มือของฉันเย็นเฉียบและชื้นเหงื่อเพราะพี่ทองไม่ยอมปล่อยมันให้เป็นอิสระ เขายืนกรานว่าจะไปส่งที่บ้าน หลังจากพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องกับคุณป้าหทัยรัตน์ โดยเฉพาะเรื่องที่ว่าฉันกับพี่ทองแอบคบหากันมาเกือบตั้งสี่ปีแล้ว
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ทองต้องโกหกว่าเราเป็นอะไรกัน ใช่ว่าฉันไม่อยากเป็น แต่ฉันแค่กลัวว่าตัวเองจะช้ำหนักต่างหาก
สี่ก่อนที่ถูกพี่ทองปฏิเสธ นับดาวคนนี้ยังจำได้ไม่ลืม
“พี่ทองคะ” ฉันหรี่ตามองพี่ทอง ก่อนจะพยักพเยิดเป็นเชิงว่าให้ปล่อยมือกันได้แล้ว
“เดี๋ยวผมไปส่งนับดาวกลับบ้านก่อนนะครับคุณแม่ แล้วก็อย่าลืมแคนเซิลน้องลูกตาลด้วยนะครับ” ประโยคเด็ดที่พี่ทองกล่าวกับผู้ให้กำเนิด ทำให้ฉันรู้สึกคันหัวใจยุบยิบ แต่พอไม่รู้จะทำอะไรเลยก้มลงหยิบมะม่วงลูกโตแก้โมโห
หิรัณย์ นันทปภากร หนุ่มหล่อรูปร่างสูงใหญ่ นิสัยดีพูดเพราะ กิริยาสุภาพ มองดูเฉย ๆ เหมือนเป็นคนนิ่ง ๆ แต่พอยิ้มก็ดูอบอุ่นน่ากอด ราวกับหม่อมเจ้าในละคร แต่ฉันกอดเขาไม่ได้ เพราะผู้ชายคนนี้ไม่เคยมีใจให้กัน
เขาก็แค่ใช้ฉันเป็นไม้กันหมา!
“พี่ทองไม่ต้องไปส่งดาวหรอกค่ะ เดี๋ยวดาวปีนกำแพงข้ามกลับไปเอง” กว่าจะตัดใจจากพี่ทองได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันเคยแอบรักพี่เขาจนแทบคลั่ง ตอนนั้นถ้ายังอยู่ที่กรุงเทพฯ เห็นหน้ากันเรื่อย ๆ คงลำบาก ฉันเลยตัดสินใจย้ายไปเรียนต่อต่างจังหวัดเสียให้หมดเรื่อง
“เดินนิดเดียวก็ถึงแล้ว อย่าปีนเลย มันอันตราย”
“อยู่ที่นี่อันตรายกว่ามากค่ะ” ฉันรีบเถียง
“อย่าดื้อสิคนดี”
คำว่าคนดีของพี่ทอง ทำให้ฉันเข่าแทบทรุด!
ฉันไม่อยากทะเลาะกับพี่ทองเพราะรู้ดีว่าจะต้องเป็นฝ่ายแพ้ เพราะแค่พี่ทองจับมือกัน หัวใจฉันก็สั่นพลิ้ว จนแทบจะต้องซีพีอาร์ ช่วยไม่ได้ แอบรักเขาไปแล้ว ที่บอกตัวเองว่าตัดใจได้นั่นก็โกหกทั้งนั้น
“หนูดาวให้พี่เขาไปส่งนะคะ เดี๋ยวเย็น ๆ แม่ของหนูกลับมาแล้วป้าจะแวะเข้าไปหา” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณป้าจะไปพูดเรื่องอะไร ไม่มีทางเสียล่ะที่ฉันจะยอม
“ค่ะ แต่คุณป้าอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับแม่นะคะ ดาวเพิ่งเรียนจบได้ไม่ถึงสามเดือน ยังไม่พร้อมให้ใครรู้เรื่องของดาวกับพี่ทอง คุณป้าไม่โกรธดาวนะคะ คือดาวกลัวว่าจะถูกแม่ดุน่ะค่ะ”
“ไม่ดุหรอก ถ้าแม่ไปพูดเอง คุณแม่ของหนูดาวจะดุไปทำไม” สุดยอดเลยค่ะคุณแม่ของพี่ทอง เปลี่ยนสถานะตัวเองจากคุณป้าข้างบ้านกลายเป็นคุณแม่ของฉันเรียบร้อย
ถ้าเรื่องที่พี่ทองชอบฉันเป็นเรื่องจริง ฉันคงมีความสุขมากที่แม่แฟนรักใคร่เอ็นดูกัน แต่นี่มันไม่ใช่ไง
“คุณแม่ให้เวลาน้องหน่อยนะครับ น้องดาวเพิ่งจะเรียนจบ ยังต้องหางานทำ อย่าเพิ่งเร่งรัดบังคับน้องให้ทำในเรื่องที่ไม่อยากทำเลยนะครับ” พี่ทองรีบช่วยฉันให้พ้นจากปัญหาที่เขาก่อ
ว่าแต่พี่ทองรู้ได้ยังไงว่าฉันเพิ่งจะเรียนจบและกำลังหางาน หรือว่าเขาแอบตามฉันอยู่นะ...
