LOVING YOU 1
1
@ห้างสรรพสินค้า
เวลาหกโมงเย็นที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายทั้งนักเรียน นักศึกษา คนทำงานที่ต่างเดินกันเป็นกลุ่ม เป็นคู่กันอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
หนึ่งในนั้นมีฉันเอง 'แพรวา' ที่กำลังเดินมองซ้ายมองขวาอยู่คนเดียวเดินผ่านคู่รักที่เดินจับมือกันเดินผ่านไปผ่านมา
เฮ้อ ~
ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะเดินหาที่นั่งและหยิบโทรศัพท์ออกมาขึ้นกดส่งไลน์หาใครบางคนที่เป็นคนให้ฉันมาหาห้าง!
แพรวา : อยู่ตรงไหน
แพรวา : ?
"..." พิมพ์ส่งไปแล้วก็เงยหน้ามองรอบๆก่อนจะก้มหน้ามองแชทที่ขึ้นว่าอ่านแล้ว
ไลน์!
ปริ๊นซ์ : #แนบรูป
ปริ๊นซ์ : เจ้เดินมาหาดิ
"…" ฉันกรอกตามองบน มันน่ามั้ย มันน่าโดนสักป้าบมั้ย? ฉันอยู่อีกที่มันอยู่อีกฟากหนึ่งเนี่ย น้องชายมาโปรดจริงๆค่ะ
ติ๊ด!
"ไอ้ปริ๊นซ์ ขี้เกียจเดินเว้ยแกนั่นแหละเดินมาหาชั้น" ฉันกดโทรหามันทันทีเมื่ออ่านข้อความจบ พอรับสายฉันก็โวยไปทีหนึ่งแล้วปลายสายหัวเราะกลับมา
[เจ้ใจเย็น5555555 นี่กำลังเดินไปหาเนี่ย]
"เออ" ฉันฉุดคิดและเงียบไปไม่ด่าละ "เร็วล่ะ หิว!"
[ถึงกับขึ้นเสียงนะ]
"ซอรี่จ้า- -" ฉันตอบกลับไปและกดวางสาย จริงๆไม่ได้เป็นคนหัวร้อนนะคะ แก้ตัวก่อน(. .)
ชีแพรวาคนนี้เป็นเด็กจบใหม่ได้สองเดือนที่กำลังหางานทำอยากจะบอกว่าหลังจากเรียนจบที่ต้องเผชิญกับการเข้าสู่วัยทำงานแบบจริงจัง บอกตรงๆว่าฉันเคว้งมาก..
ปกติไปเรียนถึงเวลาก็ตื่นไปมหา'ลัย สอบก็นั่งอ่านหนังสือท่องจำดึกๆดื่นๆ พอถึงช่วงเวลาที่เราต้องมาหางานก็เครียดเหมือนกัน ป๊าเองก็บอกว่าเรื่อยๆไม่ตอบรีบ หางานที่ฉันอยากทำจริงๆ
หลังเรียนจบฉันก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านก่อนคิดว่าตัวเองคงหางานทำได้เร็วแน่นอนแต่มันบ่แมนค่ะสู.. แต่ก็บอกตัวเองว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเราก็ยังมีวันข้างหน้าละวะ
วันนี้อาจจะดูหัวร้อนเพราะหนึ่งฉันไปสัมภาษณ์งานที่สมัครไว้แล้วไม่เป็นอย่างที่ใจหวังสักเท่าไหร่ สองตอนลงบีทีเอสมีมนุษย์ลุงที่เดินมาชนไหล่ฉันจังๆไม่ขอโทษด้วยนะมองหน้าแล้วเดินไปเลย! ถึงอย่างนั้นอะไรก็แล้วแต่..
สู้สิแพรวา ฮึ้บ!
ป้าบ!
"เจ้!"
"ไอ้!!" ไหล่ฉันเจ็บจี๊ดตามแรงตบลงมาก่อนจะหันไปมองคนที่อยู่ในชุดนักเรียนหัวเราะอย่างถูกใจ "ไอ้ปริ๊นซ์.."
"55555โทษๆๆ"
"หน้าเจ้มันเล่นมั้ง- -"
"แป่วว ปะดิ หาไรกินเดี๋ยวน้องเลี้ยงเอง"
ฉันขมวดคิ้วและนึกทีละคำตามที่ปริ๊นซ์พูดออกมา "เลี้ยง-เอง?"
"ใช่ ป๊าไลน์มาบอกว่าปลอบใจเจ้หน่อยฉวดงานอีกแล้ว" ปริ๊นซ์ยิ้มกว้างยักคิ้วให้ฉันทีหนึ่ง แน่นอนว่าเจ่เจ้อย่างฉันไม่ปฏิเสธน้ำใจของน้องชายที่ห่างกันเจ็ดปีคนนี้หรอก
พรึ่บ!
