เกือบเดือนแล้วที่พายุต้องจัดการบริหารดูแล Journal D’Amour ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางง่ายกว่าที่คิดและไม่มีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนมากนัก เพราะก่อนที่บริษัทจะถูกเทกโอเวอร์ เจ้าของเดิมได้ทำการโยกย้าย ลดจำนวนพนักงานจนไม่สามารถลดอะไรได้อีกแล้ว และนั่นทำให้เขาทราบว่าสาวน้อยกอหญ้าถูกใช้งานหนักเกินเงินเดือนไปพอสมควร
เธอทำงานแทบจะไม่ได้พัก นอกจากงานออกแบบแล้วก็ยังต้องพบปะลูกค้าเพิ่มด้วยอีกอย่าง ทว่ากอหญ้ากลับไม่เคยบ่นอะไรสักคำ เพราะเข้าใจถึงสถานการณ์ของบริษัทก่อนจะถูกเปลี่ยนมือดี และนั่นทำให้บอสจากเมืองน้ำหอมยิ่งประทับใจเข้าไปกันใหญ่
เสียงข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้นเรียกสติของคนที่กำลังฟุ้งซ่านเพราะคิดงานไม่ออก กอหญ้าพรมนิ้วตอบข้อความเพื่อนสนิทอย่างกระตือรือร้น นานแล้วที่ไม่ได้เจอใครเลย นอกจากเพื่อนร่วมงานในบริษัทและบอสจอมดุอย่างพายุ
MaRinn 🐳🌊 : ก๊อก ก๊อก
🪴กอหญ้า🪴 : เปิดประตูหัวใจแช่แวบ ๆ
MaRinn 🐳🌊 : วันนี้ไปกินข้าวกันปะ พอดีฉันมีนัดกับลูกค้าแถวนี้ เลยกะว่าจะแวะไปส่งเอกสารที่ตึกแกด้วยเลย
🪴กอหญ้า🪴 : พอดีเลย กำลังเหงา อยากเจอเพื่อนบ้างงิ
MaRinn 🐳🌊 : พี่สกายไปด้วยนะ แกโอเคปะ
🪴กอหญ้า🪴 : พี่สกายมาด้วย?
MaRinn 🐳🌊 : อือ พอดีฉันบอกว่าแกเครียดเรื่องงาน พี่เขาเลยอาสาว่าจะช่วย
🪴กอหญ้า🪴 : งื้อ ใจดีตลอดดดด ไปสิ หลายคนสนุกดี
MaRinn 🐳🌊 : เคร ห้าโมงครึ่งเจอกันนะ
รอยยิ้มดีใจที่จะได้เจอเพื่อนทำให้คนที่ลอบมองอยู่ถึงเผลอยิ้มตามไปด้วย แต่พอนึกได้ว่ากอหญ้ายิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขา พายุก็อารมณ์บูดขึ้นมาทันที
“เธออยากจะกินอะไรหรือเปล่า ฉันจะสั่งอาหารมาส่ง” พายุถามเสียงสูงกว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องทำเสียงน่ารำคาญด้วย
“ไม่ดีกว่าค่ะ วันนี้กอหญ้าจะออกไปธุระข้างนอกกับเพื่อนน่ะค่ะ” เจ้าของดวงตากลมโตหันมายิ้มกว้าง ทำเอาหัวใจหนุ่มใหญ่วัยสามสิบแปดปีกระตุกวาบ
“โอเค งั้นฉันไม่กวนเธอแล้ว ทำงานต่อเถอะ” รอยยิ้มของกอหญ้าทำเอาพายุลืมเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดไปชั่วขณะ
ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กอหญ้าทำตามพูดของตัวเองได้ดี ไม่แสดงพฤติกรรมอะไรก็ตามให้เขาเข้าข้างตัวเองได้ว่าเธอกำลังทอดสะพานให้กัน กระทั่งเวลาเข้ามาคุยงานในห้องก็ยังถือวิสาสะเปิดประตูทิ้งไว้ แสดงออกชัดว่าไม่ได้ต้องการอยู่กันตามลำพังอีก
