บทที่ 33
ขุนศึก P
“ทำไมถึงไม่เป็นไปตามแผน! มันไม่ควรเกิดข้อผิดพลาดแม้แต่จุดเดียวด้วยซ้ำ! แต่นี่มันอะไรกันคิดว่าฉันสร้างบริษัทมาเพื่อเล่นขายของหรือยังไง! ฉันทุ่มทุนสร้างตั้งกี่พันล้านแล้วผลที่ได้ออกมาแบบนี้? พวกคุณมีประสิทธิภาพทำมันออกมาดีได้เท่านี้? ใช่ไหมตอบ!”
“…!”
เหล่าบรรดาพนักงานทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานในครั้งนี้ต่างพากันสะดุ้งตัวโหยงเมื่อเสียงตะโกนของผมดังก้องกังวานถามในสิ่งที่อยากจะรู้ด้วยห้วงอารมณ์ของความหงุดหงิด เหตุเป็นเพราะบริษัทที่กำลังจะเปิดตัวสาขาใหม่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าแต่ระบบงานของงานยังติดขัดจนทำให้ผมถึงกับอารมณ์เสีย
บริษัทของผมติดอันดับต้น ๆ ของแวดวงขายคอนเทนต์นำหนังและซีรีส์จากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกรวมไปถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกใต้บางส่วนเข้าฉายในประเทศ แต่สิ่งที่ต้องมาเจอเมื่อใกล้จะถึงวันเปิดตัวของบริษัทกลับกลายเป็นการจัดระบบคิวงานที่ยังทำให้สมบูรณ์ไม่ได้ ไหนจะระบบไฟระบบเสียงยังไม่สามารถทำให้มันเสถียรได้แล้วจะไม่ให้ผมหงุดหงิดได้อย่างไรกัน
”ห่วยทั้งคนห่วยทั้งระบบ! ห่วยแตกสิ้นดี! ไปจัดการมาให้เรียบร้อยอีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะกลับมาดูการรันงานใหม่ทั้งหมด ถ้ามันยังเป็นเหมือนเดิมเงินเดือนพวกคุณก็จะได้ตามสภาพของงานวันพรุ่งนี้เหมือนกัน”
“ค่ะท่านประธาน!/ครับท่านประธาน!”
สิ้นประโยคคำสั่งผมจึงหันหลังเดินออกทันทีเพราะหากยังยืนคุมงานด้วยตัวเองมีหวังงานไม่เดินแน่ มือขวาผมยกขึ้นคลายเนกไทอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดเมื่องานทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจ ปัญหางานที่เข้ามารุมเร้ามันยิ่งทำให้วันเดินทางกลับไทยต้องเลื่อนออกไปช้ากว่ากำหนด…สามวันแล้วที่ผมไม่ได้นอนกอดเมียกับเจ้าแฝด
คิดถึง…
คิดถึงจนแทบจะขาดใจ …
“ท่านประธานครับจะให้ผมเลื่อนไฟลท์เที่ยวบินพรุ่งนี้เป็นเวลากี่โมงดีครับ”
สองขาที่กำลังก้าวเดินออกกลับต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อศิลป์ที่เดินตามหลังผมมาติด ๆ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเร่งรีบตามจังหวะของการก้าวเท้าเพื่อให้ตามผมทัน แต่ทว่ามันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองลืม
ลืมโทรบอกเมีย...
ฉิบหาย…
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!”
มือขวาผมยกขึ้นนวดขมับทันทีเมื่อลืมโทรบอกเมียว่าวันนี้ไม่ได้กลับตามแพลนที่วางไว้ อันที่จริงตอนนี้ผมควรนั่งอยู่บนเครื่องเพื่อกลับไทยแต่ทุกอย่างกลับผิดแผนไปหมด เสียงถอนหายใจดังเฮือกใหญ่และนวดขมับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งเพื่อไล่ทุกห้วงอารมณ์ที่เครียดจากงานให้ออกไปจากความรู้สึกเพราะผมไม่อยากพาลไปลงที่เมียกับลูก
“จบพิธีเปิดงานเมื่อไหร่ฉันก็กลับเวลานั้น”
ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นปรกติเมื่ออารมณ์ร้อนระอุค่อย ๆ จางหายไป ส่วนศิลป์เมื่อรับรู้คำสั่งก็เดินออกไปจัดการเตรียมตั๋วให้ผมโดยที่ไม่ต้องบอกเป็นครั้งที่สอง
ผมยืนไล่ห้วงอารมณ์ที่เดือดดาลอยู่พักใหญ่ก่อนจะยกโทรศัพท์ต่อสายหาเมียสุดที่รักหวังบอกความจริงว่าผมไม่ได้กลับ โทรศัพท์ถูกยกแนบหูไม่ถึงสามวินาทีปลายสายจากประเทศไทยก็กดรับด้วยน้ำเสียงหวานใสที่ผมมักจะชอบฟังในทุก ๆ เช้าแต่สามวันแล้วที่ผมกลับไม่ได้ยินเสียงเรียกของเมียคอยปลุก
หากผมตายตอนนี้คงไม่ต้องสืบ…
เพราะสาเหตุหลัก…
คิดถึงเมียกับลูกล้วน ๆ…
‘ว่ายังไงป๊าขึ้นเครื่องแล้วเหรอ มี๊กับเจ้าแฝดคิดถึงแล้ว!’