ฉันยิ้มกว้างในหัวคิดแล้วว่าจะกินอะไร ะผลาญเงินกับค่าอาหารของไอ้ปริ๊นซ์ไปเท่าไหร่ดีน้า~ แต่แล้วความคิดก็ต้องสะดุดเมื่อเจ้ามือพูดชื่อเมนูมาถึงกับดับฝันข้าวหน้าปลาแซลมอนของฉันไปเลย "!"
"เตี๋ยวเนอะ"
"หะ เตี๋ยวเหรอ?"
"ไมอะ หน้าเจ้ดูสิ้นหวังจัง"
ฉันกำมัดแน่นกัดฟันกรอดจ้องหน้าไอ้ปริ๊นซ์ที่หัวเราะแล้วเดินนำไป "เอ้อ เตี๋ยวเล็กเนื้อน้ำตกต้มยำ!"
"ก็จัดไปค้าบบบ!"
"…" เอาล่ะๆ จัดการความรู้สึกที่ไม่ดีของวันนี้ทิ้งไปตรงนี้แล้วเริ่มต้นกันใหม่ในวันพรุ่งนี้นะอีแพร มึงทำด๊าย! แล้วก็เดินตามน้องชายที่อายุ15แต่สูงเกือบร้อยแปดสิบไปแล้วตอนนี้และคิดว่ามันจะหยุดสูงตอนไหนอ่ะถามจริง
โตเร็วมากกกกก ตอนนั้นยังเห็นตัวกระเปี๊ยกวิ่งตามตูดฉันต้อยๆอยู่เลยหรือเพราะฉันแก่แล้ววะ? ไม่ดิเพิ่ง 22 เองเอาไรมาแก่เนอะ//ตีปากตัวเอง นี่แนะ!
และบุคคลที่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเช้า เที่ยง เย็น ทุกวันแบบไอ้ปริ๊นซ์ก็ถูกใจเป็นที่สุดนั่นแหละค่ะ5555555 แล้วมันก็บอกว่าจะเลี้ยงอย่างที่พูดจริงๆ
แถมพูดว่า 'เค้าเชื่อว่าเจ้ต้องได้งานทำแน่ พอมีงานทำมีเงินเดือนแล้วเค้าก็ได้คนขอเงินเพิ่มนอกจากป๊าให้ละ สบายใจ'
ขอบคุณสำหรับคำปลอบโยนจากน้องชายฉันนะคะ ซึ้งมากๆ รักมากเช่นกันT^T
ฉันกลับมาถึงบ้านตอนสองทุ่มกว่าๆเดินขึ้นมาบนห้องตัวเองอาบน้ำอาบท่าแล้วมานั่งหน้าคอมหางานต่อไป "…"
ระหว่างที่ฉันสมัครงานไปเรื่อยๆนั้น ฉันแว้บไปช่วยโกวหยาดน้องสาวของป๊าที่มีธุรกิจคาเฟ่อยู่ บางทีก็ไปช่วยทำหน้าที่แคชเชียร์บ้าง เสิร์ฟบ้าง คือบางวันฉันขี้เกียจอยู่บ้านน่ะค่ะก็สนุกดีนะได้คุยได้เจอผู้คน
..
..
สองอาทิตย์ต่อมา..
