00 42
“ผมรักคุณ ได้ยินไหมครับ”
ขณะที่ร่างหนึ่งกำลังหมดแรงและทิ้งตัวลงไปกับเตียง อินทรชิตก็รวบอีกฝ่ายขึ้นมากอดเอาไว้แน่นพร้อมกับกระแทกแกนกายสวนขึ้นมาอย่างรุนแรง แก้มก้นเนียนนุ่มกระเด้งขึ้นลงกระทบหน้าตักแกร่งจนเกิดเป็นเสียงที่ฟังดูหยาบโลนทว่าเร้าอารมณ์ให้แตกกระเจิง เขาซุกหน้ากับแผ่นอกบาง ใช้ริมฝีปากบดจูบและดูดเม้มไปตามผิวเนื้ออุ่น ๆ ก่อนจะพร่ำบอกคำรักอันแสนซื่อสัตย์ออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับคนโง่งม
“ผมรักคุณ ..ผมเป็นของคุณ”
เมื่อเขาเสร็จสมและปลดปล่อยออกมาทุกหยาดหยด ทุกอย่างก็พลันหยุดนิ่งไปพร้อมกับร่างโปร่งที่ตัวอ่อนยวบอยู่ในอ้อมกอด อินทรชิตหอบหายใจรุนแรงราวกับสัตว์ป่า ความรู้สึกตื่นเต้นและสุขสมเอ่อล้นท่วมออกมาจนเขาไม่สามารถจัดการอะไรได้นอกจากอยู่ในสภาพนั้นนิ่ง ๆ ราวสามนาทีจึงจะสงบอารมณ์ที่เดือดดาลลง คุณพฤกษ์เพลียจนหลับไปแล้ว หลับไปทั้งที่ยังมีตัวตนของเขาสอดใส่อยู่ภายในโพรงอ่อนนุ่มและร้อนจัด ใจจริงอินทรชิตอยากจะแช่มันเอาไว้ข้างในตัวคุณพฤกษ์อย่างนี้จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น อยากจะแนบชิดและสัมผัสอีกฝ่ายให้นานที่สุด ทว่าอึกใจก็กลัวคุณเขาจะรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายตัวขึ้นมา พอคิดได้ดังนั้น อินทรชิตก็วางอีกฝ่ายให้นอนลงกับเตียงนุ่มก่อนจะค่อย ๆ ถอนแกนกายของตนออกมาอย่างเนิบนาบ กระทั่งความใหญ่ยาวถูกดึงออกมาจนสุดเขาก็ใช้มือรูดเอาถุงยางที่สวมใส่อยู่ออก อินทรชิตมัดถุงยางเป็นปมเพื่อไม่ให้ของเหลวที่อยู่ภายในไหลออกมาข้างนอกและโยนไปรวมอยู่กับพวกเดียวกันที่นอนรออยู่ในถังขยะอีกสอง
หลังจากนั้นชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนและไล่เก็บเสืัอผ้าของตนเองและของคุณพฤกษ์ที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้องนอนเรื่อยไปจนถึงห้องนั่งเล่นและบนโซฟาที่พวกเขาเพิ่งจะร่วมรักกันไปก่อนจะเข้ามาต่อรอบที่สองและสามในห้องนอน อินทรชิตยิ้มหน้าระรื่นขณะที่กำลังก้มลงเก็บแว่นสายตาขึ้นมาและเหลือบไปเห็นชั้นในสีดำสนิทที่ถูกถอดทิ้งอยู่พื้นใกล้ ๆกับโซฟา ชายหนุ่มหยิบสิ่งนั้นขึ้นมา มันเป็นชั้นในของคุณพฤกษ์ และเป็นตัวเดียวกับที่คุณเขาขยำเป็นก้อนแล้วจับยัดเข้ามาในปากในตอนที่เขากำลังครางเสียงหลงออกมาเพราะความเสียว
‘เร้าใจเป็นบ้า’ เขาคิด
อินทรชิตกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งพร้อมกับผ้าขนหนูสะอาดและกะละมังบรรจุน้ำเปล่า ถ้าไม่ติดว่าคุณพฤกษ์เหนื่อยจนหลับเขาก็อยากจะให้คุณพฤกษ์ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่ตอนนี้คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไรนักเพราะแม้แต่เรี่ยวแรงจะนั่งหรือลืมตาขึ้นมาก็คงจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
ไม่เป็นไร ..เขาดูแลคุณพฤกษ์ได้
ร่างสูงนั่งลงบนเตียงก่อนเริ่มลงมือเช็ดตัวทำความสะอาดให้คนขี้เมาที่นอนหลับเป็นตาย เขาไล่เช็ดเนื้อตัวขาวผุดผ่องอย่างเอาใจใส่ทุกซอกทุกมุมที่คิดว่าจะมีร่องรอยของหยาดเหงื่อ คราบน้ำลายรวมไปถึงน้ำอสุจิบางส่วนจากเขา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีจึงห่อตัวคุณพฤกษ์ด้วยผ้านวมผืนหนานุ่มและปรับแอร์ให้เย็นขึ้นอีกสักหน่อย คุณเขาจะได้หลับอย่างสบายใจ ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป อินทรชิตนำกะละมังและเสื้อผ้าที่ใส่แล้วออกไปเก็บด้านนอก พอดูนาฬิกาแล้วก็เห็นว่าตอนนี้ตีสามกว่า พอจะมีเวลาสักเล็กน้อยให้เขากลับไปยังห้องของตนที่อยู่ข้าง ๆ เพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
ห้องอีกห้องที่คุณเขาซื้อให้เป็นของขวัญ อินทรชิตแทบจะไม่เคยนอนค้างเลยสักครั้ง นั่นเป็นเพราะมันไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นเลยสำหรับเขา คุณพฤกษ์คิดว่าพอเขาขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วคงอยากปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวข้างนอกเหมือนกับคนอื่น ๆ ทั่วไป ทว่ามันไม่ใช่กับตัวเขาในตอนนี้ เขาสามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ถ้าหากสถานที่แห่งนั้นมีคุณพฤกษ์อยู่ด้วย