น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของเมียทำเอาผมรู้สึกผิดไม่น้อย รู้สึกผิดที่ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเมียและเจ้าแฝดได้ หากจะให้ผมเร่งงานทางนี้ก็เป็นไปไม่ได้เพราะมันยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องจัดการ อีกหนึ่งสิ่งหลัก ๆ เลยคือผมต้องอยู่เปิดงานด้วยตัวเองหากจะบินหนีกลับไทยตอนนี้มันก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
‘มี๊ วันนี้ป๊าคงไม่ได้กลับนะครับ งานทางนี้เกิดปัญหาป๊าเลยต้องอยู่ต่ออีกหนึ่งคืน เจอกันพรุ่งนี้นะ’
ปลายสายเงียบไปทันทีเมื่อผมบอกความจริงออกไปอย่างที่เมียไม่ได้หวังไว้แต่แรก ความเงียบคืบคลานเข้ามาเกาะกุมบทสนทนาทางไกลของเราสองคน ใจผมหวิวไม่น้อยเมื่อเมียกำลังรู้สึกไม่ดี ตอนนี้คับฟ้าต้องน้อยใจผมแน่หรืออาจจะโกรธไปแล้วก็ได้
‘มี๊ ป๊าขอโทษที่ไม่ได้บอกให้เร็วกว่านี้ มี๊อย่าโกรธป๊าได้ไหม ได้ไหมครับ’
‘…’
ความเงียบจากปลายทำเอาใจผมหวิวแปลก ๆ ชอบกล หากให้ผมเดาภรรยาแสนสวยคงหนีไม่พ้นกำลังนั่งร้องไห้เป็นแน่เพราะช่วงหลังมานี้หากคับฟ้าโดนขัดใจหรือผมพูดอะไรไม่เข้าหูก็พาลจะมีแต่ร้องไห้ตลอด ยิ่งผมผิดสัญญาแบบนี้คงหนีไม่พ้นน้ำตาไหลนองอาบแก้มอย่างไม่ต้องสืบ
‘…’
‘มี๊อย่าเงียบป๊าใจไม่ดี มี๊…’
ในหัวตอนนี้ของผมมีแต่คำว่าฉิบหายเต็มไปหมดเพราะความเงียบที่เมียผมเล่นส่งมาให้ทำเอาผมเครียดหนักกว่าเรื่องเงินพันล้านเมื่อครู่หลายเท่าตัว เปลือกตาผมหลับลงด้วยความกังวลใจเพราะตอนนี้ผมเป็นห่วงคนที่อยู่ประเทศไทยเสียเหลือเกิน หากเลือกได้ผมอยากจะบินกลับไปหาเมียเสียตอนนี้ แต่ก็ได้แค่คิดเพราะสุดท้ายแล้วผมต้องอยู่จัดการเรื่องงานให้มันเสร็จ
‘ซ้ออย่าเงียบเลยเฮียขอโทษ ที่รักเฮียขอโทษ…’
‘ฮึก…’
เป็นไปตามที่ผมคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดเสียงที่ได้กลับมาเป็นเสียงสะอื้นของแม่เจ้าแฝด มือซ้ายผมยกขึ้นมาคลึงบริเวณหางคิ้วด้วยความเครียด งานที่นี่ก็รัดจนตัวเป็นเกลียวทางบ้านเมียก็ร้องไห้แล้วคนอย่างผมมันจะทำอะไรได้บ้าง
ไม่มี…
ไม่มีอะไรที่ผมสามารถทดแทนให้แม่เจ้าแฝดได้เลย…
.
.
.
.
.
“คุณคับฟ้าคะได้เวลาทานอาหารเช้าแล้วนะคะ คุณคับฟ้าตื่นหรือยังเอ่ย…คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายให้หวานขึ้นมาเรียกคุณคับฟ้าลงไปทานข้าวค่ะ”
เสียงเคาะประตูห้องสามครั้งตามมารยาทดังขึ้น เปลือกตาผมเปิดกว้างเพราะตัวเองดันตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สร่าง ร่างกายที่นอนตะแคงโดยมีหมอนข้างสำหรับคนท้องเพื่อรองรับเจ้าแฝดให้สบายตัว หากทว่าภายในใจกลับกระสับกระส่ายไม่หยุดเพราะใจมันหวิวจนน้ำตาคลอเบาตลอดทั้งคืนจนถึงเช้า
ร้อง…
ร้องไห้อีกแล้ว…
โทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือดังไม่หยุดมานานกว่าครึ่งชั่วโมงและอาจจะเป็นสายที่ร้อยตั้งแต่ผมตื่นมา แน่นอนว่าเจ้าของเบอร์ที่โทรเข้าไม่พ้นเป็นพ่อเจ้าแฝด ผมนอนมองชื่อขุนศึกโชว์หราอยู่บนหน้าจอด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากรับสาย ถึงจะรู้สาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวกลับตามกำหนดการไม่ได้แต่ความนอยมันไม่อาจเลือนหายไปจากใจ
ไม่มีเหตุผล…
ผมไม่มีเหตุเอาเสียเลย…
“เดี๋ยวป๊าก็กลับมาแล้ว ฮึก เดี๋ยวป๊าก็กลับมา…”
ผมก้มพูดกับเจ้าแฝดในท้องแล้วสอดโทรศัพท์ในมือเข้าไปใต้หมอนใบใหญ่ ผมขยับตัวพลิกร่างไปอีกด้านหนึ่งด้วยท่าทางที่ค่อนข้างลำบากเพราะขนาดท้องเริ่มใหญ่ขึ้นมากราวกับใส่ลูกโป่งขนาดใหญ่ไว้หน้าท้องตัวเอง
“คุณคับฟ้าคะหวานขออนุญาตเข้าไปนะคะ”
สิ้นเสียงพูดของพี่หวานบานประตูสีขาวห้องนอนของผมจึงถูกเปิดออก ผมรีบยกมือปาดน้ำตาที่กำลังไหลออกจากแก้มทั้งสองข้างเพราะไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าผมนั้นกำลังร้องไห้
“คุณคับฟ้าคะ ได้เวลารับประทานอาหารเช้าแล้วค่ะ”
เสียงแม่บ้านคนสนิทดังมาจากปลายเตียงที่ตอนนี้ผมนอนตะแคงข้างไปอีกด้านหนึ่งทำให้พี่หวานเห็นเพียงด้านหลังผมเท่านั้น ผมสูดน้ำมูกลงสู่ปอดเพื่อไล่อาการเศร้าโศกออกไปจากหัวและเมื่อคิดว่าตัวเองโอเคขึ้นจึงค่อย ๆ ดันตัวลุกออกจากเตียงโดยมีพี่หวานรีบเดินอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อช่วยผมอีกแรง
