งข้างกองไฟตามเดิม พายุฝนก็ตกหนักเหลือเกิน ไม่ใช่หน้าหนาวแต่ฉันก็หนาวจนจะสั่นอยู่แล้ว
เขาเองก็เอาผ้าคลุมที่ฉันหมายตาไว้ก่อนหน้าออกมาสะบัดๆ แล้วยื่นให้ ก่อนจะนั่งรอให้กาแฟเคี่ยวได้ที่พลางจ้องฉันไปพลาง
ฉันที่เริ่มโหลดหัวสมองคิดทันเพิ่งจะตกใจย้อนหลัง...เห้ย...มะกี้ฮาเดสแต่งตัวให้ฉันนิ อ๊ากกก...ฉันมัวแต่โฟกัสเรื่องชุดกระโปรง...เมื่อกี้ฉันไม่เหลืออะไรข้างใน T__T
สองแก้มร้อนเห่อขึ้นมากะทันหัน บ้าไปแล้ว สถานการณ์ชักจะล่อแหลมเหมือนละครหลังข่าวเข้าไปทุกที
กาแฟงวดได้ที่เริ่มส่งกลิ่นหอม เขาเทใส่แก้วเคลือบหนาแล้วถามฉันแบบไม่สะทกสะท้าน “กาแฟ?”
ฉันพยักหน้าหงึก คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ เห็นไปแล้ว เยอะกว่าที่ตั้งใจจะให้เห็นซะอีก...แต่สงสัยแผนหว่านเสน่ห์จะไม่ได้ผลเพราะอีกฝ่ายนิ่งมากเลยเถอะ ชักจะข้องใจ...ฉันมีเสน่ห์รึเปล่าเนี่ย?
แต่ไหนๆ ก็สบโอกาส ขอฉันถามเรื่องต้นไม้ให้หายสงสัยเลยดีกว่า “ทำไมนายต้องตกใจตอนเห็นต้นไม้สีทองของฉัน”
เจ้าบ้านั่นทำเป็นยกกาแฟขึ้นจิบแบบอมภูมิแล้วเสไปเรื่องอื่นซะงั้น “หิวหรือไม่ ข้าจำได้ว่ามีเนื้อตากแห้งที่ทำไว้เมื่อตอนฤดูหนาวครั้งก่อน” ว่าแล้วเขาก็ลุกไปรื้อๆ หาในชั้นเก็บของจนได้หีบใบหนึ่งออกมาจริงๆ
โอเค...นายจะบ่ายเบี่ยงสินะ
ได้...ไม่ตอบก็ไม่ถาม
ฉันนั่งมองฮาเดสย่างเนื้อบนตะแกรง ไม่นานนักผิวนอกก็เริ่มกรอบเหลืองส่งกลิ่นหอมจนกระเพาะของฉันก็บิดตัวตอบสนองเขาเห็นฉันน้ำลายสอก็รีบยื่นให้ชิ้นหนึ่ง...ดีมาก บริการทุกระดับประทับใจให้ได้อย่างนี้ฉันจะทำเป็นลืมก็ได้ว่านายนิสัยไม่ดี
เนื้อย่างร้อนๆ ทำให้ฉันยอมมองข้ามเรื่องอื่นไปก่อน พอเอาเข้าปากเคี้ยวๆ ไปถึงได้รู้ว่ามันอร่อยเกินมาตรฐานเนื้อตากแห้งมากๆ ฉันเหลือบมองฮาเดสอย่างเซ็งในอารมณ์ โอเค รูปหล่อ พ่อรวย ทำอาหารอร่อย...หมั่นไส้ชะมัด
“มองแบบนั้นถูกใจใช่หรือไม่” ฉันเพิ่งเคยเห็นเขายิ้มแบบยิ้มจริงๆ ไม่เยาะเย้ยครั้งแรก
คนอย่างฉันแฟร์พอน่า อร่อยก็บอกอร่อย เลยพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นเผื่อตานั่นจะใจดียกให้อีกชิ้น
“ตระกูลของข้าทำอาหารเก่งทุกคน”
นั่น...คุยอวดไปอีก
ฉันกลอกตา แต่ก็รับเนื้ออีกชิ้นอย่างไม่ขัดศรัทธา พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน “ฉันง่วงแล้ว”
ฮาเดสมองหน้าฉัน คงอึ้งในความเลี้ยงง่ายของฉันล่ะสิ ไม่เป็นไรไม่ต้องพูดอะไร ฉันจะนอนจริงๆ นะ ฉันกำลังเหลียวซ้ายแลขวาหามุมที่จะฝังตัวลงไปได้ เขาก็ลุกมาใกล้แล้วจับมือฉันไปเทน้ำฝนที่รองไว้ราดลงข้างๆ หลุมที่ก่อไฟ
