ตอนที่ 5 ในที่สุดโชคชะตาก็เข้าข้างฉันบ้าง
กว่าฉันจะหาเรื่องออกมาจากงานเลี้ยงนรกได้ก็สามทุ่มกว่าๆ แล้ว
ทีแรกทั้งดราคาเรียสและซิกฟรีดอาสาจะเดินไปส่งที่ห้อง แต่เป็นฉันเองที่ทนเสียงค่อนขอดจากฮาเดสไม่ไหวจึงรีบปลีกตัวออกมาเพราะรู้สึกจี้ใจดำที่เจ้าบ้านั่นบอกว่าฉันอ่อนปวกเปียกดูแลตัวเองไม่ได้
ฉันได้แต่ฮึดฮัดทำท่าเตะต่อยอากาศ สงสัยฮาเดสในจินตนาการของฉันจะสมจริงไปหน่อยฉันเลยยิ่งออกไม้ออกมือมากยิ่งขึ้น แต่เหนืออื่นใดท่ามกลางอาการทางจิตและเก็บกดของฉันดันมีคนปรบมือให้ซะงั้น
แปะๆๆ
“แม้ยามโกรธแต่ท่วงท่าของท่านยังคงชวนมองยิ่งนัก”
ฉันรีบหันไปมองทางต้นเสียง ร่างสูงของเจ้าชายแคสปาร์ก้าวออกมาจากเงาระเบียงทางเดิน ภายใต้ความมืดสลัวในสวน มีเพียงสะเก็ดน้ำพุที่สะท้อนแสงจันทร์เป็นสีขาวระยิบระยับ ดวงตาสีเทอร์ควอยซ์ของเขาดูดกลืนเอาทุกความสว่างไว้จนน่าครั่นคร้าม
ฉันไม่ค่อยได้พูดกับเขาเมื่อหัวค่ำ ออกจะจ้องมองอย่างเดียวเสียมากกว่า ฉันรู้สึกว่าแคสปาร์เป็นคนที่สื่อความหมายทุกอย่างออกมาด้วยภาษากายแทนภาษาพูด สีหน้าและการวางตัวของเขาทำให้ตระหนักดีว่าเขาไม่ใช่เจ้าชายที่ใครจะสามารถล่วงเกินได้ง่ายๆ
“คุณยังไม่กลับ?” เทียบกับวันแรกๆ อาการเก้อเขินของฉันลดลงนิดหน่อย คงเพราะเริ่มมีภูมิต้านทานหนุ่มหล่อ
“แล้วท่านจะไล่หรือ?”
บ้าจริง...มั่นใจในตัวเองได้สองวินาทีว่าไม่เขินแน่ แก้มดันร้อนซะงั้น โชคดีที่แสงด้านนอกน้อย หวังว่าเขาคงมองเห็นไม่ชัดนัก
ริมฝีปากได้รูปบิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาเดินเข้ามาใกล้จนอยู่ในระยะเอื้อมแขนซึ่งสำหรับสาวน้อยน่ารักอย่างฉันแล้วถือว่าใกล้มมากจนฉันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะวางสายตาของตัวเองไว้ตรงไหนเลยอาศัยแค่มองไหล่กว้างๆ ที่มีผ้าคลุมสีขาวแบบชาวทะเลทรายพาดไพล่อยู่แทน
“ประโยคนั้นควรจะเป็นฉันมากกว่า...หากฉันไล่คุณยอมไปรึไง” ฉันเล่นสงครามประสาทกลับบ้าง ปล่อยหัวใจอ่อนแอให้พวกเจ้าชายผีบ้าพวกนี้กวนจนปั่นป่วนนานเกินไปแล้ว “ท่านก็เหมือนคนอื่นๆ แค่อยากให้ข้าเลือก”
