บท 22 ไม่เกี่ยวข้องตรงไหน
เจ้าของร่างบางไม่เข้าใจว่าคนข้างๆจะหงุดหงิดด้วยเหตุผลอะไร
"คุณอิฐไม่ได้ถาม อีกอย่างมันเป็นเรื่องของมิ้มกับซัน"
ซึ่งเธอก็ไม่ใช่ประเภทป่าวประกาศเรื่องส่วนตัวของคนอื่นให้ใครรับรู้ ทว่าคำตอบทื่อๆของเธอกลับยิ่งกระตุ้นต่อมบางอย่างให้เดือดพล่านหรือที่หลายคนเรียกว่า...ต่อมหึง
"แต่ผมเป็นคู่หมั้นนะ ทำไมคุณไม่บอก"
อชิระเปลี่ยนท่ายืนหันมาประจันหน้ากับเธอโดยตรง
"ตอนเราเป็นคู่หมั้น ก็ไม่เห็นคุณจะอยากรู้เรื่องอะไรของมิ้มเลย แล้วเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคนอื่น มิ้มไม่เห็นความจำเป็นต้องเล่าให้คุณฟัง"
"แล้วหมอนั่นรู้ไหมว่าผมกับคุณเป็นอะไรกัน"
"มิ้มต้องบอกด้วยเหรอคะ"
เมื่อได้ฟังคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจากคนตัวเล็กที่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรยิ่งทำให้เส้นความอดทนใกล้ขาดแล้ว
อชิระยืนเท้าสะเอว ยกมือขึ้นนวดขมับ หายใจเข้าออกลึกๆ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองหน้ามืดขึ้นทุกที
"คุณควรรู้ด้วยตัวเองนะว่า เรื่องอะไรควรบอกไม่ควรบอก และควรคิดได้ว่าการกระทำอะไรเหมาะสมหรือไม่สม สนิทกับผู้ชายคนอื่นโดยที่ตัวเองยังมีคู่หมั้นมันควรหรือเปล่า คิดดู”
คนฟังรู้สึกเหมือนโดนตำหนิ ความน้อยใจเด่นชัดขึ้นมา ในสายตาของอชิระไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ดูผิดไปเสียหมด เป็นผู้หญิงไม่ดีที่คิดไม่เป็น ทั้งๆที่เธอมั่นใจว่าตนไม่ได้ทำอะไรเสียหาย หญิงสาวก้มหน้าลงไม่อยากให้เขาเห็นรอยน้ำตา
“เข้าใจหรือเปล่ามิ้ม”
“เข้าใจค่ะ แต่ตอนนี้ถึงมิ้มจะคิดได้หรือไม่ได้ สนิทกับใครไม่สนิทกับใคร มิ้มคงไม่ต้องบอกคุณอิฐ เพราะเราไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกันแล้ว”
พอได้ยินคำว่าไม่ข้องเกี่ยวกันมันทำให้คนร่างสูงฉุนขาด เขากระชากข้อมือเธอดึงเข้ามาใกล้
“ไม่ข้อเกี่ยวตรงไหน? คุณติดหนี้ผมอยู่ ถ้าไม่อยากข้องเกี่ยวกันจริงๆ ก็จ่ายหนี้ผมมาตอนนี้เลย”
“...”
