ตอนที่ 14 : ศาลาธรรมสพน์ – 2
“สองต่อสองเลยเหรอ”
ชวินทำเสียงสูงราวกับเรื่องที่ฟังไม่น่าเชื่อถือเสียเต็มประดา ฉันได้แต่หรี่ตากับถอนลมหายใจออกมาอย่างหมั่นไส้ รบเร้านักหนาให้เล่าให้ฟัง พอถึงเวลาเล่าให้ฟังจริงก็ทำมาเป็นไม่เชื่อ มันน่าหมั่นไส้ไหมเนี่ย ฉันเบะปากไปอีกที จนอีกฝ่ายหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เออ” ฉันรับสั้น ๆ “ขอให้เล่าให้ฟังเอง พอเล่าให้ฟังก็มาทำบ่น”
“โอ๋ ๆ ล้อเล่นนิดเดียวเอง”
ชวินรีบทำท่าขอโทษขอโพยเสียเกินจริง พวกเราสองคนกำลังอยู่ในร้านอาหารเกาหลี วันนี้ลูกค้าอีกรายนัดมาคุยเรื่องรายละเอียดแบบบ้านที่อยากได้ ครั้งนี้เป็นการคุยรอบแรก ๆ เท่านั้น ฉันแค่มารับความต้องการของลูกค้าก่อนนำกลับไปออกแบบอีกที ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องร้านที่คุยมากมายนัก ลูกค้าเลยเลือกร้านอาหารเกาหลีที่มีโปรไก่ทอดหนึ่งแถมหนึ่ง
“แต่เอาจริง ๆ ฉันว่ามันก็เหนือความคาดหมายฉันเหมือนกัน”
ฉันพูดไปตามตรง เรื่องที่ฉันจะได้ไปมีเวลาที่เหมือนจะไปเดตกับเมทิตย์สองคนนั้นเป็นเรื่องที่เกินคาดมาก ๆ ฉันยังแอบนึกว่าฝันไปหรือเปล่าตอนที่เขามาส่งที่หน้าห้องแล้วเดินเลยไปเข้าห้องตัวเอง ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะเข้าใกล้ซุปเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของช่องได้รวดเร็วขนาดนี้
“แกแอบเล่นของใช่ไหม” ชวินพูดพร้อมทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“แกน่ะสิเล่นของ แผนแกน่ะทำให้ฉันใกล้ชิดเขาได้ขนาดนี้”
ฉันพูดไปตามที่นึก มือกำลังจะเลื่อนไปหยิบจากไก่ทอดที่เหลืออยู่โบ้ยให้ชวินกิน ฉันอิ่มแล้วและลูกค้าก็กลับไปนานแล้วด้วย แต่เมื่อเงยหน้าไปก็เจอกับเพื่อนสนิทของตนเองกำลังนิ่งอึ้ง ชวินมีท่าทีคิดหนักแบบที่ฉันไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก แต่แค่ครู่เดียวอาการทั้งหมดก็หายเป็นปลิดทิ้ง
“เป็นอะไร”
“เปล่า”
“เปล่าอะไร ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าแกเป็น”
ฉันเถียงคอเป็นเอ็น ใจสลัดความสงสัยต่ออาการของคนตรงหน้าไม่ได้ เหมือนภาพอาการที่เห็นเมื่อกี้มันติดตา ถ้าไม่ถามให้รู้คงจะไม่สบายใจ
“ฉันกำลังคิดว่าพวกเราทำเกินไปหรือเปล่าวะ” เสียงของชวินดูอ่อย ๆ “เราทำตัวเหมือนสต๊อกเกอร์กันเปล่าวะ พอทุกอย่างเข้าแผนไปหมด ฉันก็เริ่มรู้สึกผิด เหมือนเรากำลังไปเล่นเกมกับความรู้สึกของเขาเลย ถ้าเขามารู้ทีหลังเขาจะโกรธแกไหมเนี่ย”
ฉันนิ่งไปอย่างไม่ได้นึกถึงข้อนี้มาก่อน
จะว่าไปแล้วฉันมีสิทธิ์ที่จะเดินหน้าเข้าหาเขาอีกครั้งหรือไม่นะ คนที่ครั้งหนึ่งฉันเคยคบกับเขามาเป็นเวลา 10 ปีเต็ม วันนี้อะไรสักอย่างพรากเขาจากฉันไป แต่ก็นั่นแหละ ฉันมีสิทธิ์จะสู้เพื่อความรักของตัวเองหรือเปล่า หรือไม่ใช่ ฉันหมดโอกาสไปนานแล้ว
“ไม่รู้สิ แกไม่โอเคเหรอ ถ้าแกไม่โอเค แกถอนตัวไปก็ได้นะ หลังจากนี้ก็คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง” ฉันพูดไปเพราะคิดอะไรไม่ออก
“เปล่า ๆ” ชวินรีบโบกมือ “ฉันก็แค่สงสัยน่ะ แต่ก็ไม่เป็นไรมั้ง เราก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายหรือศีลธรรมนี่ คิดเสียว่าช่วยแกจีบผู้ชาย ไม่ได้ไปทำของใส่เขาสักหน่อย แกจะจีบติดหรือไม่ติดก็ได้ถูกไหมล่ะ พวกเราก็แค่ร่วมมือหาโอกาสให้แกกันแค่นั้นเอง”
นั่นสินะ จุดจบเรื่องนี้อาจไม่งดงามอย่างที่คิด
“แต่สิ่งสำคัญสุด” ชวินเก๊กหน้านิ่ง ค้อมตัวลงมาพูดราวกับเป็นเรื่องสำคัญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “เรามีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งต้องจัดการ”
“อะไรวะ”
ฉันชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบบ้าง ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรไปกับเพื่อนจอมร่าเริงนี่หรอก แต่แค่อยากจะเล่นด้วยไปตามบรรยากาศก็เท่านั้น
“ภริสา”
ชื่อนั่นกระแทกใจฉันจนนิ่งไป
“คู่จิ้นของเมทิตย์”
ฉันถอนตัวมานั่งปรกติ หมดอารมณ์เล่นแล้ว
“แกรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง”
ชวินพูดต่อพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดรูปภริสาให้ดูด้วย นางเอกเบอร์หนึ่งของช่อง เล่นละครคู่กับเมทิตย์มาตลอด สมัยที่ยังคบกับเมทิตย์ฉันก็รู้จักภริสามาบ้างผ่านการเล่าของเมทิตย์หรือหน้าจอโทรทัศน์ ภริสาไม่ได้ดังขนาดนี้แล้วก็ไม่ได้เป็นคู่จิ้นของเมทิตย์ด้วย
“รู้แล้ว” ฉันตอบอย่างไม่รู้จะตอบอะไร
“ฉันว่าเรื่องนี้น่าจะมีมูลพอสมควรนะ”
ใจของฉันสั่นไปอย่างบอกไม่ถูก พิศภาพตรงหน้าก็เห็นผู้หญิงที่สมบูรณ์พร้อมคนหนึ่ง งามด้วยรูปสมบัติที่ฉันไม่อาจเทียบเคียง
“ทำไมวะ”
“ก็ในไลน์บ้านของกลุ่มแฟนคลับภริสาน่ะสิ จิ้นถึงเมทิตย์กันไม่หยุด แอดมินอะไรก็ไม่ได้มาห้ามเลย ส่วนบ้านเมทิตย์กลับเงียบกริบ ไม่พูดเรื่องนี้เลย ฉันก็เลยเดาว่าฝั่งภริสาน่าจะปลื้มใจกับกระแสคู่นี่อยู่ไม่น้อย แต่ฝ่ายเมทิตย์อาจจะเฉย ๆ”
ฉันนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เมทิตย์ตอบนักข่าวในวันนั้น
“ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าภริสาคิดยังไงกับเมทิตย์กันแน่ แต่ถ้ารอจนรู้ ฉันว่าแกจะลำบากแน่นอน” ชวินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“งานก็ส่วนงานหรือเปล่า” ฉันเถียง
“แต่แกอย่าลืมว่าเมทิตย์ชอบทำการแสดงแบบ method acting นั่นแปลว่าตอนเล่นละคร เขาต้องคิดว่าเขารักภริสาจริง ๆ ไม่ใช่แค่ทำการแสดงอยู่”
ฉันลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย
“คนเล่นละครด้วยกันทีละ 3 – 4 เดือน มันจะไม่เผลอรักกันบ้างเหรอวะ ไม่แน่ที่ภริสาไม่พยายามแก้ข่าวอะไรแบบนี้ก็เพราะเผลอรักเมทิตย์ไปแล้วหรือเปล่า แต่เมทิตย์ยังไม่มั่นใจ”
ชวินยื่นหน้ามากระซิบอีก
“แกต้องจำไว้ว่า ทุกครั้งที่พวกเขาเล่นละครคู่กัน แกจะต้องมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในการที่อดีตแฟนในมัลติเวิร์สของแกจะไปตกหลุมรักคนอื่น ดังนั้น แกต้องรีบรวบหัวรวบหางเขาให้ไวที่สุด”
“ปาก” ฉันส่ายหน้าไปมากับคำพูดคำจาของเพื่อนสนิท
“ฉันหมายความว่าแกต้องรีบทำให้เขาขอแกเป็นแฟนให้ได้ไว ๆ ไง ยิ่งแกรอไปนานเท่าไหร่ แกก็จะยิ่งมีโอกาสแก้ ของขลังเวลาคบกัน 10 ปีมีแค่แกคนเดียวที่รู้นะเว่ย”
ฉันเงียบไปอย่างเถียงอะไรไม่ออก
“ตอนนี้ภริสาต้องไปถ่ายละครเรื่องใหม่ที่เชียงใหม่ น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เท่าที่ฉันไปสืบจากกลุ่มแฟนคลับมา แกต้องใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด”
“เวอร์ไปเปล่าวะ”
ฉันเถียง แต่ในใจก็หวั่นไหวไปไม่น้อยกับเหตุผลของคนตรงหน้า ใจนึกประหวัดไปถึงผู้ชายหน้าคมคายอีกคนที่ขอร้องให้ช่วยสอนวิธีการลงทุนในหุ้นให้ เวลาสองเดือนจะพอเรียกความรู้สึกเดิมของเขากลับมาได้หรือเปล่า
“แกต้องทำให้เขามาขอแกเป็นแฟนให้ได้ภายในเวลา 2 เดือน!”
********************************************************
นวนิยายเรื่องนี้เข้าร่วมการประกวด #ปั้นหมึกcontest
ผมเขียนโดยใช้นามปากกา "กิตติศักดิ์ คงคา" (อีกนามปากกาหนึ่งของ นายพินต้า)
การตัดสินนับคะแนนจากยอด view และยอด like ด้วย
หากใครรักใครชอบเรื่องนี้ อย่าลืม กด like , comment หรือแวะเข้ามาอ่านกันบ่อย ๆ นะ
ลง 1 ตอน / 1 วัน
หากวันไหนงดจะแจ้งล่วงหน้าที่ twitter : นายพินต้า - NINEPINTA จ้า
^ ^ ขอให้ความรักสถิตอยู่กับคุณ ^ ^