ฉันบอกตัวเองให้หยุดมโน
“แล้วจะไปหางานให้ลำบากทำไมล่ะลูก ไปทำงานกับพี่ทองสิ ไหนช่วงนี้งานหนักมาก จนคุณสุภาพ เลขาส่วนตัวแทบจะไม่ได้กินข้าว ให้น้องไปช่วยสิตาทอง” คุณป้าหทัยรัตน์ช่วยหางานให้ฉัน ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือร้าย แต่เด็กจบใหม่ในยุคโควิดไม่ควรลีลาอะไรมาก โอกาสมาก็ควรรีบคว้าเอาไว้ให้ดี
“เรื่องนี้คือผม...”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ทอง เดี๋ยวดาวอธิบายเอง” อย่าหวัง! ฉันจะไม่ยอมให้พี่ทอง คนใจร้ายที่หักอกฉันเมื่อสี่ปีก่อนเป็นฝ่ายเดียวได้ประโยชน์จากการเป็นแฟนปลอม ๆ แค่ฝ่ายเดียวหรอก!
“คุณป้าคะ คือดาวก็ว่าจะขอให้พี่ทองคุยกับคุณแม่อยู่พอดี คือพี่ทองอยากให้ดาวไปทำงานที่บริษัท แล้วก็ว่าจะขอให้พี่ทองหาคอนโดข้างนอกให้ดาวอยู่ด้วย เพราะบริษัทของพี่ทองอยู่ไกล ดาวไม่อยากเสียเวลาเดินทางน่ะค่ะ”
ตัวฉันเองยังนึกไม่ถึงเลยว่าจะหลุดปากพูดออกไปแบบนั้น ฉันจำได้ว่าบริษัทพี่ทองอยู่ไกลมาก ตัวพี่ทองเองจึงไม่สะดวกขับรถไปกลับและพักอยู่ที่คอนโดใจกลางเมืองกรุงเทพฯ
พี่ทองจะมาให้เห็นหน้าเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น
“หนูดาวจะไปทำงานที่บริษัทพี่ทองเหรอลูก” คุณป้าหทัยรัตน์ดีใจจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่อีกแล้ว
“ค่ะ แต่ว่าต้องให้พี่ทองสัมภาษณ์กันให้เรียบร้อยก่อน แล้วก็เรื่องของคุณแม่...”
“เด็กไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวผู้ใหญ่จัดการเอง!”
