TW: Rape
บทที่ 7
“หึ…มึงหนีกูไม่พ้นหรอกคับฟ้า…อย่าพยายามเลย”
แรงบดขยี้กลีบปากล่างทำให้ผมไม่สามารถดิ้นหนีไปไหนได้ ถึงแม้ในใจอยากจะผลักผู้ชายตรงหน้าให้ออกจากการคร่อมตัวเองมากแค่ไหนแต่มันกลับไม่เป็นดั่งใจที่ปรารถนา เพราะทักษะการรุกเร้าของขุนศึกมันชำนาญและช่ำชองเกินไป ช่ำชองเสียจนทำให้ผมดูเหมือนเด็กไร้เดียงสาที่เพิ่งจะรู้จักกับคำว่าจูบแท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร
“อื้อ!...”
ร่างกายผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ ซิปกางเกงสแล็กสีเทาถูกรูดลงพร้อมกับกางเกงชั้นในที่ถูกเลื่อนตาม ฝ่ามือใหญ่ของขุนศึกเลื่อนเข้ามาคว้าแท่งเนื้อของผมอย่างรวดเร็วเพื่อให้มันออกมาทักทายสู่โลกภายนอก
“อึ่ก!...ปะ…ปล่อยกู!”
ริมฝีปากผมถูกปลดปล่อยเป็นอิสระแต่สายตาขุนศึกที่แฝงความเจ้าเล่ห์กลับมองมาอย่างชอบพอในการกระทำของตัวเอง ยิ่งขุนศึกเห็นร่างกายผมสั่นเทาคล้ายกับลูกสุนัขเวลาเจอเหตุการณ์ที่ตื่นตระหนกริมฝีปากหยักศกยิ่งแสยะยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี ข้อมือที่กุมแท่งเนื้อผมไว้เริ่มขยับขึ้นลงในจังหวะที่เชื่องช้า ผมที่เป็นฝ่ายถูกกระทำยิ่งโกรธร่างกายตัวเองเหลือเกินที่ดันรู้สึกไหวไปตามกามารมณ์ของผู้ชายคนนี้
“มึงตั้งใจมาสัมภาษณ์งานไม่ใช่เหรอคับฟ้า…ตั้งใจมาเลยไม่ใช่หรือไงหื้ม…”
“อ๊ะ!....ปะ…ปล่อย!...ปล่อยกู!!”
“ชู่ว์ ไม่เอาน่า กูตั้งใจมาสัมภาษณ์มึงด้วยตัวเองเลยนะคับฟ้า อย่าดิ้นสิครับเมีย…”
นัยน์ตาฉายแววเป็นประกายจ้องมองมายังผม มุมปากขุนศึกยกขึ้นยิ้มอย่างสะใจเมื่อร่างกายนี้ดันตอบสนองตามแรงขยับข้อมือจนแท่งเนื้ออมชมพูชูชันผงาดตั้งตรงอย่างน่าละอาย หากจะขัดขืนก็ไม่มีแรงดิ้นเอาเสียเลยเพราะตอนนี้ร่างกายผมไม่มีแรงที่จะดิ้นอีกต่อไปและสิ่งหนึ่งที่ผมไม่อาจยอมรับได้
ผมโดนปลุกเร้าอารมณ์ด้วยมือของขุนศึก!...
“มันตื่นแล้วเราจะทำยังไงกันดีครับคุณภรรยา จะไปต่อหรือหยุดไว้แค่นี้ดี…”
เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยถามเสียงแผ่วหลังหู ขุนศึกยกยิ้มมุมปากและยืดตัวขึ้นเต็มความสูง สภาพผมตอนนี้มันดูไม่ได้เลยสักนิด เสื้อผ้าหลุดลุ่ยกางเกงถูกถอดออกจนร่างผมเปลือยเปล่าไร้สิ่งปกปิด ในช่วงจังหวะที่ขุนศึกผละตัวออกผมจึงพยายามรวบแรงทั้งหมดที่มียันตัวขึ้นออกจากโซฟา แต่ยังไม่ทันจะขยับร่างกายไปไหนผมก็ถูกผลักให้ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม
“จะ…จะทำอะไรของมึงขุนศึก!”
