#เซียนรัก :: INTRO [100%]
INTRO
SET :: Hate - Love Relationship
Hate - Love เซียนรัก
เธอรักเขา แต่เขาไม่เคยรักเธอ
ความจำเป็นทำให้ทั้งสองคนต้องมาหยุดอยู่ใน ‘บ่วง’ ที่เขาสร้างขึ้น
ในขณะที่เธอเริ่มหมดรักเขา เป็นเขาที่เริ่มรักเธอ...
บรรยากาศในยามเย็นท้องฟ้าเริ่มลาลับไปเรื่อยๆ สองเท้าของฉันเดินตรงเข้าซอยที่ข้างทางเป็นหมู่บ้านแต่แยกเป็นบ้านเดี่ยวแต่ละโซนจะเป็นแบบชั้นเดี่ยวหรือสองชั้นให้มีเลือกตามความต้องการ มาถึงบ้านเดี่ยวชั้นเดียวฉันก็หยุดมองเข้าไปภายในบ้านมองต้นมะม่วงสูงซ้ายมือที่ร่มรื่นให้ได้นั่งเล่นหรือปลูกต้นไม้ มือของฉันผลักประตูรั้วสีขาวเข้าไปในบ้านมองไปยังโรงจอดรถที่มีรถเก๋งสีขาวสี่ประตูจอดอยู่ฉับพลันก็เหลือบไปมองตรงบ่อน้ำที่มีปลาคราฟแหวกว่ายกันอย่างคึกครืนทว่ากลับมีร่างเล็กนั่งยองจับจ้องมองอะไรสักอย่างจึงสาวเท้าเดินไปนั่งข้างกัน “ทำอะไรอยู่น้องแม็ค”
“น้าไมล์กลับมาแล้ว!” เด็กน้อยที่กระโจนกอดคอฉันอย่างดีใจพลางชี้นิ้วไปยังอ่างเล็กๆ ที่มีผักมากมายกระจายอยู่บนพื้นน้ำที่ไม่ได้มากนัก “แม็คให้ผักเต่าแต่ไม่ยอมกินเลย”
“เต่าอาจจะอิ่มอยู่ก็ได้นะคะ ก็น้องแม็คเล่นเอาผักมาให้กินเยอะขนาดนี้”
“แม็คกลัวเต่าจะหิวนี่นา” หลานชายของฉันที่ขยับไปนั่งมองเต่าที่ตัวเองชอบ รอยยิ้มของฉันก็ผุดขึ้นก่อนจะวางมือไปยังศีรษะเล็ก
“น้าเข้าบ้านก่อนนะคะ น้องแม็คก็ต้องตามน้าเข้าบ้านเลยตกลงไหม?”
“ฮะ”
“น้าซื้อเค้กมาฝากด้วยจะได้มากินพร้อมกัน” ชันตัวลุกขึ้นจากนั้นฉันก็ถอดรองเท้าผ้าใบเปิดประตูเข้าไปจึงได้เห็นหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาอ่านเอกสารอะไรสักอย่างพอรับรู้ถึงการมาของฉันเธอก็หันมามองพร้อมกับถอดแว่นกรองแสงที่ใช้ในการทำงานหน้าจอโน้ตบุ๊ค “สวัสดีค่ะพี่เมล”
ผู้หญิงคนนี้คือพี่สาวของฉันที่เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ พี่เมลทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งทำงานหนักไหนจะส่งฉันเรียน เลี้ยงน้องแม็คที่เป็นลูกชายของเธอถ้าให้ถามหาพ่อน้องแม็คฉันคงตอบได้ว่าไม่รู้ เนื่องจากฉันไม่คิดจะถามพี่เมลเลยสักนิดว่าพ่อของน้องแม็คเป็นใคร ฉันยังจำภาพนั้นได้ดีตอนที่พี่เมลท้องตอนอายุยี่สิบสองเราสองคนพี่น้องต่างช่วยเหลือกันและกัน ฉันดูแลพี่เมลเป็นอย่างดีเพื่อให้เธอได้คลอดลูกออกมาไม่อยากให้พี่เมลต้องคิดมากถึงจะไม่มีคนรับผิดชอบแต่ฉันก็สัญญากับพี่สาวไว้ว่าจะดูแลน้องแม็คเป็นอย่างดีเพราะเหตุนี้หลังจากที่คลอดน้องแม็คมา ฉันรับอาสาดูน้องแม็คเพื่อให้พี่เมลไปหางานทำในที่สุดพี่เมลก็ได้งานทำส่งฉันเรียนมหาลัยจนตอนนี้อีกเดือนหนึ่งฉันก็จะจบแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอ กินอะไรมาหรือยัง?”