“ค่อย ๆ ลุกค่ะคุณคับฟ้า”
มือผมเลื่อนไปจับแขนพี่หวานแล้วนับหนึ่งถึงสามก่อนจะลุกขึ้นยืนได้ในที่สุด ผมเลื่อนมือทั้งสองของตัวเองเข้ามาลูบท้องเพื่อทักทายเจ้าแฝดเหมือนทุกเช้าที่ทำแต่มีเพียงหนึ่งสิ่งที่หายไปนั่นคือรอยจูบของสามีสุดที่รัก ผมหายใจเข้าและหายใจออกช้า ๆ เพื่อไล่อารมณ์หน่วงในใจให้ออกไปก่อนจะเดินลงมายังด้านล่างโดยมีพี่หวานคอยเดินตามมาในระยะประชิด
“หมวยไปมหาลัยหรือยังพี่หวาน”
ในระหว่างทางผมเอ่ยถามถึงน้องสาววัยแสบที่เพิ่งจะเข้าเรียนมหาลัยได้ไม่กี่เดือน แน่นอนว่าเมื่อมียัยหมวยที่ไหนจำเป็นต้องมีน้องสาวของสามีผมที่นั่น ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวใจชื้นขึ้นมามากเมื่อชีวิตในรั้วมหาลัยของลูกสาวแต่ละคนได้มีเพื่อนสนิทไปเรียนด้วย
“เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ”
ผมพยักหน้าเป็นอันรับรู้ก่อนจะก้าวลงจากบันไดโดยมีพี่หวานช่วยพยุง การเดินลงแต่ละขั้นในอายุครรภ์ยี่สิบห้าสัปดาห์ไม่ได้ยากแต่ก็ไม่ได้ง่ายเสียจนเดินคล่องเหมือนคนปรกติ ผมใช้มือข้างหนึ่งโอบท้องเจ้าแฝดส่วนอีกข้างก็คอยจับราวบันไดช่วยพยุงตัวเองไปอีกแรง จนในที่สุดขาทั้งสองข้างก็สามารถแตะลงพื้นได้อย่างปลอดภัย
“ขนไปไว้ในห้องครัวจัดแจงล้างให้มันดี ๆ แล้วใส่จานมาให้คับฟ้า…ลูกฉันจะได้กินหลังอาหารเช้า ส่วนที่เหลือก็ล้างเก็บไว้เข้าตู้เย็นให้เรียบร้อยคับฟ้าจะได้เดินไปหยิบกินได้สะดวก”
“รับทราบค่ะคุณผู้หญิง”
เหล่าบรรดาแม่บ้านสามสี่คนกำลังช่วยกันยกตะกร้าสตรอว์เบอร์รีที่ถูกวางไว้หน้าประตูบ้านมากกว่าสิบลังยกเดินผ่านหน้าผมไปด้วยสีหน้าที่ขะมักเขม้น สองมือผมลูบเจ้าแฝดไปมาและเดินตรงไปให้ม๊าที่ยืนออกคำสั่งกับลูกน้องในบ้านไม่ห่างตัว
“ใครสั่งสตรอว์เบอร์รีมาเหรอม๊า ทำไมซื้อมาเยอะจัง”
เมื่อม๊าได้ยินเสียงผมก็รีบหันตัวเดินเข้ามาสวมกอดเพื่อต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม มือนุ่มเล็กของผู้หญิงวัยกลางคนเอื้อมมาเช็ดขี้ตาให้ราวกับผมเป็นเด็ก ผมยิ้มให้ม๊าบาง ๆ ด้วยอาการอ่อนเพลียจากการร้องไห้เมื่อคืน
“ก็จะใครซะอีกล่ะ สามีลูกเขาโทรมาบอกม๊าตั้งแต่เช้าว่าจะมีสตรอว์เบอร์รีมาส่งที่บ้าน ตอนแรกม๊าก็นึกว่าจะมีไม่เยอะแต่พอรถขนลงมาก็ตามที่ลูกเห็นนี่แหละจ๊ะ คนอะไรสั่งมาเยอะกลัวเมียกับหลานแฝดม๊ากินไม่อิ่มหรือไงกันเจ้าลูกเขยคนนี้”
สายตาผมสั่นไหวเล็กน้อยและจับจ้องไปยังตะกร้าผลไม้ที่เป็นของโปรดและสิ่งที่ม๊าพูดออกมาทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นในใจ ผมเริ่มต่อว่าตัวเองในความงี่เง่าที่กำลังแสดงต่อสามีตัวเอง การกระทำของขุนศึกทำให้ผมรับรู้ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อให้ผมรู้สึกดีขึ้นและผลลัพธ์ที่ออกมามันก็เป็นไปตามที่ขุนศึกต้องการ
ผู้ชายคนนี้กำลังง้อ…
กำลังง้อผมด้วยสตรอว์เบอร์รี…
“แล้วทำไมขุนศึกถึงโทรให้ผลไม้มาส่งที่บ้านล่ะม๊า พ่อเจ้าแฝดรู้เหรอว่าผมอยู่บ้านนี้”
ผมเอ่ยถามในขณะที่เดินไปยังโต๊ะอาหารเพื่อกินข้าวเช้าตามที่พี่หวานขึ้นไปตามถึงห้องและตอนนี้เจ้าแฝดทั้งดิ้นทั้งเตะท้องผมราวกับประท้วงว่าหิวทำไมมี๊ไม่พากินข้าวเสียที
“หวานเป็นคนรายงานคุณขุนศึกเองค่ะ”
พี่หวานเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วดังมาจากด้านหลัง ผมหยุดก้าวเดินทันทีและเอี้ยวหน้าหันข้างเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่าแม่บ้านคนสนิทของผมเป็นสายสืบและคอยรายงานสามีผมนี่เอง
“อะ เอ่อ หวานขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอก แต่คุณขุนศึกกำชับให้หวานรายงานทุกการเคลื่อนไหวของคุณคับฟ้าตั้งแต่คุณขุนศึกบินไปดูงานต่างประเทศแล้วค่ะ”
ความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมาจากปากแม่บ้านมันยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้ว่าตัวเองนั้นกำลังงี่เง่ากับสามีมากแค่ไหน ผมถอนหายใจเบา ๆ ด้วยสีหน้าที่หดหู่กว่าเดิม สายตาผมก้มลงมองไปยังเจ้าแฝดที่คงจะรู้สึกผิดไม่ต่างไปจากผม
.
.
.
.
.