เนกไทสีน้ำตาลเข้มถูกถอดออกจากปกคอเสื้อ ขุนศึกยิ้มร่าเมื่อเห็นสีหน้าของผมดูตื่นตูมมากเมื่อเห็นการกระทำของเจ้าตัว ไร้การตอบกลับเป็นรูปประโยคเพราะผมได้คำตอบเป็นการถูกกระชากแขนให้ชูขึ้นเหนือหัวทั้งสองข้างก่อนที่ข้อมือผมจะถูกมัดด้วยเนกไทแน่นจนรู้สึกเจ็บ
“ปล่อยกู! มึงจะทำอะไรของมึง!”
“หยุดดิ้นเถอะน่า กูกำลังจะสัมภาษณ์มึงอยู่นี่ไง”
“…”
“แต่เป็นในทางปฏิบัติไม่ใช่ทฤษฎี ถ้ากูพอใจแสดงว่ามึงผ่าน…แบบนี้ดีไหมล่ะครับคุณภรรยา…”
รูปประโยคที่แสนจะน่ารังเกียจจนอยากจะอ้วกนี้ทำให้ผมใช้แรงทั้งหมดที่มีดิ้นเพื่อให้หลุดจากการจองจำโดยที่ผมไม่เต็มใจ แต่ทุกอย่างกลับศูนย์เปล่าเมื่อแขนสองข้างผมถูกมัดได้สำเร็จ เมื่อไร้ซึ่งหนทางหนีทีไล่ขาสองข้างจึงถูกจับถ่างออก ขาข้างหนึ่งถูกพาดไว้บนเบาะส่วนอีกข้างถูกมือหนาจับแยกไว้ไม่ให้ผมหุบเข้าหาตัวเอง
เหมือนเหตุการณ์ทั้งหมดจะถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี เมื่อแขนข้างหนึ่งของขุนศึกเอื้อมไปคว้าสิ่งหนึ่งที่ถูกวางไว้บนโต๊ะด้านข้าง สายตาผมจ้องมองเจ้าสิ่งนั้นก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยอาการตกใจและพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดพ้นจากการกระทำตรงหน้า
“ไม่อยากได้งานหรือไง! อยากได้ก็แค่นอนถ่างขานิ่ง ๆ! เรื่องง่าย ๆ มึงทำไม่ได้เหรอวะคับฟ้า!”
“ขุนศึกปล่อย!...ไม่!!...โอ๊ย!!”
ความเย็นจากนิ้วถูกสอดเข้ามายังรูสวาทเพื่อเบิกทางให้กับผม ความเจ็บปวดที่ได้รับจนน้ำตาเอ่อล้นเต็มสองเบ้า ร่างกายผมสั่นเทาและตื่นกลัวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ถึงแม้ร่างกายมันจะทรยศด้วยการอ่อนไหวตามสัมผัสที่น่ารังเกียจแต่ผมไม่เต็มใจในสิ่งที่ตัวเองถูกกระทำแม้แต่น้อย
“อ๊ะ!...”
