ตอนที่ 1 สวัสดีค่ะฉันเป็นผู้กล้าดีเด่น
จักรวาลนี้มีหลายมิตินะคะ ถ้าคุณกำลังคิดว่าโลกสีน้ำเงินเป็นดาวดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเหมือนมนุษย์คุณก็เชยแล้วล่ะ
อ้อ...ลืมบอกไป ชื่อของฉันคือ อากีเนส อะโกรนาสต์ ฟังดูเท่สมเป็นนักรบหญิงสุดๆ ไปเลยใช่มั้ยล่ะ แต่ไม่ต้องเสียเวลาจำหรอกค่ะ...ทำไมน่ะเหรอ เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง
คือแบบนี้...ฉันเกิดบนดวงดาวฮิสตอเรียส เอิ่ม...ไม่ใช่ฮิสทีเรีย คนละอันกันนะอย่าสับสน ที่นี่คือมิติแห่งตำนาน เอาแบบเห็นภาพก็คือสารพัดสิ่งมีชีวิตที่ถูกอันเชิญมาจากดาวของฉันนี่แหละ แต่ก่อนผู้คนบนดาวก็ไม่ได้อยากจะยึดอาชีพนี้นักหรอก แต่มีประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าเมื่อหลายแสนปีก่อนบรรพบุรุษของพวกฉันพบว่าการเป็นผู้ถูกอันเชิญมันกวาดเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ดวงดาวของฉันทำกำไรมหาศาลได้จากการส่งออกมนต์อัญเชิญประเภทต่างๆ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี่แหละค่ะ ผู้คนที่นี่ทำอาชีพนี้กันทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นสายไหน อย่างเพื่อนรักของฉันเลือกเส้นทางจอมมารในตำนาน ส่วนฉันเลือกผู้กล้าในตำนาน เคยเจอนางครั้งหนึ่งตอนโดนอันเชิญใหม่ๆ มัวแต่เล่นกันจนไม่สมบทบาท ทำเอาภารกิจล้มเหลว เมืองนั้นถึงกับเกิดสงครามกลางเมืองไปเลย ฉันกับเพื่อนโดนเรียกตัวกลับพร้อมตัดเงินค่าจ้างตามระเบียบ...ตอนนั้นยังไม่พ้นโปรด้วย เซ็งชะมัด! ส่วนพี่ชายข้างบ้านอีกคนเลือกเส้นทางอาชีพยาจกในตำนาน ตั้งแต่จำความได้ฉันเกลียดเฮียแกมาก ไปเดินเฉียดบ้านทีไรต้องเสียเงินเสียทองแบบไม่ตั้งใจทุกทีสิน่า
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ปาเข้าไป 4 ปีแล้ว ตอนนี้ฉันอายุ 21 ปี เรียกว่าประสบความสำเร็จที่สุดในบรรดาผู้เลือกสายอาชีพผู้กล้าในตำนานก็ว่าได้ นอกจากความล้มเหลวตอนนั้นถัดมาอีก 998 ครั้งสำเร็จอย่างงดงามค่ะ...วกกลับมาเข้าเรื่องชื่อสินะ ขอโทษที ได้เล่าทีไรแล้วเพลินทุกที ที่บอกว่าไม่ต้องจำชื่อนั่นก็เพราะฉันมีชื่อเรียกตามมิติที่ถูกอัญเชิญไปเพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นตำนานของแต่ละท้องถิ่นสุดๆ ที่สำคัญ พวกลูกค้าทั้งหลายที่อัญเชิญพวกฉันไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังมนต์อัญเชิญมันเป็นแบบนี้....วะฮะฮ่า ส่วนใหญ่จะคิดว่ามันเป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งของที่รักหรือทรัพย์สินมีค่ามหาศาลเพื่อพลังตอบแทน อะไรเทือกๆ นั้น
