#5
Always kind
“แก้วๆ กูอยู่ทางนี้ๆ”
ผมยกมือขึ้นสุดแขนเพื่อเรียกเพื่อนสนิทให้หันมาเห็นกัน แก้วใจหันมาเห็นผมแล้วก็รีบเดินเข้ามาหาทันที ท่าทางเหนื่อยหอบนิดหน่อยทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่าเจ้าตัวรีบวิ่งขึ้นตึกมาอย่างแน่นอน
“โทษทีมึง กูตื่นสายอะนาฬิกาไม่ปลุก”
“ที่นาฬิกาไม่ปลุกก็เพราะมึงลืมตั้งปลุกน่ะสิ” ผมเท้าเอวว่าอย่างรู้ทัน แก้วหลุดหัวเราะออกมาอย่างยอมรับผิดแต่โดยดี
“ก็มันลืมอ่า”
“แบบนี้ทุกที...ไปกันเถอะเดี๋ยวจะสายซะก่อน ดาวกับกัลป์จองที่ไว้ให้เราแล้วเรียบร้อย”
“เยี่ยม!”
ผมกับแก้วจูงมือกันผ่านกลุ่มนักศึกษาหลายสิบชีวิตที่ยืนออกันอยู่หน้าห้องเข้ามาด้านใน เพราะคลาสเรียนวันนี้เป็นเซคใหญ่ห้องเรียนบรรจุนักศึกษาเกือบถึงพันคน เวลาใกล้เข้าเรียนแบบนี้จึงค่อนข้างชุลมุนพอสมควร วิชาตัวนี้เป็นตัวบังคับของมหาลัยที่ทุกคนต้องได้เรียน ผมกับแก้วเองก็เลือกลงเรียนตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะเป็นวิชาที่ไม่ยากเท่าไหร่ และพอดีกับที่ดาวและกัลป์ก็ลงเรียนเหมือนกันด้วย อ้อ...จริงสิ มีกลุ่มพี่ไฟอีกคนที่ลงเรียนเทอมนี้เหมือนกัน
“แล้วกินข้าวมายัง” ผมเอ่ยถามตอนเราเดินขึ้นบันไดตรงไปยังที่ที่พวกดาวจองไว้ให้ เนื่องจากห้องเรียนเป็นแบบสโลปจากต่ำขึ้นไปสูง การเลือกเรียนชั้นบนๆ หน่อยก็จะเห็นสไลด์บนจอได้ชัดมากขึ้น
“ยังเลย เรียนสามชั่วโมงอีกแบบนี้ท้องกูร้องระนาวแน่เลย”
“ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะวันนี้กูใส่ขนมมาเต็มกระเป๋าเลยแหละ” ผมยิ้มว่าอย่างภูมิใจพร้อมเบี่ยงตัวด้านข้างให้แก้วเห็นกระเป๋าที่ตุงออกมาเพราะเต็มไปด้วยขนมจำนวนมาก
เนื่องจากเป็นวิชาสบายๆ ไม่ใช่เนื้อหาทางวิชาการแต่เป็นทางด้านศิลป์มากกว่า เน้นเรียนอย่างผ่อนคลายได้ความสนุกกลับไปอะไรประมาณนี้เลยไม่ต้องเคร่งเครียดกับการเรียนมากนัก จากประสบการณ์เกินครึ่งเทอมที่ผ่านมาเลยทำให้ผมค่อยๆ ขนขนมใส่กระเป๋ามาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากกินไม่พอ หมดก่อนจบคลาสทุกที…
“ขอบคุณความรักอาหารของมึงมากก็วันนี้แหละ ฮื่ออ ขอบคุณนะไอ้แก้มอ้วนน”
“หึ เห็นความดีของคนเท่รึยังล่ะ”
“ได้ใจใหญ่เลยนะไอ้ตัวกะเปี๊ยก”
“โห สูงมากกว่ากูสองเซ็นใช้คำนี้ก็ได้เหรอ”
“แน่นอนน~ กูสุดจะภูมิใจเลยแหละ”
ผมหลุดหัวเราะออกมาจนแก้วก็หัวเราะตามไปด้วย เราเดินขึ้นมาอีกไม่เท่าไหร่ก็ถึงบริเวณที่นั่งประจำ ผมโบกมือให้กัลป์กับดาวเมื่อมองเห็นทั้งสองคนอยู่ไม่ไกล เมื่อเข้ามาใกล้ทั้งคู่อีกนิดผมก็ต้องเผลอชะงักเล็กน้อยเพราะวันนี้นอกจากจะมีทั้งสองคนมานั่งเรียนตามปกติทุกครั้งแล้วยังมีพี่ไฟและเพื่อนอีกสามคนนั่งเรียงกันครบเลยอยู่แถวถัดไปด้านหลัง