ก๊อกๆๆ
"หนูขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ใช่มั้ยลูก?" ป๊าเคาะประตูพร้อมกับชะเง้อหน้ามาถาม
"ใช่ค่ะๆ"
"กี่โมงป๊าจะได้ไปส่ง"
ฉันบอกเวลาที่จะขึ้นเครื่องไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนในวันพรุ่งนี้ให้ป๊าได้รู้ก่อนที่ป๊าจะปิดประตูให้ "ช่วงนี้อากาศร้อนแต่มีลมต้องใส่เสื้อสบายๆแล้วก็เอาเดรสไปตัวหนึ่งใส่ถ่ายรูปที่คาเฟ่สักหน่อยย อิอิ"
ลั้ลลาในการจัดเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าอยู่แป๊บหนึ่งจัดเสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นมาตอบแชทเพื่อนสนิทที่แม่มันชวนฉันไปเที่ยวเชียงใหม่ในครั้งนี้ บอกเลยว่าตื่นเต้นเพราะไม่ได้ไปนานแล้ววว วีดิโอคอลคุยกับ 'ผ้าแพร' ที่กำลังนั่งผับเสื้อผ้าเข้ากระเป๋า
นี่แหละค่ะเพื่อนสนิทที่ชื่อเหมือนกันหนึ่งเดียวของฉันที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงป.สามแล้วผ้าแพรก็ย้ายไปเรียนต่างจังหวัดตามแม่ก่อนจะกลับมาเจอกันตอนขึ้นม.1 เราเรียนด้วยกันจนจบมอปลายแล้วคิดว่า..เอาล่ะ! ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันแล้วเพื่อนสาววว
แต่.. สอบติดคณะเดียวกัน มหา'ลัยเดียวกัน ไปเรียนด้วยกันอยู่คอนโดห้องติดกัน ไปไหนไปกันพ่อแม่เราสองคนก็รู้จักกันตั้งแต่พวกเราเข้าอนุบาล ครอบครัวก็เลยไว้ใจเวลาพวกเราไปเที่ยว ดีใจ บ้าๆบอๆ ร้องไห้ด้วยกันแล้วก็ไม่ใช่เป็นคนไม่มีเพื่อนเพียงแต่เราสนิทกันสองคนง่ะ(. . )
"เจอกันพรุ่งนี้นะมึง" ผ้าแพรโผล่หน้ามาบอกฉัน
"ค่ะซิส"
"กูตื่นเต้นไม่ไหวล่ะ! อยากไปถ่ายคาเฟ่ที่ส่งให้อ่ะ"
"ได้ กูมันตากล้องส่วนตัวของมึงนี่หว่า มีผ้าแพรก็ต้องมีแพรวาอะค้าบพี่" ฉันยักคิ้วแล้วหัวเราะออกมาโบกมือหยอยๆบอกลาเพราะมันต้องไปคอลหาที่รักมันก่อน "เจอกันๆ"
เช้าวันต่อมา..
ฉัน ผ้าแพร และน้าไมตรีแม่ของผ้าแพรมาขึ้นเครื่องที่สนามบินกันตั้งแต่ไพลท์เช้าแล้วแม่ผ้าแพรก็บอกว่าเดี๋ยวไปถึงจะมีรถมารับกับเพื่อนๆแม่เต็มเลย ฉันก็แบบโอเคไปกับเพื่อนๆแม่เหรอ? ไม่เป็นไรเราสองคนสนุกกันได้ในหมู่ผู้ใหญ่ค่า :D
ผ้าแพรอัปสตอรี่ตั้งแต่ก่อนจะบินจนตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงครึ่งที่เดินออกมาจากเกทและตรงไปหาแม่ๆที่กำลังยืนคุยกันอยู่ ฉันและผ้าแพรสวัสดีแม่ๆก่อนที่จะเดินขึ้นรถไปด้วยความตื่นเต้น
"บรรยากาศดี ผ้าแพรช้อบชอบบ" ผ้าแพรขึ้นรถมาก็ยกมือทาบอกมองออกไปที่เห็นภูเขาหลายลูก
ที่แรกจะไปที่ไหนน้า ? เล็ทซึโกกกกก วู้ววว!
บรื้นนน บรื้นนน
"..." ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิวข้างทางและเปิดเพลงฟังไปเรื่อยๆ รถก็แล่นไปตามความเร็วปกติแม่ๆก็นั่งคุยกันเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหน้า วัยสะรุ่นอย่างเราสองคนก็นั่งหลังสุด
10:15 น.
พรึ่บ!
ฉันและผ้าแพรมองหน้ากันเมื่อทัวคณะแม่ๆและเราสองคนมาถึงลงจากรถภายในวัดเงียบสงบลมพัดกระทบหน้าเย็นๆก่อนจะหันมองหน้ากัน ฉันเอ่ยความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวก่อนเลย "พามาไหว้พระเอาฤกษ์ก่อนนี่เอง.."
"เออๆ เอาหน่อยๆ" ผ้าแพรยิ้มยกมือไหว้นิ้วโป้งจรดหัวคิ้ว
แล้วก็มีแม่ชีที่เดินนำพวกเราคุยกับแม่ๆไปเรื่อยๆพาชมบรรยากาศวัดก่อนที่จะพามาที่หนึ่งและประโยคที่ทำเอาฉันและผ้าแพรเกือบหงายหลังเลยก็คือ 'เดี๋ยวจะนอนที่นี่กัน..'
ขวับ!
"O.O" ฉันและผ้าแพรหันหน้ามองกันก่อนจะโดนผ้าแพรลากแขนเดินมาห่างผู้คนหน่อย
"ไหนแม่มึงบอกว่ามาเที่ยวไง?" ฉันเลิกคิ้วมองไปทางผ้าแพรที่เปลี่ยนอารมณ์แบบรวดเร็ว
"ที่มึงยืนหายใจเข้าออกตอนนี้คืออยู่เชียงใหม่มั้ย?"
