ก่อนจะถึงงานวันเกิดขององค์รัชทายาทก็เกิดข่าวลือที่ว่า องค์รัชทายาทพาใครไม่รู้ไปเดินเที่ยว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ยังจับมือกันเดินกลางตลาดอีกด้วย
ข่าวลือนี้ส่งผลให้ผู้คนฮือฮาเป็นวงกว้างคาดเดาต่างๆนาๆ ถึงผู้ที่เดินจับมือกับรัชทายาท หญิงสาวหลายคนที่หมายตาตำแหน่งไทจื่อเฟยขององค์รัชทายาทหลีไป่หลง ต่างจ้างคนไปสืบสาวหน้าตาและประวัติของบุคคลที่เดินจับมือเคียงข้างกับองค์รัชทายาทที่ตลาด
เนื่องจากอีกฝ่ายก็ใส่หน้ากากไม่ต่างจากองค์รัชทายาทเช่นกัน ทุกคนจึงคาดเดาว่าอีกฝ่ายคงมีใบหน้าอัปลักษณ์ แต่ก็มีบางคนที่คิดว่าอีกฝ่าย มีใบหน้างดงามดังนางมารจิ้งจอกที่ล่อลวงผู้คนจึงต้องปิดบังใบหน้าเอาไว้ แต่คนเหล่านี้ก็เป็นส่วนน้อยนิด
ต่างจากผู้ที่ตัดสินไปแล้วว่าอีกฝ่ายมีหน้าตาอัปลักษณ์ไม่ต่างจากองค์รัชทายาทที่พวกเขาเคยคิดเช่นกัน
......
หนึ่งวันก่อนงานวันเกิดขององค์รัชทายาท
หลี่ไป่หลงและเฟิงเย่เดินทางเข้าวังมาในวันนี้เนื่องจากฮองเฮาหรือพระมารดาของหลีไป่หลงต้องการพบเฟิงเย่
ร่างบางรู้สึกตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบกลัวพระมารดาของคนรักไม่ชอบตน จนหลีไป่หลงต้องคอยปลอบประโลมตลอดการเดินทาง ผ่านไปสักพักก็มาถึงพระราชวัง
ความใหญ่โตของพระราชวังนั้นสวยงามและใหญ่โตเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก ด้วยครานั้นเขาแค่มีเป้าหมายมาหาร่างสูงเท่านั้นจึงไม่มีเวลาสำรวจพระราชวังมากนัก
ระหว่างเดินทางไปยังตำหนักคุนหนิงของฮองเฮา เขาเห็นเหล่าดอกไม้และต้นไม้นานาพันธุ์หลากหลายชนิดประดับตกแต่งอยู่สองข้างทาง ส่งผลให้อากาศลมรื่นเย็นสบายน่าหลับนอนยิ่งนัก
เหลานางกำนัลในวังหลวงต่างสวมเสื้อผ้าประณีตหน้าตาสะอาดงดงามก้มหน้าก้มตาเดินเป็นระเบียบ ส่งผลให้พระราชวังหน้าอยู่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ซึ่งสำหรับคนนอกที่ไม่รู้เรื่องราวเลวร้ายที่เกิดอยู่ในพระราชวังเท่านั้น
พอถึงหน้าตำหนักคุนหนิงของฮองเฮา เฟิงเย่ยื่นสูดหายใจเข้าลึกๆที่หน้าตำหนัก โดยมีหลีไป่หลงจับมือให้กำลังใจอยู่เงียบๆด้านข้าง
"...."
หลังจากตั้งสติอยู่สักพักร่างบางก็หันหน้าไปมองหลีไป่หลงก่อนพยักหน้า
ฝ่ามือใหญ่ผลักประตูเปิดเข้าไปด้านใน
ห้องรับแขกของตำหนักฮองเฮาถูกประดับตกแต่งอย่างประณีตงดงาม มีรูปแกะสลักลวดลายหงส์อันงดงาม ลวดลายนูนสมจริงราวกับมีชีวิต สิ่งของประดับตกแต่งมากมายล่วนมีค่าราคาแพงเต็มตำหนัก มีเก้าอี้สี่ตัวในห้องรับแขกซึ่งตัวที่ใหญ่ที่สุดมีคนจับจองไปแล้วสองคน
ทั้งคู่ทำความเคารพฮ่องเต้และฮองเฮาที่นั่งบนเกาอี้ตัวเดียวกันอยู่ด้านหน้า ซึ่งเก้าอี้ตัวนั้นมีความหรูหรางดงามและมีขนาดใหญ่สามารถให้คนตัวใหญ่นั่งได้สี่คน แต่ทั้งสองพระองค์กลับนั่งเบียดเสียดกันอยู่.....