“ถ้าไม่มีจ่าย ก็อย่ามาพูดว่าไม่ข้องเกี่ยวกันอีก”
อชิระเห็นรอยน้ำตาของคนตัวเล็กเปรียบเสมือนน้ำที่รดไฟโทสะเขาให้มอดลง ชายหนุ่มปล่อยข้อมือเล็กก่อนจะเดินไปหยิบเครื่องดื่มในเปิดตู้เย็นกับแก้วเพื่อดื่มดับความร้อนในใจ เขาเดินตรงไปห้องนั่งเล่นเพื่อคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อสักครู่
ลับหลังร่างสูง น้ำตาที่พยายามกลั้นไม่สามารถห้ามได้อีกต่อไป หญิงสาวร้องไห้เงียบๆขณะที่ล้างจานไปด้วย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ในใจเธอบอบช้ำ
มนวดีไม่เข้าใจว่าเธอทำอะไรผิด อชิระถึงต้องใจร้ายใส่ จากคำพูดของเขามันทำให้เธอเจ็บ แต่ตอกย้ำแล้วว่าเขามองเธอเป็นอะไร และอยู่ระดับไหน
เมื่อก่อนตอนที่คบหากันเพราะผลประโยชน์ เขายังพูดดีกับเธอบ้าง แต่พอหมดสิ่งนั้น เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่ได้มีค่าอะไรให้เขาต้องแคร์ความรู้สึก ถึงเธอจะร้องไห้เสียใจ น้อยใจ หรือรู้สึกอะไรกับอชิระก็ตาม เขาคงไม่ถือเก็บเอาไปเป็นสาระในชีวิต
'เข้มแข็งเข้าไว้มิ้ม'
หญิงสาวปลอบใจตัวเอง
จานทุกใบถูกล้างอย่างสะอาด วางเก็บเข้าที่เรียบร้อย หญิงสาวเช็ดมือลวกๆกับกระโปรง ก่อนใช้หลังมือเช็ดคราบความอ่อนแอบนใบหน้าออกให้หมด
ขณะนี้เหลืออีกประมาณครึ่งชั่วโมงให้เธอทำงานบ้าน ทว่าหญิงสาวยังไม่อยากไปเจอหน้าหรือคุยกับอชิระในตอนนี้ เธอจึงเลือกไปขัดห้องน้ำเพื่อสงบจิตสงบใจและฆ่าเวลาที่เหลือ
ด้านคนร่างสูงหลังจากมีเวลาใช้สมองไต่ตรองเหตุผล เขาพบว่าสิ่งที่เขาพูดมันก็เป็นเหตุเป็นผลเข้าใจได้ ทว่าแรงไปหน่อย ทั้งที่มนวดียอมรับและเข้าใจ แต่ทำไมใจของเขากลับยังไม่สงบ คอยแต่จะลอยไปหาหญิงสาว
ยิ่งนึกถึงน้ำตาของเธอที่ไหลออกมาเขาแทบอยากดึงคนตัวเล็กเข้ามาปลอบ
'แล้วทำไมตอนนั้นมึงไม่ดึงวะ'
ชายหนุ่มยีศีรษะตัวเอง เออ เขาก็งงตัวเองเหมือนกัน หน้ามืดจนไม่ทันคิด ใบหน้าคมชะเง้อมองคนที่อยู่ในครัวเป็นระยะ เธอล้างจานต่ออย่างนิ่งเงียบ จากนั้นก็หายเข้าไปในห้องน้ำ มันทำให้หวั่นใจกลัวเธอจะแอบไปร้องไห้หนักกว่าเดิม
อยากเคลียร์กับเธอ แต่ก็ไม่รู้จะเคลียร์เรื่องอะไร
ชายหนุ่มนั่งกอดอกใช้ความคิดอีกครั้ง อีกยี่สิบนาทีจะครบกำหนดเวลางานของมนวดี เขาต้องจัดการอะไรบางอย่าง และสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กร่างป้อมกำลังเงยหน้าดูจอโทรทัศน์แบบไม่สนใจสิ่งรอบข้างอะไรเลย
ใบหน้าหล่อคมยิ้มร้ายออกมาพร้อมกับแผนบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในหัว
"นี่ นี่อ้น อยากกินน้ำส้มไหม"
อชิระเอื้อมไปเขย่าตัว เรียก ให้อ้นหันมาสนใจเขา
"อยากครับ"
