"สรุปมันยังไงหื้ม!" แม้จะกลับมาถึงคอนโดแล้วเพื่อนตัวดีทั้งสองคนก็ไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ ยังตามมาซักผมถึงห้องจนผมหนีไปไหนไม่ได้
"ไม่มีอะไรก็แค่พี่เค้าเห็นว่าหลงทางเลยช่วยหาเพื่อนให้เฉยๆ" ผมแก้ตัวพลางเก็บของพลาง
"อันนี้ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือไปรู้จักกันตอนไหน" โซนเซ้าซี้ผมต่อโดยการเดินเข้ามาจ้องหน้าผมเขม็ง
"สรุปง่ายๆนะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ดังนั้นกลับกันได้แล้วมืดแล้ว" พูดจบผมก็เดินมาดันหลังเพื่อนทั้งสองคนออกนอกห้องก่อนจะปิดประตูเสียงดังปัง!
หวังว่าเพื่อนๆคงไม่โกรธผมหรอกนะ T^T ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอกเพื่อนหรอกนะแต่ผมเองก็ยัง งงๆ อยู่เลยว่าไปสนิทอะไรกับพี่คิณตอนไหน เพราะเราพึ่งเจอกันได้สองสามครั้งเอง
เช้าวันต่อมา
วันนี้ผมมีเรียนบ่ายแต่ว่าปกติช่วงเช้าแบบนี้ผมชอบมานั่งอ่านหนังสือคนเดียวเพราะมันทำให้สมองผมโล่งแล้วก็อ่านหนังสือเข้าใจ วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันเมื่อมาถึงมหาลัยแล้วปกติผมก็จะไปหอสมุด แต่หลังจากวันนั้นที่เจอสถานที่ที่ถูกใจแล้ว ผมก็ทำการย้ายตัวเองไปตรงนั้นแทนเพราะทั้งสงบและก็ไม่มีใครรบกวนด้วย
ว่าแล้วผมก็เดินลงจากรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถของหอสมุดก่อนจะเดินลัดเลาะไปตามอาคารจนมาถึงด้านหลังหอสมุดซึ่งมีโต๊ะม้าหินที่คุ้นตาตั้งอยู่และแน่นอนว่าเมื่ิอกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วก็พบว่าไม่มีเจอใครมาจับจองไว้ ผมเลยใช้โอกาสตอนนี้ที่ไม่มีใครอยู่เดินเข้ามาที่โต๊ะของผมพร้อมกับจัดการวางข้าวของที่แบกออกมาก่อนจะเริ่มเปิดหนังสือเล่มใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่านในส่วนที่อ่านค้างไว้ต่อ
ตึก ตึก ตึก
"อ่านหนังสือหรอ" เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากข้างหลังทำให้ผมที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้าสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียง
"อ๊ะ! พี่คิณ" ผมเผลอเรียกชื่อคนตัวสูงออกมาด้วยความตกใจ
"ทำไมมานั่งอ่านอยู่ตรงนี้คนเดียวอ่ะ"
"วันนี้มีเรียนตอนบ่ายครับพวกเพื่อนๆเลยยังไม่มา เห็นตรงนี้สงบดีเลยอยากมาหาที่อ่านหนังสือเงียบๆดู"
"ชอบตรงนี้เหมือนกันสินะ" จะว่าไปแล้วครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ก็มาเจอพี่คิณนอนอยู่ใต้ต้นไม้หนิ หรือว่าจะเป็นที่ประจำของเค้า...
"ผมมาแย่งที่ประจำของพี่รึเปล่า"
"ไม่เป็นไรช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาอยู่แล้ว"
"อ่อ แล้วทำไมวันนี้ถึงมาได้ครับ มีเรียนตอนเช้าหรอ"
"อือ แต่ว่าวันนี้เด็กในห้องเยอะเกินไปเลยไม่อยากเข้าเรียน"
เอ๋...?! แบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ
"ไม่เข้าเรียนแล้วจะทำข้อสอบได้หรอครับ"
"ถ้าช่วงปี1ปี2ก็อ่านหนังสือเองบ้างเข้าเรียนบ้างก็ทำได้อยู่ ส่วนตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรแล้วนอกจากทำโปรเจคจบแล้วก็ฝึกงาน" นั่นสินะเราก็ลืมไปเลยว่าพี่คิณอยู่ปี4แล้ว แต่ไอการเข้าเรียนบ้างไม่เข้าเรียนบ้างแล้วได้ท็อปทุกวิชาแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอสมแล้วจริงๆที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะของรุ่น
"แล้วอ่านอะไรอยู่หรอ" คนตัวสูงหันมาถามด้วยความสนใจ
"อ๋อ อันนี้เป็นพวกเนื้อหาก่อนเข้าแลปครับพอดีช่วงนี้ต้องเข้าแลปบ่อยเลยอ่านพวกทฤษฎีเตรียมไว้"
"อ๋อ" พี่คิณพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะเดินมานั่งลงเก้าอี้ตัวข้างๆแล้วหยิบช็อคโกแลตขึ้นมาใส่ปากตัวเอง
"กินมั้ย" พี่คิณหันมาถามเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่จ้องหน้าเขาไม่หยุด
"อ่อไม่ครับ ขอบคุณครับ" ผมปฏิเสธอย่างเกรงใจแถมยังเผลอจ้องพี่เขาอีกเสียมารยาทสุดๆเลยพีชเอ้ยย!