…มิน่าล่ะวันนี้ทั้งคลาสดูจะคนเยอะแปลกตากว่าปกติ
“แก้ว รัก…มาเร็วเราจองที่ไว้ให้แล้ว” ดาวส่งยิ้มน่ารักๆ มาให้จนผมหลุดยิ้มตอบ
ผมกับแก้วยกมือไหว้พี่ๆ ทั้งสี่คนแล้วค่อยเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้เลกเชอร์ที่ว่างอยู่ ลำดับที่นั่งก็จะเป็นดาวอยู่ริมสุดต่อด้วยกัลป์ ผมแล้วก็แก้วใจ ส่วนด้านหลังเป็นพี่ไฟอยู่ริมตรงกับดาว พี่ชา พี่ขุนแล้วก็พี่เวย์…ปกติแล้วพวกพี่ไฟจะไม่มาเรียนคลาสนี้กันหรอก มีอยู่แค่ช่วงแรกๆ ที่มาเข้าเรียนแบบครบทีมเพราะพี่ไฟตามดาวมาด้วย แต่สักพักพอเห็นว่ามีผมกับแก้วมานั่งเรียนด้วยแล้วพี่ไฟก็ไม่ได้มาด้วยเพราะอยากให้เราได้นั่งเรียนตามประสาเพื่อนกันไป (ที่ผมรู้ก็เพราะดาวเล่าให้ฟังน่ะ) ส่วนวันนี้ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่หนุ่มหล่อสุดฮอตจากคณะวิศวะทั้งสี่คนที่หาตัวจับยากสุดๆ ถึงได้มานั่งเรียนกันแบบครบทีมได้
…ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ผมก็แอบเหลือบมองพี่ขุนที่นั่งอยู่ด้านหลังผมเล็กน้อยเพราะแอบรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาหน่อยๆ อาจเป็นเพราะช่วงนี้เจอพี่ขุนบ่อยเกินไปหน่อยรึเปล่านะ
…แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็หายวับไปกับตาทันทีเมื่อกัลป์ที่นั่งข้างๆ มันว่าหยอกผมซะก่อน
“วันนี้คุมธีมหมีพูเหรอไอ้รัก”
ผมก้มลงมองดูเสื้อฮู้ดแขนยาวสีเหลืองสดใสที่ใส่ทับชุดนักศึกษามาของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้กัลป์อีกครั้ง
“คุณหมีพูน่ะน่ารักเกินไป คนเท่แบบกูไม่เข้ากับธีมนั้นสักนิด”
“ให้พูดอีกที ฉันให้เธอพูดใหม่อีกทีสิยัยต้นรัก”
“ฮ่าๆ ยัยต้นรัก…คิดได้ไงเนี่ยกัลป์ มึงคือสุดยอด เป็นชื่อที่เข้ากับไอ้รักสุดๆ”
แก้วใจหลุดหัวเราะยกใหญ่จนตาหยี แถมยังยกนิ้วโป้งให้ไอ้กัลป์อีกจนผมได้แต่ฮึดฮัดเพราะสู้สองคนนี้ไม่ได้ พอจะหันไปหาพรรคพวกซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่อย่างดาวก็กลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในโลกใบสีชมพูแสนหวานกับพี่ไฟอยู่ ด้วยการที่พี่แฟนที่นั่งอยู่ด้านหลังใช้มือลูบหัวคนน่ารักอย่างดาวพลางเท้าคางมองอย่างอ่อนโยน
…ฮื่ออ พรรคพวกเพียงคนเดียวของผมมมTT
“ฝากไว้ก่อนเถอะๆๆๆ”
“ขู่จนแก้มพองแล้วๆ”
เพราะหมดความอดทนกับความกวนของไอ้กัลป์สุดๆ แล้วผมเลยกอดคอมันมาแนบอกแล้วทำการอ้าปากกว้างงับลงบนหัวมันจนมันร้องโวยวายปนหัวเราะจนไหล่สั่น
แบบนี้แสดงว่าไม่ได้สำนึกจริง ต้องโดนต้นรักคนโหดงับหัวอีกจนกว่าจะเข็ด!