คุณป้าสัญญาว่าจะเก็บเรื่องของฉันกับพี่ทองไว้ก่อน และจะช่วยอธิบายให้แม่ฟังว่าทำงานกับพี่ทองน่ะดีแล้ว การเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของท่านประธานบริษัท นันทปภากร กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทออกแบบและตกแต่งชื่อดังของประเทศไทยจะช่วยให้ฉันมีประวัติการทำงานที่ดี หากอยากสมัครบริษัทไหนในอนาคตก็จะเป็นใบเบิกทางสำคัญ
ส่วนเรื่องคอนโดนั่นต้องพยายามมากหน่อย เพราะหากเลือกได้ แม่ก็คงอยากให้ฉันทำงานแถวบ้าน แต่ฉันไม่ชอบเดินทางในเมืองหลวง ทั้งรถติด ทางเท้าไม่สมประกอบ ฉันผู้อยู่เชียงใหม่มานานกว่าสี่ปี อดทนทำใจเริ่มวันด้วยการเจอเรื่องพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ
“ดาวอยากไปทำงานกับพี่จริง ๆ เหรอ” ความอบอุ่นของคุณหิรัณย์หายไปทันทีที่ได้อยู่ตามลำพังกับฉัน เขาจ้องกันเขม็งคล้ายต้องการฟันธงให้ชัดว่าฉันคิดอะไรอยู่กันแน่
“จริง ๆ ดาวก็ไม่ได้อยากทำงานกับพี่ทองหรอกค่ะ แค่ไหลตามไปเรื่อย แต่ถ้าพี่ทองไม่อยากให้ดาวทำงานด้วย พี่ทองบอกคุณป้าก็ได้นี่คะว่าดาวไม่ผ่านสัมภาษณ์”
“ไม่ได้หรอก ทำแบบนั้นคุณแม่รู้แน่ แฟนกันที่ไหนจะไม่อยากอยู่ใกล้กัน จริงสิ ฉันขอบใจเธอมากนะที่ช่วยเล่นละคร ส่วนเรื่องงาน ฉันจะดูให้แล้วกันว่ามีอะไรให้ทำได้บ้าง” พี่ทองกลับมาห่างเหิน เย็นชาเหมือนที่จำได้ ฉันไม่รู้ว่าควรจะเสียใจที่ผ่านไปนานเท่าไหร่เขาก็ยังไม่รัก หรือว่าควรดีใจที่เขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกรัก เช่นเดียวกับที่ทำเมื่อหลายปีก่อน
พี่ทองเป็นพี่ชายข้างบ้านที่อบอุ่น จนกระทั่งฉันเป็นสาว เขาก็เริ่มรักษาระยะห่าง แทบจะไม่พูดไม่คุยอะไร นอกจากทักทายตามมารยาท
แล้วฉันจะไปนึกถึงเรื่องเก่าทำไมล่ะ ระหว่างฉันกับพี่ทองมันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องนึกถึงเรื่องในอดีตด้วย
‘ดาวยังเด็ก ไม่เข้าใจหรอกว่าความรักคืออะไร’
‘ดาวเด็ก แต่ดาวไม่ได้โง่นะคะ!’
‘พี่ไม่ชอบเด็กก้าวร้าว พี่ชอบผู้หญิงหวาน ๆ น่ารักน่าเอ็นดู ดาวต้องเข้าใจนะว่าเรื่องความชอบมันบังคับกันไม่ได้’
‘พี่ทองชอบสาวหวานแบบแฟนเก่าของพี่ทองใช่ไหมคะ’
‘อื้อ ดาวกลับเข้าบ้านไปเถอะ พี่ต้องไปทำงานแล้ว’
วันที่ฉันถูกปฏิเสธอย่างร้ายกาจ พี่ทองหรือคุณหิรัณย์ กำลังจะออกไปประชุมที่บริษัท เขาไม่ได้มีเวลามาคุยอะไรกับฉัน สาวน้อยที่เพิ่งจะเรียนจบมัธยมปลาย สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เนื้อตัวเปื้อนโคลนไปทั้งตัว
วันนั้นฉันกำลังปลูกต้นไม้อยู่หลังบ้าน
วันนี้เองก็เช่นกัน
ไม่น่าอยากกินมะม่วงน้ำปลาหวานเลย!
“เรื่องคอนโด ดาวอยากอยู่คอนโดจริงๆ เหรอ เพิ่งจะย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ทำไมไม่อยู่กับแม่ให้มาก ๆ หน่อย”
“แม่ไปทำงานก็ไม่ค่อยอยู่บ้านค่ะ กลับมาวันเสาร์อาทิตย์ บางอาทิตย์ก็ไม่กลับเสียได้ซ้ำ” แม่ของฉันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณพ่อเสียแล้วแต่ฉันยังจำความไม่ได้ แล้วท่านก็ทำงานจนแทบไม่ได้พัก ออกต่างจังหวัดอยู่บ่อย ๆ ที่บ้านจึงมีแค่แม่บ้าน ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ที่ไว้ใจได้คอยอยู่ดูแล
“ตามใจ เดี๋ยวคุณแม่ก็คงไปคุยให้เอง หวังว่าจะไม่หลุดพูดอะไรที่ไม่เข้าท่า ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่ง่ายแน่ ๆ” พี่ทองหมายถึงเรื่องที่เราคบกันอยู่
คบกันแบบปลอม ๆ
“นับดาว เธอสะดวกใจใช่ไหมที่เราแกล้งคบกันแบบนี้ ไม่ได้รู้สึกลำบากใจเพราะเรื่องเก่า ๆ ใช่ไหม”
“โอ๊ย เรื่องเก่าแล้วค่ะ ดาวไม่รู้สึกอะไรแล้ว ขำตัวเองอีกต่างหากที่เคยบอกว่าชอบพี่ทอง ถ้าพี่ทองยอมรับรักและคบกับดาวจริงๆ ดาวก็คงไม่พ้นมีแฟนแก่คราวลุงแล้วละค่ะ”
“นี่เธอ!”