“ยังค่ะ พี่เมลล่ะคะ” พี่สาวส่ายหน้าไปมาฉันจึงวางกระเป๋าผ้าลงบนโซฟา “งั้นไมล์ไปทำให้”
บนโต๊ะอาหารในครัวส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่ว ฉันตักข้าวใส่จานให้พี่สาวจากนั้นก็ตักให้หลานตัวน้อยที่พร้อมจะกินข้าวที่มีของโปรดของเขาคือไข่เจียวหมูสับใส่มะเขือเทศ
“แม็คชอบกินไข่เจียวที่น้าไมล์ทำ”
“ถ้าชอบ น้องแม็คก็ต้องกินเยอะๆ กินให้หมดจานนี้ แล้วน้าจะให้กินเค้กค่ะ” ฉีกยิ้มให้กับหลานชายที่พยักหน้ารับและตั้งใจกินข้าวพลางเปิดหนังสือที่เป็นรูปตัวการ์ตูนดูด้วย
“ใกล้เรียนจบแล้ว อยากจะทำอะไรต่อจากนี้?” พี่เมลเอ่ยปากถามทำให้ฉันผละสายตาจากน้องแม็คมามองพี่สาว
“อีกเดือนหนึ่งสอบหนึ่งอาทิตย์ ไมล์ว่าจะลองหางานทำดูเลยค่ะ”
“พี่ก็อยากให้แกทำงานนะ แต่เด็กจบใหม่จะหางานทำได้เลยมันก็คงจะฟลุ๊คสุดๆ” เห็นด้วยกับคำพูดของพี่เมลนะ เพราะช่วงยุคเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองทำให้การหาทำงานมันค่อนข้างลำบาก แต่ฉันก็อยากที่จะหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระของพี่เมลให้เร็วที่สุดก็ตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเราสองคนจากไปด้วยอุบัติเหตุมันก็ทำให้ฉันกับพี่เมลต้องตกระกำลำบาก อาศัยอยู่กับป้าที่ค่อนข้างเข้มงวดและมักจะต่อว่าฉันกับพี่เมลจนกระทั่งพี่เมลโตจนสามารถหางานทำได้ เราสองคนพี่น้องถึงได้พากันย้ายออกมาจากบ้านของป้า ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะบ้าน รถหรือแม้แต่ของใช้ในบ้านเป็นเงินของพี่เมลทั้งหมด พี่เมลต้องทำงานอย่างหนัก หนักจนสามารถกู้บ้านผ่อนได้ดาวน์รถและไหนจะต้องส่งตัวเองและฉันเรียนอีก
ทุกอย่างที่พี่เมลทำมันทำให้ฉันอยากจะรีบช่วยพี่เมลให้เร็วที่สุด ฉันไม่อยากเห็นพี่สาวต้องทำงานหนัก ทำโอทีดึกๆ หรือแม้แต่เอาเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงส่งฉันเรียน ฉันรู้สึกแย่และใช่ว่าจะสบายที่พี่เมลหาเลี้ยงตัวเอง
“แกไม่ต้องคิดมากนะไมล์ เรื่องหางานทำน่ะพี่รู้ว่าช่วงนี้อะไรๆ มันก็แย่ไปหมด”
“ไมล์ไม่อยากเป็นภาระให้พี่เมล”
“จะบอกให้นะตั้งแต่เราสองคนพี่น้องแยกออกจากบ้านป้า แกไม่เคยเป็นภาระของพี่เพราะถ้าหากพี่คิดแบบนั้นคงไม่ส่งแกจนเรียบจน” ก็ถูกอย่างที่พี่เมลบอกทุกอย่างแต่จะให้ฉันทำยังไงล่ะ เรียนจบมาแต่ยังหางานไม่ได้แถมตอนนี้ก็รู้ๆ อยู่งานสำหรับเด็กจบใหม่ช่างยากเย็น
“คิดไม่ออกแล้วค่ะ แต่ไมล์อยากช่วยพี่เมลจริงๆ นะ”
“พี่รู้ความหวังดีของแก ช่วงที่ยังหาไม่ได้แกก็ดูแลน้องแม็คให้พี่... แกโอเคไหมล่ะ?” ถึงจะเป็นข้อเสนอ ปกติฉันก็ดูแลน้องแม็คอย่างดีอยู่แล้วไงแม้ว่าจะมีช่วงที่พี่เมลพาน้องแม็คไปทำงานด้วยก็เถอะเพราะใช่ว่าน้องแม็คจะติดแค่ฉันคนเดียวสักหน่อย ฉันน่ะแค่น้านะ “แกไม่ใช่คนที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสักหน่อย พี่เลี้ยงแกได้จนกว่าจะคิดหางาน”