นอนอาบแดดกับแสงแดดอ่อน ๆ ในช่วงเวลาประมาณห้าโมงเย็นแบบนี้มันก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายดีไม่น้อย ผมยังคงอยู่บ้านกับป๊าม๊าเหมือนเดิมเพราะหากจะให้กลับไปบ้านตัวเองก็มีแต่จะเหงาเสียเปล่า ๆ เจ้าบูบู้ไปเข้าโรงเรียนก็ยังไม่กลับผมเลยตัดสินใจจะกลับตอนที่ขุนศึกมาถึงบ้านน่าจะดีกว่า หากทว่าป่านนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวจากพ่อเจ้าแฝดเลยสักนิด
“เอาวางไว้บนโต๊ะเลยพี่หวาน”
ในระหว่างที่ตกอยู่ในห้วงความคิดเสียงฝีเท้าที่ผมคิดว่าเป็นพี่หวานก็เดินเข้ามาเสิร์ฟน้ำสตรอว์เบอร์รีปั่นให้ ผมพูดออกไปในขณะนอนหลับตาอาบแดดข้างสระว่ายน้ำอย่างสบายใจกับเจ้าแฝดในท้อง
“…”
“เล่นใส่ชุดล่อแหลมนอนอาบแดดแบบนี้ป๊าไม่ชอบเลยนะที่รัก”
น้ำเสียงแผ่วดังขึ้นข้างหู เปลือกตาที่ปิดถูกเปิดออกแล้วเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่ผมนั้นนับวันเฝ้ารอที่จะได้เจอ ในจังหวะที่ผมเงยหน้าขึ้นเจ้าตัวก็โน้มลงมาประทับจูบบนริมฝีปากผมเพื่อฉกฉวยความหวานอย่างโหยหาและมันก็ไม่ต่างอะไรกับผมเลยสักนิด สองมือของตัวเองจากที่เคยโอบท้องป่อง ๆ แปรเปลี่ยนเป็นยกขึ้นคล้องคอตรงหน้าแล้วดึงลงให้ใบหน้าของผู้เป็นสามีแนบชิดผมมากขึ้น รอยจูบที่แสนหวาน ความคิดถึงและคะนึงหาที่มีมากเสียจนทำให้น้ำใส ๆ ไหลออกมาจากหางตาโดยไร้เสียงสะอื้น
มาแล้ว…
ขุนศึกกลับมาหาผมกับเจ้าแฝดแล้ว…
“ขอโทษที่ผิดสัญญา คิดถึง คิดถึงทั้งแม่คิดถึงทั้งลูกเลย คิดถึง”
ปลายจมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียกับปลายจมูกผมไม่ห่าง ขุนศึกเอื้อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทรมานสุดหัวใจ ความน้อยใจที่เกิดขึ้นในสามสี่วันที่ผ่านมาหายหมดสิ้นไม่หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย เพียงแค่ได้กลิ่นกายของขุนศึกมันก็สามารถทำให้ผมหายจากอาการงี่เง่าต่าง ๆ ได้อย่างน่าแปลกประหลาดใจ
“คืนดีกันนะ อย่างอนป๊านานนักเลยแค่มี๊ไม่รับสายป๊ามาทั้งวันป๊าก็จะตายแล้ว อย่าลงโทษคนผิดสัญญาด้วยวิธีนี้ได้ไหมป๊าเหมือนจะขาดใจยังไงไม่รู้”
น้ำเสียงเว้าวอนของขุนศึกเอื้อนเอ่ยด้วยความทรมานในสิ่งที่ผมกระทำต่อเจ้าตัว น้ำตาที่รินไหลถูกมือหนาปาดออกอย่างเบามือและก้มลงจูบซับน้ำตาเพื่อหวังให้ผมยกโทษให้แต่สำหรับผมมันหายงอนตั้งแต่ได้ยินเสียงของผู้ชายคนนี้แล้ว
“อือ คิดถึง มี๊กับเจ้าแฝดก็คิดถึงป๊า เจ้าแฝดอยากกินซุปข้าวโพดฝีมือป๊าจะแย่ เตะท้องประท้วงมี๊ทุกวันเลย”
ขุนศึกถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อผมเริ่มฟ้องด้วยสีหน้ายู่ยี่ที่ต้องคอยรับมือกับเจ้าแฝดในท้องคนเดียว ขุนศึกเลื่อนหน้ามาจูบลงบนกลางหน้าผากก่อนจะผละออกแล้วเดินอ้อมมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับผม
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าป๊าทำให้ นึ่งปลานิลกับผักด้วยไหมของชอบมี๊กับเจ้าแฝด”
สองมือผมโดนรั้งไปกุมไว้แน่น ผมพยักหน้าตอบรับกับเมนูโปรดที่ขุนศึกชอบทำให้ผมกินและเพียงแค่คนตรงหน้าเสนอเมนูให้ตัวผมก็น้ำลายสอขึ้นมาไม่น้อย
“ว่าแต่ใครให้มี๊ใส่ชุดนี้ลงมานอนนอกห้อง มันโชว์เกินไปหรือเปล่า”
สีหน้าคิ้วขมวดอย่างไม่ชอบใจเมื่อชุดที่ผมใส่ดูจะไม่เข้าตาพ่อเจ้าแฝด ผมก้มมองดูชุดตัวเองด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจว่ามันโชว์ตรงไหน กางเกงขาสั้นสีขาวกับท่อนบนที่เปลือยเปล่าแต่มีเสื้อคลุมแขนยาวผ้าซาตินสีครีมก็เท่านั้น หากจะบอกว่าโชว์ก็คงไม่มีใครมาส่องดูเพราะเวลานี้ผมอยู่ริมสระว่ายน้ำเพียงคนเดียว
“โชว์ให้ต้นไม้ดูน่ะสิไม่ว่า มี๊เพิ่งลงมาจากห้องจะให้มี๊ไปโชว์ใครป๊าก็แปลกคน”
สายตาฉายแววแน่นิ่งมองมายังผมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ซึ่งยากต่อการคาดเดาแต่ทว่าจู่ ๆ ใบหน้าของขุนศึกก็โน้มลงมาฉกฉวยริมฝีปากโดยที่ไม่ให้ผมได้ตั้งตัว รสชาติจูบคราวนี้มันร้อนแรงมากกว่าตอนแรกใบหน้าผมถูกประคองให้เชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากหนากดลงมาดูดลิ้นผมอย่างอัดอั้นมานาน ผ่านไปครู่หนึ่งขุนศึกจึงผละออกและลากลิ้นมาขบเม้มบริเวณซอกคอด้านขวาผมเบา ๆ จนทำให้ตัวผมสะดุ้งกับสัมผัสที่แปลกใหม่
“เซ็กซี่ไป ป๊าหวงอยากเก็บไว้ดูคนเดียว”