“ถึงหน้าบ้านแล้ว ดาวขอตัวก่อนนะคะ” ฉันไม่อยากอยู่ใกล้เขานาน ๆ เพราะกลัวว่าจะใจอ่อน
“เดี๋ยวสิ อยู่นิ่ง ๆ ก่อน” เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะบรรจงเช็ดรอยเปื้อนบนใบหน้าของฉันเอง
“โตเป็นสาวแล้ว เลิกทำตัวซุ่มซ่ามสักทีนะนับดาว” พี่ทองพูดเท่านั้นก็หันหลังกลับเข้าบ้านตัวเองไป
ผู้ชายหน้านิ่งผู้ควบตำแหน่งลุงข้างบ้านที่ฉันแอบตั้งฉายาให้ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังทำให้หัวใจของสาวน้อยที่เพิ่งจะเรียนจบเต้นแรง ฉันบอกตัวเองมาตลอดว่าตัดใจได้แล้ว แต่ไอ้การเช็ดแก้มกันเมื่อครู่นี่แหละที่ทำให้ฉันมั่นใจได้ว่า ไอ้คำว่าตัดใจได้แล้วมันไม่มีอยู่จริง
ฉันชอบพี่ทอง
นับดาวคนนี้ชอบพี่ทอง!
ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสที่จะจีบหรืออ่อยให้เขาชอบกลับ แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะได้ไปทำงานอยู่ใกล้ ๆ กับเขาแล้ว ยังไงก็ต้องมีใจอ่อนกันบ้างละ
ฉันจำได้ว่าพี่ทองชอบสาวหวาน แฟนเก่าของพี่ทองที่เคยแวะมาบ้าน ชอบแต่งตัวด้วยชุดเดรสน่ารักคลุมเข่า พูดจาออดอ้อนคะขาเอาใจอยู่เสมอ ฉันไม่แน่ใจว่าเขาเลิกกันเพราะอะไร แต่ฉันไม่สนใจหรอก
หากแกล้งทำตัวน่ารักเหมือนผู้หญิงคนนั้นได้ พี่ทองจะต้องตกหลุมรักฉันอย่างแน่นอน!
บรรยากาศในบ้านวันนี้ดูครึกครื้นมากเป็นพิเศษ คุณป้าหทัยรัตน์ทำตามที่สัญญาไว้จริง ๆ นั่นคือไม่พูดเรื่องที่ฉันกับพี่ทองแอบคบหากันอยู่ แต่พอคุณป้าเริ่มแทนตัวเองว่าแม่บ่อยครั้งเข้า แม่ที่แท้จริงของฉันก็เริ่มจะนิ่วหน้า ทำท่าทางสงสัยขึ้นมาเหมือนกัน
รุ่งทิวา ดาราธนกุล อายุสี่สิบสามปีแล้ว แต่ยังคงความงามไว้ได้อย่างไร้ที่ติ แม่มีฉันตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็แยกทางกับพ่อตั้งแต่ฉันจำความไม่ได้ พอฉันอายุได้สิบสองปี แม่ก็พาไปงานศพของพ่อและบอกว่าพามาลาผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งสุดท้าย
ญาติฝั่งพ่อทำหน้าสงสารฉันกับแม่มาก ตอนเด็กฉันไม่ค่อยรู้อะไร พอโตมาถึงรู้ว่าพ่อกับแม่ถูกคลุมถุงชน บังคับให้แต่งงานกันตั้งแต่ยังเล็ก และต่อให้มีลูกด้วยกันแล้ว ทั้งคู่ก็ยังไปกันไม่รอดอยู่ดี
นี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ฉันยอมช่วยพี่ทองให้ไม่ต้องถูกบังคับให้คบหากับน้องลูกตาลอะไรนั่น แต่ก็คงจะช่วยได้แค่ชั่วคราว เพราะฉันกับเขา วันหนึ่งก็ต้องเดินทางใครทางมัน
แต่ถ้าฉันเอาชนะใจพี่ทองได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางใครทางมันอีก
ฉันกับพี่ทองจะได้เดินเส้นทางเดียวกันไปจนแก่เฒ่า...