“ไอ้แก้วช่วยด้วยยย รักโว้ยยหัวกูจะบุบแล้วฮ่าๆ”
“รักมึงจะกินเพื่อนไม่ได้นะะะ”
“ทะ..ทะเลาะอะไรกันเหรอทั้งสามคน”
นาทีนี้ใครก็หยุดต้นรักร่างบ้าคลั่งไม่ได้หรอก!
“จารย์เข้าสอนแล้ว มึงเลิกแดกหัวไอ้กัลป์”
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่หยุดต้นรักร่างบ้าคลั่งได้ภายในพริบตา นั่นคือตอนที่มือใหญ่ของคนด้านหลังจับเข้าที่หัวผม แบบว่าใหญ่มากจนกุมหัวผมได้มิดภายในมือเดียวแล้วบังคับให้หันไปทิศทางหน้าคลาสเรียน
…เป็นพี่ขุนเอง เป็นคนเดียวที่แค่ได้ยินเสียงต้นรักคนเท่ก็หงอเป็นลูกนกทันทีTT
“เกือบกะโหลกร้าวแล้วกู ฮู่วว”
เมื่อผมปล่อยตัวไอ้กัลป์ออกแล้ว มันก็ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมถอนหายใจแบบเกินจริง
“พลังไอ้แก้มอ้วนนี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริงๆ”
ผมยกมือขึ้นกอดอกด้วยความภาคภูมิใจสุดๆ …บอกแล้วว่าอย่าให้พี่รักเอาจริง!
เมื่ออาจารย์เริ่มถือไมค์เอ่ยทักทายนักศึกษาในคลาสแล้วเราก็ต้องจบสงครามป่วนๆ ยามเช้าลง ผมก้มลงหยิบหาแซนด์วิชในกระเป๋าท่ามกลางขนมมากมายออกมาได้แล้วก็ยื่นให้แก้วใจเพราะมันยังไม่ได้กินข้าวเช้ามา แก้วเห็นแบบนี้มันก็ทำหน้าซาบซึ้งสายตาเป็นประกายทันที
“มึงคือเพื่อนเลิฟ รอดตายแล้วกู อึกฮื่ออ”
“กินเต็มที่เลย วันนี้กูจัดมาเต็มกระเป๋า ได้กินขนมแบบไม่มีขาดช่วงแน่นอน~”
ผมหลุดยิ้มเอ็นดูแก้วที่รับแซนด์วิชไปกัดคำใหญ่เต็มแก้มด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย จากนั้นผมก็ก้มลงหยิบขนมปังกรอบเนยน้ำตาลขึ้นมาเป็นห่อแรกแล้วแกะถุงออกหยิบออกมาหนึ่งชิ้นส่งให้ดาวกับอีกชิ้นส่งให้กัลป์ได้กินด้วย แล้วค่อยส่งเข้าปากตัวเองเป็นคนสุดท้าย…เอาจริงๆ ผมก็อยากจะแบ่งพี่ๆ อีกสี่คนข้างหลังด้วยนะแต่ผมว่ามันจะดูผิดธีมความเท่ของพวกพี่เขารึเปล่านะที่แบบว่ามาชวนกินขนมแบบนี้น่ะ
เอาหน่ารัก…ของอร่อยต้องกินหลายๆ คนสิ!
