บรรยากาศยามบ่ายของจังหวัดเชียงรายมาพร้อมกับแสงแดดเจิดจ้าและอากาศร้อนอบอ้าว แต่คาเฟ่เล็กๆที่ซุกตัวอยู่ในสวนชานเมืองรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่กลับให้ความรู้สึกร่มรื่นชวนผ่อนคลาย ตรงสวนด้านหลังมีน้ำตกจำลองสร้างจากหินหลายขนาดวางซ้อนทับกันลดหลั่นเป็นระดับ เสียงน้ำกระทบก้อนหินเหมือนดนตรีวิเศษที่ทำให้ผู้คนผ่อนคลาย บนต้นไม้สองสามต้นมีบ้านเล็กๆสีขาวน่ารักซุกตัวอยู่อย่างสงบ นกหลายตัวกำลังส่งเสียงพูดคุยกันเจื้อยแจ้วดังไม่ได้สรรพ
คาเฟ่แห่งนี้เป็นที่ประจำของสามสาว ปิยปาณ ปารมีและพีรยา พวกเธอเป็นเพื่อนรักที่รู้จักกันมานานหลายสิบปี เมื่อเดือนก่อนสามสาวเพิ่งจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยพร้อมกัน
สองในสามสาวนั่งจ้องนิตยสารบัญเทิงบนโต๊ะที่ทำจากไม้สักทองทรงกลม ตาแทบไม่กระพริบ ในรูปเป็นสามหนุ่มหล่อสุดฮ็อตที่กำลังโด่งดัง ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ ทั้งสามเป็นเพื่อนรักต่างอาชีพได้แก่...นายอำเภอ ครูใหญ่และกำนัน
ผู้ชายอะไรหล่อเหมือน...เหมือนอะไรน้า...
อ๋อ...หล่อเหมือนเทพบุตร!
มิน่าล่ะสาวๆถึงได้ให้ฉายาสามหนุ่มหล่อว่า “เทพบุตรสีกากี”
พีรยาและปารมีคิดในสิ่งเดียวกันในใจโดยไม่ได้นัดหมาย ท่าทางของพวกเธอเหม่อลอย ดูแล้วคล้ายเด็กวัยรุ่นที่กำลังตกหลุมรัก ทั้งที่อายุของพวกหล่อนก็ไม่น้อย
“พวกเธอจะกินรูปนั้นแทนข้าวหรือยังไง” เสียงใสๆดังมาจากปิยปาณ เธอเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ไม่โดนความหล่อ บาดตา บาดใจ...บังตา
“ใครจะโชคดีเกิดมาสวยเหมือนเธอล่ะยัยป่าน ถึงจะมีเทพบุตรแปลงกายมาเธอก็ไม่สนใจอยู่แล้วใช่ไหม” ปารมีหมั่นไส้เพื่อนสนิทที่เกิดมามีคุณสมบัติเพียบพร้อม จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเหน็บแนม
ปิยปาณเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และคุณพ่อของเธอก็ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาว จึงไม่มีหนุ่มๆคนไหนกล้าลองดี เธอโตจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีแฟนกับเขาเลย
“นั่นน่ะสิ ฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆ” พีรยาเงยหน้าขึ้นมาจากนิตยสาร พยักหน้าเห็นด้วย มองดูปิยปาณแค่แวบเดียว จากนั้นสองสาวก็ดึงสายตากลับมาที่บทความในนิตยสารของสามหนุ่มหล่อ ไม่สนใจเพื่อนสาวอีกต่อไป
“ตกลงเธอเลือกคนไหน ฉันว่านายอำเภอก็ดูดีนะ หล่อแบบเข้มๆดุๆ” พีรยาแนะนำ “หรือว่าครูใหญ่...ถึงจะเจ้าสำอางไปหน่อยแต่ก็ดูดี...มากกก”
ปารมีมองดูรูปครูใหญ่ที่หน้าตาแม้จะไม่เย็นชาไร้ความรู้สึกเหมือนคุณกำนัน แต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกหยิ่งทะนง เธอทำหน้าแปลกๆ ส่ายหน้าพูดว่า
“ฉันว่ากำนันดูเร้าใจเป็นที่สุด รูปก็หล่อ กล้ามก็โต...ถึงหน้าตาจะไม่มีความรู้สึกเหมือนน้ำแข็งก็เถอะ แต่ฉันว่าเค้าดูเร้าใจดีออก” ในที่สุดปารมีก็ตัดสินใจได้ ทำหน้าจริงจังพยักหน้าให้อีกคน “ตกลงฉันเลือกคุณกำนัน ชื่ออะไรน้า...” เธอกวาดสายตามองหาชื่อในบทความอย่างรวดเร็ว
“อิชย์ อ้อ...กำนันอิชย์”
ปิยปาณที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือท่องเที่ยวอยู่ถึงกับถือหนังสือค้าง เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวทั้งสอง ก่อนจะโพล่งถามออกไปเสียงดังลั่น
“เมื่อกี้เธอว่ากำนันชื่ออะไรนะ?!”