“เฮ้อ” ก้มหน้าลงเขี่ยข้าวในจาน ใครจะไปอยากให้พี่ตัวเองเลี้ยงไปตลอดกันล่ะ
“เก็บไปคิดเอาแล้วกัน พี่เคารพการตัดสินใจของแก” พี่เมลยิ้มส่งมาให้ก่อนจะหันไปมองลูกชายที่กำลังกินข้าวอย่างอร่อย ส่วนฉันก็คิดไม่ตกเลยเอาจริงฉันอยากที่จะทำงานบริษัทตำแหน่งบัญชีก็ได้เพราะก็เรียนจบทางด้านนี้มาฉันเองก็เรียนเก่ง ฝึกงานก็ผ่านมาแล้วด้วย “จริงสิ”
“มีอะไรคะ?” เงยหน้ามองพี่เมลที่เท้าคางมองด้วยสายตาคาดคั้น
“แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ ไม่คิดจะพามาให้พี่รู้จักหน่อยเหรอ”
“คะ” กระพริบตาถี่รัวจนพี่เมลทำหน้ามึนงง
“ก็เห็นแกหายๆ ไปช่วงนั้น พี่ก็คิดว่าแกจะมีแฟนซะอีก”
คำถามของพี่เมลทำให้ฉันนิ่งเงียบไปทันที สมองก็เอาแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของพี่สาวที่วนเวียนไม่จางหายไปจนกระทั่งอาหารบนโต๊ะดูจัดการจนเรียบ พี่เมลก็พาลูกชายตัวน้อยเข้าห้องพาไปนอนเพราะนี่เวลาก็ล่วงเลยมาดึกพอควรส่วนฉันหลังจากอาบน้ำเสร็จก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนในห้องสายตาทอดมองออกไปยังหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้
“แฟนเหรอ?” ทบทวนคำถามของพี่เมลอีกครั้ง หัวใจของฉันก็ล่องลอยไปถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวของฉัน
ย้อนกลับไป...
สิ่งที่พี่เมลพูดทำให้หวนนึกถึงใครบางคนที่ทำให้ฉันเจ็บและรู้สึกท้อแท้กับเรื่องของเรา ‘ลี้เซียน’ ชายหนุ่มวัยสามสิบสองปีเขาเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคไปทุกๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะหรือชาติตระกูลฉันกับเขาเจอกันในวันที่ร่างสูงเดินเข้ามาในห้องประชุมเนื่องจากอาจารย์ได้เชิญวิทยากรมาบรรยายเกี่ยวกับจบไปจะเริ่มงานได้ตรงไหน เพียงแค่เขาเดินมาฉีกยิ้มกว้างให้กับนักศึกษาปีสุดท้ายฉันก็ตกหลุมรักเขาในทันทีที่เห็นเขา การตกหลุมรักมันเป็นแบบนี้เองสินะฉันเพิ่งจะรู้ก็ตอนที่หัวใจมันเต้นแรงขึ้น แรงขึ้นเมื่อเขาขยับท่าทางหรือแม้แต่บรรยายคำพูดด้วยเสียงที่น่าฟัง
หลังจากนั้นฉันก็หาข้อมูลเกี่ยวกับเขาเพราะมีชื่อของเขาอยู่บนเอกสารที่แจกมา ถึงได้รู้ว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลวิวัฒน์ธนะกิจที่มีห้างทองอยู่ทั่วประเทศและเขาเป็นผู้สืบทอดกิจการทุกอย่างของตระกูล หนึ่งเดือนเต็มที่เขาจะมาบรรยายให้นักศึกษาได้ฟังแน่นอนว่าทุกคนที่ได้เห็นเขาก็ต่างพากันชื่นชอบและพากันกู่ไปหาเขายกเว้นฉันคนเดียวที่เขินอายเกินกว่าจะสอบถามเรื่องการบรรยาย
