บทที่ 5
เช้ารุ่งขึ้น
สภาพของเราทั้งสองหลังจากผ่านศึกสงครามมา เรียกได้ว่ายิ่งกว่าผีดิบหรือซากศพที่ตายขึ้นอืดเสียอีก แต่คนที่แย่ที่สุดน่าจะเป็นฉันที่แม้แต่จะลุกนั่งก็ยังไม่ไหว
“ผมบอกแล้วว่าอย่าหักโหมแล้วเป็นไงล่ะ ลุกนั่งยังไม่ได้เลย”
เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับสวมใส่เสื้อผ้าของตนเองไปด้วย ฉันนอนมองเขาตาปริบๆ อย่างเหนื่อยอ่อน เพราะกว่าจะหยุดสงครามไฟราคะจบ ก็เล่นเอาเกือบเช้าเลยทีเดียว
“ฉันไม่ไหวแล้วอะ ระบมไปหมดทั้งตัวแล้ว” ฉันเอ่ยขึ้น
ก่อนที่เขาจะย่อกายลงข้างๆ และเริ่มสวมเสื้อผ้าให้กับฉันอย่างใจเย็น ฉันมองการกระทำของด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ ไม่ว่าฉันจะเหวี่ยงวีนแค่ไหน สามีของฉันนั้นไม่เคยปริปากพูดหรือรำคาญมันเลยสักครั้งเดียว
มีสามีดีขนาดนี้ฉันยังหน้าโง่ไปหลงชอบคนอื่นอีก แต่คนที่สมควรโดนโกรธน่าจะเป็นคนเขียนสมองขยะเปียกนั่นมากกว่า บังอาจเขียนผู้หญิงแสนสวยอย่างฉันไปเป็นเมียน้อยคนอื่น และยังต้องมาตายอนาถด้วยโรคนั้นอีกด้วย
“ตามจริงฉันไม่มีครอบครัวแล้วจริงๆ ตั้งใจไว้ว่าจะเอาเงินสุดท้ายเช่าห้องทำงาน แต่ตอนนี้คงไม่มีแล้วล่ะ” ฉันว่ากล่าวขณะที่เขากำลังใส่เสื้อให้ฉันไปด้วย แต่หลังจากที่ฉันพูดจบร่างของเขาก็ดูจะหยุดนิ่งค้างไป
คำพูดนี้แน่นอนว่าฉันเคยพูดขึ้นตามในนิยาย และจากนั้นเขาก็ขอโทษและบอกว่าที่ทำแบบนี้เพราะเหตุจำเป็นจริงๆ แต่ตอนนั้นฉันอับอายและโวยวายว่าเขาต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องรับผลที่ได้กระทำฉันลงไป แถมยังไปมีหน้าขอเขาอาศัยอยู่ด้วย
แน่นอนว่าฉันก็กำลังทำตามที่ฉันทำเนี่ยแหละ เพื่อจะได้กลับไปอยู่กับเขาที่เรือนรักแสนอบอุ่นแห่งนั้น
“ผมขอโทษ ที่ผมทำแบบนี้ก็มีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้เงินเหมือนกัน”
น้ำเสียงของเขามันเศร้าสร้อยเสียจนอยากจะกอดปลอบ โธ่…ที่รักเงินพวกนั้นฉันยอมยกให้ไปรักษาคุณแม่อย่างเต็มใจเลย เพียงแต่ฉันขอไปเป็นเมียที่ดีทำหน้าที่ดูแลได้หรือเปล่า สัญญาเลยว่าจะทำหน้าที่เมียนี้อย่างดีไม่โวยวายงอแงให้ลำบากใจอีกแล้ว แถมจะกดขึ้นเตียงบำเรอให้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
“ฉันไม่ยอม ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคุณต้องรับผิดชอบ ฉันไม่ยอมเสียเปรียบเพียงคนเดียวแน่” ฉันว่าพลางบีบน้ำตาเรียกร้องความสนใจ แต่ครั้งนี้ฉันไม่ทำตัวกรื๊ดเสียงแหลมบาดแก้วหูเหมือนในนิยาย ที่นอนดิ้นให้เขาไปยังบ้านและยังยัดตำแหน่งผัวให้เขาแบบไม่เต็มใจ
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง” เขาถามกลับ