ผมพยักหน้าตกลงกับตัวเองเบาๆ ขณะรีบกลืนขนมในปากลงคอ ผมค่อยๆ เอี้ยวตัวไปด้านหลังช้าๆ เพื่อหันตัวไปทางด้านหลัง เมื่อเงยหน้าขึ้นปุ๊บผมก็สบตาเข้ากับพี่ขุนที่นั่งเท้าคางท่าทางเอื่อยเฉื่อยอยู่พอดี จากที่เตรียมชวนพี่ๆ กินขนมอยู่อย่างดีในตอนแรกผมก็เกิดอึกอักขึ้นมาทันที
อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเชิงถามว่า ‘มีอะไร’ ผมก็เลยต้องรีบพูดออกไป
“พี่ขุน…กะ กินขนมไหมครับ”
หลังว่าจบผมก็เห็นสายตาแปลกใจจากพี่ขุนทันที ตาคมกริบเลื่อนลงมองห่อขนมในมือผมเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนสายตามาสบกับผมอีกครั้ง
“กูไม่กินขนม มึงกินเถอะ”
ผมพยักหน้ารับช้าๆ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ความกลัวพี่ขุนก็ยังคงอยู่เหนียวแน่นไม่หายไปไหนอยู่ดี จากนั้นผมก็เลยหันไปถามพี่คนอื่นดูบ้าง
“พี่ๆ กินขนมไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ น้องรักกินเถอะครับ”
พี่ชาหันมาตอบรับพร้อมเผยรอยยิ้มใจดี ส่วนพี่ไฟเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ …และคนสุดท้ายก็ทำผมถึงกับเหวอไปเลยทีเดียว
“พี่อยากกินเบียร์ รักมีปะ”
ตะ…แต่หัววันเลยเหรอครับพี่เวย์
“เอ่อ…รักไม่มีหรอกครับ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความงงงวยอยู่เต็มใบหน้า ได้ยินเสียงไอ้กัลป์หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วย
“เค ขอบใจนะ”
“ของมันขาดหรืออะไรวะพี่เวย์ ฮ่าๆ …เพื่อนผมชวนกินขนมแต่พี่มึงขอแดกเบียร์ สุดจริงคนเรา”
“อยู่ๆ ก็อยากเมามึงไม่เคยเป็นไง?”
“อยากแม้กระทั่งในเวลาเรียนผมว่าพี่แม่งทำได้คนเดียวจริงๆ ว่ะ โคตรยอดมนุษย์” กัลป์ว่าปนขำยกใหญ่
“ได้เสมอเว้ยถ้าใจเราต้องการ”
หลังจากทำการชวนพี่ๆ กินขนมผ่านไปผมก็หันกลับมาสนใจสิ่งที่อาจารย์สอนตามเดิม พร้อมเหล่าน้องถุงขนมที่ถูกหยิบขึ้นมาแกะกินทีละห่อเรื่อยๆ โดยมีพวกผมสี่คนเท่านั้นที่ช่วยกันกิน ผมมองหน้าจอขนาดใหญ่ที่กำลังนำเสนอผลงานภาพศิลปะภาพหนึ่งที่อาจารย์ให้เราลองคิดวิเคราะห์ตีความดูว่าหมายความว่าอะไร จากนั้นอาจารย์ก็ค่อยๆ อธิบายความหมายโดยอธิบายไปทีละส่วนช่วยให้เปิดโลกเรื่องนี้สำหรับนักศึกษาหลายคนพอสมควรเลย