นั่นไงล่ะ เด็กน้อย ถึงนายและฉันจะอายุเท่ากันแต่ถ้านับรวมหลักกาลอวกาศข้ามมิติทางเทคนิคแล้วฉันอายุมากกว่านะยะ พี่สาวไม่ยอมง่ายๆ หรอก
แต่เกิดเป็นองค์ชายผีสางที่ฉันแอบสรรเสริญในใจให้ทั้งทีมีหรือโดนตอกแค่นี้จะหายหน้าด้าน “องค์เทพีก็ลองใช้เวลากับข้าซักคืนสิจะได้รู้ว่า ‘เหมือน’ คนอื่นหรือไม่”
แคสปาร์จับไหล่ฉันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมเจ้าบ้านั่นที่กระซิบกระซาบคลอเคลียบริเวณหูยังงับแล้วจูบลงไปอย่างถือสิทธิ์ ฉันตัวแข็งค้าง ความร้อนไล่จากใบหูขวาไปสู่แก้มข้างเดียวกัน ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าหน้าของฉันเป็นสีแดงแปร๊ดขนาดไหน
“อะ...อะ...เจ้า...บ้า...ฉวยโอกาส” ฉันด่าแต่ละคำออกมาอย่างยากลำบากก่อนจะลงมือสิ้นคิดอย่างการทุบไหล่ร่างสูงที่ไม่สะทกสะท้าน เสียงทุ้มกลั้วหัวเราะพร้อมกับขโมยจูบหน้าผากฉันไปอีกหนึ่งที
“นี่ต้องโทษที่องค์เทพีน่ารักจนข้าอดใจไม่ไหว”
ฉันอ้าปากหวอ หมดกันความบริสุทธิ์ของหูและหน้าผากที่ฉันเฝ้าถนอมมาหลายปี ไปมาหลายมิติมีจักพรรดิอยากประเคนตัวตอบแทนบุญคุณให้ก็มากแต่ฉันไม่เคยหวั่นไหวเลยนะ!! ต้องเป็นเพราะภารกิจสุดล่อแหลมในมิตินี้แน่ๆ
ร่างสูงกอดอกยืนหัวเราะไม่หยุด ยิ่งเห็นฉันเงอะงะแคสปาร์ก็ยิ่งสบโอกาส “ถ้าหากคิดว่าข้าเอาเปรียบท่านเช่นนั้นเอาคืนซักหน่อยดีหรือไม่”
เขาไม่รอให้ฉันตอบ ถึงฉันจะสนใจข้อเสนอก็จริงแต่ไม่ค่อยไว้ใจสายตาเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกทะเลทรายนั่นเท่าไหร่
“ให้จูบคืนละกัน” เขาสรุปแล้วล็อคคอฉันเฉยเลย แถมยังเอาแก้มของตัวเองมาชนริมฝีปากของฉันพอดิบพอดี...ฉันจะบ้าตายกับแคสปาร์จริงๆ นะ ทำไมเป็นคนปากว่ามือถึงขนาดนี้
“ว๊าย...ข้าโดนองค์เทพีลวนลามซะแล้ว”
นั่นๆ เอ็งไม่ต้อง...เอ็งไม่ต้องดัดเสียง
ฉันทำท่าคล้ายปลาทองขาดอากาศได้แต่พะงาบไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไร พลันที่บรรยากาศจากนรกกดดันให้ฉันพะงาบเพราะหายใจไม่ออกเข้าจริงๆ
“โฮ่...ดูเหมือนว่ามีพวกปัญญาอ่อนเพิ่มขึ้นอีกแล้วสินะ”
เป็นฮาเดสนั่นเอง...ฉันรู้สึกอยากร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำไมพวกเอ็งไม่รีบกลับบ้านกลับช่องไปนอน ดึกแล้วเฮ้ย!