ปารมีขมวดหัวคิ้วมองปิยปาณที่ทำหน้าตกอกตกใจราวกับโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ ด้วยสีหน้าแปลกใจระคนสงสัย
“กำนันอิชย์ ทำไมป่าน...เธอรู้จักเค้าเหรอ” ประกายบางอย่างวาบผ่านนัยน์ตาคู่สวย ปิยปาณส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ป่านจะรู้จักคุณกำนันน้ำแข็งของรุ้งได้ยังไง”
พีรยาหรี่ตามอง เอ่ยถามอีกฝ่าย “แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าคุณกำนันเค้ามีฉายาว่ากำนันน้ำแข็ง”
ปิยปาณท่าทางลนลานเหมือนคนมีความผิด ตะกุกตะกักรีบพูดว่า “ก็...คือว่า...เมื่อ...เมื่อกี้รุ้งพูดเองว่าเค้าเหมือนน้ำแข็ง” เธอเบือนหน้าไปอีกทางพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะชะโงกหน้ามองดูนิตยสาร
“ตกลงคนนี้” นิ้วเรียวสวยจิ้มลงบนรูปใบหน้าคมเข้มที่ไร้ความรู้สึกบนปกนิตยสาร “จะเป็นกำนันหรือนายแบบกันแน่” น้ำเสียงของเธอมีอคติกับอีกฝ่ายอย่างปิดไม่มิด “ฮึ...คงตัดสินใจไม่ได้สิท่า”
สองสาวมองหน้าปิยปาณเขม็ง ท่าทางแปลกๆของเธอ...ช่างน่าสงสัย
พอปิยปาณสบสายตาสองคู่ที่เตรียมพร้อมจะสอบสวนเธอเต็มที่ เธอจึงรีบพูดตัดบท “ป่านไปก่อนนะ...แล้ววันหลังค่อยเจอกัน พอดีคุณพ่อจะพาไปทานข้าวนอกบ้าน ป่านต้องกลับไปเตรียมตัว”
ปิยปาณคว้ากระเป๋าถือเดินออกจากคาเฟ่ไปทันที ปล่อยให้พีรยาและปารมีได้แต่มองหน้ากัน พลางก้มลงมองดูรูปของกำนันอิชย์บนปกนิตยสารโดยไม่ได้นัดหมาย คิดในใจว่าต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ พวกเธอต้องคอยจับตาดูยัยป่าน เพราะสงสัยว่ารายนั้นอาจจะมีของดีแล้วไม่ยอมบอกเพื่อนฝูง เก็บเอาไว้กับตัวคนเดียวเพราะหวงของหรือเปล่า?
เย็นวันเดียวกันนั้นเอง ผู้ว่าราชการจังหวัด...คุณธงชัย ควงลูกสาวสุดสวยไปทานข้าวที่ร้านอาหารใจกลางเมืองเชียงราย ถึงจะไม่ใช่ร้านอาหารห้าดาวที่อยู่บนโรงแรมหรู แต่ร้านอาหารบ้านสวนแห่งนี้ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารรสเลิศและบรรยากาศร่มรื่น ด้านหน้าปลูกต้นไม้ยืนเบียดเสียดกันหลายต้น ด้านหลังละลานตาไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ส่งกลิ่นหอมอบอวล ลมเย็นพัดผ่านใบหญ้าพลิ้วไหวเหมือนคลื่นทะเล
ปิยปาณแต่งกายง่ายๆด้วยชุดกระโปรงสีขาวอมชมพูความยาวครึ่งเข่า ตรงปลายมีผ้าลูกไม้เล่นระดับ ที่คาดผมทำจากผ้าฝ้ายเข้าชุดกัน เครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวบนตัวเธอคือสร้อยทองคำขาว จี้เพชรรูปร่างคล้ายดอกทานตะวัน ของขวัญที่บุพ-พการีมอบให้เมื่อเธอเรียนจบ
บริกรท่าทางคล่องแคล่วเดินนำสองพ่อลูกไปยังโต๊ะที่จองไว้ตรงระเบียงด้านหลัง ยื่นออกไปตรงสวนดอกไม้ ผีเสื้อสองตัวสีเหลืองสลับดำบินวนเหนือกระถางดอกกุหลาบสีแดงสด