อินทรชิตต้องการเพียงเท่านั้น ..ไม่อยากจะอยู่ห่างคุณเขาไปไหนไกลเลยแม้แต่น้อย
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพ ชายหนุ่มก็กลับเข้ามาในห้องของคุณพฤกษ์อีกครั้ง มันแน่นอนอยู่แล้วว่าในคืนนี้เขาต้องได้นอนกอดอีกฝ่ายเหมือนกับตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา อินทรชิตย่องขึ้นไปบนเตียงอย่างระมัดระวังและมุดเข้าไปในผ้านวมก่อนจะใช้วงแขนรั้งคนที่นอนหลับอยู่เข้ามาในอ้อมกอดของตนอย่างหวงแหน
กระทั่งเวลาล่วงเลยเกือบถึงตีสี่ ในขณะที่คุณพฤกษ์กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอด ทว่าเขากลับไม่สามารถข่มตาของตนให้หลับลงได้ ชายหนุ่มก้มลงมองใบหน้านุ่มนวลก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกดวงตาอย่างนุ่มนวล อินทรชิตกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีกนิดแต่มันคงแน่นเกินไปจนทำให้คุณพฤกษ์รู้สึกอึดอัด คุณเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและดันตัวออกห่าง จากนั้นจึงพลิกร่างนอนตะแคงข้างหันหลังให้ อินทรชิตทำหน้าหงอยนอนมองแผ่นหลังขาวเนียนตาละห้อยด้วยความน้อยอกน้อยใจ
รำคาญเขาหรือ.. ขอกอดให้หนำใจหน่อยก็ไม่ได้เลยใช่ไหม ?
ได้.. ได้
ร่างสูงลุกขึ้นยืนและคว้ารีโมทเครื่องปรับอากาศขึ้นมาถือไว้ เขามองไปที่คุณพฤกษ์ก่อนจะกดลดอุณหภูมิให้เหลือเพียงแค่เลขยี่สิบจากยี่สิบห้า
“ฮื้อ…” เพียงไม่นานร่างโปร่งที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางงัวเงีย
“หนาว ..หนาวจัง” คุณพฤกษ์พึมพำออกมาก่อนใช้มือไม้คลำสะเปะสะปะไปทั่ว เดาว่าคงกำลังหาแว่นสายตาหรือไม่ก็รีโมทที่เขากำลังถืออยู่ในมือตอนนี้
“เขี้ยว” คุณเขาเอ่ยเสียงเบาหวิวพร้อมกับดวงตาคู่สวยที่หรี่ลงจนแทบเห็นเป็นเส้นตรงเพราะอาการสายตาสั้น
“ว่าไงทูนหัว”
คุณพฤกษ์จับแขนเขา พูดว่า
“ฉันหนาว” และ “ทำไมหนาวแบบนี้”
“คงเพราะฝนตก” เขาโกหก ฝนแทบจะไม่ตกลงมาสักเม็ด คุณพฤกษ์บ่นพึมพำอีกคำสองคำก็นั่งคอพับคออ่อน อินทรชิตเห็นโอกาสจึงรีบโผเข้าหาอีกฝ่ายแทบจะทันที ชายหนุ่มค่อย ๆ ประคองศีรษะคุณพฤกษ์ลงนอน เจาะจงใช้แขนของตนให้อีกฝ่ายหนุนแทนหมอนก่อนจะกระชับคุณเขาเข้ามาในอ้อมอกและกกกอดเอาไว้อย่างแนบแน่นดังที่ใจปรารถนา
“อืมม” เสียงนุ่มครางขึ้นในลำคอเมื่อชายหนุ่มค่อย ๆ จับมือเรียวขึ้นมาวางพาดลงบนเอวสอบ เขาทำแบบนี้เพราะต้องการให้คุณพฤกษ์โอบกอดเขาเหมือนที่เขาทำกับอีกฝ่าย อินทรชิตใจเต้นแรงขึ้น ใบหน้าเห่อร้อนและแดงซ่านเมื่อคุณเขาไม่ได้มีท่าทีรำคาญ ซ้ำยังซุกใบหน้าเข้าหาอกแกร่งและกระชับวงแขนกอดตอบเขาอย่างเต็มใจอีกด้วย
“ผ้าห่ม” อีกฝ่ายพึมพำสั่ง ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปดึงผ้านวมผืนหนาที่กองอยู่บนเอวขึ้นมาคลุมปิดถึงหัวไหล่ เขาจูบลงบนหน้าผาก เปลือกตา จมูกโด่ง แก้มเนียนนุ่ม รวมไปถึงริมฝีปากสีแดงเรื่อสุขภาพดี กระทำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างระมัดระวังด้วยความมันเขี้ยวปนคลั่งไคล้ เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังตีรวนกันอยู่ข้างใน ทั้งสับสน ว้าวุ่น กระวนกระวาย ตื่นเต้น เป็นสุขและทุกข์ทรมานจนรวดร้าว
แล้วคืนนั้นก็จบลงที่เขานอนหลับไปทั้งที่หัวใจเต้นแรงและระส่ำระสายไม่หยุด ..มันไม่หยุดลงเลยนับตั้งแต่ที่เขาได้ครอบครองคุณพฤกษ์อย่างสมบูรณ์แบบ
พฤกษ์ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคนกำลังคุยโทรศัพท์ ภาพแรกที่เขาเห็นคือเพดานห้องนอน ชายหนุ่มยกมือขึ้นคลึงขมับ รู้สึกมึนเบลอและปวดศีรษะเล็กน้อยเพราะฤทธิ์จากการดื่มแอลกอฮอล์ที่ยังตกค้างอยู่ภายในร่างกาย
“ครับ ..เมื่อคืนคุณพฤกษ์เมาหนัก ผมเลยพามาค้างที่คอนโดก่อน ครับ ขอโทษที่ไม่ได้โทรไปบอก ผมเองก็ง่วงมาก คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ..”