ตอนนี้ฉันเพิ่งเดินออกมาจากวงเวทย์อัญเชิญภารกิจล่าสุดลำดับที่ 999 พร้อมยิ้มแป้นแล้นในผลสำเร็จอย่างงดงาม ก็แหม ถึงกับถูกยกย่องให้เป็นเทพีแห่งสงครามเลยนะ นึกภาพตอนฟันแมงกะจั๊วยักษ์ขาดเป็นแปดท่อนก็สะใจสุดๆ เห็นฉันระริกระรี้แบบนี้อย่าประมาทคิดว่าอาชีพผู้กล้ามันง่ายล่ะ เพราะเวลาข้ามมิติพลังของฉันไม่ได้ไปด้วยหมดทุกส่วน จะถูกกดไว้ตามกฎธรรมชาติว่าด้วยเรื่องสมดุลแห่งจักรวาล จากนั้นฉันจึงทำการเก็บเลเวลเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ได้คืนพลังของตัวเองกลับมาทั้งหมดพร้อมกับได้พลังเสริมที่ถูกปรับให้เข้ากับแต่ละมิติ เช่น สมมุติว่าฉันเป็นจอมเวทไฟ เลเวล 100 แต่ดันไปผ่าเกิดที่มิติมหาสมุทรฉันอาจจะต้องถูกอัญเชิญไปในรูปลักษณ์ของเผ่าเงือกซึ่งฉันต้องทำเควสเพื่อเอาทักษะประจำเผ่าให้ครบ พร้อมเก็บเลเวลจน 100 หรือมากพอที่จะสู้ศัตรูได้ แต่เวทย์ของฉันอาจโดนเปลี่ยนเป็นเวทย์น้ำ อะไรแบบนี้ และถ้าศัตรูของฉันต้องใช้ไอเทมส์พิเศษในการฆ่า ฉันก็ต้องทำเควสตามหาของให้ครบอีกต่อ เก็ทกันแล้วใช่มั้ย?
ว่าแล้วฉันก็สะบัดเส้นผมยาวสลวยสวยเก๋ของตัวเองเบาๆ พร้อมยิ้มกระชากใจให้พวกรุ่นน้องที่กรูเข้ามาแสดงความยินดีไปหนึ่งที
“กรี๊ด...พี่แอ็กกี้กลับมาแล้ว”(ก็ฉันมันคนดัง)
“พี่แอ้กกี้อี้ๆๆๆๆๆ” (นั่น...มีเอคโค่)
“ว่าไงทุกคน ทำไมมารวมกันได้ไม่ออกไปทำงานเหรอ”ปกติฉันไม่ค่อยเจอพวกรุ่นน้องมารวมกันในเวลาเดียวกันแบบนี้หรอก ส่วนใหญ่แต่ละคนพอเสร็จภารกิจก็จะออกไปทำภารกิจต่อไป เจอกันทีละ 2-3 คนก็ถือว่าบังเอิญมากแล้ว
เวลาเพียง 4 ปีกับ 999 ภารกิจ รุ่นพี่เธอเป็นคนหรือเครื่องจักรกันแน่ “ก็พวกเราตัดสินใจอยู่รอพี่น่ะสิ ภารกิจครั้งที่ 999 ให้ตาย นี่มันตำนานในหมู่ตำนานชัดๆ” เดไลลาห์พูด เธอเป็นเด็กสาววัยรุ่นร่างเล็กเจ้าของอาชีพนักเต้นในตำนาน
“ใช่ๆ...ไปเลี้ยงฉลองกันเถอะ ลาพักร้อนซักหน่อยหัวหน้าไม่ว่าหรอก พี่ริต้าก็รออยู่” เมดิสัน แม่มดในตำนานอีกคนเสริม เธอหมายถึงริต้าเพื่อนรักของอากีเนสที่เป็นจอมมารในตำนาน พร้อมส่งสายตาระริกระรี้เต็มที่ แล้วแบบนี้อากีเนสจะปฏิเสธได้ยังไง
“ป่ะ...งั้นลุย!!” ดาวเด่นของงานกอดคอรุ่นน้องเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างครึกครื้น
หิมะแรกโปรยปรายลงมาจากฟ้าเมื่อออกมานอกวิหาร ท้องฟ้าเพิ่งเริ่มมืดได้ไม่นานจึงยังมองเห็นเป็นริ้วสีม่วงสลับน้ำเงินเข้มดูลึกลับ ทั้งหมดเดินไปที่ร้านกริฟฟอนรสดีซึ่งตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสกลางเมือง ทันทีที่เข้าไปถึงห้องที่ริต้าจองไว้อยู่ก่อนแล้วสองสาวก็ยิ้มให้กันกว้างจนแก้มปริ หลังจากนั้นจึงเป็นเวลาครึกครื้นสำมะเลเทเมาเต็มที่
สามชั่วโมงผ่านไป...