แคสปาร์ไม่สะทกสะท้านที่ถูกเรียกเหมารวมว่าปัญญาอ่อน...ส่วนฉันปลงตกกับคำด่าของฮาเดสแล้ว...ได้แต่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนที่ยังล็อคฉันแน่นจากด้านหลังเหมือนคีมเหล็ก“เจ้าไม่ควรมาขัดเวลาสนตัวของข้ากับองค์เทพีนะฮาเดส”
โอย...คุณพี่แคสปาร์ พี่อย่าไปยั่วเฮียเขาสิ
“เวลาส่วนตัว?” ฮาเดสทวน
“ใช่ เรากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มก็เห็นอยู่...อีกไม่นานองค์เทพีก็จะเลือกข้าแน่นอน”
เฮ้ย เข้าด้ายเข้าเข็มอะไรกันคะ...อย่าพูดจาสองแง่สามง่ามแบบนั้น...นั่นๆ มาแล้ว จิตสังหารพุ่งตรงมาที่ฉันแล้ววววว ไอ้หวังตายแน่ตายแน่ไอ้หวัง...มีกันอยู่สองคนไหงเอ็งพุ่งจิตสังหารมาที่ฉันคนเดียวฟะ ฮาเดสสสสส
“พวกงี่เง่า”
โอ๊ย...ยอมแล้ว ตรูงี่เง่าก็ได้ แต่เฮียช่วยเอาจิตสังหารคืนกลับไปได้มั้ย นี่กดดันกันจนจะแกล้งตายหนีความผิดแล้วนะ
“โอ๊ย พอๆ” ฉันเหลืออด “ฉันไม่เลือกใครไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้นล่ะ”
ดูเหมือนสถานการณ์จะดีขึ้นเล็กน้อยเพราะแคสปาร์คลายการกอดรัดลงกระทันหันแล้วมองหน้าฉันอย่างแปลกใจ
“แต่งงาน?” เหมือนแคสปาร์จะแปลกใจ...จะแปลกใจทำไมล่ะไม่ใช่ว่านายก็รู้อยู่แล้วเหรอ
“การแต่งงานสำหรับพวกคุณแล้วก็คงเป็นเรื่องสำคัญไม่ต่างกับฉัน เอาไว้ฉันจะหาวิธีถ่ายทอดพลังโดยไม่ต้องแต่งงานละกัน” ฉันโกหกน่ะ ถึงเวลาก็ชิ่งสิใครจะอยู่
“ฮ่าๆๆๆ” ก็เป็นแคสปาร์รายเดิมแหละที่หัวเราะท้องแข็ง จะขำอะไรนักหนา ส่วนฮาเดสยืนนิ่ง มองที่ฉันโดยไม่พูดอะไร “ว่าแล้ว ท่านน่ารักจริงๆ”
ฉันไม่เข้าใจ คงเพราะความสงสัยปรากฏบนใบหน้าขนาดนั้นแคสปาร์จึงรีบอธิบายต่อ “ข้าเข้าใจว่าองค์เทพีเป็นห่วงพวกเราจากใจจริง...แต่เชื่อข้าเถอะว่าไม่มีวิธีไหนที่สามารถถ่ายทอดพลังในหมู่ชาวเอเธอน่าได้ดีกว่าการเสพสังวาสอีกแล้ว”
ยิ่งได้ฟังคำพูดตรงๆ แบบนั้นฉันยิ่งจุกอกเถียงไม่ออก อย่าพูดเรื่องแบบนั้นเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาได้มั้ย “แต่สำหรับฉัน...”ที่บ้านฉันเขาถ่ายพลังทางผลึกกันนะยะ
“เจ้าเป็นเทพ พวกข้าไม่ใช่”ฮาเดสพูดบ้างหลังจากที่ทนเงียบมานาน “หรือจะให้ฆ่าแล้วควักหัวใจออกมากิน”
เหวอ...ฉันมองฮาเดสแบบตาเหลือก ทำไมเฮียแกต้องได้บทพูดประมาณนี้ตลอดด้วย กลัวแล้วจ้า
ตระหนักถึงเผ่าพันธุ์ : สำเร็จ
ความสำเร็จภารกิจได้รับเผ่าพันธุ์ปลดล็อค 1/10
“เอ๋” ฉันอุทาน ปลดล็อคเฉยเลย แสดงว่าปฏิสัมพันธ์ที่มีกับพวกฮาเดสส่งผลถึงภารกิจของฉันแบบนี้ได้ด้วยเหรอ
ทั้งสองคนเหมือนกับแปลกใจที่เห็นฉันเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน ฉันเลยต้องหาเรื่องกลบเกลื่อน “แต่พวกนายไม่ใช่ว่าต้องมีคนรักอยู่แล้วหรือไง” ใช่ๆ อย่าหลอกกันให้ยาก อายุก็พอสมควร เงินทอง หน้าตาก็ดี ถ้ายังเหลือรอดมาถึงทุกวันนี้โคตรแปลก
เป็นอีกครั้งที่แคสปาร์หัวเราะคิกคัก พอโดนฉันมองดุบ้างล่ะถึงได้ทำหน้าทำตาสงบขึ้นเล็กน้อย “องค์เทพีไม่เห็นต้องกังวลเลย อย่างไรเสียข้าก็มีท่านเป็นที่หนึ่งเสมอ พวกสนมเล็กๆ น้อยๆ ไม่เห็นต้องสนใจ”
ฉันเงียบ...ปล่อยให้สมองประมวลผล
ประมวลเสร็จแล้ว...