“คุณพ่อเชิญใครมาทานข้าวด้วยเหรอคะ” ปิยปาณเอ่ยถามเพราะสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะจัดจานชามเข้าชุดกันสำหรับสามที่ “ใครกันคะ ป่านรู้จักไหม”
“ป่านต้องรู้จักอยู่แล้วสิ ไม่งั้นพ่อจะเชิญเขามาทำไม” ผู้ว่าธงชัยพูดยิ้มๆ ท่าทางมีเลิศนัย
“เขา...ใครคะ?” หญิงสาวขมวดหัวคิ้ว เห็นสายตาแปลกๆของคุณพ่อเธอก็อดสงสัยไม่ได้
“เดี๋ยวลูกก็รู้เอง” คุณธงชัยยกแก้วน้ำเย็นเฉียบที่มีไอเกาะอยู่ขึ้นดื่ม ส่งยิ้มน้อยๆให้ลูกสาว พลางเอนกายผิงพนักเก้าอี้ท่าทางสบายอารมณ์
ปิยปาณคาดเดาว่าแขกคนนี้เป็นใคร เธอนั่งหันหลังให้กับทางเดินจึงมองไม่เห็นว่าแขกสำคัญที่พวกเขารอคอยมาถึงแล้ว
ผู้ว่าธงชัยยกมือขึ้นทักทายอีกฝ่าย ส่งยิ้มให้อย่างคนคุ้นเคย
ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงยกมือไหว้คนสูงวัยกว่า สายตาคมกริบหยุดอยู่ที่ร่างอรชรชั่วครู่หนึ่ง “ขอโทษที่ผมมาสายครับคุณอา” เขาพูด
เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยทำให้ปิยปาณเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามอย่างไม่เชื่อสายตา รูปของเขาบนปกนิตยสารดูดีมาก แต่ตัวจริงกลับดูดีกว่าหลายเท่า รูปร่างกำยำสูงสง่า คิ้วเรียวพาดเฉียงเหนือนัยน์ตาสีเข้ม ริมฝีปากหยักหนารับกับใบหน้า จมูกโด่งเป็นสัน ผิวคล้ำแดดอย่างคนที่ออกกำลังกลางแจ้งเป็นประจำ แล้วยังมัดกล้ามขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อยืดเนื้อดีดูมีราคา เธอไม่สงสัยเลยว่าทำไมสาวๆต่างคลั่งไคล้กำนันหนุ่มหล่อไฟแรงคนนี้
“ไม่เป็นไร อากับป่านเพิ่งจะมาถึง ป่านจำพี่อิชย์ได้ไหม” คุณธงชัยหันไปถามลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย ปิยปาณยังคงตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ส่วนกำนันรูปหล่อหน้าตาไร้ความรู้สึกแค่ปรายตามองเธอนิดเดียว...นิดนึงเท่านั้น แล้วสายคมกริบก็หยุดอยู่ที่จี้สร้อยคอรูปดอกทานตะวัน
ได้ยินเสียงกระแอมกระไอของคุณพ่อปิยปาณจึงได้สติ ยกมือไหว้กำนันรุ่นใหม่ไฟแรงก่อนพูดขึ้น
“เพื่อนป่าน...ทั้งยัยนรีกับยัยรุ้งตอนนี้กำลังคลั่งไคล้หนุ่มหล่อบนหน้าปกนิตยสารค่ะคุณพ่อ แล้วหนึ่งในนั้นหน้าตาเหมือนพี่อิชย์...เหมือนมากอย่างกะถอดจากพิมพ์เดียวกัน” เธอเปรยกับคุณพ่อแต่จงใจพูดให้อีกหนึ่งหนุ่มได้ยิน คราวนี้กำนันน้ำแข็งมีปฏิกิริยาเล็กน้อย นัยน์ตาคมเข้มมองเธออย่างค้นคว้า
ผู้ว่าธงชัยกลับหัวเราะชอบใจ “นั่นสิ พี่อิชย์หล่อมากใช่ไหม ขนาดสาวๆที่ทำงานพ่อยังมีเทพบุตรสีกากีแฟนคลับ” ท่านผู้ว่าหันไปพูดกับชายหนุ่ม “ถ้าพวกสาวๆรู้ว่าอาจะมาทานข้าวกับอิชย์ พวกเธอคงจะฝากขอลายเซ็นกันเป็นแถว” คุณพ่อปิยปาณพูดแกมหัวเราะ
กำนันอิชย์แม้จะมีใบหน้าที่แสนเย็นชา แต่ประกายตาไม่พอใจที่วาบผ่านก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยกว่า ท่านผู้ว่าจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา พลางลอบสังเกตสองหนุ่มสาวที่หยั่งเชิงอีกฝ่ายทางสายตา ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