สายตาและน้ำเสียงที่เจ้าเล่ห์ของพ่อเจ้าแฝดทำให้ผมรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังหมายถึงอะไร ผมกัดริมฝีปากล่างตัวเองด้วยความรู้สึกตื่นเต้นหลังจากที่ห่างเหินเซ็กซ์มาตลอดระยะหกเดือน ความอดทนอดกลั้นของขุนศึกช่างดีเยี่ยมจนบางครั้งเจ้าตัวต้องเข้าไปในห้องน้ำเพื่อช่วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
“ขึ้นห้องสิ ป๊าจะได้เห็นเซ็กซี่กว่านี้อีก”
ผมเลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูแล้วเป่าลมออกมาแผ่วเบาทำเอาตัวขุนศึกขนลุกซู่…
“ทำได้เหรอ เจ้าแฝดจะไม่หยุดป๊ากลางคันใช่ไหม”
เมื่อโดนผมเปิดทางขนาดนี้มีหรือที่เสือถอดเขี้ยวอย่างพ่อเจ้าแฝดจะไม่หันมาตะครุบเหยื่อที่เต็มใจยอมถวายตัวให้ถึงรัง…
“ป๊าไม่อยากเหรอ…แต่มี๊อยากนะ”
ใบหน้าผมร้อนผ่าวเมื่อกำลังสนทนากับสามีตัวเองในเรื่องอย่างว่า เสียงแค่นขำในลำคอเล็ดลอดออกมาเบา ๆ อย่างพอใจจากนั้นร่างผมก็ถูกพยุงขึ้นตรงไปยังห้องนอนแทนคำตอบ ชายผู้เป็นสามีประคองตัวผมไปยังบนชั้นสองของตัวบ้านในเวลานานกว่าปรกติเพราะด้วยขนาดท้องที่ใหญ่มันจึงค่อนข้างเคลื่อนตัวลำบาก จนในที่สุดทั้งผมและพ่อเจ้าแฝดก็เดินหายเข้ามาในห้องนอนชั้นบนเป็นที่เรียบร้อย
“ป๊าขออาบน้ำก่อนนะที่รัก เพิ่งลงจากเครื่องมาเหนียวตัวมาก”
พอถึงสถานการณ์จริงพ่อเจ้าแฝดกลับเก้อเขินและเริ่มจะหากิจกรรมอื่นทำแทนเสียอย่างนั้น ผมมองแผ่นหลังกว้างตรงหน้าแล้วยู่ปากเมื่อไม่ได้ดั่งใจ อาจจะด้วยระยะเวลาที่ห่างหายเรื่องเซ็กซ์นานเลยทำให้ขุนศึกไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายเริ่มอย่างเมื่อก่อน
“อาบทำไมเดี๋ยวเหงื่อก็ออกอยู่ดี เสียเวลาเปล่านะป๊า”
เมื่อผู้เป็นสามีไม่กล้าเปิดผมจึงอาสาเป็นคนเปิดเองไปโดยปริยาย คำพูดที่เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ายวนไปพร้อมกับมือที่กระตุกสายเสื้อคลุมผ้าซาตินออก เสื้อคลุมสีครีมกองลงไปอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่ขุนศึกหันตัวกลับมาหาผมก็ยืนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเป็นที่เรียบร้อย ไม่หลงเหลือแม้แต่กางเกงขาสั้นไว้บนตัว
“มี๊…”
ใบหน้าของชายผู้เป็นสามีอ้าปากค้างและหายใจเข้าออกผิดแปลกอย่างไม่เป็นจังหวะ ผมใช้มือลูบหน้าท้องเจ้าแฝดเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้ป๊ากับมี๊ได้สวีทกันสักคืนหลังจากเราสองคนห่างบทรักอันแสนเร่าร้อนนานจนเกินไป
“ไอติมรสนมอยู่ไหนน๊า มี๊อยากกินจัง”
ผมย่อตัวเองลงไปนั่งโดยที่ด้านหลังเป็นขอบปลายเตียง ผมเอื้อมมือรูดซิปกางเกงสูทเนื้อผ้าดีลงอย่างไม่รีรอ กางเกงสีดำถูกถอดออกไปพร้อมกับกางเกงชั้นในทำให้ตอนนี้ท่อนเนื้อสีนวลผงาดตีหน้าผมเบา ๆ อย่างน่าเอ็นดู
“อึ่ก...”
มือขวาผมเอื้อมกอบกุมแท่งเนื้อขนาดใหญ่แล้วหมุนเล่นเพื่อให้ขุนศึกรู้สึกดีกว่าที่เจ้าตัวทำเอง ใบหน้าอันหล่อเหลาก้มลงมองผมด้วยสีหน้าแดงก่ำ ผมช้อนสายตาขึ้นจ้องมองอย่างยั่วยวนพร้อมกับครอบแท่งเอ็นอุ่น ปลายลิ้มผมที่แฉะไปด้วยน้ำลายกำลังทำหน้าที่เลียตั้งแต่บริเวณโคนจนมาถึงบริเวณปลายหัวบวมบานที่ตอนนี้น้ำหล่อลื่นเริ่มออกมาค่อนข้างเยอะ
“ที่รักป๊าเสียว อ่าห์ ดูดตรงหัวหน่อย…”
ริมฝีปากดูดบริเวณหัวที่บวมแดงตามคำเรียกร้องของชายหนุ่มที่กำลังจับหัวผมโยกตามจังหวะที่เจ้าตัวต้องการ ผมแลบลิ้นแตะลงบริเวณรอยต่อของจุดต้องห้ามของขุนศึกเพราะเมื่อไหร่ที่ผมทำให้มันจะเรียกอารมณ์ของสามีผมได้เร็วเสมอ
“หอม รสชาติไอติมแท่งนี้ยังอร่อยเหมือนเดิม มี๊ชอบจัง”
สายตาผมช้อนขึ้นมองหน้าพ่อเจ้าแฝดที่ตอนนี้ดูท่าจะอดใจของตัวเองไม่อยู่แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะคงจะกลัวทำผมเจ็บ ยิ่งเห็นความต้องการของขุนศึกที่มากแต่ไม่กล้าทำมันยิ่งทำให้ผมอยากจะเอาใจสามีดีเด่นแห่งปีมากขึ้นไปใหญ่
“อยากเพิ่งแตกล่ะ มี๊อนุญาตให้ป๊าแตกในตัวมี๊เท่านั้น”
พูดจบแท่งเนื้ออุ่นในมือถูกหลุบหายเข้าไปในโพรงปากลึกจนแท่งเนื้อมิดสุดลำ การกระทำของตัวเองหลีกหนีไม่พ้นคำว่าสำลักออกมาทั้งน้ำลายแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแท่งเนื้อปูดบวมก็ยังคงถูกรั้งเข้าปากเพื่อให้สามีได้เสพความสุขมากที่สุดเท่าที่เมียอย่างผมจะทำให้ได้
“ซี้ดดด! อ๊า!”