พฤกษ์ทำตาหยีและเพ่งมองแผ่นหลังเปล่าเปลือยของใครบางคนที่นั่งหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่ปลายเตียง เมื่อเห็นว่าเป็นอินทรชิตจึงนิ่งอยู่อย่างนั้นนานนับนาทีเพื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ เริ่มทยอยผุดขึ้นมาในสมองราวกับดอกเห็ด พฤกษ์ค่อย ๆ เรียบเรียงทีละเรื่องนับตั้งแต่อยู่ที่บ้าน เขากำลังถูกอีกฝ่ายทำรักด้วยปาก ฉัตรตะวันโทรศัพท์เข้ามาและเขาก็ออกไปเจออีกฝ่ายที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง อีกฝ่ายร้องไห้และระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด เขาเลยดื่มย้อมใจเป็นเพื่อนด้วยอีกคน
จากนั้น… ภาพก็ตัดทันที
ไม่สิ เหมือนจะจำได้ขึ้นมาอีกอย่างสองอย่าง
บางทีอาจจะสาม..
‘ถ้าเป็นแกต่อให้เมาฉันก็โอเค’
‘ทำอย่างที่แกต้องการมาตลอดเถอะ’
‘ของแกใหญ่’
‘มันเข้ามาหมดแล้วหรือ’
‘ผมยังไม่เสร็จเลยนะครับ’
‘ผมรักคุณ ได้ยินไหมครับ’
‘ผมรักคุณ’
‘คุณพฤกษ์’
พฤกษ์ลูบใบหน้าเพราะไม่คิดว่าตนจะเป็นฝ่ายชวนก่อน พุทโธ่.. พอเหล้าเข้าปากแล้วมีความกล้ามากขึ้นจนสามารถพูดในสิ่งที่อยากพูดสินะ
สรุปแล้วเมื่อคืนเขากับอินทรชิตจัดหนักจัดเต็มกันไปแล้ว จำได้ลาง ๆ ว่าหลังจบรอบแรกตรงโซฟา อินทรชิตก็อุ้มแตงพาเขาเข้ามาจัดยกสองกันถึงบนเตียง ไอ้นั่นของอีกฝ่ายกระแทกกระทั้นเข้ามาในตัวเขาไม่หยุดหย่อน ถึงคราวแรกจะรู้สึกทั้งเจ็บและจุกจนเหมือนร่างกายถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็ทำให้รู้สึกหฤหรรษ์อย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนจากคู่นอนคนไหน พฤกษ์กัดริมฝีปากเบา ๆ ขณะที่ยกฝ่าเท้าถูไถไปมากับแผ่นหลังกว้างและแข็งแรง พอคิดถึงความรู้สึกเมื่อคืนที่ตนได้รับการปรนเปรอจากชายหนุ่มก็รู้สึกเสียววาบในท้องน้อยและส่วนหัวของอวัยวะเพศขึ้นมาทันที
พฤกษ์เป็นพวกที่ฝ่าเท้าอ่อนไหวได้ง่ายเมื่อถูกกระตุ้นหรือเสียดสี และเขามักจะเกิดอารมณ์กำหนัดขึ้นมาเสมอเมื่อมีอะไรสักอย่างมาสัมผัส.. เมื่อคืนนี้ก็คงเป็นแบบนี้สินะ
“ตื่นแล้วหรือครับ” อินทรชิตวางสายโทรศัพท์ก่อนจะหันกลับมา ชายหนุ่มใช้มือกำรอบตาตุ่มก่อนจะแนบริมฝีปากจูบลงบนฝ่าเท้าสวยอย่างเทิดทูน
“ยังไม่เคยเจอใครจูบเท้าแบบแกเลย” ทั้งผู้ชายคนแรกที่มีอะไรด้วย ทั้งคู่นอนสมัยเรียน ทั้งฉัตรตะวันหรือแม้แต่อัคราก็ไม่เคยทำมาก่อน
“นั่นคงเป็นเพราะเขาไม่ได้รักคุณพฤกษ์มากเท่าผม”
“รักฉันขนาดนั้นเลยหรือ” พฤกษ์พูดทีเล่นทีจริงขณะที่ถูไถฝ่าเท้าไปมากับหน้าอกและหัวนมของอีกฝ่ายจนแข็งเป็นไต อินทรชิตกรีดยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ โผล่พ้นออกมาจากริมฝีปาก เสียงเข้มเอ่ย
“มากกว่าที่คุณคิด”
“ตายแทนได้หรือเปล่า”
“ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือครับว่าชีวิตผมเป็นของคุณพฤกษ์มาตั้งแต่แรก”
อินทรชิตว่าก่อนจะขยับขึ้นมาคร่อมทับช่วงล่าง ชายหนุ่มจับมือของเขามาสัมผัสตรงท่อนเนื้อใหญ่ยาวที่แข็งตัวอยู่ภายใต้กางเกงวอร์มสีเทา
พฤกษ์เลิกคิ้วขึ้นสูง รู้สึกประหลาดใจที่ไอ้นั่นของอีกฝ่ายแข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับสั่งได้ดังใจ ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนเป่ารดที่ข้างแก้ม
อินทรชิตบีบมือของเขาให้กำสิ่งที่อยู่ในกางเกงของตน เสียงกระเส่าดังขึ้นที่ข้างหู
“เหมือนลูกไก่ตัวเล็ก ๆ ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”
เขาทวนคำ
“จะบีบก็ตายจะคลายก็รอดสินะ”
พฤกษ์กดใบหน้าลงต่ำมองฝ่ามือของตน เขาช้อนสายตาหวานเชื่อมขึ้นและแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะ..