“ไอ้รัก นี่ขนมมึงยังไม่หมดอีกเหรอ เรากินจนจะกินแทนข้าวอยู่แล้วนะเว้ย”
ไอ้กัลป์หันมาถามผมสีหน้าอึ้งๆ ตอนผมหยิบขนมอีกห่อขึ้นมาแกะซอง ผมยกยิ้มมุมปากพร้อมส่งเสียงในลำคอด้วยสีหน้าภาคภูมิใจสุดๆ
“บอกเลยว่านี่น่ะยังไม่ถึงครึ่งเลยด้วย~”
“เออ คนเรามันก็มีความภูมิใจในแบบที่เป็นตัวเองดีว่ะ”
“ด่าหรือชมอะ”
“ใครจะกล้าด่ามึ้งงง”
“กลัวโดนงับหัวอีกอะดี้”
“จ้า กลัวมากจ้า...มึงเล่นงับหัวกูเหมือนกระต่ายแทะแคร์รอตขนาดนั้น” กัลป์ว่าพร้อมทำปากมุบมิบๆ จนผมหัวเราะออกมาเสียงเบา
“ขอโทษ~”
“เอาขนมมาง้อเลยๆ”
“ได้เลย อ้าปากเร็ว…อ้ามมม”
ไอ้กัลป์หลุดหัวเราะขณะอ้าปากรับขนมที่ผมป้อนให้
“มึงแม่งคือไอ้กระต่ายม้อบแม้บ”
“บวกหนึ่ง!” แก้วใจหันมาพยักหน้าสนับสนุนด้วย
“มึงก็ไอ้ลูกเจี๊ยบดื้อไอ้แก้ว”
“บวกสิบ!” คราวนี้เป็นผมบ้างที่พยักหน้าเห็นด้วย
แก้วหลุดสีหน้าเหลอหลาทันทีก่อนจะเปลี่ยนท่าทางเป็นเหมือนลูกเจี๊ยบกำลังตีปีกด้วยความโมโห
“มึงคือคนทรยศกัลป์ ลืมความเป็นทีมของเราไปหมดแล้วสินะ!”
“โอ๊ยย ได้อยู่ท่ามกลางไอ้พวกอุ้งเท้ามังคุดแล้วมันก็เอ็นดูไปหมดอย่างงี้แหละมึง”
“มึงกล้าใช้คำว่าเอ็นดูแทนคำว่าทรยศเหรอ!”
“นี่กูจะโดนลูกเจี๊ยบงับหัวด้วยอีกคนไหมเนี่ยย”
“ทะ..ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอทั้งสามคน”
Khunmuen Part
“เหมือนลูกแมวตีกันเลย”
ผมมองภาพตรงหน้าแล้วนึกภาพตามที่ไอ้ชาว่าก็แอบเห็นด้วยพอตัว ดูเหมือนว่าทั้งคลาสสามชั่วโมงนี้พวกผมจะเข้ามาดูแมวทะเลาะกันโดยเฉพาะ อ้อ เว้นไอ้ไฟไว้คนแล้วกันเพราะมันสนใจแต่เมียมันเท่านั้น
ผมยกมือขึ้นกอดด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อยหลังสงครามตรงหน้าจบลง เมื่อคืนกว่าผมจะกลับจากสนามแข่งก็ดึกพอสมควร เช้าวันนี้ก็กะว่าจะนอนตื่นสายไปเลยเพราะยังไงคาบนี้ผมก็แทบจะไม่มาเข้าอยู่แล้ว...แต่สรุปผมกลับไม่ได้ทำเหมือนอย่างที่คิด เหตุเพราะจากต้นตอเดียวเลยคือ
...ไอ้เวย์
ไอ้เพื่อนตัวดีที่มันเอาแต่นั่งมองคนตรงหน้ามันไม่คิดจะสนใจสิ่งที่อาจารย์สอนเลยสักนาทีเดียว...มันโทรมาปลุกพวกผมทั้งสามคนแต่เช้าว่าให้มาเข้าเรียนกับมัน พอถามหาเหตุผลที่จะไม่ทำให้ผมสั่งคนไปเจาะยางรถมันด้วยความหงุดหงิดมันก็ตอบมาตรงๆ เลยว่า