ทว่ามันก็เหมือนกับฝันเลย เมื่อลี้เซียนเอ่ยปากเรียกฉันขณะที่เลิกบรรยายและเหลือฉันเป็นคนสุดท้ายเพราะอาจารย์ขอให้ช่วยเก็บของในที่ประชุมและนั่นคือครั้งแรกที่ฉันได้มองใบหน้าหล่อเหลาใกล้ๆ แม้อายุจะสามสิบสองปีแล้วแต่เขายังคงความหล่อเหลาไว้ราวกับวัยรุ่นอายุต้นๆ ยี่สิบ
“นักศึกษาทุกคนสงสัยในการบรรยายของผม แล้วคุณเออ... มนภรไม่คิดจะถามอะไรผมเลยเหรอ?” ก้มหน้ามองเอกสารที่ทำแบบสอบถามเป็นชื่อของฉัน มือที่กุมไว้ตรงหน้าท้องบีบกันแน่นจนรับรู้ถึงความเจ็บจากการจิกและชื่นไปด้วยเหงื่อ
“ไม่มีค่ะ” ตอบเสียงดังฟังชัดจนลี้เซียนเลิกคิ้วขึ้นพลางยกยิ้มมุมปาก
“ไม่มีก็ไม่มีครับ” เขาพยักหน้ารับก่อนจะก้มหน้าลงจัดเอกสารเพื่อเตรียมตัวกลับ ส่วนฉันก็ยืนมองเขาอยู่แบบนั้นกล้าๆ กลัวๆ ที่จะให้ของสำคัญที่เห็นแล้วนึกถึงเขาขึ้นมาจนตัวฉันเองก็มึนงง
“เออ คุณลี้เซียนคะ” เงยหน้ามองฉันที่กัดริมฝีปากของตัวเองพลางยื่นถุงพลาสติกใสไปให้เขา “ไม่รู้ว่าคุณลี้เซียนชอบทานคุกกี้หรือเปล่า พอดีฉันเดินผ่านแล้วนึกถึงคุณก็เลย...”
“นึกถึงผมเหรอครับ?” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง อะไรกันเนี่ยไมล์ไปพูดแบบนั้นเขาก็ต้องงงเป็นของธรรมดาสิ!
“ค่ะ หน้าคุณลี้เซียนลอยมาฉันก็เลยซื้อมาให้ค่ะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นและไม่รับจนฉันใจเสีย “ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ขอบคุณครับ” เอ่ยปากขึ้นก่อนจะคว้าถุงพลาสติกใสไปจากมือของฉัน ยามที่นิ้วมือของเขาแตะมายังนิ้วมือของฉันมันเหมือนกับไฟช็อตจนต้องรีบชักมือกลับ
“ขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” รีบยกมือไหว้เขาและสาวเท้าออกจากห้องประชุม ฉันก็พิงหลังกับประตูบานเลื่อนสีขุ่นยกมือทาบลงบนตำแหน่งหัวใจที่เต้นแรงจนเกือบจะระเบิดแต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ค่อยๆ แงมประตูออกนิดหน่อยสอดสายตามองไปยังร่างสูงที่หยิบซองคุกกี้ขึ้นมารอยยิ้มของเขาทำให้ฉัน
วันแล้ววันเล่าที่เขามาเป็นวิทยากรความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขามันก็มากขึ้น ขนมหรือแม้แต่ของกินถูกส่งให้เขาทุกๆ หลังเลิกประชุมและเขาก็รับมันไว้ด้วยความเต็มใจ จนวันหนึ่งที่ฉันรู้ความจริงบางอย่าง...
คุณลี้เซียนมีคนที่ชอบแล้ว คนที่เขาชอบดันมีคนคุยด้วยแล้วฉันบังเอิญออกไปหาอะไรกินแล้วเจอเขาที่บีบแตรเรียกราวกับชวนไปที่ไหนสักที่ตอนแรกฉันลังเลที่จะไปด้วยเพราะว่าชอบเขาจึงได้ตกลงไป ผับที่หรูหราโซนชั้นสองของผับคุณลี้เซียนเอาแต่กินเหล้าจนฉันห้ามเขาแต่คงจะเมามากจึงได้เผลอพูดเรื่องบางอย่างที่ทำให้ฉันเสียใจไปตลอดชีวิต
“ผู้หญิงที่ผมชอบ เธอมีคนคุยด้วยแล้วครับ”
“...”