"เอออยู่ แล้วศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดxxxxนี่คือ?" ฉันอ่านป้ายช้าๆอีกครั้งว่าไม่ได้ตาฝาดไป
"55555555555555มึง กูก็โดนแม่หลอกว่าพามาเที่ยวเหมือนกัน ฮืออ อีแพรร!TT"
"เอาเหอะ ตอนม.1โรงเรียนเคยพาไป4วัน3คืนยังทำได้อันนี้2คืน ปล่อยใจ สักหน่อยไป" ฉันพยักพเยิดตบไหล่เพื่อนสนิทตัวเอง ฉันเองก็ปรับอารมณ์แทบไม่ทันเหมือนกัน
"..เหรอวะ" ผ้าแพรทำหน้าละเหี่ยใจ
"อืม คุณทำได้ สำรวมกิริยาท่าทางและการพูดด้วยค่ะ"
"อะ เริ่มเล้อะะ?" ผ้าแพรเบ้ปากมาทางฉัน "ก็ว่าทำไมแม่บอกว่ามีเตรียมชุดให้กูกับมึง ตอนแรกคิดว่าเป็นชุดคู่สวยๆแต่ตอนนี้ข้างในคงจะเป็นชุดขาวแน่นอน"
"แพรก็คิดแบบเพื่อนแพรนะ" ฉันเอามือประกบกันด้านหน้าและยิ้มบางๆไปทางผ้าแพรที่แค่นยิ้มออกมา ก่อนที่เราสองคนจะเดินไปสมทบกับพวกแม่ๆ
"เอ.. ครั้งนี้พาลูกสาวมาด้วยเหรอ" แม่ชีถามขึ้น
"ใช่ค่ะ ลูกดิฉันและเพื่อนของเขาน่ะค่ะ บ่นเหงาๆกันก็เลยพามาด้วยเลย"
"..." ฉันส่งยิ้มไปให้ทั้งแม่ชีและแม่ๆที่มองมาที่เราสองคน แต่ในใจคือ แม๊!!!!! การที่พวกเราบ่นว่าเหงาไม่ได้หมายความว่าให้พามาวัดมาปฏิบัติธรรมด้วยนะคะ(_ _)
"เดี๋ยวเอากระเป๋าไปเก็บ เปลี่ยนชุดแล้วไปรวมกันข้างบนนะ" แม่ชีเอ่ยก่อนจะเดินขึ้นไปบนอาคาร
"สองแพรลูก นี่ชุดขาวแม่เตรียมไว้ให้เราสองคนแล้ว"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันรับไว้มาถือมองหน้ากับผ้าแพรว่าที่เราคิดคือถูกเป๊ะ จบแล้วชุดเดรสที่เตรียมไปถ่ายคาเฟ่ อะไรกัน ไม่เห็นแม้แต่คาเฟ่สวยๆด้วยซ้ำ ยังดีนะที่ได้มองวิวข้างทางสวยๆมาเต็มตาแล้ว
ตึก ตึก ตึก ตึก
"ร้อนๆเหมือนฉันไหม?" เพราะว่าอยู่ในวัดจึงต้องสำรวมนั้น ผ้าแพรก็สุภาพและน้ำเสียงที่ใช้พูดกับฉันก็ดูซอฟลงขึ้นมาทันทีจนฉันแทบจะเอาหูไปใกล้ๆว่ามันพูดอะไร
"หะ?" ฉันทำหน้าเด๋อๆขยับไปใกล้เพราะไม่ได้ยิน
"เข้าวัดแล้วร้อนๆมั้ย?"
ฉันเบ้ปาก "ก็เวอร์ไป.."
"เราสบายใจแล้ว ตายไปก็เจอกันอยู่ดีเนอะเพื่อนแพร" ผ้าแพรยิ้มกว้างเอามือมาวางบนไหล่ตบเบาๆ "มาสู้ไปด้วยกันนะเพื่อนแพร เราจะผ่านสามวันนี้ไปให้ได้"
"แพรวาเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง" ต่างให้กำลังใจกันและกันแต่หารู้ไม่ว่าน้ำเสียงสิ้นหวังขนาดไหน แต่ก็น่ะ มาแล้วเนอะ
ถ้าครั้งหน้าแม่อีแพรชวนไปเที่ยวอีกฉันขอคิดดูก่อนนะคะจะไม่รีบตกลงทันที แหะๆ เราเปลี่ยนมาเป็นชุดขาวเสร็จผ้าแพรก็ถ่ายลงสตอรี่และแท็กมาหาฉัน..
phapraeee : @praewaprae หนูกลายเป็นคนใจเย็นด้วยการนั่งสมาธิของหนูอะค่ะ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น