‘ไม่ได้เจอเขามาสักพักใหญ่แล้ว...คิดถึงฉิบหายเลย’
เออ...ต่อหน้าทำเป็นนิ่ง ลับหลังก็หมากับเขาสัดๆ เลย
“โคตรกระจอก”
ผมว่าพร้อมยกยิ้มมุมปากน้อยๆ เนื่องจากว่างเกินไปจนไม่มีอะไรทำเลยหันไปกวนตีนไอ้เวย์เล่นดีกว่า หลังว่าจบมันก็ชูนิ้วกลางให้ผมด้วยสีหน้าเซ็งจัดทันที แต่ท่าทีตอบกลับผมก็มีแค่นั้นแล้วมันก็หันไปในทิศทางเดิมต่อราวกับว่าไม่ยอมให้ไอ้คนแบบผมมาทำให้มันเสียเวลาจากการมองเขาได้หรอก
“ไอ้ขุน”
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เรียกผมอีกครั้งโดยที่สายตายังไม่ละไปจากที่เดิม…ไม่ดิ ต้องบอกว่าคนๆ เดิมถึงจะถูก
“ว่า”
“ทำไงดีวะ”
“อะไรของมึง”
ผมเริ่มขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่ามันถามจริงจังหรือว่ากำลังกวนตีนผมกันแน่
“เขาหนาว”
ผมหันไปมอง ‘เขา’ ที่มันว่าก่อนจะเห็นว่าไหล่เล็กแคบกำลังสั่นเทาเล็กน้อยเพราะอุณหภูมิที่เย็นเฉียบภายในห้องเรียน พอเห็นแบบนั้นผมก็มองถัดไปที่คนข้างๆ บ้างนั่นก็คือต้นรัก แต่ดูเหมือนอากาศหนาวจะทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเสื้อฮู้ดตัวใหญ่ที่สวมอยู่ ไอ้กัลป์เองก็ไม่ได้เสื้อกันหนาวแต่ก็ยังดูสบายๆ อยู่ ส่วนเมียไอ้ไฟก็มีเสื้อหนังอย่างดีของไอ้ไฟคลุมไว้
“อยากทำอะไรก็ทำ”
ผมบอกมันแบบนั้น และก็เหมือนต้นรักจะหันไปเห็นว่าเพื่อนตัวเองกำลังนั่งหนาวอยู่พอดีเลยเอ่ยถามโดยมีพวกผมนั่งฟังอยู่เงียบๆ
“แก้วมึงหนาวเหรอ เอาเสื้อกูไปๆ”
“ไม่เป็นไรมึงๆ ไม่ได้หนาวขนาดนั้น”
“แต่มึงนั่งตัวสั่นแล้วนะ”
ไม่ใช่แค่ต้นรักที่มองอย่างเป็นห่วง แต่กัลป์กับดาวศุกร์ก็หันมามองด้วยเหมือนกัน...และในวินาทีต่อมาเมียไอ้ไฟก็เหมือนจะเป็นตัวแปรสำคัญช่วยให้สถานการณ์มันเปิดทางให้ไอ้เวย์อย่างเต็มที่
“พี่ไฟครับ ศุกร์เอาเสื้อให้แก้วได้ไหมครับ แก้วหนาว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นไอ้ไฟมันก็กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบเมียมันขณะปรายตามองไปทางไอ้เวย์
“เอาแบบนั้นเหรอครับ?”