เป็นเด็กที่เห็นแก่กินจริงๆ ชายหนุ่มรินน้ำส้มที่เขาหยิบมาเมื่อสักครู่ให้เต็มแก้วจนระดับน้ำปริ่มกับขอบแก้ว จากนั้นก็ถือประคองไปให้ที่ปากเด็กชาย
"ระวังหกนะ"
เด็กชายผู้ใสซื่อเห็นน้ำส้มแสนอร่อยก็รีบใช้มือป้อมสองข้างประคองแก้วไว้ แต่มือเด็กชายเล็กไปที่จะกำแก้วหมด อชิระจึงช่วยถือไว้ให้
พอเห็นว่าเด็กชายใกล้จะอิ่มแล้วเขาจึงแกล้งกระดกแก้วเบาๆ ทำให้น้ำส้มหกรดบนตัวเด็กน้อย
"ขอโทษๆ เปียกหมดเลย"
เด็กชายก้มมองดูเสื้อผ้าตัวเอง สลับกับมองหน้าอชิระ ราวกับจะสื่อว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ทำน้ำหกใส่ตน
หนูน้อยยิ่งฉงนกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าอชิระพยายามเทน้ำส้มให้หกรดพื้นเพิ่มไม่ได้จะทำให้สะอาด
"คุณอิฐน้ำส้มเลอะหมดแล้วครับ"
เจ้าของร่างสูงหยุดการกระทำ เมื่อเห็นผลงานเป็นที่น่าพอใจ ปริมาณน้ำส้มในแก้วเหลืออยู่ก้นแก้วพอดี
"มือมันอ่อนแรงน่ะ นายจะกินอีกไหม"
อ้นส่ายหน้า พร้อมกับก้มมองชุดตัวเอง กลัวมนวดีจะดุที่ทำชุดเปื้อน
"ชุดอ้นเปียก"
เด็กน้อยต้องการจะสื่อสารขอความช่วยเหลือ ซึ่งอชิระก็เข้าใจดี ร่างสูงลูบหัวกลมๆไปในที
'ขอโทษนะเด็กอ้วน แต่มันจำเป็นจริงๆ'
"ได้ รอแปปนึงนะ"
ชายหนุ่มยืนเต็มความสูงก่อนเดินตรงไปยังประตูห้องน้ำ เขาเคาะเรียกคนข้างในสองสามที ก่อนที่เธอจึงเปิดประตูออกมาพร้อมกับไม้ขัดโถส้วม เขาตกใจเล็กน้อยแต่ก็โล่งใจที่เธอไม่ได้เข้าไปหมกตัวเพื่อร้องไห้
"มีอะไรเหรอคะ"
"เด็กคุณทำน้ำหก"
มนวดีตกใจตาโต รีบเก็บอุปกรณ์แล้วออกไปดูเด็กชาย หญิงสาวเห็นสภาพอ้นแล้วอย่าเรียกว่าหกเลย เรียกว่าราดหรืออาบน่าจะใกล้เคียงกว่า พื้นห้อง พรม ก็เปียกไปด้วยน้ำส้ม ความรู้สึกผิดแล่นเข้าสู่หัวใจ เธอไม่น่าปล่อยอ้นไว้เลย
“ไม่เป็นไรนะจ้ะ เดี๋ยวน้าเช็ดให้”
อ้นโล่งใจที่มนวดีไม่ได้ดุ เด็กชายมองหน้าอชิระอีกครั้งขณะที่มนวดีหยิบทิชชู่มาเช็ดตัวเขา
หญิงสาวกังวลว่าถ้าไม่รีบเอาเสื้อหนูน้อยไปซักก็จะเป็นคราบ แต่ถ้าเอาไปซัก หนูน้อยก็จะไม่มีเสื้อใส่กลับบ้าน ครั้นจะยืมเจ้าของห้องเธอก็ไม่กล้าและยังไม่อยากคุยกับเขา
“เดี๋ยวเราค่อยไปเปลี่ยนชุดที่บ้าน หนูทนได้ไหม”
มวดีเอ่ยถามหนูน้อย
“คุณจะให้เด็กใส่เสื้อเปียกๆกลับบ้าน เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี”
“เราไม่มีเสื้อเปลี่ยนค่ะ”
สุดท้ายก็ต้องจำใจพูดกับอชิระ
“ผมให้ยืมก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ งั้นมิ้มขออนุญาตพาอ้นไปล้างตัวในห้องน้ำก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะมาเช็ดพื้นให้”
อชิระยืนคิดสักครู่ ใครจะไปยอมให้เธอพาเด็กผู้ชายไปอาบน้ำ แบบนั้นก็ต้องเห็นสิ่งนั้น ถึงจะเป็นหนอนอยู่ก็เถอะ
“ผมจะไปอาบน้ำพอดี เดี๋ยวผมอาบให้อ้นเอง”
“เอ่อ แต่ว่า...”