"ทำไมพี่คิณถึงไม่ชอบอยู่ในที่คนเยอะหรอครับ" เพื่อไม่ให้บรรยากาศระหว่างเราเงียบกว่านี้ผมเลยเปิดประเด็นถามขึ้นมา
"ไม่มีอะไรหรอกแค่ไม่ชอบเวลาต้องเจอคนปั้นหน้าใส่กัน เห็นแล้วมันรกหูรกตา" 0_0 ช่างเป็นเหตุผลที่เอาแต่ใจสุดๆไปเลย
"ก็จริง ^^" พี่คิณขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับหันมองหน้าผมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
"ครับ?"
"ทำไมถึงไม่ชอบที่คนเยอะอ่ะ เป็นเหมือนกันไม่ใช่หรอ" เขาคลายปมคิ้วที่ขมวดกันอยู่หลังจากได้ถามออกมา
"ตอนเด็กๆผมเคยหลงทางกับพ่อแม่เข้าไปอยู่ในกลุ่มฝูงชนจนถูกเดินชนไปมาจนสุดท้ายก็ได้แต่ลงไปนั่งร้องกับพื้น หลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยถูกจริตกับที่คนเยอะนะครับ ฟังดูเด็กๆไปเลยใช่มั้ย"
"ไม่หรอก..ทุกคนก็ต่างมีเรื่องเป็นของตัวเองทั้งนั้น" คำตอบของพี่คิณทำผมเผลอยิ้มออกมาเพราะปกติแล้วพอบอกปมในใจออกไปทุกคนก็จะมองว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเป็นแค่เรื่องเด็กๆ แต่พี่คิณกลับเข้าใจปมของผมซะอย่างนั้น
เราคุยกันมาได้ซักพักพวกเพื่อนๆก็โทรมาตามผมจึงขอตัวออกมาก่อน
ในห้องเรียน
"เดี๋ยววันนี้หลังจากเราทำแลปเสร็จขอให้ทุกคนอย่าพึ่งกลับนะครับ ผมมีเรื่องจะประชาสัมพันธ์" เสียงอาจารย์ประกาศท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของนักศึกษาที่คุยกันไม่หยุด
"มึงว่ามีเรื่องไรวะ" ภาคหันมากระซิบข้างหูผม
"ไม่รู้ซิเดี๋ยวทำแลปเสร็จเดี๋ยวก็รู้เองแหละ หันไปทำแลปได้แล้วเดี๋ยวถ้ารอบนี้ทำออกมาไม่ดีนะรอบหน้าจะไม่ช่วยละนะ"
"ค้าบบคุณเพื่อน รอบนี้จะเอาให้ได้เต็มเลยดีมั้ย"
"เอาสิถ้าทำได้จะเลี้ยงชาบูเลย"
"พูดแล้วนะ!"
"คำไหนคำนั้น ^^"
ตอนนี้บรรยากาศในห้องเรียนเป็นไปอย่างเคร่งเครียดเพราะทุกคนต่างกำลังสนใจอยู่กับผลการทดลองในแลปของตัวเอง เสียงกระดิ่งของอาจารย์ดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าหมดเวลาแล้ว ทำให้ตอนนี้ทุกคนต่างเงยหน้าออกมาจากแก้วทดลองของตัวเองแล้วเดินมารวมตัวพร้อมกันที่หน้าห้องเพื่อฟังคำชี้แจงของอาจารย์ที่กำลังนั่งรอพวกเราอยู่หน้าห้อง
"วันนี้ก็เหมือนเดิมนะครับ เดี๋ยวกลับไปทำรายงานผลการทดลองของตัวเองแล้วเอามาส่งผมที่ห้อง แล้วอย่าลืมเขียนข้อผิดพลาดพร้อมแนวทางแก้ไขในการทำแลปวันนี้ไว้ด้วยนะครับ"
"ส่วนเรื่องที่จะประชาสัมพันธ์วันนี้คือ ในอาทิตย์หน้าจะมีค่ายอาสาจับมือเพื่อนคณะข้างๆทำความดี โดยเค้าจะให้เด็กปี 2 ของคณะเรากับคณะข้างๆคือวิศวะไปทำกิจกรรมร่วมกันเป็นระยะเวลา 3วัน2คืน โดยรายละเอียดของกิจกรรมนั้นจะประกาศออกมาอีกทีขอให้ทุกคนติดตามแล้วก็เตรียมตัวไว้ด้วยนะครับ เลิกคลาสได้ครับ"
หลังจากอาจารย์ประกาศเลิกคลาสเสร็จก็มีเสียงของนักศึกษาในห้องหลายคนเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องค่ายที่อาจารย์บอก แม้แต่ภาคเพื่อนสนิทตัวดีของผมก็เริ่มหันมาเปิดประเด็นพูดทันที
"เจ๋งวะ กูกำลังเบื่อเรียนพอดีออกไปเจอโลกบ้างน่าสนุกดี"
"หมายถึงค่ายหรอ"
"แน่นอนสิ ได้ไปเจอสาวๆคณะวิศวะด้วยดีออก ^^"
หลังจากเลิกคลาสแล้วผมก็แยกกับภาคโดยแยกย้ายกันกลับคอนโดของตัวเอง แต่รู้สึกภาคจะไปทำธุระแถวห้างกับโซนต่อซึ่งผมขี้เกียจไปด้วยเลยขอตัวกลับมาก่อน แต่ก่อนขึ้นห้องผมก็ทำการแวะที่มาเก็ตข้างคอนโดแปปนึงเพราะจำได้ว่าขนมเมล็ดทานตะวันในห้องหมดแล้ว ถ้าไม่มีมันคืนนี้ผมคงต้านทานความง่วงจนทำรายงานไม่เสร็จแหง
เมื่อมาถึงมาเก็ตผมก็เดินไปยังโซนขนมพร้อมกับเดินเลือกรสชาติของเจ้าเมล็ดทานตะวันของโปรด
"ชอบกินหรอ"
0_0 ทำไมจู่ๆถึงโผล่มาอีกแล้วหล่ะ จะบังเอิญเกินไปมั้ย
"พี่คะ..คิณ?"