“มากันพร้อมหน้าแล้วเราก็สั่งอาหารเลยก็แล้วกัน”
ทั้งสามสั่งอาหารง่ายๆสี่ห้าอย่าง เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงบริกรก็นำอาหารเลิศรสมาเสิร์ฟ ขณะรับประทานอาหารผู้ว่าธงชัยก็เป็นคนผูกขาดการสนทนา เพราะสองหนุ่มสาวไม่ได้ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย คนหนึ่งไร้ความรู้สึกเยียบเย็นยิ่งกว่าก้อนน้ำแข็ง อีกคนก็ทำท่าเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างปิดไม่มิด
ผู้ว่าธงชัยลอบถอนหายใจอย่างปลงๆ แผนจับคู่ของเขาคงจะหมดหวังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม แต่ว่าไหนๆสองหนุ่มสาวก็เจอกันแล้ว ลองดูหน่อยก็คงไม่มีอะไรเสียหาย
“ป่านจำได้ไหมว่าตอนเรายังเด็ก...ชอบวิ่งไล่ตามพี่อิชย์ ขลุกอยู่กับพี่เค้าที่บ้านทั้งวันจนพ่อต้องให้คนไปตามเราถึงที่บ้านพี่อิชย์ ป่านถึงได้ยอมกลับบ้าน” คุณพ่อของปิยปาณทบทวนความหลัง
“นานขนาดนั้นป่านจำไม่ได้หรอกค่ะคุณพ่อ” ปิยปาณเขี่ยอาหารในจานไปมา จงใจไม่มองหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“นั่นสิครับคุณอา นานขนาดนั้นแล้วป่านจะจำได้ยังไง อีกอย่างป่านก็ความจำสั้นด้วย” เขาคลี่ยิ้มตามมารยาท แต่นัยน์ตาเหมือนมีประกายไฟวาบผ่าน “อย่าว่าแต่น้องป่านเลยครับ ผมยังจำอะไรไม่ได้เลย...จำไม่ได้ แม้-แต่-อย่าง-เดียว” คนพูดจงใจเน้นย้ำคำสุดท้ายทีละคำ...ทีละคำ น้ำเสียงของเขาเหมือนไม่พอใจ...ประชดน้อยๆ
พี่อิชย์ไม่พอใจอะไร?
ปิยปาณพยายามคิดหาเหตุผล แต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออก เขากับเธอไม่ได้พบกันตั้งนาน เธอจึงเดาเอาเองว่าอายุของเขาปาเข้าไปตั้งสามสิบแปด ใกล้จะขึ้นคานเต็มทีอารมณ์จึงแปรปรวน เลือดจะไปลมจะมาเหมือนผู้หญิงวัยทอง
“คุณอาอยากพบผม...มีธุระด่วนเหรอครับ” กำนันอิชย์เข้าประเด็น มั่นใจว่าแม่สาวน้อยคงไม่ชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่ แล้วเขาไปทำอะไรให้...เธอถึงได้อคติ
เมื่อก่อนติดเขาแจเป็นตังเม สลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด หรือว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ชอบเล่นตัว ว่ากันว่าพวกที่เรียนจบจากต่างประเทศมักจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตา...เรื่องนี้ก็คงจะจริง อ้อ...ยกเว้นตัวเขาและเพื่อนรักอีกสองคน
“ป่านเพิ่งเรียนจบอยากหาประสบการณ์ อยากคลุกคลีกับชาวบ้าน ตอนนี้ก็รบเร้าให้อาส่งไปอยู่กับชาวเขา...ชาวบ้านบนดอย อิชย์ก็รู้ว่าอามีลูกสาวคนเดียว ไม่อยากให้ป่านไกลหูไกลตา นี่ก็เพิ่งจะกลับมาจากนอก อาเลยอยากขอร้องอิชย์ช่วยสอนงานน้อง...”