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!”
เพราะแสงแดดของวันที่ลอดผ่านเข้ามาจากรอยแยกของผ้าม่านทำให้ฉัตรตะวันรู้สึกแสบร้อนจนต้องลืมตาขึ้นมา ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อพบว่าตนเองกำลังเปลือยท่อนบนอยู่ขณะนี้
“อ้าว ตื่นแล้วหรือพี่? ” เสียงเข้มดังขึ้นจากประตู ฉัตรตะวันสะดุ้งสุดตัวก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกอย่างรวดเร็ว เขาหันไปมองร่างสูง พอเห็นว่าเป็นคนคุ้นหน้าที่ไม่ค่อยชอบหน้าสักเท่าไรนักก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก
เมื่อคืนเขาอยู่กับคุณพฤกษ์แต่ทำไมตื่นมาถึงอยู่กับหมอนี่ได้?
“เกิดอะไรขึ้น? ” เขาถามตรงประเด็น
“อะไรเหยอ” อัคราทำเสียงทะเล้นแต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะแซวเล่นด้วยได้ก็หน้าเจื่อนลงทันที
“เมื่อคืนพี่เมาอยู่ที่ร้านกับ ..เอ่อ คุณพฤกษ์”
ดวงตาคมหรี่ลง “แล้วคุณ ..? ”
“พี่ก็รู้ว่าผมไปที่ร้านทุกวันศุกร์”
“ผมไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้น” ชายหนุ่มนวดขมับ ผลจากแอลกอฮอล์ที่ยังคงค้างอยู่ในร่างกายทำให้เขามึน
“คุณพฤกษ์อยู่ไหน”
“ไม่รู้สิ พี่แกก็เมาหัวทิ่มเหมือนพี่นั่นแหละ เฮ้ อย่ามองผมแบบนั้น ก็ได้ ๆ ไอ้อินทร์พากลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“อินทร์? ” ฉัตรตะวันทวนชื่อ “หมายถึงอินทรชิตหรือเปล่า”
“พี่รู้จักมันด้วย? ”
“ผมสิต้องถาม”
“มันเป็นเพื่อนผม มีอะไรหรือเปล่า? ”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะก่อนจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง
“ที่นี่ที่ไหน”
“โรงแรม” ฉัตรตะวันหันขวับมามองอย่างสงสัย
“ใจเย็น ๆ ” อัครายกมือ “ผมเห็นว่าพี่กลับบ้านไม่ได้เลยพามาที่นี่ ไม่ต้องห่วง นี่โรงแรมปู่ผม นอนฟรีไม่ต้องจ่ายสักบาท”
อันที่จริงสถานที่ที่เขาพาฉัตรตะวันมาคือเพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมต่างหาก ชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวของคนในครอบครัวเลิศบดินทร์เท่านั้น แต่ส่วนมากจะมีแค่พ่อของเขาที่อาศัยหลับนอนที่นี่เป็นครั้งคราวหากวันไหนเหนื่อยเกินไปที่จะกลับบ้าน เขาเองเวลาทะเลาะกับแม่ก็มักจะแอบหนีมาหลบอยู่ที่นี่บ่อย ๆ เหมือนกัน
“เสื้อผมไปไหน” ฉัตรตะวันลุกขึ้นยืนทั้งที่มีผ้าห่มพันรอบร่างกาย อัครามองอีกฝ่ายด้วยความขบขัน ตอบว่า
“ผมให้พนักงานเอาไปปั่น”
“ทำไม”
“ก็พี่อ้วกแตก”
“ผมเนี่ยนะ” ชายหนุ่มชี้ตนเอง
“ช่าย” เขาลากเสียงยาว “ฉัตรตะวัน สุริยแสง คุณนั่นแหละอ้วก อ้วกใส่ต้นไม้ อ้วกบนพื้น อ้วกใส่ตัวเองแล้วก็อ้วกใส่ผม”
“ตลกแล้ว” ฉัตรตะวันหัวเราะร่วน เขารู้นิสัยตนเองดี ต่อให้เมาเละเทะขนาดไหนก็ไม่เคยไปอ้วกใส่คนอื่นเรี่ยราดแบบนี้เด็ดขาด
อัคราอาจจะแกล้งเขาเล่นเหมือนทุกครั้ง ทว่าสีหน้าของอีกฝ่ายตอนนี้มันไม่เหมือนกับคนที่กำลังโกหกเลยสักนิด ไม่จริงน่า.. คนอย่างเขาน่ะหรือ
“พี่จำไม่ได้จริง ๆ หรือ? ”
ฉัตรตะวันพยักหน้าหงึกหงัก
“เมื่อคืนพี่อ้วกใส่แจ็กเก็ตผมด้วยนะ ตัวนั้นผมเพิ่งใส่ได้แค่ครั้งเดียวเอง”
เขาคิดว่าอัคราคงอยากให้เขาชดใช้
“แค่แจ็กเก็ตตัวเดียว ระดับหลานชายท่านสิงขรคงไม่สะเทือนขนหน้าแข้งหรอกใช่ไหม? ”
ชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“แหม แล้วระดับลูกรัฐมนตรีจะไม่รับผิดชอบอะไรสักนิดเลยหรือครับ”