สาวน้อยกอหญ้าตัดเยื่อใยบาง ๆ ที่มีอยู่จนขาดสนิท ทว่าคนที่ถูกละเลยกลับอยากอยู่ในสายตาของเธอมากขึ้นทุกวัน พายุยอมทำถึงกระทั่งอยู่เป็นเพื่อนหลังเวลาเลิกงานและกลับบ้านค่ำมืดดึกดื่น ลืมไปแล้วว่าการเที่ยวกลางคืนคืออะไร ลืมไปแล้วว่าการออกไปล่าสาว ๆ ต้องทำยังไงบ้าง
ความจริงเขาเองอยากจะบุกหนักจนแทบจะทนไม่ไหว แต่ติดอยู่ที่ตัวเองตั้งกฎไว้ว่าจะไม่เดตกับคนในที่ทำงาน เขาจึงไม่กล้าออกตัวแรงและบอกไปตรง ๆ ว่าชอบ และในเมื่อการแกล้งไล่เธอออกแล้วจีบหลังจากพ้นสภาพการเป็นพนักงานไม่ใช่ทางเลือก เขาก็จำต้องอดทนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหาทางออกได้
“กอหญ้าจะกลับแล้วนะคะ บอสจะออกไปพร้อมกันไหมคะ” กอหญ้าจะแวะเข้ามาบอกทุกวัน เขาก็จะเสนอตัวส่งเธอกลับบ้าน โดยอ้างว่าเป็นทางผ่าน ไม่อยากให้พนักงานต้องเสียเงินค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่แพงเกินกว่าค่าครองชีพ แรก ๆ เธอก็ปฏิเสธ แต่พอเขาหมั่นถามเข้าก็เริ่มใจอ่อน ยอมให้ส่งกันจนถึงหน้าคอนโดมิเนียม
พายุต้องขับรถอ้อมไกลเลยทีเดียวกว่าจะถึงบ้านของตัวเองเพราะเรื่องทางผ่านอะไรนั่นมันโกหกทั้งเพ เขาก็แค่อยากใช้เวลากับน้องกอหญ้าให้มากขึ้นอีกสักหน่อย
ทว่าวันนี้ทุกอย่างกลับต่างออกไป
“แล้วเธอจะไม่กลับพร้อมฉันเหรอ” เขาถามเสียงดุ
“วันนี้เพื่อนมารับค่ะ ขอบคุณบอสมากนะคะที่แวะส่งกอหญ้าทุกวันเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงคอนโดของเธอก็ทางผ่านอยู่แล้ว” พายุโกหก เขาต้องขับรถไปยูเทิร์นตั้งไกล กว่าจะฝ่ารถติดจนกลับถึงบ้านได้ก็ช้ากว่าเดิมเกือบครึ่งชั่วโมง
“พรุ่งนี้บอสมีนัดสัมภาษณ์เลขาตอนสิบโมงเช้านะคะ หวังว่าคราวนี้จะถูกใจบ้าง” ความเรื่องมากของพายุเป็นที่รู้กันทั่ว Journal D’Amour เขาจัดการทุกอย่างอย่างไร้ที่ติ มาถึงสัปดาห์แรกก็โยกย้ายและหาคนมาทำงานเพิ่มตามสมควร รวมถึงจัดหาคนมาดูแลเรื่องการพบปะลูกค้าแทนนางสาวกรดา หรือกอหญ้า โดยอ้างว่าเธอจะได้ทุ่มเทกับการออกแบบอย่างเต็มที่ ทว่าสุดท้ายพายุกลับขอให้เธอช่วยทำหน้าที่เลขานุการชั่วคราวจนกว่าจะหาคนที่เหมาะสมได้ ทำให้คนที่เพิ่งจะได้รับข่าวดีว่าไม่ต้องไปพบลูกค้าแล้วถึงกับหุบยิ้มทันที
กอหญ้าทำหน้ามุ่ย จนกระทั่งเขาบอกว่าไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ช่วยงานนิดหน่อยก็พอแล้ว เธอโล่งใจที่พายุแทบไม่ขอให้ช่วยอะไรอย่างที่พูดจริง ๆ หนุ่มลูกเสี้ยวที่หล่อปานนายแบบ เคยชินกับการทำงานทุกอย่างด้วยตนเอง ตอนอยู่ที่ปารีสงานเขาหนักกว่ามาก แต่พอย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ปริมาณงานก็ลดลงจนแทบไม่ต้องการผู้ช่วย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเดือนนี้