จากหนึ่งนิ้วเป็นสองจากสองเป็นสามถูกสอดใส่เข้ามาทางรักของผม ขุนศึกไม่แม้แต่สนใจด้วยซ้ำว่าผมจะเจ็บในการกระทำของเจ้าตัวมากแค่ไหน เจลหล่อลื่นถูกบีบลงละเลงทั่วรูสวาท มันเยอะจนผมรู้สึกถึงความเหนียวเต็มด้านหลังไปหมด ในขณะเดียวกันแก่นกายของตัวเองที่ถูกปลุกเร้าให้ตื่นก็ถูกมือหนารวบไปกำไว้อีกครั้งทำให้ตอนนี้ผมโดนขุนศึกรุกทุกทาง
ผมเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้เสียงอันน่าขยะแขยงนี้เล็ดลอดออกไป ผมทำใจยอมรับกับชะตากรรมที่ต้องเจอไม่ได้ ใบหน้าที่เอ่อล้นไปทั้งน้ำตาจนภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวแต่ทว่าความเจ็บปวดเมื่อครู่มันค่อย ๆ ทุเลาลงจนแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่นแทน
“ดูหน้ามึงตอนนี้สิคับฟ้า สายตามึงยั่วกูไม่หยุดเลย อยากแล้วใช่ไหม…กูก็อยากแล้วเหมือนกันที่รัก”
เสียงแหบพร่าดังขึ้นหลังหู ทุกการกระทำของขุนศึกหยุดลงและแปรเปลี่ยนเป็นยืดตัวขึ้นแต่สายตาเจ้าเล่ห์ยังคงจ้องมองราวกับต้องการกลืนกินผมไปทั้งตัว สองแขนที่ถูกมัดด้วยเนกไทเริ่มเจ็บมากขึ้นผมลองขยับข้อมือเล็กน้อยแต่ความแน่นที่เจ้าตัวมัดมันแน่นเกินกว่าที่ผมจะขยับได้ หากผมยังดันทุรังดิ้นต่อมันจะเป็นผมเองที่เปลืองแรงและพาลให้เจ็บตัวไปเสียเปล่า ๆ
“มึงมันเหี้ยเกินกว่าคนจะทำได้แล้วขุนศึก! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้! ปล่อย! กูเกลียดมึง!!”
“ความเกลียดของมึงมันได้ไม่ทำให้กูหยุดหรอกนะคับฟ้า เก็บปากกับเสียงมึงไว้ครางให้กูฟังซะ!!”
สิ้นเสียงตะคอกร่างสูงตรงหน้าจับแท่งเนื้อจ่อเข้ามารูสวาทของผมทันที ผมตกใจจนร่างกายมีปฏิกิริยาตื่นกลัวจนลดลานคล้ายกับจิตหลุดไปชั่วขณะ ขาสองข้างผมทั้งถีบทั้งเตะร่างสูงแต่สุดท้ายผมกลับโดนจับถ่างออกกว้างขึ้นกว่าเดิม น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางด้วยความโกรธ…โกรธที่ผมสู้แรงขุนศึกไม่ได้แถมโกรธที่ร่างกายตัวเองมันดันเกิดอารมณ์ตอบสนองร่วมด้วย
ทำไมชีวิตผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้…
ทำไม…
หลังจากตกอยู่ในภวังค์ได้ไม่นานผมรู้สึกถึงส่วนหัวของแท่งเนื้อนั้นสอดเข้ามาในช่องทางรักผมได้เป็นที่เรียบร้อย แค่ปลายหัวดันเข้ามามันก็เจ็บจนร่างกายผมแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่ความเจ็บนั้นยิ่งทวีขึ้นเมื่อแท่งเนื้อถูกสอดเข้ามาทีเดียวมิดลำจนตัวผมโค้งงอด้วยความจุก
มันเจ็บ…
เจ็บแบบนี้ไม่เคยเจ็บมากก่อน…
“ซี้ด…รัดดีจังวะ”
“อึ่ก!...จะ…เจ็บ! ปล่อย!…ปล่อยกู!!…”
ขุนศึกโน้มตัวลงมาจนมัดกล้ามหน้าท้องที่ได้รูปแนบชิดกับหน้าท้องผม เมื่อแท่งเนื้อสอดใส่เข้ามาในรูสวาทได้สำเร็จเอวหนาจึงเริ่มขยับโดยไม่ปล่อยให้ผมได้ชินกับรสชาติความเจ็บปวดด้วยซ้ำ สองมือผมกำหมัดแน่นเข้าหากันเพื่อระบายความเจ็บที่กำลังเจอ น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างทรมานทุกครั้งที่เอวของผู้ชายคนนี้ขยับสอดใส่ด้วยสีหน้าที่สุขสม สีหน้าที่ไม่รู้สึกผิดในการกระทำของตัวเองจนผมต้องเบือนหน้าหนีคนด้านบนทั้งน้ำตา ผมไม่อยากเห็น…ไม่อยากเห็นร่างที่กำลังเคลื่อนไหวบนตัวผมด้วยไฟของราคะ
“มึงไม่มีสิทธิ์หันหน้าหนีกู…ซี้ด....มอง!...มองหน้าผัวตัวเองซะคับฟ้า!”