“คุณต้องเป็นผัวของฉันและเราสองคนจะต้องแต่งงานกัน แล้วอีกอย่างตอนนี้เราสองคนเป็นถึงขั้นนั้นแล้ว คุณต้องพาฉันไปอยู่ที่บ้านของคุณด้วย”
ฉันว่าพลางกอดอกมองเขาอย่างไม่ยอมแพ้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วถ้าไม่ยัดเยียดตำแหน่งผัวให้เขาก็ไม่ใช่นางร้ายอย่างฉันนะสิ
“ผมกลัวว่าจะพาคุณไปลำบาก บ้านของผมนั้นยากจนไม่ได้ร่ำรวยหรือมีฐานะขนาดนั้น ตัวผมเป็นคนไร้งานไม่มีความมั่นคงในชีวิต ผมไม่อยากให้คุณฝากฝังชีวิตที่เหลือไว้กับผมหรอกนะ”
ตัวเขาไม่มีความรู้ไม่มีความรับผิดชอบอย่างที่ทุกคนมี ตัวเขาเป็นเพียงผู้ชายไร้อนาคตการศึกษาต่ำตมหัวสมองก็โง่เขลา ต่างจากเธอที่สะอาดสะอ้านแลดูมีความรู้ หน้าก็สวยงามหาผู้ชายดีๆ สักคนไม่ใช่เรื่องยากเลย เขาไม่อยากให้เธออาศัยอยู่ในที่ที่สกปรกอย่างบ้านของเขาที่มีแต่ขยะ เธอสมควรอยู่บ้านคนรวยใช้ชีวิตสุขสบายจะเหมาะเสียมากกว่า
เขารู้ตัวเองดีว่าสิ่งที่ทำลงกับเธอนั้นมันไม่น่าให้อภัย มันเป็นตราบาปที่เขาสัญญาว่าจะไม่ทำมันอีกแล้ว
“แล้วไงละค่ะ ฉันเชื่อว่าคุณดูแลฉันได้แถมดีมากอีกด้วย” ฉันตอบกลับ พร้อมกับส่งยิ้มใช้สองมือประคองดวงหน้าที่กำลังผิดหวังกับตัวเองอยู่
เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากถึงมากที่สุดที่ในชีวิตของฉันได้เคยพบมา เขาไม่เคยรังเกียจที่สภาพของฉันผ่านมือชายมาก่อน แถมในวาระสุดท้ายเขาก็โอบกอดฉันอย่างไม่รู้สึกเดียดฉันท์ที่เป็นโรคเอดส์ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นฉันมันสกปรกเกินน่าจะให้เขาหันมาใส่ใจดูแล แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่เคียงข้างจับมือฉันไม่จากไปไหน
ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกโกรธฐานะของตัวเองในตอนนี้เลยจริงๆ
“แต่…”
ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยต่อว่าตัวเองอีกครั้ง ฉันถือวิสาสะกอดโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ซึ่งมันเป็นอ้อมกอดที่ฉันคิดถึงและอยากกอดมันมากเหลือเกิน แผ่นอกที่กว้างและปกป้องฉันในยามที่โดดเดี่ยว เขาเป็นคนเดียวที่ฉันอยากอยู่ด้วยกันจนถึงวันตาย แม้การกลับมาครั้งนี้จะมีจุดจบยังไงฉันก็พร้อมยอมรับ ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ในอ้อมอกของเขาก็เพียงพอแล้ว
“คนที่ไม่คู่ควรอาจจะเป็นฉันมากกว่านะคะ แต่อย่างไรฉันอยากอยู่กับคุณอยากตื่นมาพบหน้าของคุณอีกครั้ง ลำบากแค่ไหนฉันก็จะทนหรือต่อให้ไม่มีข้าวประทังชีวิตฉันก็ยอม ขอแค่คุณอย่ารังเกียจฉันเลยนะ”