“ขอตัวก่อนนะคะ” เลขานุการจำเป็นกล่าวก่อนออกจากลิฟต์ ส่วนเขาต้องลงไปยังลานจอดที่อยู่ชั้นใต้ดิน พายุรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนที่มารับเธออาจจะไม่ใช่แค่เพื่อนอย่างที่อ้าง
ยังไงกอหญ้าก็เป็นคนสวย มีคนมาบ้างจีบก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พายุโคลงศีรษะไล่ความหึงหวงที่แล่นพล่าน พร้อมกับเตือนตัวเองว่ากอหญ้าคือลูกน้องและเขาคือบอสของเธอ
แต่สุดท้ายเขาก็กดลิฟต์กลับขึ้นไปชั้นเดิม พร้อมทั้งแอบมองเจ้าของร่างสมส่วนที่กำลังรอคนที่มารับ พายุกำหมัดแน่นเมื่อพบว่าคนที่มาคือชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกอหญ้า แถมหน้าตายังหล่อจนเขานึกระแวง
แต่ยังไงก็หล่อสู้ผู้ชายที่ชื่อพายุไม่ได้อยู่แล้ว…
บอสรูปหล่อของ Journal D’Amour ก้าวขายาว ๆ ก่อนจะซ่อนตัวไม่ห่างจากนางสาวกรดา และชายหนุ่มปริศนาที่ทำให้เขาอารมณ์เสียจนแทบคลั่ง
“กอหญ้าไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่ช่วยหางานให้ จริง ๆ เพื่อนสนิทพี่ก็เป็นเจ้าของบริษัทออกแบบเครื่องประดับ ถ้ากอหญ้าไม่ได้ทำงานต่อที่นี่จริง ๆ ก็บอกพี่นะ เดี๋ยวจะลองคุยให้”
“เดี๋ยวกอหญ้าขอพยายามดูก่อนนะคะ ไม่อยากให้ใครว่าได้น่ะค่ะว่างานเราไม่ได้เรื่องจนถูกเจ้านายไล่ออก แล้วเพื่อนร่วมงานที่นี่ก็ดีมาก ๆ ด้วย กอหญ้ายังตัดใจไม่ได้จริง ๆ ค่ะ”
“ทีมดีแค่ไหน แต่เจ้านายใจร้ายก็ไม่ไหวปะกอหญ้า” พายุได้ยินเข้าก็หูผึ่ง อยากจะออกไปต่อยปากสั่งสอนคนที่กล่าวหาว่าเขาเป็นคนใจร้าย โชคดีที่คำของน้องกอหญ้าหยุดความเกรี้ยวกราดของเขาเอาไว้เสียก่อน
“เขาไม่ได้ใจร้ายหรอก พอทำงานด้วยกันก็น่ารักดี มีอะไรไม่เข้าใจก็ช่วยกอหญ้าตลอดเลยนะ กอหญ้าผิดเองแหละที่ไม่เคยมีความรักเลยทำงานออกมาได้ไม่ดี”
“ถ้ายังไม่เคยมีความรักก็ลองมีดูสิ แต่ก่อนอื่นต้องรู้จักแบ่งเวลาก่อนนะ ไม่ใช่ทำแต่งานจนเป็นบ้าเป็นหลัง หาเวลาไปเดตกับใครไม่ได้แบบนี้”
หนุ่มปริศนาที่พายุไม่ชอบหน้าโบกมือเรียกสาวสวยที่เพิ่งจะมาถึง ท่าทางสนิทสนมทำให้คนที่ลอบมองอยู่เดาได้ทันทีว่าทั้งคู่คบกันเกินกว่าคำว่าเพื่อน เธอคนนั้นทักทายกอหญ้าก่อนจะออกจากตึกไปพร้อม ๆ กันทั้งสามคน
กอหญ้าไม่ได้โกหก เธอมีนัดกับเพื่อนจริง ๆ แต่แทนที่พายุจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เขากลับกลัวว่าเธอจะยื่นจดหมายลาออก และที่สำคัญคือกลัวว่าเธอจะเริ่มออกเดตหรือมีความรักกับใครอื่น
คนคนนั้นมันต้องเป็นเขา หากผ่านโปรเจกต์ออกแบบไข่มุกนี่ได้เมื่อไหร่ ต่อให้เธอได้อยู่ต่อหรือจะไป พายุคนนี้จะสู้ไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน!