แรงบีบใต้คางบังคับให้หันกลับไปมองหน้าผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี ยิ่งแรงขยับท่อนล่างเร็วเท่าไหร่ความรู้สึกรังเกียจตัวเองยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น จังหวะสอดใส่อย่างสม่ำเสมอมันช่ำชองเกินกว่าที่ผมจะกลั้นเสียงครางไว้ได้
“อ๊า…”
เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกเลิกขึ้นจนเห็นหน้าอกที่ตอนนี้หัวนมผมตั้งขึ้นด้วยพันธะสวาทที่ได้รับ ยิ่งสีหน้าตอนขุนศึกเห็นปฏิกิริยาของผมมุมปากคู่นั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจแล้วก้มลงเลียเม็ดบนยอดอกอย่างคนหื่นกระหาย เสียงดูดและเลียดังสนั่นไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมอย่างไม่เกรงกลัวว่าใครจะผ่านมาได้ยิน
“อื้อ!...อ๊ะ!”
“นมมึงก็หวานดีเหมือนกันนี่ กูคงต้องกินบ่อยหน่อยแล้ว! อ่าห์”
เสียงกระเส่าพูดกับผมตรงหน้า ลิ้นร้อนเริ่มเลียลงมาบริเวณกกหูผมอย่างหยอกล้อ ตัวผมสะดุ้งโหยงพร้อมกับหดคอหนีจากการเล่นพิเรนทร์ของขุนศึก เสียงหัวเราะในลำคอเล็ดลอดออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของผม หลังจากผู้ชายตรงหน้ากลั่นแกล้งผมสำเร็จจึงยืดตัวขึ้นและใช้สองมือรวบขาผมให้พาดบนบ่าตัวเองเพื่อเปลี่ยนท่าตามที่เจ้าตัวต้องการ
จังหวะสอดใส่เริ่มถี่ขึ้นพร้อมกับเสียงลมหายใจผมที่ถี่ตาม จังหวะซอยของเอวมันช่างรุนแรงจนเสียงขาโซฟาดังราวกับจะหักอยู่รอมร่อ สองขาผมถูกรวบตึงไว้แน่น…แน่เสียจนมันเกิดรอยแดงของฝ่ามือใหญ่บริเวณต้นขา อารมณ์สวาทถูกเร่งให้ติดมากขึ้นไปพร้อม ๆ กับเสียงครางกระเส่าของขุนศึกเล็ดลอดออกมาอย่างสุขสมกับสิ่งที่ได้กระทำอยู่
“แรงไป!…อ๊ะๆๆ…จุก!...อ๊าๆๆ”
แรงราคะมันหนักหน่วงเกินไปกว่าที่ผมจะตั้งรับไว้ได้ ถึงแม้จะกระดากปากตัวเองที่เผลอครางออกมาแต่ผมต้องตัดสินใจพูดเพื่อให้จังหวะที่สอดใส่อยู่นั้นแผ่วลง แต่เหมือนผมจะคิดผิดเพราะนอกจากแรงที่ไม่ลดเอวผมก็ดันถูกรวบให้เป็นฝ่ายขึ้นขย่มบนตัวขุนศึกแทน
“ปล่อยกู!…อ๊า ๆ…พอแล้ว!”