เฟิงเย่รู้สึกคุ้นหน้าฮองเฮายิ่งนัก แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก จึงได้แต่ก้มหน้าประหม่าอยู่เช่นนั้นยามที่ฮองเฮาบอกให้ลุกขึ้น หลีไป่หลงจึงจับมือเขาไว้แน่นเพื่อให้กำลังใจ
ร่างบางที่ก้มหน้าอยู่รู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นของใครบางคนที่กำลังลูบศีรษะของตนอย่างอ่อนโยน เขาจึงเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพื่อมองเจ้าของฝ่ามืออันอบอุ่นและอ่อนโยนนั่น
เป็นฮองเฮาที่กำลังลูบหัวเขาอย่างอบอุ่นพร้อมกับส่งยิ้มบางๆมาให้เฟิงเย่อย่างอ่อนโยน ร่างบางจึงลดความเกร็งลงเผลอทำตัวผ่อนคลายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ฮองเฮาจางฟางเซียนเห็นว่า ว่าที่ลูกสะใภ้ที่ถูกใจของตนผ่อนคลายลงแล้วจึงส่งสายตาบอกให้บุตรชายจอมเย็นชาของตนไปนั่งส่วนตนเองก็จูงมือเฟิงเย่ไปนั่งลงด้านข้างอย่างถัดจากบุตรชาย
หลังจากเงียบมาสักพักฮองเฮาจึงเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เดินทางมาเมืองหลวงสะดวกสบายหรือไม่ หลงหลงน้อยไม่บอกแม่เกี่ยวกับเจ้าเลยสักนิด"
เฟิงเย่หลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำเรียกขานบุตรชายตัวใหญ่ของพระนาง
"...." หลงหลงน้อย ซึ่งนั่งฟังอยู่ข้างเขาอย่างเงียบๆ ใบหูแดงกล่ำด้วยความอับอาย
"ลูกบอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ" เสียงเรียบนิ่งตอบกลับ
"เจ้าบอกแม่แล้วหรือเหตุใดแม่จึงจำไม่ได้" ความจริงแล้วพระนางยังจำได้อยู่ว่าลูกชายเคยเล่าเรื่องราวของคนรักที่มีนามว่าเฟิงเย่ให้ฟังหลายครั้ง แทบจะทุกคราที่เดินทางมาหาพระนางเขาจะชอบเล่าเรื่องคนรักตัวน้อยของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ดวงตาสีเขียวอ่อนเป็นประกายรักใคร่อย่างไม่ปิดบัง
ฮองเฮาก็แค่อยากแกล้งลูกชายจอมเย็นชาของตนให้เสียอาการบ้างก็เท่านั้น ซึ่งผลงานที่ได้ก็เป็นที่น่าพอใจมาก
ฮองเฮามองว่าที่ลูกสะใภ้ของตนด้วยสายตาความอ่อนโยน พอเห็นว่าเฟิงเย่ยังไม่ได่ถอดหน้ากากพระนางจึงบอกให้ถอดด้วยความอยากเห็นหน้าตาของว่าที่ลูกสะใภ้ชัดๆ
"เสด็จแม่"หลีไป่หลงรีบคัดค้านด้วยความหึงหวง แม้จะเป็นแม่ของตนเขาก็ไม่อยากให้ผู้ใดเห็นหน้าตาของเฟิงเอ๋อร์ของเขา!
"เอ้ะ ลูกคนนี้นิ แม้แต่มารดาก็ยังจะหวง"ฮองเฮาบ่นแบบไม่จริงจังนัก
ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้หลีเหวินหลงกล่าวเสริม"ตามใจมารดาของเจ้าเถิด"
องค์รัชทายาทหลีไป่หลงหมดหนทางโต้แย้งจึงยอมให้มารดาของตนเห็นหน้าคนรักอย่างไม่ยินยอม เฟิงเย่เห็นท่าทางของหลีไป่หลงจึงหันไปสบตาอีกฝ่ายแล้วยิ้มให้เพื่อบอกเป็นนัยให้อีกฝ่ายเลิกหึงหวง
ก่อนจะหันมาหาฮ่องเต้และฮองเฮาพร้อมฝ่ามือเรียวยกขึ้นถอดหน้ากากออก
เผยให้เห็นหน้าตาน่ารักออกไปทางงดงาม ผมยาวสลวยสีม่วงขวับแปลงตารับกับใบหน้างดงาม ดวงตาสีน้ำตาลลูกกวางกลมโต ริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูระเรื่อ
รวมแล้วใบหน้านี้ถือเป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก ฮองเฮามองหน้าตาหน้ารักออกไปทางงดงามของเฟิงเย่ด้วยสายตาเป็นประกาย"งดงามยิ่ง"
ฮองเฮาจางฟางเซียนกล่าวความจริง ตั้งแต่พระนางเกิดมายังมิเคยเห็นผู้ใดงดงามเท่านี้มาก่อน ถ้าพระนางเป็นบุตรชายของตน ก็คงจะหวงแหนอีกฝ่ายใว้ผู้เดียวมิอยากให้ผู้ใดพบเห็น