ฉันพูดออกมาทั้งน้ำตาในใจมีแต่ความรักที่บริสุทธิ์แด่เขาเต็มอก คนที่สมควรโดนรังเกียจคือฉันที่ไม่รู้จักพอมากกว่า ทั้งๆ ที่มีของดีอยู่ในมือแต่เลือกที่จะโยนมันทิ้งและวิ่งเข้าหากองไฟที่เผาไหม้จนตัวตาย
“ผมจะกล้ารังเกียจคุณได้ยังไงกันครับ” เขาที่รับรู้ถึงน้ำตาที่เปียกชื้นตรงไหล่กว้าง ก็อดที่จะยกมือลูบหัวปลอบเธอเสียไม่ได้
สงสัยคงพบเจอเรื่องเลวร้ายมาก่อนสินะ ถึงได้กลัวการอยู่คนเดียวขนาดนี้
“ถ้าอย่างนั้นผมตกลงก็ได้ เพียงแต่บ้านของผมนั้นไม่ได้น่าอยู่แลดูจะอัตคัดไปหน่อยนะครับ”
จบคำพูดฉันก็ยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจจนปิดไม่มิด ถึงอัตคัดขอแค่มีเขาอยู่ก็มีความสุขเพียงพอแล้ว พอที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลือกับเขา…
“ไม่เป็นไรค่ะฉันกินง่ายอยู่ง่าย ขอแค่มีที่ซุกหัวนอนก็พอแล้ว”
“ว่าแต่คุณมีแรงเดินไหม ผมให้คุณพักสักหน่อยดีหรือเปล่านี่ก็ยังไม่เช้าเท่าไหร่ด้วย”
คำพูดของเขาเจือด้วยความห่วงใยและสีหน้าดูจะไม่โอเคอยู่บ้าง เมื่อเห็นว่าร่างกายของฉันนั้นบวมช้ำไปด้วยรอยรักของเขา
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันยังมีแรงค่อยไปพักที่บ้านของนายจะดีกว่า”
ฉันตอบกลับอย่างยินดี เพราะสถานที่แห่งนี้นั้นมันรกร้างไม่มีใครผ่าน ฝุ่นละอองเยอะพอสมควร ส่วนที่ทำไมถึงมีที่นอนอยู่ตรงนี้ ก็เพราะว่าเหล่าวัยรุ่นละแวกนี้มักจะมาแอบรวมตัวทำเรื่องอย่างว่ากัน ครั้นจะให้นอนพักต่อกลัวว่าจะไม่ดี กลับไปนอนพักที่บ้านของเราจะดีกว่า
“บ้านผมอยู่ไม่ไกลมาก คุณกัดฟันเดินหน่อยนะครับ” เขาว่าด้วยเสียงอ่อน พร้อมกับค่อยๆ พยุงฉันให้ลุกขึ้นยืน
ฉันที่มั่นใจว่าไหวสุดท้ายก็ต้องขอยอมแพ้ เพราะขณะที่ยืนขึ้นขาสองข้างของฉันกลับทรุดลงกับพื้นทันควัน ฉันอดที่จะร้องซื๊ดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ แถมกึ่งกลางกายตอนนี้เริ่มปวดแสบเจ็บถึงทรวงเลยทีเดียว จนฉันต้องนอนจมอยู่กับพื้นที่นอนหยาบเช่นเดิม พร้อมกับที่เขาร้องเสียงหลงกระวนกระวายออกมา
“เป็นไงบ้าง เจ็บอยู่ใช่ไหม”
“ฉันว่าฉันเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้วอะ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาอันเศร้าสร้อยส่งไปยังเขา
“ผมบอกแล้วไงว่าให้พักก่อน แต่ที่นี่มันสกปรกเกินไปงั้นผมอุ้มคุณกลับดีกว่า” เขาหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู จะว่าเขาลงมือโหดร้ายก็ไม่ใช่เพราะเธอนั้นเป็นฝ่ายขอเอง ขนาดเขาให้พักยกหยุดได้แล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมและยังควบเขาไม่เบื่ออีกด้วย แล้วท้ายสุดสภาพมันก็เป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ
“ฉันคงรบกวนแล้ว”