“ขนาดผมบอกว่าชอบเธอ หึ เธอยังปฏิเสธผมเลย ทำไม! ผมไม่ดีพอให้เธอชอบเลยเหรอ”
ฉันไม่รู้เลยว่าคืนนี้ที่ฉันออกมากับเขาจะทำให้เราสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ใช่ คุณลี้เซียนเมามากแต่เขาก็ยังขับรถได้ปากบอกจะพาไปส่งแต่เขาดันพาฉันไปคอนโดของเขาและเริ่มมีเซ็กซ์กับฉันทั้งคืน ทั้งคืนที่เขาไม่ได้ป้องกันเช้ามาทุกอย่างกลับมาเป็นปกติคุณลี้เซียนไม่รู้ตัวแต่ก็ได้ขอโทษฉันในสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งฉันไม่โทษเขาสักนิด ฉันเองต่างหากที่ไม่ได้ปฏิเสธเพราะฉันชอบเขาถึงได้ยอมเพื่อหวังให้เขาลืมผู้หญิงคนนั้นไปได้ เพราะกลับมาเช้าพี่เมลถึงได้ถามแต่ฉันก็บอกว่าไปค้างบ้านเพื่อนช่วงที่เกิดขึ้นทำให้ฉันต้องกินยาคุมฉุกเฉินและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นยามที่เขามาเป็นวิทยากร
วันเวลาผ่านไปเราสองคนก็ไม่คิดจะพูดเรื่องนี้และฉันเองก็ไม่คิดจะตอแยเขา จนวันหนึ่งฉันได้รู้แล้วว่าจริงๆ ผู้หญิงที่ทำให้คุณลี้เซียนคลั่งแบบนั้นก็คือเดียร์ เด็กปีหนึ่งคณะอักษรฯ ที่อยู่มหาลัยเดียวกับฉันด้วยความหึงหวงทำให้ฉันเผลอทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ควรทำด้วยการเดินไปหาพวกเขาที่คุยกันอยู่ ไม่เคยเห็นคุณลี้เซียนยิ้มอย่างมีความสุขมาก่อนและแน่นอนว่าเธอคนนี้ทำให้เขาต้องเสียใจ ฉันคิดว่าการประกาศตัวให้เธอสงสัยมันอาจจทำให้เธอคิดออกได้บ้างว่าฉันกับคุณลี้เซียนเราสองคนมีความสัมพันธ์กันยังไง แต่ทว่าฉันดันหาเรื่องใส่ตัวเพราะหลังจากนั้นคุณลี้เซียนก็เดินตามฉันมาและลากฉันไปยังด้านหลังคณะที่ไม่มีคนบีบต้นแขนฉันแรงขึ้นพร้อมใบหน้าที่โกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด
“คุณเดินเข้าไปหาเดียร์ทำไม?” เขาถามอย่างคาดคั้นแต่ฉันก็ไม่คิดจะตอบอะไรออกไป “แค่ผมมีเซ็กซ์กับคุณก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาเป็นเจ้าของผม”
“...”
“อย่าไปหาเดียร์อีก ถ้าผมรู้... คุณโดนดีแน่” เขาผลักร่างฉันจนเซกระทบกับกำแพงซึ่งพอเขาขู่มาแบบนั้นฉันก็ไม่คิดจะไปหาเดียร์อีกแต่ทว่าฉันกับเขาก็ยังคงเจอกันอยู่และมีเซ็กซ์กันอยู่พักหนึ่ง แต่ระหว่างนั้นเขาก็ป้องกันตัวเองดีและฉันเพิ่งได้รู้ว่าเดียร์ผู้หญิงที่เขาชอบเป็นแฟนกับลี้เทียนน้องชายของเขา
หลังจากนั้นเรื่องระหว่างเราก็ค่อยๆ จางหายไป คุณลี้เซียนจบการเป็นวิทยากรที่คณะของฉัน หลังจากนั้นเราสองคนก็ขาดการติดต่อแม้ว่าฉันจะมีเบอร์ของเขาและเขาเองก็มีเบอร์ของฉัน แต่ทว่าเรื่องราวมันเหมือนกับความฝันนะพอตื่นมันก็ค่อยๆ จางหายไปราวกับว่าฉันกับเขาเราเจอกันแค่เพียงในความฝันเท่านั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันเองก็ไม่ได้นึกถึงเขาเพราะเรื่องของเขาในพาดหัวข่าวมันออกมาทุกวัน ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณลี้เซียนจะเจ้าชู้ตัวพ่อแบบนั้นเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า
เรื่องราวของเราสองคนก็จบตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ฉันได้แต่มองเบอร์ของเขาแต่ก็ไม่คิดจะโทรหาแม้ว่าวันเวลาผ่านไปนานแค่ไหนฉันก็ไม่เคยลืมเขาไปได้เลยแต่ดันเพิ่มความรู้สึกมากขึ้นไปอีกน่ะสิ
กลับมาปัจจุบัน...