“ยิ้มอะไรเหรอดาว” แม่ถามฉันที่กำลังยิ้มค้าง วาดฝันว่าจะได้ครองคู่กับผู้ชายไร้หัวใจอย่างพี่ทอง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ ดาวแค่ดีใจที่จะได้ทำงาน อยู่บ้านเฉย ๆ เกือบตั้งสองเดือนแล้ว ดาวเบื่อน่ะค่ะ” ฉันยิ้มหวานเอาใจแม่ พร้อมกับขยับจานมะม่วงน้ำปลาหวานที่ตั้งใจปีนเก็บจนเกิดเรื่อง
“แต่เรื่องไปอยู่คอนโด แม่ไม่ค่อยเห็นด้วยเลยนะดาว เปลืองค่าเช่าเปล่า ๆ สู้หางานแถวบ้านไม่ดีกว่าเหรอดาว ป้ามาลีก็จะได้คอยอยู่ดูแลด้วย”
“โธ่ แม่คะ ช่วงนี้แม่ก็ยังต้องเดินทางบ่อย ๆ บางเสาร์อาทิตย์แม่ไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ ถ้าดาวได้อยู่คอนโดในเมือง ดาวก็จะได้เจอเพื่อน หายเหงาไปได้บ้าง ถ้าวันไหนแม่กลับมานอนบ้าน ดาวก็จะได้กลับมาหาแม่ยังไงล่ะคะ”
“ส่วนเรื่องคอนโดไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ตาทองเขาซื้อไว้หลายที่ แล้วก็ไม่ได้ปล่อยให้ใครเช่า ให้หนูดาวไปอยู่ได้เลยจ้ะ”
“มันจะดีเหรอคะคุณพี่ ของพวกนี้มันมีค่าเสื่อมค่าอะไร รุ่งเกรงใจแทนลูกน่ะค่ะ”
“เกรงใจอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น เอาเป็นว่าสองแม่ลูกคุยกันต่อเถอะนะ ส่วนเรื่องคอนโด ฉันจะจัดการเอง” คุณป้าหทัยรัตน์ขอตัวกลับบ้านไปจัดการธุระที่ยังคั่งค้างอยู่ ถ้าให้ฉันเดาก็คงไม่พ้นเรื่องคอนโดนั่นแหละ
“แม่ขา วันนี้แม่พาดาวไปซื้อเสื้อผ้าได้ไหมคะ ดาวยังไม่มีชุดใส่ไปทำงานที่บริษัทของพี่ทองเลยค่ะ”
“ไม่มีชุดอะไรกัน แม่เห็นออกจะมีอยู่เต็มตู้”
“โธ่ คุณแม่ก็ ชุดพวกนั้นใส่ไปทำงานได้ที่ไหนล่ะคะ อย่างน้อยก็ใส่ไปทำงานที่บริษัทพี่ทองไม่ได้แน่ ๆ”
“ก็ใครใช้ให้ดาวเป็นสาวเปรี้ยวกันล่ะ แม่เห็นเสื้อผ้าแต่ละชุดแล้วหัวใจจะวายตาย” แม่ฉันก็บ่นไปอย่างนั้นเอง
หลายวันก่อนป้ามาลี ญาติห่าง ๆ ของครอบครัว ที่คอยทำหน้าที่กึ่งแม่บ้านได้วิ่งหน้าตาตื่นมาพร้อมกับเดรสตัวเล็กจิ๋ว ป้าขอโทษฉันหลายคำ พร่ำบอกว่าไม่ได้ทางใจทำให้เสื้อผ้าตัวนี้หด ป้ายืนยันว่าซักมือแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแดดหรือเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้มันพัง
แม่ฉันส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า เดรสสีแดงของฉันไม่ได้หด ตัวมันแค่นั้นจริง ๆ ทำเอาป้ามาลีถึงกับเอามือทาบอก บ่นพึมพำว่าหนูดาวโตเป็นสาวแล้วเปรี้ยวจนเข็ดฟัน
โชคดีที่แม่ฉันน่ารัก เข้าใจว่าฉันชอบหรือไม่ชอบอะไร จึงไม่ว่าที่ฉันเติบโตมาเป็นสาวเปรี้ยว ตราบใดที่ยังดูแลตัวเองให้ดีและไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย แม่ฉันจะไม่มีวันบ่นอะไรทั้งนั้น
“ดาวจะใส่เสื้อผ้าพวกนี้ไปทำงานจริงเหรอลูก” แม่มองเสื้อผ้าที่ฉันเลือกออกมาจากราวเกือบสิบชุด พลางเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
