เกวียนเริ่มชะลอหยุดอยู่ที่หน้าจวนเก่าๆหลังหนึ่ง บริเวณรอบๆถูกประดับตกแต่งไปด้วยโคมไฟสีแดง พอจะทำให้ผู้คนในระแวกนี้ทราบได้ว่าที่จวนหลังนี้มีงานมงคล เมื่อเกวียนหยุดสนิทแล้วลู่หยางเฟ้ย ที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ก็ก้าวเท้าเดินกระเผลกเข้ามารับว่าที่เจ้าสาวของตน
เขาเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานเช่นกัน แต่นี่เป็นสิ่งเดียวที่ท่านแม่ของเขาร้องขอก่อนที่ท่านจะสิ้นใจเมื่อไม่กี่วันมานี้ โดยที่ท่านได้ให้เหตุผลว่าเขาโตพอและมีความรับผิดชอบพร้อมที่จะมีครอบครัวเป็นของตนเองได้แล้วจะได้มีภรรยาคู่คิดยามแก่ชรา เขาคงจะยิ้มออกหรอกนะท่านแม่สิ้นใจได้ไม่นานก็ได้มาแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ นางเป็นคนเช่นไรกันถึงได้ยอมแต่งงานกับชายพิการเช่นเขา
เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ซูไป๋เซียงที่แอบเห็นขาของเขาเดินกระเผลกๆ นางก็ช็อคจนหมดสติไป แต่อนิจจังศรีษะของนางกลับฝาดเข้ากับก้อนหินบริเวณนั้นเข้าอย่างจัง นางนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างไม่ไหวติง
ถ้าสังเกตุดูดีๆจะก็จะรู้ว่าซูไป๋เซียงคนนี้ได้ตายไปแล้ว
"คุณหนู!!"
ด้านลู่หยางเฟ้ยที่เห็นนางล้มกองอยู่ที่พื้นก็เข้าไปอุ้มนางเข้าไปพักให้ห้องหอด้านใน เขาอุ้มนางอย่างทุลักทุเล ด้วยสภาพร่างกายของเขาทำให้เขาเวทนาตนเองไม่น้อย เขาวางนางลงบนเตียงแล้วก็เดินออกไปข้างนอกโดยไม่พูดจา ทิ้งให้บ่าวรับใช้อยู่ดูแลเจ้านายของตนเอาเอง
.....
ในขณะเดียวกันไป๋เซียง สาวหมวยลูกครึ่งไทยจีนเธอได้ทุนมาเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศจีน ระหว่างที่เธอรอเปิดภาคเรียนอยู่นั้นเธอก็ได้เข้าไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์โบราณ ขณะที่เธอได้ยืนมองภาพวาดคู่รักโบรานอยู่นั้นได้มีรูปปั้นขนาดใหญ่หล่นลงมาใส่เธอ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีนางก็นอนอยู่ในห้องไม้เก่าๆ เมื่อก้มมองดูตัวเองก็ตกใจเมื่อเห็นชุดเจ้าสาวสมัยโบราณสวมใส่อยู่บนกายของเธอ
"คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ คุณหนูหมดสติไปนานบ่าวเป็นห่วงแทบแย่"
เอะ คุณหนู ใครกัน ที่บ้านไม่เคยมีใครเรียกฉันแบบนี้นิ ซูไป๋เซียงได้แต่ทำหน้ามึนงงเมื่อมองเห็นหน้าเฟิ่งเหยานั่งจ้องอยู่ข้างๆเตียงนอน นางคิดว่าคงจะเป็นภาพหลอน ถึงกับใช้มือตบเข้าไปข้างขมับตัวเองอย่างแรงเพื่อทดสอบดู
"โอ้ย อูย เจ็บๆ"
"คุณหนูตีแผลตัวเองทำไมเจ้าคะ เดี๋ยวแผลก็เปิดหรอกเจ้าค่ะ" คุณหนูของนางฝื้นขึ้นมาก็ทำอะไรแปลกๆ หรือว่าความจำคุณหนูจะเลอะเลือน
"ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าออกไปด้านนอกก่อนข้าขอพักผ่อนสักครู่" ไล่ออกไปก่อนก็แล้วกันนางจะได้ทบทวนเรื่องราวต่างๆที่อยู่ในหัวของนางที่ตอนนี้สับสนปนกันไปหมดแล้ว
"ได้เจ้าค่ะคุณหนู " เฟิ่งเหยารีบออกไปด้านนอกเพื่อให้คุณหนูของนางได้พักผ่อน
ซูไป๋เซียง ใช้เวลานั่งทบทวนความจำของเจ้าของร่างสักพักใหญ่ๆ "โถ่ชีวิตของร่างนี้ช่างน่าสงสารนัก" ถ้าเจ้ายังอยู่ในบริเวณนี้ ข้าอยากบอกกับเจ้าว่าข้าจะดูแลร่างกายนี้ให้เหมือนกับร่างกายของข้าเอง
"จะเอายังไงกับชีวิตดีเนี้ย โอ้ย ไป๋เซียงอยากตาย" นางนอนบ่นพลางกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง หาได้รู้ไม่ว่ามีสายตาหนึ่งคู่จ้องมองนางอยู่ตลอดเวลา
"หึ หญิงประหลาด " เขาคิดไว้แล้วหญิงดีๆที่ไหนจะยอมแต่งงานกับชายพิการไร้ประโยชน์เช่นเขา ที่แท้นางก็เป็นหญิงสติไม่ดี เขาส่ายหน้าอย่างเอือมๆก่อนจะเดินออกไปด้านนอก