เอวหนาของขุนศึกกระทุ้งเข้ามาเป็นจังหวะ สายตาผมที่ช้อนขึ้นมองเห็นริมฝีปากหนาคู่นั้นเผยอออกมาด้วยความเสียว ยิ่งเห็นสีหน้าขุนศึกมันยิ่งเป็นตัวเร้าอารมณ์ให้ผมมากขึ้น เสียงครวญครางสุดกระเส่าดังระงมไปทั่วห้องจนลืมความเกรงใจแก่สมาชิกของคนในบ้านไปชั่วขณะ
“หยุดก่อนที่รัก ป๊าจะแตก...”
หัวผมถูกดันออกด้วยฝีมือของสามี ขุนศึกโน้มตัวลงมาพยุงร่างผมให้นอนราบไปกับเตียงนุ่ม สองขาผมถูกยกขึ้นวางบนที่นอนและจับชั้นเป็นรูปตัวเอ็ม บริเวณหัวเข่าทั้งสองข้างถูกถ่างออก…ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะเลื่อนลงมาประทับรอยจูบบริเวณต้นขาอ่อนทั้งข้างซ้ายและขวาของผม
ขุนศึกหันหลังไปหยิบเจลหล่อลื่นจากลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินตรงมาย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงจุดลับของผมอีกครั้งของลับที่ว่ามันกำลังชูชันขึ้นต้อนรับสัมผัสที่คุ้นเคย แต่ท้องที่นูนได้บดบังจนมิดทำให้ผมไม่สามารถเห็นการกระทำของสามีที่กำลังจะออรัลให้ได้ นิ้วเรียวยาวถูกจ่อเข้ามาบริเวณปากทางเข้าที่ถูกชโลมด้วยเนื้อเจลใส นิ้วที่หนึ่งถูกสอดใส่เข้ามาช่องสวาทของผมในจังหวะที่ไม่เร่งรีบและแน่นอนว่าสัมผัสแรกที่ได้รับมีแต่คำว่าเจ็บเพราะห่างหายไปนาน
“ลิ้น ป๊าใช้ลิ้นเสียให้มี๊ด้วย อ๊ะ!”
ผมแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับลมหายใจที่หอบถี่ สองนิ้วที่ถูกสอดใส่ยังคงไม่มากพอที่จะทำให้ผมเสียวได้จึงต้องเอ่ยปากร้องขอออกไปโดยไร้ซึ่งความอาย ลิ้นแฉะที่ถูกชโลมไปด้วยน้ำลายเป็นตัวหล่อลื่นชั้นดีถูกแตะลงเพื่อสะกิดอย่างหยอกล้อจากฝีมือพ่อเจ้าแฝด ลิ้นอ่อนนุ่มลงลิ้นเลียรูสวาทจนตอนนี้ถูกขยายใหญ่ด้วยนิ้วที่สามของขุนศึกเป็นที่เรียบร้อย
“ซี้ด! ดันลิ้นเข้ามาอีกป๊า อื้อ! สะ เสียว มี๊เสียวลิ้นของป๊าจังเลย อ๊า…”
เสียงครางอย่างสุขสมที่มันห่างหายไปนานพอมาถึงวินาทีนี้เหมือนได้ปลดปล่อยตลอดระยะเวลาที่เราอดทนกันนานนับหกเดือน
“ทำไมยั่วกันได้ขนาดนี้มี๊ ของป๊าแข็งจนมันปวดไปหมด มี๊ยั่วป๊าเกินไป”
เมื่อรูสวาทถูกเบิกทางจนพร้อมรับกับของจริง ตัวขุนศึกจึงยุติการลงลิ้นให้ผมและแปรเปลี่ยนเป็นคลานขึ้นมาคร่อมร่างผมแทน โดยที่เท้าทั้งสองข้างของตัวผมกำลังรูดแท่งเนื้อยาวขึ้นลงอย่างหยอกล้อจนขุนศึกถึงกับอ้าปากครางออกมาด้วยความเสียว
“อะ โอ๊ย! ป๊าเสียวนะมี๊ อย่ารูดแบบนั้น”
“ยั่วแล้วได้ผลไหม ยั่วขนาดนี้แล้วเมื่อไหร่ป๊าจะสอดแท่งนี้เข้ามาสักที มี๊อยากถูกเอาแล้ว”
ในระหว่างที่พูดลิ้นผมก็เลียนิ้วมือตัวเองทั้งสองข้างเพื่อชโลมน้ำลายให้แฉะทั่วมือก่อนจะเลื่อนไปวนรอบหัวนมสีชมพูของพ่อเจ้าแฝด ส่วนขาทั้งสองข้างก็ทำหน้าที่ถูไถขึ้นลงแท่งเนื้อหัวบานแดงอย่างรู้งาน
“อ่าห์ มี๊ป๊าเสียวตรงหัว อย่ารูดแรงเดี๋ยวมันแตก…”
จังหวะที่ผมใช้ช่องระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบบริเวณปลายหัวบานของสามีเบา ๆ โดยไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันจะยิ่งทำให้คนตรงหน้าเสียวมากขึ้น
“แบบนี้เหรอ แบบนี้ใช่ไหมที่ป๊าเสียวจนจะแตกน่ะ…”
ผมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและกัดริมฝีปากล่างตัวเองด้วยความสนุกที่ได้เห็นสีหน้าเคลิ้มของชายหนุ่มที่กำลังมีความสุขและรู้สึกดีในการกระทำที่ผมทำให้ ความเสียวที่พรั่งพรูจนขุนศึกต้องก้มลงเลียหัวนมผมอย่างกับหาที่ระบาย จังหวะการขยับขึ้นลงตรงหัวนิ้วเท้ากับแท่งเนื้ออุ่น มือที่คอยลูบวนให้สามีและริมฝีปากที่ดูดเลียตุ่มไตบนยอดอกผมอย่างเมามันมันช่างทำให้เราทั้งคู่รู้สึกดีเป็นบ้า
คำว่าอยากเอาใจสามี…
ผมสามารถทำได้ทุกอย่าง…
“ใส่เข้ามาเลยได้ไหม เอามี๊ทีที่รัก”
สิ้นคำต้องการที่เอื้อนเอ่ยออกไปขุนศึกก้มลงจูบท้องที่นูนราวกับขออนุญาตจากเจ้าแฝด ก่อนจะถอยไปยืนตั้งหลักบริเวณปลายเตียง ท่อนแขนแกร่งจับข้อเท้าผมขึ้นไปเลียทั้งสองข้าง ตัวผมแอ่นขึ้นรับด้วยความเสียวซ่านจากปลายลิ้นที่เลียลงมา หลังจากนั้นขุนศึกจึงวางขาผมลงเป็นรูปตัวเอ็มและถ่างออกกว้างแล้วจับแท่งเนื้อยาวใหญ่ค่อย ๆ สอดใส่อย่างไม่รีบร้อน
“ซี้ดด เจ็บไหม…”
เสียงแหบพร่าเอ่ยถามพร้อมกับดันเอวเข้ามาช้า ๆ ส่วนผมส่ายหน้าให้เป็นคำตอบเพราะไม่อยากขัดอารมณ์ของสามีสุดที่รัก มือสองข้างกำผ้าปูแน่นเพื่อระบายความเจ็บก่อนที่ความเจ็บนั้นจะเลือนหายไปเมื่อแท่งเนื้อยาวที่โหยหามานานถูกสอดเข้าจนมิดลำ
“อ๊า!...”