เขาถอยหลังกลับไปนั่งบนเตียง หยิบโทรศัพท์ของตนที่วางไว้บนโต๊ะเตี้ย ๆ ข้างเตียงขึ้นมา
“ขอเลขที่บัญชี” เสียงทุ้มบอก
อัคราหน้าถอดสี รีบบอกปัด
“ผมไม่ได้ต้องการเงิน”
ชายหนุ่มเกาแก้ม
“ถ้าไม่ต้องการแล้วคุณจะพูดเหมือนอยากให้ผมรับผิดชอบทำไม”
“อยากให้พี่รับผิดชอบไง” เขาว่า “แต่ไม่ใช่เงิน”
“ทำไมคุณถึงเรื่องมากนัก” ฉัตรตะวันถอนหายใจอย่างเอือมระอา “เอ้า ว่ามา”
ร่างสูงยิ้มกริ่มก่อนจะทอดสายตาประหลาด ๆ มาที่อีกฝ่าย ฉัตรตะวันคิ้วกระตุกทันที เขาพูดเสียงเรียบและเจือความไม่พอใจ
“อย่าคิดอะไรแปลก ๆ ”
“บ้าบอ” ชายหนุ่มเกาแก้มกลบเกลื่อน
“ผมชอบผู้หญิง ไม่ได้เป็นเกย์แบบพี่เสียหน่อย เอ๊ย! ”
พูดจบอัคราก็หันหลังพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปากตนเองทันที ซวยแล้วไอ้เหี้ย! เขาสบถขึ้นมาในใจ พลั้งเผลอพูดเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายออกไปเสียแล้ว
“พูดว่าอะไรนะ? ”
เสียงที่เคยทุ้มนุ่มและฟังดูอบอุ่นอ่อนโยนละมุนละม่อมรูหูมาตลอดสามปี บัดนี้กลับกลายเป็นเสียงที่เหี้ยมเกรียม เย็นยะเยือกและชวนให้เสียวสันหลังเป็นที่สุด อัครายืนตัวแข็งทื่อ เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับฉัตรตะวันในตอนนี้
‘น่ากลัวอิ๋บอ๋าย’
‘วิ่งหนีไปเลยดีไหมกู’ และ ‘ถ้าพี่แกวิ่งตามมาต่อยทำไงวะ! ’
“อัคร” ฉัตรตะวันเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงรื่นหู เหอ ๆ แต่ทำไมกลับรู้สึกว่ามันเป็นการตะล่อมให้เหยื่อตายใจยังไงก็ไม่รู้
“ผมว่าเราหันหน้ามาคุยกันดี ๆ ดีไหมครับ”
ตายแน่.. ตายหยั่งเขียด
ตลอดสามปีนับตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่สนามบิน มีสิ่งหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้จากนิสัยของฉัตรตะวันคือคำพูดที่สุภาพและใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มอบอุ่นนั่น อีกฝ่ายเป็นคนที่ไม่ว่าจะเจออะไรก็ยิ้มแย้มได้เสมอ ซ้ำยังพูดจาดีกับคนทุกอายุและทุกชนชั้นอีกด้วย ขนาดเขาที่อายุห่างกันห้าปี ฉัตรตะวันยังเอาแต่เรียกเขาว่าคุณแล้วแทนตัวเองว่าผมอยู่เลย แรก ๆ อัคราก็รู้สึกประทับใจและคิดว่าฉัตรตะวันเป็นผู้ชายอีกหนึ่งคนที่น่าเคารพนับถือ แต่พอได้คลุกคลีและไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งเขาก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
ฉัตรตะวัน ...ฉัตรที่แปลเครื่องสูงคล้ายร่ม ตะวันที่แปลว่าดวงอาทิตย์ ใช่ เป็นผู้ชายที่มีรอยยิ้มและบุคลิกสว่างไสวราวกับแสงแดดยามเช้า แต่ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันคือแสงสว่างที่จอมปลอม ฉัตรตะวันเป็นคนที่ยิ้มรับได้กับทุกเรื่อง รอยยิ้มของเขาไม่ต่างอะไรกับยาขม สามารถพูดจาสุภาพนุ่มนวลที่ทั้งที่ในใจคิดแต่เรื่องแย่ ๆ และดูถูกดูแคลนอีกฝ่ายสารพัด เป็นที่รักใคร่ของทุกคนที่พบเห็นแต่กระนั้นก็ไม่พยายามสนิทสนมกับใครจนเกินพอดี เหมือนจะเปิดรับทุกคนเข้ามาแต่ในขณะเดียวกันก็ผลักไสทุกคนออกไป ไม่ทำดีกับใครและก็ไม่ทำเรื่องแย่ ๆ กับใคร เป็นคนที่เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดี
เขาเป็นคนแบบนั้น พวกที่รู้จักกับผู้คนเพื่อสามารถอำนวยความสะดวกให้กับตนเอง เป็นพวกนิ่งเฉยถ้าหากคนอื่นเดือดร้อน ไม่เข้าไปช่วยเหลือใคร ไม่ซ้ำเติมใคร ...แต่เขาจะยืนดูเฉย ๆ พอสังเขปแล้วก็ไม่สนใจอีกเลย