“แค่เช็ดจะไปสะอาดได้อย่างไร เจ้านี่สกปรกจริงเป็นถึงเทพทั้งที”
ฉันเชื่อแล้วว่าเฮียแกเป็นโรคจิตรักสะอาด ย้ำคิดย้ำทำสุดๆ ฉันสกปรกตรงไหน แค่เลียๆ เช็ดๆ มันก็หายหมดแล้ว
สุดท้ายฉันก็ยอมให้เขาจับมือฉันล้างนอกล้างใน เอาตามที่พี่แกสบายใจ จากนั้นเขาก็ลากฉันไปอีกมุมหนึ่งแล้วเอาหนังสัตว์จากแหวนมิติออกมาอีกครั้ง “นอนตรงนี้”
ฉันโบกมือส่งๆ พลางล้มตัวลงนอน ไม่สนใจตาบ้ามีเขานี่อีก ยิ่งดึกกองไฟหรี่ลงมองหน้าตานี่นานๆ ฉันยิ่งสยอง มองแต่เงาเฉยๆ คิดว่าโดนยมบาลไล่กวด พอกันทีวันนี้ฉันขอหลับฝันแบบไม่มีนาย
ร่างเล็กหลับลึกรวดเร็วจนคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ถอนใจ เขาต้องยุ่งวุ่นวายตลอดทั้งวันรู้บ้างไหม...มือใหญ่ถือเหล็กเขี่ยฟืนไม่ให้มอดดับ
เส้นผมสีดำสนิทคลอเคลียบ่ากว้างรับกับเขาสองข้างสีดำสนิทที่ลู่โค้งไปด้านหลังเกิดเป็นภาพที่ชวนมองอย่างยิ่ง
ฮาเดสคอยมองอีกฝ่ายเป็นระยะ เรื่องต้นไม้แปลกประหลาดทำให้ดวงตาสีแดงเพลิงหรี่ลง สิ่งที่เห็นมันสะกิดความทรงจำของเขาจนน่าประหลาด บางที...เขาอาจต้องกลับเฮลเลียส เสียเวลาอยู่ที่นี่นานเกินไปคงไม่ได้เรื่องราวอะไร
แต่ยัยเทพีซื่อบื้อนี่จะเอายังไง โดนเขาเล่นงานนิดๆ หน่อยๆ ก็ดูเหมือนจะตายเอาง่ายๆ ซะแล้วเทพประสาอะไร
ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักดูนิ่งเรียบยิ่งกว่าเคย นั่นคือสัญญาณเมื่อเจ้าตัวรู้สึกเป็นกังวล
เขาไม่ควรไว้ใจใคร...โดยเฉพาะซิกฟรีด
หรือจะฝากให้อาร์ซาเซลส์ช่วยเป็นหูเป็นตาไปก่อนอย่างน้อยจะไดแน่ใจว่ายัยนี่เลือกอย่างยุติธรรม
งี่เง่าจริงๆ...เขากำลังคิดบ้าอะไรอยู่...ยุติธรรม?...เขาไม่สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ร่างสูงยกมือขึ้นลูบหน้า ตัดสินใจเดินไปดูคนที่กำลังถีบผ้าคลุมออก...แล้วก็มานอนสั่นหนาว ให้มันได้อย่างนี้สิ! สุดท้ายเขาก็ต้องคลุมผ้าไว้ให้เหมือนเดิม...กระโปรงนั่นก็ถลกขึ้นสูงไปแล้ว ไม่ระวังตัวเลย
ได้แต่เอื้อมมือไปจัดระเบียบให้จนเรียบร้อย มองแผ่นหลังและลำคอขาวเนียนที่โผล่พ้นผ้าห่ม เส้นผมสีทองอร่ามคลอเคลียไหลลาดละมุน ลมหายใจแผ่วเบาทว่าสม่ำเสมอกำลังทำให้หน้าอกคู่นั้นขยับเป็นจังหวะช้าๆ
เขาชะงักแล้วพ่นลมหายใจยาว...คืนนี้ช่างยาวนานนานเกินไปจริงๆ
ตอนนี้เขียนเรื่องใหม่คือเรื่อง มิติมาร เป็นแนวอีโรติก+แฟนตาซีนะคะ คนละอารมณ์กับเรื่องนี้ที่ออกแนวคอมเมดี้เลย
เนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บางส่วน แต่ใครจะไม่อ่านก็ได้ค่ะเพราะมันไม่ได้สัมพันธ์กับโครงเรื่องหลัก
แค่ช่วยทำให้เรื่องนี้สมบูรณ์ขึ้นเฉยๆ