หลายวันก่อนมารินและสกายมาพบลูกค้าแถวบริษัทที่กอหญ้าทำงาน ทั้งคู่ชวนคนที่ใกล้จะตกงานไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ในระหว่างที่เพื่อนสนิทแวะไปรับเอกสารจากบริษัทที่อยู่ชั้นสิบแปด เธอก็คุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับพี่สกายรออยู่ชั้นล่าง เขาเสนอว่าจะช่วยเรื่องหางานใหม่ และบอกว่าเธอควรจะแบ่งเวลาให้ดี ไม่อย่างนั้นคงโสดไปจนตายแน่ ๆ
กอหญ้าไม่อยากแบ่งเวลา กอหญ้าอยากอยู่ข้าง ๆ บอส
เธอชอบพายุ… ถึงบางครั้งเขาจะดูดุจนน่ากลัว
ชีวิตของกอหญ้าเหมือนจะกลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง สองสัปดาห์ก่อน จันทร์เจ้าบอกว่าได้ข่าวของปลาดาวแล้วและไม่มีอะไรต้องห่วง หากเจ้าตัวพร้อมเมื่อไหร่ก็คงโผล่หน้ามาเอง
มือเรียววางดินสอก่อนจะบิดขี้เกียจเสียเต็มแรง พอหันกลับไปก็พบบอสจอมเนี้ยบที่ตรงเข้ามาพร้อมกับน้ำผลไม้ที่ดื่มเป็นประจำในทุก ๆ เย็น เขาหรี่ตามองแบบบนกระดาษที่เธอเพิ่งจะวาดเสร็จ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้กันอย่างมีเสน่ห์
ยุบหนอ พองหนอ… กอหญ้าต้องท่องวันละร้อยครั้งเพื่อคุมตัวเองไม่ให้สติแตก เผลอกระโดดกอดบอสสุดแซ่บมากกว่าพริกสิบเม็ดในส้มตำที่เธอเพิ่งจะกินมาเมื่อช่วงกลางวัน
“ฉันสั่งสลัดมาสองชุด เธอจะกินด้วยกันไหม”
“ของฟรี กอหญ้าไม่ปฏิเสธหรอกค่ะ” เธอเก็บดินสอเข้าที่ก่อนจะเดิมตามเจ้านายเข้าไปในห้องแพนทรีเล็ก ๆ ที่พนักงานมักจะนำอาหารมารับประทานในช่วงกลางวันและบางกลุ่มที่ต้องทำงานต่อจนถึงช่วงเย็น แต่พักหลังมานี้มีแต่เธอกับพายุที่อยู่ดึก ส่วนคนอื่นนั้นกลับบ้านตามเวลาเป๊ะ เพราะไม่อยากอยู่ใกล้บอสที่จุกจิกเรื่องงานจนน่ารำคาญ
หลายวันแล้วที่บอสพายุทำตัวแปลก ๆ เขาใจดีผิดปกติและสั่งอาหารมาเผื่อโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ บางครั้งกอหญ้าเห็นดวงตาของเขามีประกายวาววับเหมือนกับตอนที่อยู่ภูเก็ต ตอนที่เขาใช้เสน่ห์ล่อลวงจนเธอเกือบจะยอมปล่อยตัวปล่อยใจ ทว่าพอมองอีกทีก็กลับไม่ได้มีอะไรอย่างที่คิด บอสยังดุจนพิตบูลล์ต้องอายเหมือนเดิม
เขาก็แค่ทำหน้าที่เจ้านายที่ดี ดูแลให้กำลังใจลูกน้องที่ยังทำโปรเจกต์ออกแบบเครื่องประดับที่ทำจากไข่มุกไม่ผ่าน เขาก็คงแค่สงสาร ไม่อยากให้เธอถูกไล่ออก
“เธอเหนื่อยไหมกอหญ้า” เจ้านายสุดหล่อถามประโยคนี้ซ้ำ ๆ ทุกวัน แต่น่าแปลกที่คนฟังทำใจให้ชินไม่ได้สักที