เช้านี้ฉันพาน้องแม็คมากินไอศกรีมที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อันที่จริงฉันยังไม่ได้รับข้อเสนอของพี่เมลนะที่ว่าให้เลี้ยงน้องแม็คจนกว่าจะหางานทำได้ “น้าไมล์ แม็คขอกินอีกได้ไหม?”
“แต่น้องแม็คกินไอศกรีมไปสามลูกแล้วนะคะ พอก่อนดีกว่าเดี๋ยวจะไม่สบายนะ” แม้ว่าหลานชายตัวน้อยจะทำหน้างอง้ำพราะไม่ได้กินไอศกรีมตามที่ตัวเองการ แต่ทว่าก็ยอมที่จะทำตามที่ฉันบอกเพราะถ้าหากไม่สบายขึ้นมาฉันจะโดนพี่เมลว่าเอาน่ะสิที่ตามใจหลานจนเกินไป “เดี๋ยวน้าพาเดินเล่น น้องแม็คตกลงไหมคะ?”
“ตกลงฮะ” รอยยิ้มที่สดใสของน้องแม็คทำให้ฉันหลงลืมทุกอย่างไปบ้าง เมื่อกินไอศกรีมกันเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็จูงมือหลานเดินเล่นไปทุกชั้นของห้างสรรพสินค้าจนมาถึงโซนเครื่องแต่งกายชายที่ดูดีและดูเท่ “แม็คอยากแต่งชุดแบบนั้นบ้าง”
“ชุดสูทเหรอคะ? ต้องรอน้องแม็คโตก่อนถึงจะใส่ได้นะคะ” ฉันโค้งตัวลงไปจัดเสื้อเชิ้ตของเด็กลายสก็อตสีฟ้าตัดขาว สายตากลมโตก็มองไปยังชุดสูทผู้ชายสีดำที่พอเห็นก็พาให้นึกไปถึงคุณลี้เซียนเฉยเลย นี่เธอเป็นบ้าเหรอไมล์! ไม่ตลกเลยนะไปนึกถึงเขาทำไมกัน ป่านนี้คงจะควงผู้หญิงสวยๆ ไปไหนต่อไปแล้วล่ะมั้ง “เอาล่ะ เดินเล่นกันต่อนะคะ”
“ไมล์”
เสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้ฉันหันไปมองคนที่เรียกชื่อของฉันก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจแบบสุดขีด ร่างสูงที่สวมสูทสีดำทั้งตัวเสื้อเชิ้ตสีดำด้านในถูกปลดกระดุมลงมาสองเม็ดเผยให้เห็นแผงอกแกร่ง ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงหล่อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนทำให้ฉันลอบกลืนน้ำลายทว่าข้างกายของเขากลับมีหญิงสาวที่คล้องแขนอยู่เบ้ปากมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“คุณลี้เซียน”
นานแค่ไหนที่ไม่ได้เจอกัน แต่ดันมาเจอกันแบบนี้มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอไมล์!
มาแล้วค่าาา Intro แรกของเรื่องนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นฮะ
พี่ชายของลี้เทียนอย่างลี้เซียน ชายหนุ่มวัยสามสิบสองปีที่หลงรักแฟนน้องชายตัวเอง
กับนางเอกของเขาที่ไม่รู้เรื่องราวจะเป็นไปทิศทางไหน?
ห้ามพลาดเลยค่ะ! ฝากคอมเมนต์มารอกันเยอะๆ น้าา รับประกันความแซ่บเวอร์
ลี้เซียนคนนี้แซ่บสุดค่ะ -.,- **ขอเมนต์สัก 5-10 เมนต์นะคะ TT
อย่าแบบไม่มีเลยสักเมนต์ไรต์เสียใจแน่เลยค่ะ ฮือออ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น