“ซี้ด…จะพอได้ยังไงกูยังไม่พอใจเลย…ลองขย่มให้ผัวหน่อยสิครับเผื่อเมียอาจจะชอบ…”
แรงฟาดลงบนเนื้อผิวแก้มก้นจากฝ่ามือใหญ่เต็มแรงจนผมแสบไปวูบหนึ่งในขณะที่ร่างกายถูกเปลี่ยนทิศทางให้อยู่บนตัวของร่างสูงได้สำเร็จ ผมนั่งนิ่งค้างไม่คิดจะทำตามในสิ่งที่คนใต้ร่างต้องการ ขุนศึกเมื่อเห็นว่าผมนั่งแช่ราวกับเป็นท่อนไม้ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเอวหนาจึงสวนขึ้นมิดลำเน้นและลึกเสียจนตัวผมต้องโน้มลงนอนราบบนแผงอกแกร่งด้วยความจุก
“พอ อ๊ะ! พอสักที! ขอร้อง! อ๊า ๆๆ!”
ผมเอ่ยทั้งน้ำตาเมื่อแรงสอดใส่เริ่มหนักหน่วงเสียจนผมแสบบริเวณรูสวาท คำร้องขอไม่ได้ทำให้ผู้ชายตรงหน้าหยุดการสอดใส่แม้แต่น้อยเพราะสิ่งที่ผมได้กลับมาเป็นแรงผลักให้ผมยืดตัวขึ้นนั่งตรงตามความต้องการของผู้ชายใต้ร่าง
“ขย่ม!...อย่าให้กูต้องพูดซ้ำได้ไหมคับฟ้า!”
ตัวผมถูกยันขึ้นด้วยสองมือที่วางไว้บนกล้ามหน้าท้องแกร่ง แรงกระทุ้งใส่รูสวาทยังดำเนินต่อไปจนกว่าผมจะทำตามคำสั่ง แต่จังหวะมันลึกเกินกว่าผมจะรับไหวจนในที่สุดผมจึงจำใจต้องเป็นฝ่ายขยับสะโพกตัวเองเพราะอย่างน้อย ๆ ผมก็ได้เป็นคนคุมจังหวะที่ตัวเองพอจะรับได้
“ซี้ด!...ดี…ขยับไป…”
“อ๊า…อ่าห์…”
น้ำเสียงสั่งราวกับสอนให้ผมใช้จังหวะให้ถูกท่าถึงแม้ในใจจะก่นด่าแต่ร่างกายนี้มันกลับตอบสนองต่อแท่งเนื้ออย่างสวนทางกับความเป็นจริง ในระหว่างที่อารมณ์ผมเริ่มใกล้จุดสุดยอดเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะภายในห้องก็ดังขึ้นและขุนศึกก็ไม่แม้แต่แยแสเสียงนั้นด้วยซ้ำ ครั้งแรกถูกตัดไปครั้งที่สองและสามเริ่มโทรเข้ามาไม่หยุดจนกลับกลายเป็นถี่รัว คนใต้ร่างทำเสียงฟึดฟัดรำคาญใจเมื่อถูกขัดจังหวะกิจกรรมรักอันน่าขยะแขยงนี้
“จะโทรเข้ามาทำไมนักหนาวะ!”
“อ๊ะ!!...”
ผมร้องเสียงหลงทันทีเมื่อขุนศึกโอบรอบเอวแน่นก่อนจะดันตัวเองลุกขึ้นยืนโดยที่รูสวาทผมยังเชื่อมกับแท่งเนื้อของเจ้าตัวไว้ ขุนศึกเดินไปทางต้นต่อของเสียงที่ดังรบกวนไม่หยุดพร้อมกับโอบบริเวณบั้นท้ายผมไว้มั่นเพื่อไม่ให้ตกลงพื้น
จังหวะนี้มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเสียวเข้าไปใหญ่…
ตัวผมถูกวางลงบนโต๊ะทำงานโดยมือขุนศึกกวาดของทุกอย่างกระจัดกระจายลงพื้นห้องและเจ้าตัวไม่คิดจะสนใจมองด้วยซ้ำ เมื่อเนื้อบริเวณก้นแตะลงบนโต๊ะกระจกใสสองขาผมถูกยกชันขึ้นและถ่างขาออกโดยฝีมือของชายหนุ่มตรงหน้า หลังจากจัดท่าให้ผมเสร็จขุนศึกก็เอื้อมแขนไปกดรับสายในขณะที่ท่อนล่างเริ่มสอดใส่ในตัวผม
‘จะโทรเข้ามาทำไมนักหนาลลิล! ถ้าไม่มีเรื่องด่วนฉันจะไล่เธอออก!’
ริมฝีปากผมเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อต่อมราคะเริ่มทำงานเต็มที่ ผมปฏิญาณตนกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ครางออกมาเพื่อให้บุคคลที่สามได้ยินเด็ดขาด ท่อนแขนแกร่งค้ำโต๊ะเพื่อตั้งหลักเมื่อได้องศาจึงทำหน้าที่กระทุ้งเอวสอดใส่ผมแบบถี่รัว แต่ทว่าสีหนาแววตาของขุนศึกเริ่มหงุดหงิดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเจ้าตัวเป็นครั้งที่สอง
“กูบอกว่าอย่าหันหน้าหนีกูไง!”
“เสือก!...อ๊ะ!”
ผมหันหน้าไปตะคอกตอบกลับอย่างเหลืออดและวินาทีที่ขุนศึกโดนผมตะคอกแท่งเนื้อที่กำลังสอดใส่ในรูสวาทกลับถูกกระแทกเข้ามาอย่างตั้งใจเน้น ๆ จังหวะอันหนักหน่วงทำเอาผมเกือบเผลอหลุดครางออกมา สายตาเย็นชาและดุดันจ้องมองผมอย่างเหนือกว่ามาก มุมปากหยักศกยกขึ้นอย่างพึงพอใจเมื่อสามารถทำให้ผมเกือบหลุดครางให้กับการกระทำสุดแสนจะน่าขยะแขยงนี้ได้
‘อะ…เอ่อ…มีคนมารอพบท่านประธานค่ะ’
เสียงตะกุกตะกักจากปลายสายดังขึ้นเมื่อโดนเจ้านายตะคอกด้วยอารมณ์หงุดหงิด แรงสอดใส่ท่อนล่างยังคงดำเนินต่อไปไม่มีแผ่ว จังหวะการซอยของเอวมันช่างรัวและถี่เสียจนผมต้องยกมือที่ถูกมัดขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้เพราะหากขุนศึกยังคงเร่งจังหวะอยู่แบบนี้มันยิ่งทำให้ความเสียวยิ่งทวีขึ้นและตัวผมอาจจะเผลอหลุดเสียงที่อันน่ารังเกียจนี้ออกมา
‘ไม่ว่างและไม่ต้องโทรเข้ามาอีก!’
‘ตะ…แต่ท่านประธานคะ…คนที่ขอพบเธอบอกว่าถ้าท่านประธานไม่ให้เข้า…ธะ…เธอจะพังประตูเข้าไปค่ะ’
‘ลลิลถ้าเรื่องแค่นี้เธอยังจัดการไม่ได้! ก็ลาออกไปซะ!’
ท่อนแขนแกร่งกดตัดสายทิ้งทันทีเมื่อพูดจบ จากนั้นฝ่ามือใหญ่เลื่อนเข้ามาล็อกสะโพกผมไว้แน่นเพื่อเป็นหลักยึดให้เอวกระแทกเข้ามาได้ตามจังหวะที่ต้องการ ส่วนแขนผมที่ถูกปิดปากไว้กลับถูกกระชากให้ขึ้นไปคล้องคอของขุนศึกแทน สองขาผมถ่างออกกว้างโดยอัตโนมัติอย่างควบคุมร่างกายไม่ได้เพราะแรงสวาทมันเร่าร้อนเกินไป ขุนศึกเป็นดั่งเปลวไฟที่พร้อมจะแผดเผาร่างกายผมให้มอดไหม้ทุกวินาที
“คับฟ้ากูจะแตก อ่าห์”
“อ๊ะ ๆๆ…อ๊า ๆๆ!”