ทั้งที่ชายหนุ่มเป็นคนอย่างนั้น อัคราก็ยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่น่าเคารพนับถือมากอยู่ดี และเหมือนลึก ๆ เองเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมชายหนุ่มถึงแสดงนิสัยออกมาแบบนั้น
แต่ตอนนี้ ..ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์หรือมีความเกี่ยวข้องอะไรเลยหากเขาจะร่ายเรื่องราวของฉัตรตะวัน ที่อยากจะบอกจริง ๆ คืออีกฝ่ายกำลังโกรธจัด! ทำไมเขาถึงรู้อย่างนั้นหรือ? ก็เพราะปกติฉัตรตะวันจะไม่ลงท้ายประโยคด้วยครับกับเขาเลยน่ะสิ
ไม่เลยนอกจากตอนกำลังพูดถึงเรื่องที่จริงจังหรือกำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง
“พี่ฉัตร ..คือว่า ” ชายหนุ่มค่อย ๆ หันกลับมา
“คุณรู้เรื่องนี้มากแค่ไหน”
“ไม่รู้เลยสักนี๊ด” เขาเสียงหลง เผยพิรุธออกมาให้เห็นตำตา
“โกหก” ฉัตรตะวันลูบคิ้วตัวเองเบา ๆ สีหน้าเริ่มเรียบตึง อัคราทำตาหลุกหลิก พูดว่า
“สาบานได้” ชายหนุ่มแอบเอานิ้วไขว้กัน
ฉัตรตะวันเหลือกตาขึ้นมอง พูดว่า
“ขอให้ตายโหงนะครับ”
“โอเค” อัคราถึงกับปากสั่น “ผมรู้เรื่องทุกอย่างเพราะบังเอิญได้ยิน (แอบฟัง) พี่กับคุณพฤกษ์คุยกันเมื่อคืน ผมรู้เรื่องที่พี่เป็นเกย์ อ้อ คุณพฤกษ์ก็เป็นเกย์ด้วย เซอร์ไพรส์สุด ๆ รู้เรื่องที่พี่แอบชูวับ ๆ วู้ฮู้กัน แถมยังรู้เรื่องที่แม่พี่จับได้อีกว่าพี่เป็นเกย์ แถมพี่ยังร้องไห้—”
ฉัตรตะวันยกมือขึ้นเพราะไม่อาจทนฟังได้อีก “พอ”
“ฮับ พอฮับ” อัคราหุบปากและสงบเสงี่ยมแทบจะทันที
“ให้ตายเถอะ..” ชายหนุ่มนวดขมับ เขารู้สึกปวดศีรษะจนแทบจะระเบิด “ยุ่งยากไปหมด น่ารำคาญ”
“ใจเย็น ๆ น่าพี่ ผมไม่บอกใครหรอก พี่ก็เหมือนพี่ชายผมคนหนึ่ง”
“ผมเป็นน้องคนสุดท้อง ไม่เป็นพี่ชายใครทั้งนั้น” ฉัตรตะวันพูดอย่างหัวเสีย
“โอ๋นะพี่” อัคราว่า “ตอนนี้อย่าเพิ่งเครียดเลยนะ”
“คุณไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มจ้องตาเขม็ง “มันไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณก็พูดได้สิ”
“ผมขอโทษที่ไม่เข้าใจ” อัคราพยายามใจเย็นกว่าทุกครั้ง ชายหนุ่มสูดหายใจลึก ๆ และทบทวนตนเองใหม่ ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา เขาจึงไม่มีสิทธิ์จะไปบอกให้ใครหยุดเครียด หยุดกังวลหรืออย่าคิดมากกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่
ร่างสูงรินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วยื่นส่งให้
“แต่ผมก็แค่อยากพูดให้พี่ผ่อนคลาย ตอนนี้พี่น่ากลัวมากเลยรู้ไหม”
ฉัตรตะวันยกมือขึ้นปกปิดใบหน้า เขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเป็นนาทีก่อนจะตัดสินใจรับน้ำจากอีกฝ่ายมาดื่ม
“ผมขอโทษที่พาลใส่” เขาว่าพลางกำแก้วในมือแน่น “ผมแค่ไม่รู้ว่าควรจะเอายังไงกับชีวิตต่อจากนี้ดี”
อัคราถือวิสาสะตบมือลงบนไหล่ เขาแค่ต้องการให้กำลังใจอีกฝ่าย
“ไม่รู้ไม่เป็นไรนะพี่” ชายหนุ่มพูด “ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ หิวหรือยัง ผมสั่งรูมเซอร์วิสดีไหม พี่ฉัตรชอบทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ผมจะสั่งเชฟให้เดี๋ยวนี้เลย ถ้ายังไม่อยากกลับก็อยู่ที่นี่ก่อน สบายใจแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเอายังไง ..ไม่ต้องรีบก็ได้ โอเคไหม? ”
“...”