“จริงสิคะแม่ ดาวไม่อยากให้พี่ทองว่าได้น่ะค่ะ ว่าเด็กข้างบ้านแต่งตัวไม่เรียบร้อย ไหนจะเรื่องใช้เส้นไปทำงานอีก”
“อันนี้ก็พูดเว่อร์ไป ดาวเรียนจบเกรดดี กิจกรรมก็แน่น ต่อให้ไม่ได้งานที่บริษัทของพี่ทอง ที่อื่นก็มีถมเถ”
“แม่ก็ชอบอวยดาวเรื่อย ไม่กลัวลูกสาวเสียคนเหรอคะ”
ฉันหยอกแม่เล่น เราสองคนไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันก็จริง ทว่าก็สนิทกันมาก ๆ ช่วงที่ฉันเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ ไม่มีวันไหนที่เราสองคนจะไม่โทร. หากัน ปรึกษากันเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อย จนแทบจะพูดได้ว่าไม่มีความลับต่อกัน
“แล้วนายก้องเกียรติอะไรนั่นล่ะ”
“ไม่ได้ไปต่อแล้วละค่ะแม่” แม่ถามถึงแฟนเก่าที่เป็นรุ่นพี่คณะเดียวกัน
ก้องเกียรติ สีหสกุล คือรุ่นพี่ร่วมคณะ แต่อยู่ต่างสาขากัน ฉันคบกับพี่ก้องได้สามปีแล้ว รัก ๆ เลิก ๆ เพราะพี่ก้องเป็นคนเจ้าชู้ อ้างแต่ว่าผู้หญิงมาอ่อยเอง และเขาทำแค่เพียงคุยตามมารยาท ฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรมาก เพราะเวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทให้กับการเรียน หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อน ๆ เรื่องแฟนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
พอพี่ก้องเรียนจบก็กลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ช่วยเหลือกิจการของครอบครัว ในระหว่างนั้นก็มีบินไปหาฉันบ้าง แต่บังเอิญไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวที่พี่ก้องอยากจะเจอ สาว ๆ อีกสามสี่คนนั่นก็เช่นกัน
พี่ก้องสลับรางเก่ง จนฉันเบื่อที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีก
“อือ เลิกก็ดี แม่ว่านายก้องนั่นไม่โอเค อยากจะฟันลูกสาวแม่ซะมากกว่า”
“โธ่ แม่ไม่ต้องพูดตรงขนาดนั้นก็ได้”
คุณรุ่งทิวาไม่ไม่ใช่คนอ้อมค้อม เลี้ยงฉันมาเหมือนเพื่อนมากกว่าลูกสาวเสียอีก
“ไม่รู้ล่ะ ว่าแต่ที่อยากไปทำงานกับพี่ทองเนี่ย เพราะยังตัดใจจากพี่เขาไม่ได้หรือเปล่า”
“แม่…” เรื่องนี้คือเรื่องเดียวที่ฉันไม่ได้บอกแม่ แอบรักพี่ข้างบ้านมันใกล้ตัวมากเกินไป
“ทำอะไรก็รู้จักระวังตัว ระวังหัวใจของตัวเองด้วย แล้วคราวนี้ถ้าอกหัก แม่ไม่อนุญาตให้หนีไปเรียนต่อไกล ๆ แล้วนะ บอกตรง ๆ เลยว่าแม่คิดถึง”
“แม่ไม่โกรธดาวเหรอคะ ที่ดาวไม่ได้บอกเรื่องพี่ทอง”
“ไม่โกรธหรอก แต่คราวนี้ถ้าจีบพี่ทองไม่ติด ดาวต้องตัดใจแล้วนะลูก” แม่จ่ายเงินค่าเสื้อผ้าให้ฉัน พร้อมกับอวยพรให้โชคดีกับหนทางที่เลือก
คุณรุ่งทิวาเข้มแข็งมาโดยตลอดและไม่เคยบังคับใจใคร นอกจากแนะแนวทางอยู่ห่าง ๆ ท่านเคยถูกบังคับให้แต่งกับคนที่ไม่ได้รักจึงสนับสนุนให้ลูกสาวได้ทำตามหัวใจของตัวเองเต็มที่ และฉันไม่ควรทำให้แม่ผิดหวัง
เพื่อแม่แล้ว นางสาวนับดาวจะไม่ยอมปล่อยให้พี่ทองหลุดมือโดยเด็ดขาด!