“เห้ยๆ ใครเมาอย่ามั่ว” ฉันไม่มาววว...แต่เอ ทำไมห้องหมุน
“แกแหละมาว” ริต้าตอบด้วยน้ำเสียงที่ยืดยาวผิดปกติไม่ต่างกัน ฉันว่ายัยริต้าเมาชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์
“ช่ายๆๆๆๆ” เดไลลาห์ยกตัวขึ้นตอบอะไรก็ไม่รู้แล้วฟุบหลับลงไปตามเดิม
“เหอะ...ดูนี่ สองนิ้ว เอิ๊ก” ฉันชูนิ้วให้ดูพร้อมนับเลขโชว์ เป็นไงล่ะ สติเต็มร้อยขนาดนี้ไม่มีทางเมาเด็ดขาด
สองสาวเถียงกันอย่างออกรส ในขณะที่คนอื่นๆ ในห้องมีสภาพเละเทะไม่ต่างกัน “แค่นี้ไม่ช่ายหลักฐาน” ยัยริต้ายังพยายามจับผิดฉันต่อ
“โหววว...งั้นดูนี่” คนอย่างฉันฆ่าได้หยามไม่ได้ มือล้วงงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงควานเอามือถือออกมา “อ่านหนังสือโชว์ซะเลย”
“อาวเลยๆ” ไม่รู้ลูกคู่พวกนี้มันมีสติขึ้นมากันตอนไหน พวกมันพากันส่งเสียงเชียร์เป็นเชิงว่าคืนนี้ต้องการผู้รอดชีวิตที่สตรองที่สุด!
ฉันกดโทรศัพท์มือถือ ไม่รู้จะอ่านอะไรก็เข้าแอพฯ สั่งงานที่ชื่อว่า ‘พระเจ้า’ ตามความเคยชิน ขอแบ่งสมองส่วนสาระอธิบายเกี่ยวกับแอพฯ นี้ซักหน่อย...แอพลิเคชั่นพระเจ้าเป็นวิทยาการที่ทรงอานุภาพที่สุดที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษบนดวงดาวฮิสตอเรียสมานับแสนปี มันเก่าแก่และถูกคนรุ่นใหม่พัฒนาให้ใช้ง่ายเข้ากับเทคโนโลยีขึ้นเรื่อยๆ เห็นว่าสมัยก่อนนู้นเป็นสมุดพระเจ้า, ลูกแก้วพระเจ้า ฯลฯ อันที่จริงฉันก็ไม่รู้หรอกว่าบรรพบุรุษของฉันสามารถหาวิธีติดต่อกับพระเจ้าได้จริงๆ หรือเพียงสร้างมนต์จักรกลที่ทรงพลังมากแล้วขนานนามให้ว่าพระเจ้ากันแน่ เอาเป็นว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกธุรกิจอัญเชิญข้ามมิตินี่ล่ะ
ฉันเลื่อนปัดไปปัดมา คิดในใจว่าชิบหายเลี้ยว...ทำไมตัวหนังสือมันเบลอ กะว่าจะกดอ่านงานที่เคยรับน่าจะดีกว่าเพราะฉันพอจะจำข้อความได้บ้าง มั่วเนียนไปจะได้ไม่โดนจับได้ แต่สายตาก็ไปสะดุดที่แสงสีเงินอมฟ้ากระพริบปริบๆ พร้อมบอก ‘ข้อความเข้า’ ล่อตาในด้านบนสุดของจอ
ข้อความอะไรกันเนี่ย
...ลองกดดูดีมั้ยนะ ฉันเริ่มคันมือนิดๆ
แต่มันแปลกๆ พระเจ้าไม่เคยเป็นแบบนี้ เกิดมันเป็นไวรัส?...สติอันน้อยนิดร้องเตือน
คันมืออ่ะ ฮิๆๆๆๆ (นางมารในใจของฉันสั่งการ)
คันมืออ่า
คันมือโว้ยยย
สุดท้ายไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครชนะ!