กร๊าซซซซ....ไอ้บ้าพวกนี้มันหมายความว่ามันจะมีฮาเร็มแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ใช่มั้ย เสียทีที่ฉันอุตส่าห์ห่วง หน็อย เจ้าพวกไม่รู้สำนึก ทำตัวลั้ลลาดีนักเพราะสุดท้ายแล้วพวกแกก็ได้กับได้สินะ!! อยากจะสร้างฮาเร็มนักเดี๋ยวแม่จะจับรวบซะเลย ไอ้เจ้าชายพวกนี้มันศัตรูของผู้หญิง...ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง
เจตจำนงอันแรงกล้า : สำเร็จ
ความสำเร็จภารกิจเส้นทางสู่ฮาเร็มปลดล็อค 1/50
“เห้ยยยย” ฉันตกใจสุดขีด ไม่สนแล้วว่าสองคนนั้นจะมองว่าฉันพิลึกแค่ไหน ความคิดชั่ววูบของฉันมันปลดล็อคได้ด้วย? โอ้ว มาย ก็อด
“ท่านไม่สบายหรือ?” แคสปาร์ถามอย่างหวังดี แต่ฉันมองเห็นความชั่วร้ายของแกทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว
พอกันที ฉันมองแคสปาร์และฮาเดสสลับกันแบบไม่ไว้วางใจ...ปกติแล้วมีเพียงสิ่งที่ฉันตัดสินใจทำเท่านั้นที่ส่งผลกับเควสต์ แต่ครั้งนี้เหมือนพระเจ้ากำหนดให้ทุกความคิด ทุกอารมณ์ ทุกเรื่องราวของฉันส่งผลต่อเควสต์ได้...นี่มันก็เหมือนกับการใช้ชีวิตของฉันเลยน่ะสิ เควสต์นี้ชักจะไม่ชอบมาพากลขึ้นทุกที...เป็นอีเว้นต์พิเศษรึเปล่านะ...จะว่าไปไม่เคยมีใครรับภารกิจที่ 1,000 มาก่อน สถิติสูงสุดที่บันทึกในประวัติศาสตร์คือ 720 ภารกิจ...ต้องยอมรับว่าฉันมันคนเดียวที่บ้าพลังทำงานหามรุ่งหามค่ำ แถมบางภารกิจก็จบโดยใช้เวลาแค่ 3 วัน! ไม่ต้องชม...ฉันรู้ว่าฉันเก่ง คนอื่นอาจต้องไล่เก็บเลเวลจนครบเท่าเดิมถึงสู้จอมมารได้ แต่ของฉันบางทีแค่ได้ไอเทมส์จำเป็นกับเลเวลพอประมาณ...ฉันก็สู้ได้แล้ว เพราะเอาจริงๆ ประสบการณ์การต่อสู้ของฉันสูงอยู่แล้วในหมู่ชาวฮิสตอเรียสบวกกับได้เปรียบเรื่องมิติและเวลาสำหรับดาวบางดวง
ในเมื่อรู้แบบนี้แล้วเหมือนฉันมีโชคในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลอยู่บ้าง
“ฉันกลับล่ะ” ฉันตัดบทดื้อๆ แน่นอนว่าฮาเดสและแคสปาร์ยังคงงงอยู่ว่าฉันเป็นอะไรขึ้นมา เมื่อเดินเลี้ยวออกมาพ้นโค้งฉันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
คงเพราะระดับการซ่อนจิตสังหารของอีกฝ่ายสูงพอๆ กับเมื่อตอนที่ปลดปล่อยฉันเลยไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีเงาร่างสูงติดตามมาและจ้องมองมายังระเบียงห้องพักของฉันอยู่เป็นเวลานานแม้ว่าฉันจะดับไฟนอนไปแล้วก็ตาม