ในเมื่อคนมันชอบจะทำใจให้ชินได้ยังไงไหว ยิ่งเวลาพายุเนี้ยบหนักทำหน้าจริงจัง กอหญ้ายิ่งทำใจลำบาก เรื่องหล่อตรงสเปกนั่นเธอพอจะทำใจแกล้งลืมได้บ้าง แต่นิสัยเอาใจใส่ความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักนี่กอหญ้าแกล้งมองไม่เห็นไม่ได้จริง ๆ
“งานเร่งนี่คะ อีกไม่ถึงเดือนก็ต้องพรีเซนต์แล้ว กอหญ้ายังไม่ถึงไหนเลย” หลังจากทำงานกับพายุมาเดือนกว่าและได้ชมดูงานของ Journal D’Amour ที่เขาดูแลหลายตลอดหลายปีที่ผ่านมา กอหญ้าก็ละวางทิฐิในใจและยอมรับแต่โดยดีว่างานออกแบบของเธอขาดเสน่ห์อย่างที่เขาว่าจริง ๆ
“ของพวกนี้มันบังคับกันไม่ได้ เธอต้องทำงานเพราะอยากจะทำ ไม่ใช่ทำเพราะต้องทำ ถ้ายังไม่มีอารมณ์ เริ่มไปมันก็เจ็บตัวเปล่า การสร้างงานศิลปะมันก็เหมือนการเมกเลิฟนั่นแหละ ถ้ายังไม่มีอารมณ์มันก็ไม่ได้ออกมามีความหมายหรือน่าจดจำอะไร”
“ค่ะ กอหญ้าเข้าใจแล้วค่ะ” คำเปรียบเทียบของพายุทำคนฟังรู้สึกร้อนฉ่าทั่วใบหน้า เขาคงเข้าใจว่าเธอมีประสบการณ์ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น
“ไม่ต้องเครียดนะ งานของเธอดูสวยมากขึ้นทุกวัน ลองถ้าทำให้ฉันเริ่มชอบได้แบบนี้ อีกนิดฉันจะต้องหลงรักมันมากแน่ ๆ” กอหญ้ายิ้มรับ พลางเตือนตัวเองว่าพายุกำลังพูดถึงงานออกแบบเครื่องประดับ ไม่ใช่ตัวของเธอเอง
“เดี๋ยวฉันมานะ” เขารับโทรศัพท์หลังจากเดินออกจากห้องกินข้าว ซึ่งกอหญ้าเดาว่าคงเป็นสายสำคัญ เพราะปกติแล้วบอสจะไม่รับสายระหว่างรับประทานอาหาร
ภาษาฝรั่งเศสถูกพ่นออกมารัวเร็วและถึงแม้กอหญ้าจะไม่เข้าใจ แต่สังเกตจากสีหน้าของเขา มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ หลังจากเสียงดังทะเลาะกับปลายสายเกือบสิบนาที เขาก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับจ้องมองกันด้วยท่าทางจริงจังจนน่ากลัว
“กอหญ้า ฉันมีเรื่องจะขอร้องให้เธอช่วย”
“คะ?” กอหญ้าถามทั้ง ๆ ที่ปากเพิ่งจะยัดสลัดเข้าไป
“เธอช่วยแกล้งคบกับฉันสักสองสามอาทิตย์ได้ไหม?”
“ค่ะ… อะไรนะคะ!” เธอกลืนอาหารรวดเร็วจนแทบจะสำลัก มือเรียวคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่ข้างๆ และยกดื่มอย่างรวดเร็ว
“ช่วยเป็นหมากันไม้เรียวให้ฉันหน่อยนะกอหญ้า” พายุเครียดจัดขณะขอร้องคนตรงหน้าด้วยประโยคที่ครูสอนภาษาไทยต้องตีอกชกหัวตัวเอง ส่วนกอหญ้านั้นสำลักน้ำที่กำลังดื่มและพอตั้งสติได้ก็หัวเราะจนน้ำตาไหล
มีอย่างที่ไหนของให้เธอไปเป็นหมา ไอ้พี่พายุเอ๊ย!
******************
นิยายเรื่องทะเลอ้อนลมจะวางจำหน่ายในรูปแบบ EBOOK ใน MEB แล้วนะคะ
ขอบพระคุณทุกท่านมากค่า