สองแขนที่คล้องคอผู้เป็นสามีแปรเปลี่ยนเป็นกระชับให้แน่นขึ้น ใบหน้าผมเชิดรับความเสียวเมื่อมือของขุนศึกเลื่อนลงมากอบกุมแก่นกายผมไว้ ข้อมือของคนตรงหน้าเริ่มขยับและชักขึ้นลงเพื่อให้ผมได้ปลดปล่อย ผมส่ายหน้าด้วยความเสียวซ่านบวกกับจังหวะที่กระแทกเข้ามาไม่ยั้ง แรงสวาทใกล้จุดถึงสิ้นสุดผมยังคงครางและส่ายหน้าเมื่อตัวเองกำลังจะปลดปล่อยด้วยฝีมือของคนที่ผมรังเกียจ
ข้อมือขุนศึกเริ่มขยับอย่างถี่รัวให้เข้ากับจังหวะแท่งเนื้อร้อนที่สอดใส่ในช่องทางรักผมจนในที่สุดน้ำกามที่อดกลั้นมานานของตัวเองก็พุ่งออกมาเต็มหน้าท้อง ใบหน้าที่แดงก่ำสายตาดุดันราวกับสัตว์ป่าที่กระหายเนื้อ ริมฝีปากหยักศกเป็นคันศรเอาแต่จ้องมองผมด้วยความเสียวซ่าน เอวหนาซอยถี่รัวได้สักพักและเมื่อเริ่มจะปลดปล่อยคนตรงหน้าจึงรีบถอดแท่งเนื้ออมชมพูมาชักขึ้นลงอยู่บริเวณหน้าขาผม เสียงครางทุ้มต่ำดังเล็ดลอดออกมาอย่างสุขสมเมื่อตัวเองเสร็จกิจดั่งสมใจปรารถนา
“ซี้ดดดด…อืมห์ เอามันดีเหมือนกันนี่หว่า”
เมื่อไฟราคะจบลงผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกจากแก้ม ขุนศึกเมื่อเห็นผมร้องไห้ก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใดเพราะตอนนี้ผู้ชายคนนี้กำลังแสดงสีหน้าว่าพอใจในร่างกายของผมมาก…มากเสียจนผมรังเกียจร่างกายตัวเอง
“แก้มัดให้กู! ฮึก…เดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยพร้อมกับยื่นแขนออกหวังให้คนตรงหน้าแก้มัดให้แต่สิ่งที่ได้กลับมาดันเป็นริมฝีปากหนาก้มลงมาประทับจูบลงบนข้อมือผมแทน ดวงตาผมเบิกกว้างกับการกระทำสุดแสนจะน่าขยะแขยง ความโกรธที่มีมันยิ่งทวีขึ้นจนขาสองข้างของผมเปลี่ยนเป็นถีบกลางท้องจนคนตรงหน้าเซไปด้านหลัง
“มึงมันโรคจิต! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!”
“เฉยน่า มึงจะออกไปทั้งที่ตัวเองล่อนจ้อนอยู่หรือไง”
“…”
วงแขนแกร่งรวบเอวผมขึ้นเพื่อฉุดรั้งให้ร่างทั้งร่างตกไปอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าตัว สายตาที่เย้ายวนกวนบาทาของขุนศึกมองสำรวจเรือนร่างผมอย่างโจ่งแจ้งก่อนที่ริมฝีปากอมชมพูตรงหน้าจะก้มลงใช้ฟันตัวเองกระตุกเนกไทบนมือผมจนมันคลายออกไปในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายที่เปลือยเปล่าท่อนล่างของตัวเองยังไม่ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระแถมชายผู้เป็นสามียังกล้าเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำเอาผมอยากจะกระทืบให้ตายเสียตอนนี้ถ้าทำได้
“…”
“เห็นกูเป็นคนแบบนี้ความหวงเมียกูก็มีไม่น้อยนะคับฟ้า…หึ”