มนวดีกำลังจะแย้งเพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนมากเกินไปแต่พอได้ยินประโยคถัดไปจากเขา ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที
“ทำไม หรือจะอาบด้วยกันสามคน...ก็ได้นะ”
“ไม่ค่ะ ไม่เอา”
อชิระเห็นคนหน้าแดงรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แล้วแอบยิ้มมุมปากก่อนพาเจ้าตัวป้อมไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน หน้าที่รับผิดชอบพื้น พรม ที่เปื้อนไปด้วยน้ำส้มจึงเป็นหน้าที่หญิงสาว
ด้านคนร่างสูง เขาไม่เคยอาบน้ำให้เด็กมาก่อน แต่กรณีนี้จะบริการเป็นพิเศษเนื่องจากความผิดที่เขาก่อไว้กับอ้นตั้งแต่ต้น ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าเด็กออกจากตัวให้หมด เปิดน้ำอุ่นใส่อ่างไว้ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกตาม แล้วพาทั้งคู่ลงอ่าง
“โห”
อชิระยิ้มร้ายออกมาเมื่อเห็นว่าเด็กชายอุทานอะไร
“เอาน่า ถ้านายโตขึ้น เดี๋ยวหนอนชาเขียวก็โตตาม”
เขาจับเด็กชายเข้ามาใกล้ก่อนช่วยถูสบู่ให้
“ครับ น้าซันบอกว่าของอ้นยังเป็นหนอนอวบอยู่ ถ้าโตขึ้นก็ใหญ่เท่าน้าซัน”
‘ไอ้หมอนั่นขี้อวดชะมัด’ และจู่ๆ ความคิดอยากเอาชนะก็โพล่ขึ้นมาในหัว
“ถ้าเทียบแล้วของคุณอิฐกับน้าซัน อ้นให้ใครชนะเลิศ”
เด็กน้อยมองของตัวเองสลับกับของคนตรงหน้าและทำท่าคิดถึงตอนที่ตัวเองอาบน้ำกับอาทิตย์
“อืม ไม่รู้ครับแต่ของผมเล็กสุด ฮ่าๆ”
อชิระทำหน้าเอือมระอา เด็กหนอเด็ก ภูมิใจที่ของตัวเองเล็ก รอโตก่อนเถอะ
“ถ้าให้คุณอิฐที่หนึ่ง จะพาไปเล่นของเล่น”
“จริงเหรอครับ งั้นให้คุณอิฐที่หนึ่งเลย”
อชิระยิ้มกว้าง ตลกหนูน้อยตัวอ้วนป้อมคนนี้ ‘ความจริง เด็กนี่ก็น่ารักเหมือนกันแหะ’
หลังจากอาบน้ำเสร็จ อชิระที่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวก็อุ้มอ้นที่เปลือยเปล่าเข้าไปในห้องนอน มนวดีหันมาเห็นแวบนึงแล้วรีบหันหน้าหนี นี่มันของห้องอชิระเขาคงไม่ต้องเกรงใจอะไร หญิงสาวจึงรีบทำความสะอาดต่อเพราะเวลาล่วงเลยมานาน
แต่จนแล้วจนเล่า จนเธอทำความสะอาดเสร็จ อชิระก็ยังไม่พาอ้นออกมาส่งเสียที มนวดีจึงตัดสินใจเคาะประตูเรียก