D.O.12
“รินทร์! รินทร์!”
ภูวินทร์หันขวับเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อนี้ คิ้วเข้มขมวดเป็นปม สายตาคมกวาดมองไปยังกลุ่มคนงานที่กำลังเดินเข้าสวนส้ม เขาแน่ใจว่าต้นเสียงมาจากทางนั้น แต่เพราะคนงานที่เดินไปนั้นมีเป็นสิบๆเขาจึงไม่รู้ว่าเป็นคนไหน ภูวินทร์สลัดความฟุ้งซ่านออกไป ใจแกร่งกระตุกเมื่อสมองเขาไม่เคยลืมชื่อผู้หญิงคนนั้นได้เลย บ้าฉิบ!!
“นายภูจะเข้าไปดูคนงานเก็บส้มต่อไหมครับ” กล้าเอ่ยถามนายคนเล็ก ที่เขาได้รับมอบหมายให้เป็นคนพาภูวินทร์ตรวจดูไร่
ตอนแรกกล้ายอมรับว่าแอบเกร็งและกลัวภูวินทร์เล็กน้อย ร่างสูงกำยำบวกกับใบหน้าคมดุดันเรียบนิ่งไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด ซึ่งภูวินทร์นั้นดูโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่ก่อนทั้งความคิดและร่างกาย แต่พอได้พูดคุยได้สักพักก็รู้ว่าเจ้านายหนุ่มคนนี้นั้นใจดีไม่แพ้คนเป็นพี่เลย แต่ก็จะทำเป็นเล่นๆไม่ได้เพราะดูแล้วน่าจะดุดันและจริงจังพอสมควร
“ไม่ล่ะ ไปดูโซนที่ปลูกหญ้าและโรงเก็บดีกว่า”
“ครับนาย”
นายกล้ารับคำเจ้านายก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับของกระบะคันโต โดยมีเจ้านายหนุ่มอย่างภูวินทร์ยืนกรานจะขับเอง
เมื่อเดินดูโรงเก็บหญ้าเสร็จ ภูวินทร์กับกล้าที่เริ่มกลายเป็นลูกน้องคนสนิทเดินตามนายต้อยๆ ทั้งสองพากันไปยังแปลงนั้นทีแปลงโน้นที เรือนเพาะกล้าเรือนโน้นทีเรือนนั้นที
จนใกล้เที่ยงภาคภูมิก็เรียกให้ทั้งสองไปกินข้าวที่โรงอาหาร และแนะนำผู้จัดการของไร่อย่างเด่นชัยให้ภูวินทร์รู้จัก เด่นชัยหนุ่มใหญ่วัยสามสิบที่พึ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการได้สองปีกว่า
“สวัสดีครับคุณภู ผมเด่นชัยครับ” เด่นชัยยกมือไหว้เจ้านายคนใหม่พร้อมนั่งลงโต๊ะเดียวกับภูวินทร์ ภาคภูมิ และกล้า
“สวัสดีครับ ไม่ต้องพิธีรีตองกับผมหรอก ตามสบายเลย” ภูวินทร์เอ่ยกับคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการของไร่ ซึ่งน่าจะอายุมากกว่าเขา
“ยังไงผมก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับคุณภูด้วยนะครับ” เด่นชัยก้มหัวให้ผู้เป็นนายเล็กน้อย ลอบมองสองพี่น้องอิทธิวรนันท์ด้วยแววตาชื่นชม นอกจากใบหน้าที่หล่อเหลาแล้วยังมีความสามารถมากมายอีกด้วย เขาเองก็ต้องเรียนรู้จากภูวินทร์อีกมากเลยถึงแม้อีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่าก็ตาม
“กับข้าวที่นี่ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ภูวินทร์เอ่ยขณะตักข้าวเข้าปาก ตาคมกวาดมองไปรอบๆโรงอาหาร คนงานเริ่มทยอยเข้ามาต่อแถวกินข้าวกัน ก่อนที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศเขาก็มากินข้าวที่โรงอาหารนี้อยู่หลายครั้ง รสชาติของกับข้าวก็ถูกปากใช้ได้เลย
“อืม แม่ครัวก็ทำสุดฝีมือนั่นแหละ” ภาคภูมิเอ่ยพร้อมตักแกงส้มชะอมเข้าปากด้วย
ที่ไร่อิทธิวรนันท์จะมีโรงอาหารไว้สำหรับเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับคนงาน ซึ่งก็ทำกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว นอกจากค่าแรงที่จ่ายให้อย่างสมน้ำสมเนื้อแล้วยังมีอาหารให้กินอีกมื้อ เมื่อมีการว่าจ้างงานชาวบ้านจึงไม่รีรอที่จะตกปากรับคำมาทำงานให้พ่อเลี้ยงคมเดชและแม่เลี้ยงพิมพ์พิศเลย
“ชาวบ้านที่มารับจ้างก็เป็นคนเดิมนั่นแหละ นายก็น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตา”ภาคภูมิเสริม
“ก็พอคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง”
“ตอนบ่ายคุณภูจะเข้าไปดูไร่องุ่นต่อหรือจะไปดูออฟฟิตดีครับ”
“ผมว่าจะไปดูโรงหมักไวน์ ออฟฟิตไว้จะเข้าไปวันหลังนะครับ ”
ภูวินทร์เอ่ยบอกผู้จัดการไร่ วันนี้เขาจะลุยในส่วนของไร่ก่อน ใช้เวลาวันหนึ่งคงไม่พอ แต่ในส่วนของออฟฟิตก็สำคัญเช่นกันแต่ขอลุยวันหลังแล้วกัน เขาอยากดูระบบต่างๆของฟาร์มและไร่ที่เขาเป็นคนจัดวางเองกับมือให้ทั่วก่อน
***************
เดี๋ยวเขาก็เจอกันนะทุกคน คุณภูต้องทำงานก่อน หาเงินเลี้ยงลูกเมีย(ที่ยังไม่รู้ว่ามี)