คราแรกจางฮองเฮาดีใจเป็นอย่างมาก ที่บุตรชายผู้เย็นชา ไร้หัวใจมีความรัก ถึงรูปร่างหน้าตา ชาติตระกูลอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไรก็หาได้สนใจไม่ พระนางแค่คาดหวังให้อีกฝ่ายเป็นคนดีก็พอแล้ว
แต่พอได้รู้ว่าคนรักของลูกชายเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพระนางและลูกชายกับผู้ใช้คนสนิทเอาไว้ยิ่งรู้สึกถูกใจเข้าไปอีก เนื่องจากฮองเฮารู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายตั้งแต่แรกเห็น
ทั้งสี่คน คุยกันในห้องรับแขกอยู่สักพักซึ่งจริงๆแล้วมีแค่ฮองเฮาและเฟิงเย่คุยกันแค่สองคนเท่านั้น ส่วนฮ่องเต้และหลีไป่หลงก็ออกความเห็นเวลามีคำถามหรือเรื่องเกี่ยวกับตนเอง
เฟิงเย่ได้ฟังฮองเฮากล่าววีรกรรมของรัชทายาทหลีไป่หลงตั้งแต่ตอนเด็ก รวมทั้งเรื่องที่อีกฝ่ายตกต้นไม้จนเป็นแผลถลอกร้องไห้เสียงดัง ร้องคำว่าเสด็จแม่ลูกเจ็บดังลั่นตำหนัก
เฟิงเย่กลั้นหัวเราะสุดความสามารถเพื่อไม่ให้เสียมารยาทต่อฝ่าบาทและฮองเฮา ส่วนเจ้าตัวที่ถูกมารดาเผาระยะประชิดถึงจะนั่งนิ่งเฉยดังรูปปั้นเช่นเดิม แต่ใบหูและลำคอกลับแดงกล่ำจนแทบจะคั้นออกมาเป็นเลือดได้
เจ้าตัวอับอายเป็นอย่างมากจึงรีบหาทางพาเฟิงเย่ปลีกตัวออกไปจากที่นี้ให้เร็วที่สุด จนกระทั่งเห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดแล้วจึงกล่าวลาก่อนที่ตนจะถูกมารดาเผาจนหมดเปลือก"เสด็จแม่ ลูกว่านี้ก็เย็นมาแล้วลูกขอพาเฟิงเอ๋อร์กลับไปส่งก่อนพ่ะย่ะค่ะ"
จางฮองเฮาเห็นว่านี้ก็มืดค่ำแล้วเช่นกันจึงอนุญาตให้ทั้งคู่กลับก่อนจะกล่าว"เสี่ยวเฟิงถ้าหลงหลงน้อยรังแกเจ้าให้มาฟองแม่ได้เลยนะลูก"
"ขะขอรับ"เฟิงเย่ตอบในขณะที่ใบหน้าแดงกล่ำ
ส่วนฮ่องเต้ก็อวยพรให้ทั้งคู่เดินทางปลอดภัย
.....
หลังจากออกมาจากตำหนักคุนหนิงก็มีเกี้ยวที่หรูหรางดงามมารับทั้งคู่ที่หน้าตำหนักเนื่องจากเป็นคำสั่งของฮองเฮา ทำให้เฟิงเย่ไม่อยากขัด
เนื่องจากเป็นการขึ้นเกี้ยวเป็นครั้งแรกเฟิงเย่จึงรู้สึกเกร็งนิดหน่อยขณะนั่งเกี้ยว จนผ่านไปสักพักจึงลดความเกร็งลงได้ หลีไป่หลงที่นั่งด้านข้างมองร่างบางด้วยความเอ็นดู ก่อนจะดึงอีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนตักแล้วกอดไว้แน่น
พอถึงที่จอดรถม้าทั้งคู่ก็รีบลงจากเกี้ยวก่อนจะเปลี่ยนมาขึ้นรถม้าแล้ว ออกไปจากพระราชวัง
....
เช้าวันต่อมาเนื่องในวันนี้เป็นงานวันเกิดขององค์รัชทายาททั่วทั้งเมืองหลวงต่างประดับตกแต่งอย่างงดงาม ผู้คนสวนทางกันไปมาแน่นขนัด เพื่อรอชมความยิ่งใหญ่ของขบวนบรรณาการที่มาถึงในวันนี้ และรอคอยชมความงามขององค์หญิงรองผู้เลอโฉม
"...." เฟิงเย่ยืนมองอาภรณ์ที่หลีไป่หลงส่งมาให้ใส่ด้วยความสงสัย
ใครจะไม่สงสัยบ้างล่ะก็อาภรณ์ที่อีกฝ่ายส่งมาให้มันคืออาภรณ์จอมยุทธ์ ซึ่งก็คือชุดที่เขาต้องสวมไปงานวันเกิดของอีกฝ่ายอย่างไรล่ะ
"...."
ดูท่าเฟิงเย่คงต่องไปหาข้อมูลเกี่ยวกับงานวันเกิดอีกฝ่ายแล้วล่ะ.......
ตัดตัดตัดตัด
เอ้ะ! เป็นงานวันเกิดแบบไหนกันนะถึงต้องใส่ชุดจอมยุทธ์ไป
หึ ไรท์ว่าถ้าเป็นงานวันเกิดธรรมดาคงน่าเบื่อแย่จึงคิดงาวันเกิดรูปแบบใหม่ซึ่งอาจจะน่าเบื่อกว่าเดิม ฮ่าาาาาาาาาาาาาาา
อัพแบบไม่ระบุเวลา