ฉันคล้องโอบกอดคอของเขาอย่างรู้หน้าที่ โดยที่เขาอุ้มฉันในท่าเจ้าสาวอย่างถนอม ราวกับว่าไม่อยากให้ตัวฉันช้ำปวดไปมากกว่านี้
ระยะทางจากที่ตึกรกร้างไปยังบ้านของเขานั้นใช่เวลาไม่นาน เพราะซอยแถวนี้เป็นหมู่บ้านนอกชานเมืองที่ดูจะรกเศษซากขยะ และเป็นถิ่นของพวกเด็กค้าขายยาและเรื่องผิดกฎหมาย หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าซ่องก็ได้
“ถึงแล้วครับ”
หลังจากฝ่าดงหญ้าที่ตั้งรกสูงเหนือหัวได้สำเร็จ ฉันก็ได้กลับมายังบ้านของเราที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ซึ่งเขาตั้งใจจะเข้าทางประตูรั้วด้านหลังเพราะกลัวว่าชาวบ้านละแวกนี้พบเห็นและเกิดปัญหาเข้า เพราะการที่เขาพาผู้หญิงแปลกหน้าเข้าบ้านนั้นดูจะไม่ดีเท่าไหร่ ส่วนฉันก็ไม่อยากให้ผู้คนพบเห็นมากนักด้วยเช่นกัน ฉันกลัวว่าคนอื่นจะว่าเขาเป็นคนไม่ดีที่ทำแบบนี้ อย่างไรรอให้ฉันพักให้หายเหนื่อยก่อนเถอะ จากนั้นฉันจะเดินออกไปป่าวประกาศทั่วซอยหมู่บ้านเลยว่าฉันคือเมียของเขา
และฉันก็รักผัวมากถึงมากที่สุดด้วย
“เก่าและโทรมไปหน่อยนะครับ หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจมัน”
“มันน่าอยู่มากค่ะ มันไม่มีที่ไหนน่าอยู่กว่าที่แห่งนี้อีกแล้ว” ฉันตอบกลับพร้อมกับหยาดน้ำใสเริ่มไหลข้างขอบตา
บรรยากาศที่ชวนคิดถึงกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว และครานี้ฉันสัญญาเลยว่าจะดูแลคนที่รักฉันและฉันรักให้ดีที่สุด แม้บ้านจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ดั่งใครเขา แต่ฉันจะทำให้มันเป็นสวรรค์วิมานที่น่าอยู่ที่สุดให้ได้
“หมายความว่าไง ดอกหญ้าหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนงั้นหรอ” เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทำเอาป้าอุบลนั้นถึงกับตัวสั่นและรู้สึกกลัวกับรังสีดำทมิฬที่กระจายอยู่รอบตัวเจ้านาย
“เธอได้ทิ้งซองจดหมายลาและเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ป้าด้วยค่ะ” ป้าอุบลตอบพร้อมกับยื่นซองจดหมายส่งให้แด่เขา
คุณปรังรับจดหมายและเปิดอ่านเนื้อใจความในทันที ก่อนจะกำกระดาษใบนั้นแน่นด้วยความโกรธขั้นสุด สิ่งที่เธอเขียนนั้นได้พูดถึงคนที่อยากพบเจอมานานอยู่ด้วย จนเขาอดที่จะอยากรู้เสียไม่ได้ว่าใครกันที่ทำให้เธอคิดหนีไปจากที่แห่งนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ และจะตามตัวของเธอกลับมาลงโทษให้จงได้
คิดจะไปหารักแท้ที่รอคอยมานานงั้นหรอ….
ฝันไปเถอะ!
ขอแค่มีผัวต่อให้ลำบากก็ยอมอะนาทีนี้
เยี่ยมจริงๆ เลยลูกสาวไรต์
ถวายตัวเสนอขอเขาอยู่ด้วยแบบไม่รอรี
ไม่รู้ล่ะ ของดีขนาดนี้ถ้าไม่รุกก็อดนะสิ
555555