“พี่ยังมีผมนะ”
ฉัตรตะวันไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มกลอกดวงตาขึ้นข้างบนอยู่นานเหมือนจะกลั้นบางอย่างไม่ให้ไหลออกมา เขาใช้เวลาหลายนาทีไปกับการนั่งนิ่ง ๆ ในที่สุดร่างสูงโปร่งก็สลัดผ้าห่มที่ห่อตัวออกแล้วลุกขึ้นยืน
“ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ เหนียวตัวชะมัด”
ชายหนุ่มหันมาพูดกับเขา ใบหน้าหล่อมีรอยยิ้มอบอุ่นประดับอยู่ที่มุมปากเหมือนทุกครั้ง ..ฉัตรตะวันทำราวกับเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เราค้างที่นี่กันอีกหน่อยไม่ได้หรือครับ”
เสียงออดอ้อนดังขึ้นพร้อมกับแรงกอดรัดจากด้านหลัง พฤกษ์ที่ยืนกำลังจะแต่งตัวอยู่หน้ากระจกถึงกับถอนหายใจ
“คนอื่นจะสงสัย” และ “อีกอย่างคุณพ่อกลับมาแล้วด้วย”
อินทรชิตซุกหน้าลงบนท้ายทอย ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปตามผิวเนื้อนุ่มที่ยังมีความเปียกชื้นจากการอาบน้ำ
“จั๊กจี้” พฤกษ์เอียงคอหนีทว่ามันกลับเป็นการเปิดโอกาสให้คนเจ้าเล่ห์ได้ฉกฉวย ชายหนุ่มใช้มือหนึ่งแหวกสาบเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวออกกว้างก่อนจะถูริมฝีปากกับต้นคอขาวและขบเบา ๆ ลงบนบ่า
“พอเถอะ” เขาว่า “คอฉันไม่มีที่ว่างให้แกทำแล้วนะ”
“ตรงนี้ยังว่างอยู่เลยนี่ครับ” อินทรชิตเม้มริมฝีปากลงบนผิวขาว ๆ บริเวณหนึ่งจนเกิดเป็นรอยแดงจาง ๆ พฤกษ์กัดริมฝีปากก่อนจะมองซอกคอและแผ่นอกของตนที่มีแต่ร่องรอยของการกัดและดูดเม้มสีคล้ำเข้มปรากฏอยู่ทั่วผ่านกระจกบานใหญ่ ฝ่ามือเรียวสวยถูกยกขึ้นมาแตะรอยพวกนั้นอย่างแผ่วเบา เขาพูดว่า
“ถ้าใครเห็นเข้าคงเป็นเรื่องใหญ่”
“ก็อย่าให้ใครเห็นสิครับ” ชายหนุ่มหอมลงบนแก้มนุ่มก่อนจะเกยคางลงบนบ่า ดวงตาคมเข้มจับจ้องผู้ที่อยู่ในอ้อมกอดผ่านหน้ากระจกอย่างหวงแหน
“ในตู้มีแต่เสื้อคอกลมน่ะสิ คอนซีลเลอร์ก็ไม่ได้พกมาด้วย”
“ผมมีฮู้ดอยู่ในห้อง” เขาว่าพลางซุกจมูกลงบนซอกคออีกครั้ง “คุณพฤกษ์ใช้เครื่องสำอางของผู้หญิงด้วยหรือครับ”
“ผู้หญิง? ” พฤกษ์หัวเราะ “ไม่ยักรู้ว่าเครื่องสำอางมีเพศด้วย”
“ถ้าไม่มีแล้วเขาจะเขียน for Men ไว้ทำไม หืม คุณพฤกษ์บอกผมหน่อยสิครับ” อินทรชิตพูดตะล่อมให้อีกฝ่ายอธิบายก่อนจะสอดมือเข้ามาภายในร่มผ้าอย่างเป็นธรรมชาติ เขาปลดเชือกที่ผูกเอวออก ลูบไล้ไปทั่วหน้าท้องราบเรียบและเลื่อนมือขึ้นมาขยำหน้าอกทั้งสองเบา ๆ
“อันที่จริงเครื่องสำอางเราใช้ร่วมกันได้นะ อย่างรองพื้น แป้งหรือที่เขียนคิ้ว แต่สกินแคร์บางอย่างสร้างขึ้นมาเพราะสภาพชั้นผิวและฮอโมนส์ต่างกัน บางอย่างข้างในอาจจะเหมือนกันแต่แพคเกจจิ้งอาจจะต่างกัน เขาคงคิดว่าควรแบ่งตามรสนิยมมั้ง ผู้ชายโทนสีเข้มหน่อย ส่วนผู้หญิงก็ต้องสีหวาน ๆ ฉันใช้ของผู้หญิงเพราะชั้นผิวบาง อ๊า.. เอาเป็นว่าเลือกใช้ให้เหมาะกับผิวก็พอ นะ..นี่ แกนี่มัน! ”
พฤกษ์เสียงกระเส่าเพราะความเสียวที่คุ้นเคยกำลังก่อตัวขึ้นจากฝ่ามือข้างหนึ่งที่ตอนนี้กำลังครอบครองแกนกายเบื้องล่างอยู่ ตอนนั้นเองเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองได้ตกหลุมพลางของอีกฝ่ายเข้าให้เสียแล้ว
“ผมทำไมหรือครับ” เสียงเข้มกระซิบชิดแก้ม ตอนนี้เสื้อคลุมอาบน้ำหลุดร่วงลงไปอยู่ที่ข้อพับแขนแล้ว แผ่นหลังเปล่าเปลือยจึงเสียดสีเข้ากับผิวเสื้อหยาบ ๆ จากร่างกายกำยำที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง
“ได้คืบจะเอาศอก”
“ผมไม่เอาศอก ผมจะเอาคุณพฤกษ์”
“เอาแต่ใจน่ะสิไม่ว่า” ชายหนุ่มพูด “เมื่อคืนยังไม่หนำใจหรือไง”
“ไม่เลยทูนหัว” อินทรชิตกอดยอดดวงใจของตนไว้แน่นขณะที่มือข้างนั้นก็เค้นคลึงความเรียวยาวเบื้องล่างอย่างช้า ๆ เพื่อเอาอกเอาใจ
“ผมอยากจะรักกับคุณทั้งวันทั้งคืนด้วยซ้ำ”
“ให้มันน้อย ๆ หน่อย นี่ชีวิตจริงนะไม่ใช่นิยาย คนเรามีเซ็กส์ติดต่อกันขนาดนั้นไม่ได้ อ๊ะ.. อย่างฉันมากสุดก็แค่สามรอบเท่านั้น”
“งั้นเรามาทำกันอีกสามรอบก่อนกลับดีไหมครับ”
“ฉันขี้เกียจอาบน้ำ”
“หลังเสร็จรอบสอง เราทำกันต่อในห้องน้ำดีไหมครับ? จะได้อาบน้ำด้วยกันไปเลย”
“ไอ้นี่หนิ.. ” พฤกษ์สบถ “แกไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยหรือไง”
อินทรชิตไม่สน เขาดันอีกฝ่ายชิดกระจกก่อนจะพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังจนถึงสะโพก ชายหนุ่มยืดตัวขึ้น รั้งร่างบางเข้ามากอดก่อนจะกำลำคอขาวไว้หลวม ๆ
“เคยทำกับใครหน้ากระจกแบบนี้ไหมครับ”
“เคยสิ” พฤกษ์ตอบ “มันเร้าอารมณ์มากเลยล่ะเวลาเห็นสีหน้าตอนกำลังเสียว”
“ผมจะทำให้คุณลืมความเสียวตอนอยู่กับคนอื่นไปเลย จะทำให้คุณติดผมคนเดียวเหมือนที่ผมคลั่งคุณจนแทบบ้า อา.. ทูนหัว คุณว่าผมจะทำได้ไหมครับ”
ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงฟ้าผ่าก็ดังเปรี้ยงขึ้น ดูเหมือนว่าอีกไม่นานฝนห่าใหญ่คงจะกำลังตั้งเค้าตกลงมาอย่างแน่นอน พฤกษ์หันหลังกลับมาหาชายหนุ่ม
“จะทำอะไรก็รีบทำเข้านะ” น้ำเสียงนุ่มกระซิบคำยั่วยวนและยกมือขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งให้โน้มลงมา พฤกษ์เป็นฝ่ายประกบริมฝีปากก่อน เขาขบริมฝีปากล่างของชายหนุ่มเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยวและแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่น ควานหาลิ้นร้อนจัดของอีกฝ่ายและตวัดเกี่ยวกันไปมาซ้ำ ๆ ก่อนจะผละจากมา อินทรชิตหอบ หัวใจเต้นระรัวจนเจ็บปวดไปหมด เขาเผยอปากออก พฤกษ์จึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ใช้ริมฝีปากงับลิ้นของอีกฝ่ายออกมาก่อนจะดูดเลียเข้าออกหลายครั้งหลายคราเสมือนกำลังดูดไอศกรีมเจลลี่สมัยเด็ก
“อ๊า.. ” แค่จูบเดียวจากคุณพฤกษ์ อินทรชิตก็เสียวจนแทบคลั่ง ให้ตายสิ.. ไมีแน่ว่าบางทีเขาอาจจะเสร็จสมไปแล้วด้วยซ้ำ
สุดยอด..
“เวลาของแกจะหมดตอนที่ฝนหยุดตก”
“คุณพฤกษ์พูดแล้วนะครับ” อินทรชิตแสยะยิ้ม ดวงตาของเขาดำมืดลงทุกที ชายหนุ่มอุ้มตัวอีกฝ่ายขึ้นมา พาดข้อพับขาทั้งสองข้างกับแขนแกร่งและดันแผ่นหลังบางชิดกับกระจกบานใหญ่
“ถ้ามันไม่หยุดตก ผมก็ไม่หยุด”
“ขนาดนั้นเลย..”
“ทูนหัว..” เขาจูบลงบนริมฝีปากอย่างรักใคร่ “ต่อให้คุณอ้อนวอนหรือขอร้องผมก็จะไม่หยุด”
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมยังไม่เห็นกลับกันมาสักที”
(ฝนตกครับ คุณพฤกษ์ขับรถไม่ได้เลยค้างที่นี่อีกคืน พรุ่งนี้เราคงกลับตอนเช้า ๆ คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ)
“ฝนเฮงซวย ที่นี่ก็ตกตั้งแต่บ่ายแล้วเหมือนกัน ดูสิ สองทุ่มแล้วมันยังไม่หยุดเลย”
(ไม่หยุดก็ดีสิ)
“ห๊ะ ว่ายังไงนะ”
(..อ๊ะ)
(ชู่ว..)
“เสียงอะไรน่ะ ลุงไม่ค่อยได้ยินเลย ฝนมันดังมาก”
(เสียงคุณพฤกษ์ครับ คุณลุงอยากคุยไหม?)
(มะ ไม่..เอา)
ติ๊ดดด.....
“อ้าว เดี๋ยวสิ ..วางไปแล้ว”