“คุณพ่อ...ทำไมไม่ถามป่านก่อนละค่ะ ป่านไม่อยากให้พี่อิชย์ช่วยซักหน่อย” ปิยปาณทนนั่งฟังคุณพ่อขอร้องคุณกำนันน้ำแข็งไม่ไหวจึงพูดแทรกขึ้นมา
“ป่านอย่าเสียมารยาท พ่อยังพูดไม่จบ” ผู้ว่าธงชัยหันไปดุลูกสาว ปรับสีหน้านิดนึงก่อนหันไปส่งยิ้มอบอุ่นให้กำนันหนุ่มรูปหล่อ “อิชย์...อาต้องขอโทษแทนป่านด้วยที่เสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ” ปากบอกว่าไม่เป็นไรแต่นัยน์ตาคมราวกับพญา-อินทรีดูถูกเธอเต็มที่
“ผมขอปฏิเสธคำขอของคุณอา”
นี่...นี่เขากล้าปฏิเสธคุณพ่อเชียวเหรอ!
ปฏิเสธก็ดี เธอไม่อยากให้เขาช่วยเลยสักนิด ไม่ต้องพบ ต้องเจอกันอีกเป็นดีที่สุด เขาคงคิดว่าตัวเองหล่อตายล่ะสิ แต่ความหล่อของเขาเธอไม่สนใจสักนิดเดียว
หล่อแล้วไง...กินแทนข้าวก็ไม่ได้
“อิชย์ปฏิเสธอาไม่ได้หรอก ลืมแล้วเหรอว่าคุณพ่อของหลานสั่งเสียอะไรไว้บ้าง ตอนนี้ป่านเรียนจบแล้ว ถึงเวลาที่หลานต้องทำตามหน้าที่เสียที” ผู้ว่าธงชัยส่งสายตาแกมบังคับให้ชายหนุ่มรุ่นลูก
เอ...คุณลุงสั่งเสียอะไรกับพี่อิชย์ แล้วเกี่ยวกับเรายังไง?
เขาปฏิเสธไม่ได้จริงหรือ?
กำนันอิชย์มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี รู้สึกว่าชีวิตอันเงียบสงบของเขากำลังจะเปลี่ยนไปเร็วๆนี้ แล้วต้องเกี่ยวกับยัยตังเมอย่างไม่ต้องสงสัย
“อาต้องไปธุระต่อ...อิชย์ก็อยู่คุยกับน้องไปก่อน เราสองคนไม่ได้เจอกันนานคงคิดถึงกันมากสินะ คุยกันเสร็จแล้วอิชย์ช่วยไปส่งป่านที่บ้านด้วย ดึกหน่อยก็ไม่เป็นไร...อาอนุญาต” พูดเสร็จผู้ว่าธงชัยเดินออกจากร้านทันที ปล่อยให้สองหนุ่มสาวได้ใช้เวลา ‘รำลึกถึงความหลัง’ กันตามลำพัง
ปิยปาณได้แต่นั่งอ้าปากค้าง ไม่อยากเลยเชื่อว่าคุณพ่อของเธอจะใจร้าย ปล่อยให้เธออยู่กับผู้ชายที่ไร้ความรู้สึกเหมือนก้อนน้ำแข็งสองต่อสอง
หลังจากท่านผู้ว่าฯจากไปแล้วสองหนุ่มสาวก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไปเงียบๆ ไม่มีใครสนใจจะชวนอีกฝ่ายคุย
เมื่อจานข้าวของปิยปาณพร่องไปเกือบหมดจานกำนันอิชย์ก็เอ่ยถาม
“ป่านทานข้าวเสร็จแล้วใช่ไหม...พี่จะไปส่งเราที่บ้าน” น้ำเสียงของเขาราบเรียบไร้ความรู้สึก และนัยน์ตาที่มองมาก็นิ่งเฉยมองไม่เห็นก้นบึ้ง สีหน้าของเขาทำให้ปิยปาณคิดว่าเขาพยายามกำจัดภาระอย่างเธอให้พ้นทางโดยเร็ว
ปิยปาณกลืนก้อนแข็งๆลงคออย่างลำบาก ใครอยากจะอยู่ทบทวนความหลังกับเขากัน เธอลุกขึ้นพรวดไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย คว้ากระเป๋าถือแล้วหมุนตัวเดินออกจากร้านไป ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตามมาหรือไม่
เขาคงคิดว่าเธอไม่มีปัญญากลับบ้านเองหรืออย่างไร อย่าให้เธอเห็นหน้ากำนันน้ำแข็งเป็นดีที่สุด เพราะถ้าพบกันคราวหน้าเธอไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรลงไปบ้าง...กับผู้ชายที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
ไม่ให้เกียรติผู้หญิง...ผู้ชายไร้ความรู้สึก