"มันอร่อยหรอ" เจ้าตัวไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรเหมือนผมแล้วยังหันมาถามผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
"อร่อยครับเคี้ยวเพลินดี ^^ ..ไม่ใช่สิ! ทำไมพี่มาอยู่แถวนี้ได้อ่ะครับ" นั่นสิวันนี้ผมเจอพี่แกตั้งสองรอบแล้วนะช่วงนี้จะไม่เจอกันบ่อยไปหน่อยหรอไหนบอกหาตัวจับยากไง
"แปลกหรอ" ผมพยักหน้ารับเป็นคำตอบ ก็แปลกจริงๆหนิถ้าไม่ได้อยู่คอนโดแถวนี้คงไม่มาเจอกันในมาเก็ตบ่อยขนาดนี้หรอก
"คอนโดพี่อยู่แถวนี้"
0_0 คงไม่บังเอิญอยู่คอนโดเดียวกันหรอกนะ เพราะคอนโดแถวนี้ก็มีแค่ที่เดียวนี่นา
"คงไม่ใช่คอนโดข้างๆมาเก็ตนี้ใช่มั้ยครับ"
"อืออ คอนโดนั้นแหละ"
...!!! จะบังเอิญเกินไปแล้ว แต่ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอกันเลยหละทั้งที่อยู่คอนโดเดียวกันแท้ๆ อีกอย่างเจอกันรอบที่แล้วทำไมไม่เอะใจเลยนะพีชเอ้ย!!
"บังเอิญจังนะครับผมก็อยู่คอนโดนั้นเหมือนกัน แต่แปลกที่ทำไมผมไม่เคยเจอพี่เลย"
"หรอแต่พี่เคยเจอเรานะ" พี่คิณพูดพลางหยิบช็อคโกแลตใส่ตระกร้าพลาง
"จริงหรอครับ? ทำไมผมจำไม่เห็นได้เลย" เจ้าตัวไม่ได้ตอบกลับอะไร สมแล้วที่ได้ชื่อว่าหาตัวจับยากขนาดผมอยู่คอนโดเดียวกันแท้ๆกลับยังไม่เคยเจอพี่แกมาก่อนเลย
"พีช" จู่ๆพี่คิณก็เรียกชื่อผมซึ่งผมจำได้นะว่าไม่เคยบอกชื่อตัวเองกับพี่เขาไป
"ครับ?"
"ว่างอยู่มั้ย"
"กะ..ก็ว่างอยู่ครับมีอะไรรึเปล่า"
"เราทำอาหารเป็นมั้ย?"
"ก็ได้อยู่ครับ ทำไมหรอ?"
"แล้ว..ทำแกงเขียวหวานเป็นมั้ย?"
"ห้ะ!! แกงเขียวหวานหรอครับ"
"อืม -///-" คนตรงข้ามตอบกลับอย่างเหนียมอายจนทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา
"ก็ได้อยู่นะครับ พี่มีอะไรรึเปล่า"
"ช่วยสอนพี่หน่อยได้มั้ย" คำพูดของพี่คิณทำเอาผมสะตั้นไปครู่นึง ใครจะคิดว่าตำนานอัจฉริยะแห่งวิศวะจะให้ผมช่วยสอนทำแกงเขียวหวานให้ 0.0
___________________________________________
เอ๊ะ!อะไรยังไง ทำไมจู่ๆก็ดันมาลงเอยกันที่แกงเขียวหวานได้เนี่ย ลุ้นไปกับการทำแกงเขียวหวานของทั้งคูกันได้ในตอนต่อไปนะคะ สำหรับตอนนี้ไรท์ขอไปหาแรงบันดาลใจมาเขียนนิยายต่อกอน ^^ ถ้าชอบก็ฝากติดตามคอมเมนต์กันด้วยน้า <3