“อืมห์!...”
เสียงครางดังออกมาพร้อม ๆ กันเมื่อแท่งเนื้อหลุบเข้าในรูสวาทของผมได้สำเร็จ ขุนศึกคว้าขาขวาผมยกขึ้นทั้งเลียทั้งดูดและทำหน้าที่กระทุ้งเอวเข้ามาเบา ๆ สายตาผมจ้องมองริมฝีปากหนาคู่นั้นที่กำลังใช้ลิ้นเลียนิ้วเท้าผมอย่างชอบพอ
“เซ็กซี่ ป๊าเซ็กซี่ไปแล้ว ขยับแรงกว่านี้ อ๊ะ ๆๆ…”
ปลายลิ้นของผู้ชายตรงหน้าลากตั้งแต่บริเวณส้นเท้าจนไปถึงหัวนิ้วโป้งพร้อมกับเปลี่ยนจังหวะขยับเอวตามที่ผมต้องการ ผมเชิดหน้าด้วยความเสียวเม้มปากครางเพื่อไม่ให้อารมณ์สวาทชักนำเสียงของตัวเองให้ดังจนเกินไป
“ขนาดนมยังสวย สวยไปหมด…”
ร่างสูงโน้มตัวลงมาคร่อมตัวก้มลงใช้ลิ้นเลียละเลงวนรอบหัวนมผมที่ตอนนี้ตั้งขึ้นเป็นตุ่มไตด้วยอารมณ์ความต้องการที่ผู้ชายคนนี้มอบให้ ท่อนแขนแกร่งค้ำลงบนที่นอนเพื่อพยุงตัวไม่ให้โดนท้องที่นูนป่อง สองขาของผมอ้าออกกว้างเพื่อสอดรับตัวหนาของพ่อเจ้าแฝดให้ก้มลงเลียเม็ดยอดอกได้สะดวก
“ตะแคงข้างหน่อยเร็ว เปลี่ยนท่ากัน…”
แท่งเนื้อที่กำลังสอดใส่หยุดการเคลื่อนไหวและชักออกอย่างรวดเร็วทำให้ผมเสียววาบจนสะดุ้ง ร่างกายผมถูกดันให้ขึ้นไปนอนบริเวณกลางเตียงแล้วพลิกตัวในท่าตะแคงตามที่ผู้เป็นสามีบอก ขุนศึกคลานขึ้นมานอนซ้อนทับด้านหลัง จับขาผมยกขึ้นก่อนจะคว้าแท่งเนื้อสอดเข้าไปในรูสวาทที่ตอนนี้คงจะบวมแดงไม่น้อย
“อะ อ๊ะ! ท่านี้ลึกกว่าเมื่อกี้จังเลยป๊า ซู้ด!...”
ผมถึงกับซู้ดปากด้วยความเสียวไปพร้อม ๆ กับท่อนแขนแกร่งเลื่อนเข้ามาโอบเอวผมแล้วลูบบริเวณท้องเพื่อต้อนรับความรู้สึกที่แปลกใหม่เมื่อเราสองคนกำลังร่วมรักกันในช่วงที่ผมกำลังตั้งท้อง ความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้มันช่างดีเหลือเกิน
“เอาแรงกว่านี้ได้ไหม ซี้ด ป๊าอยากเอาจนรูมี๊บานเลยที่รัก…”
น้ำเสียงกระเส่าแหบพร่าเอ่ยถามขึ้นหลังหูแล้วใช้ริมฝีปากก้มลงดูดบริเวณซอกคอตามห้วงอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าราวกับสัตว์ป่าที่กระหายเนื้อมานานแรมปี
“อะ เอา อ๊ะ ๆๆ ป๊าเอาให้รูมี๊บานเลย แรงกว่านี้อีก เอามี๊แรงๆ อ๊า ๆๆ!”
ผมเอี้ยวตัวไปตอบผู้ชายด้านหลังแล้วสอดแขนคล้องคอหนาเพื่อแลกลิ้นซึ่งกันและกัน บทสนทนาที่ไม่มีคำว่าเขินอายมันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่และรู้สึกดีกว่าทุกครั้งที่ร่วมหลับนอนกันมา แรงกระทุ้งเข้าใส่ในรูบวมแดงไม่มีแผ่วเพราะความแข็งแรงจากการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจึงทำให้จังหวะสอดใส่แรงดีไม่มีตก
“ปะ ป๊า อะ โอ๊ย เสียว…”
ใบหน้าที่เปื้อนเหงื่อมองผมด้วยสายตาหวานฉ่ำ ริมฝีปากของเราผละออกจากกันผมจึงเอื้อนเอ่ยขานเรียกคนตรงหน้าด้วยเสียงสั่นกระเส่าเพราะจังหวะโยกเอวมันแรงจนผมพอใจที่สุด
“ว่าไงครับ…”
ใบหน้าแดงก่ำถามออกมาด้วยไอร้อนของลมหายใจ…
“อยากขึ้น มี๊อยากนั่งเทียนเล่น อ๊า ๆ…”
สิ้นคำขอเอวที่กำลังซอยเข้ามาหยุดลงและชักแท่งเนื้อออก ขุนศึกจัดแจงท่าให้ตัวเองนอนราบลงไปกับที่นอนแล้วใช้มือมาประคองเอวกับสะโพกผมขยับตัวเป็นฝ่ายขึ้นไปนั่งคุมเกมแทน
“ไหวไหม…”
ในระหว่างที่ผมขึ้นนั่งคร่อมตัวชายผู้เป็นสามีขุนศึกก็ได้เอื้อนเอ่ยถามด้วยสีหน้าแดงก่ำพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มแฝงไปด้วยความเซ็กซี่จนผมใจกระตุกไปหลายครั้ง
“อื้ม อ๊ะ….”