ฉันตัดสินใจกดแถบสีเงินในที่สุด
ฟึ่บ!
หน้อจอโทรศัพท์ของฉันมืดลงให้ได้ช็อคค้างไปหนึ่งวิ ก่อนจะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง
“โปรดตอบรับคำอัญเชิญ”
“โธ่เอ๊ย...ที่แท้ก็ภารกิจธรรมดา” ฉันงึมงำ
“อะรายเหรออากีเนส” ริต้าถามเมื่อเห็นฉันเงียบไป
“อ่อ ภารกิจน่ะ มือไปกดโดน แต่สงสัยเครื่องจะมีปัญหานิดหน่อยไม่ยอมบอกรายละเอียดของผู้อัญเชิญ”
“แล้วจารับม้าย” ริต้ายังซักฉันต่อ
ใจหนึ่งฉันไม่อยากรับเพราะตั้งใจจะหยุดเที่ยวหลายวัน แต่อีกใจก็นึกห่วงฝั่งคนอัญเชิญอยู่ ส่วนใหญ่แล้วคนพวกนี้มักมีปัญหา ฉันเคยเจอแบบโดนเห็บมังกรเกาะที่หัวจนหัวบุบแต่ดันอัญเชิญผู้กล้าแทนที่จะอัญเชิญหมอในตำนาน ฉันก็เลยได้แต่เลยตามเลยทำเควสรับอาชีพหมอไปเพราะสงสาร แถมพ่วงภารกิจปราบตัวการอย่างมารเห็บมังกรต้นเหตุของเห็บลูกๆ ฮีไร่สมเป็นผู้กล้าไปอีก...หุหุ
“รับ” ฉันตอบสั้นๆ พลางเดินส่ายออกไปนอกห้อง การโดนอัญเชิญฉันสามารถยืนที่ไหนก็ได้ที่เป็นพื้นโล่ง เพียงแค่มีแอพฯ พระเจ้า แต่ขากลับฉันจะถูกดีดส่งมาวิหารอย่างที่เห็นทีแรก เพราะมนตราการตรวจคนเข้าเมืองที่สภาผู้เฒ่าลงเอาไว้
ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้งด้วยอาการมึนๆ ความไม่ประมาณตัวเองกำลังจะทำให้ฉันเจอหายนะในอนาคต
“ระบบจะทำการส่งคุณไปใน 3...2...1...”
วูบ
โลกทั้งใบของฉันตีลังกากลับ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการเมาในขณะที่ขนส่งจะทำทุกสิ่งชิบหายวายปป่วงขนาดนี้ ฉันรู้สึกตื้อในหัวขึ้นหลายเท่า ดวงตาเบลอจนจับโฟกัสไม่ได้ ท้องไส้ปั่นป่วนจน...
อ้วกกก!!!
เสียงอาเจียนพร้อมกับตัวฉันโก่งขย้อนอาหารเย็นออกมาอย่างแรงหมดพุง ฉันยิ่งเบลอหนักเข้าไปอีก สองขาเซปัดจนล้มจ้ำเบ้าไปด้านหลัง รู้สึกถึงแรงยื้อที่ต้นแขนลากฉันไปยังที่ไหนก็ไม่รู้
จากนั้นทุกอย่างก็มืดลง