ผมไม่รอให้ขาดช่วงนานจับแท่งเนื้อที่ยังคงตั้งชูคอสู้กับผมจ่อเข้าปากทางรูสวาท ผมใช้ตัวเองค่อย ๆ นั่งลงจนในที่สุดแก่นกายทั้งลำก็หลุบหายเข้าไปในรูบวมแดงของผม
“ซี้ดด…”
“อู้วว…”
สองขาถูกถ่างออกกว้าง มือผมจับลงบริเวณหัวเข้าทั้งสองของตัวเอง ผมบิดไหล่เล็กน้อยเพื่อให้ท่าที่อยู่ด้านบนสื่อออกไปเร้าอารมณ์ให้สามีได้มากขึ้นก่อนจะพับสองขาลงแนบชิดกับลำตัวของพ่อเจ้าแฝด หลังจากนั้นจึงทำการควงแท่งใหญ่ตามจังหวะที่ตัวเองชอบ
“รูมี๊ตอดรัดของป๊าดีมาก อ่าห์ แซ่บขนาดนี้เจ้าแฝดคงได้น้องอีกบานแน่ ซี้ดด…”
ผมยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจแต่ไม่สามารถตอบอะไรได้เมื่อปากของผมกำลังดูดนิ้วมือของสามีตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนมือผมก็ทำหน้าที่เขี่ยหัวนมที่ตั้งเป็นตุ่มไตเพื่อเร้าอารมณ์ของคนใต้ร่าง
“ถ้าควงเทียนใหญ่แบบนี้จะแตกไหมน๊า อ๊า ๆๆ ปะ ป๊าจะแตกไหม…”
บทสนทนาชวนให้ถึงฝั่งเริ่มเปิดประเด็นขึ้นสองมือผมละจากบริเวณหน้าอกแกร่งมาลูบวนหน้าท้องตัวเองไปพร้อม ๆ กับควงเอวตามจังหวะที่ต้องการ เสียงครางดังระงมหนักกว่าเก่าเมื่อผมเป็นฝ่ายขึ้นให้สามียิ่งผมควงและบดลงบนเทียนเล่มใหญ่หนักเท่าไหร่เสียงครางที่ตอบกลับยิ่งดังขึ้นเท่านั้น
ใบหน้าผมเชิดขึ้นและส่ายไปมาเมื่อเอวของพ่อเจ้าแฝดสวนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ สวนขึ้นมาแบบที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว หลังจากขึ้นขย่มอยู่สักพักใหญ่เราสองคนจึงเปลี่ยนท่าในรอบสุดท้ายก่อนที่ต่างคนต่างจะปลดปล่อยความใคร่ใส่กันและกัน แท่งเนื้อถูกถอดออกและตัวผมเปลี่ยนทิศทางมานั่งหันไปทางทีวีติดฝาผนังบ้าน ส่วนขุนศึกก็คลานเข้ามาอยู่ด้านหลังและจับสอดแท่งเนื้อแข็งที่ไม่มีหดเข้ามาในรูสวาทที่ตอนนี้มันคงจะบวมแดงและบานไม่น้อย ท่อนแขนแกร่งสอดเข้ามารั้งบริเวณข้อพับแขนผมทั้งสองเพื่อดึงไปด้านหลังและกระทุ้งแท่งเอ็นใหญ่เข้ามาในจังหวะเร็วกว่าเดิม ความเสียวที่ได้รับมันทำให้ผมส่ายหน้าไปพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างเพื่อยับยั้งไม่ให้ครางดังกว่าที่เป็นอยู่
“เสียวไหม รูบานของมี๊ตอดของป๊าแน่นมากที่รัก อ่าห์…”
“เสียว เสียวมากเลย อ๊ะ ๆๆ ที่รักเอามี๊ให้รูบานกว่านี้อีกสิครับ อ๊า ๆๆ…”
สิ่งที่ผมพูดออกไปยิ่งทำให้ขุนศึกมีอารมณ์มากขึ้นและชอบใจเป็นพิเศษ มือหยาบกร้านสองข้างเลื่อนมารั้งสะโพกผมไว้มั่นและกระทุ้งเอวเข้ามาด้วยจังหวะที่ถี่เร็วและลึกจนโดนจุดกระเส่าของผมอย่างรู้งาน ความเสียวที่ได้รับจนผมต้องเลื่อนมือมาช่วยตัวเองไปพร้อมกับจังหวะซอยถี่ด้วยกามารมณ์ที่กำลังใกล้ถึงจุดสุดยอดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
“ตอดอีก ป๊าจะแตก ซี้ดดด จะแตกแล้วที่รัก ป๊าจะแตก…”
”มี๊ก็จะแตก อ๊า ๆๆ เอาแรง ๆ ป๊า อะ อย่างนั้นป๊า…ดีมากที่รัก อ๊า ๆๆ!…”
เสียงครางดังระงมพร้อมกับเสียงขาเตียงที่โยกตามจังหวะของเราสองคน ตัวผมโน้มไปข้างหน้าในท่าคลานแต่มือยังคงช่วยตัวเองไป จังหวะสอดใส่ที่ลึกกว่าทุกครั้งร่างทั้งร่างของผมสั่นไหวไปตามอารมณ์ใกล้ถึงฝั่ง จนในที่สุดน้ำรักก็ปลดปล่อยออกมาในจังหวะเดียวกันกับน้ำกามของพ่อเจ้าแฝดที่ปลดปล่อยเข้าในตัวผม แต่ทว่าคราวนี้น้ำมันเยอะเสียจนไหลทะลักออกมาจากรูด้านหลังไหลย้อยลงหว่างขาผมเต็มไปหมด
ลมหายใจเราสองคนหอบถี่กับพันธะสวาทที่รอบนี้มันช่างร้อนแรงเสียจนผมมีความสุขมาก…มากเสียจนผมไม่อาจหักห้ามใจตัวเองให้หยุดไว้เพียงแค่รอบเดียวได้ ตัวผมจึงทำการเริ่มต้นขยับเข้าออกใส่แท่งเนื้อที่เสียบคารูบวมแดงผมอีกครั้งโดยมีเสียงครางของขุนศึกเริ่มดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกกับผมว่าเจ้าตัวก็ไม่คิดที่จะหยุดไว้แค่รอบเดียวอยู่แล้วเหมือนกัน
---------------------