แล้วไอ้คนที่ชอบเขาแทบบ้าขนาดนั้นจะยอมให้เขาใช้เสื้อคนอื่นแทนเสื้อมันรึไง…
“ให้ยืม”
ไอ้เวย์ยื่นเสื้อคลุมยีนตัวเองไปให้คนที่นั่งด้านหน้า ซึ่งท่าทีต่างจากไอ้คนที่มันขอคำปรึกษาผมก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง...หึ ต้องให้โดนกระตุ้นไอ้สัด
“พี่เวย์...ไม่ใช้เหรอครับ”
“ไม่ใช้ เราเอาไปเถอะ”
“เราขอบคุณมากนะพี่”
หลังจากอีกฝ่ายมีท่าทีลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ยอมรับเสื้อไป ถ้าให้ผมเดาคงเพราะไม่อยากจะให้ต้นรักกับดาวศุกร์ถอดเสื้อตัวเองเสียสละให้นั่นแหละ
“กูดีใจแทน” ไอ้ชาหันมาบอกไอ้เวย์ด้วยรอยยิ้มบาง
“คุ้มแล้วดิที่ยอมตื่นเช้ามาเรียน?” ไอ้ไฟว่าขึ้นบ้าง
“แม่งเอ๊ย…ใจกู”
ผมส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันกลับมานั่งมองที่อาจารย์สอนตามเดิม แต่หลายครั้งสมาธิของผมก็จะถูกดึงดูดความสนใจด้วยเสียงเคี้ยวขนมจ๊อบแจ๊บจากคนตรงหน้า ผมมองแก้มด้านข้างของต้นรักที่เห็นได้ชัดขยับไปมาเพราะเจ้าตัวเคี้ยวขนมอยู่แล้วก็เกิดแปลกใจได้ทุกครั้ง
...ตัวก็แค่นี้ แต่กินเก่งจนผมยังงงว่าเอาลงไปเก็บไว้ตรงไหนวะ
“งั้นเอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ อาจารย์ปล่อยให้พักเบรกสักยี่สิบนาทีแล้วเรามาเรียนต่อกันนะครับ”
หลังอาจารย์ปล่อยพักนักศึกษาหลายคนก็ลุกขึ้นเพื่อไปทำธุระส่วนตัวกันเต็มไปหมด ไอ้ชาเองก็ออกไปคุยโทรศัพท์จากคนที่ไร่ชามัน ก็เลยเป็นเหมือนการเปิดทางให้ไอ้ไฟพาแฟนมันมานั่งแทนที่ไอ้ชาชั่วครู่เพื่อนั่งซบไหล่พักสายตา
แล้วเสียงหัวเราะในแบบเฉพาะของต้นรักก็ดังขึ้นเรียกความสนใจผมไปได้อีกครั้ง อีกฝ่ายเปลี่ยนจากการหยิบขนมทีละห่อขึ้นมาแกะกินเป็นการนำขนมที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีอยู่เท่าไหร่กันแน่ขึ้นมาวางเต็มโต๊ะเลกเชอร์ไปหมด
“ไอ้รัก นี่กระเป๋าผ้าหรือกระเป๋าโดเรม่อนกูถามจริง”
“ฮะๆ”
คนในเสื้อฮู้ดสีเหลืองหัวเราะชอบใจใหญ่ก่อนจะต้องหันขวับตอนที่ไอ้กัลป์ทำการกวนตีนอีกฝ่ายด้วยการเอาขนมห่อหนึ่งมาเข้าปากไปทั้งซอง
“ไอ้กัลป์!”
แล้วมือที่โผล่ไม่พ้นแขนเสื้อก็ระดมทำการทำร้ายร่างกายไอ้กัลป์ด้วยความฟิวส์ขาด...เออ เรื่องของกินนี่ล้อเล่นไม่ได้เลยสินะ
“นี่แหนะๆๆ!”
“โอ๊ยย ไอ้รักมึงจะฆ่ากูอีกรอบแล้วเหรอ”
“คนทรยศต้องโดนลงโทษ!” เพื่อนต้นรักว่าขึ้นบ้างขณะนั่งกอดอกพยักหน้าสนับสนุน
“ของอร่อยห้ามกินคนเดียวนะ!”
...ใครปล่อยสัตว์โลกตัวเล็กหลุดออกมาเล่นแถวนี้วะ
“นายคิดเหมือนเราไหมบีหนึ่ง” ผมปรายตามองไอ้เวย์คนกระจอกเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาทางเดิม
“ปัญญาอ่อน”
“สัดขุน มึงแม่งทำให้ซีนกูแย่มาก”
“มึงไปไกลตีนกูไป”
“ไม่ได้ดิ กูจะนั่งมองเขา”
“ควาย ได้แต่มองก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
“กูไม่ไหวกับคนอย่างมึงแล้วนะ”
“กูไหมควรพูดแบบนั้น”
“เออ ก็จริง”
ผมเลิกใส่ใจไอ้เวย์เพราะคุยอะไรไปก็ดูจะหาสาระไม่ได้...พอหันกลับมามองคนด้านหน้าอีกครั้งสงครามก่อนหน้าก็ดูจะผ่านไปแล้วเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน และขนาดมองจากข้างหลังผมยังเดาได้เลยว่าเด็กตัวเปี๊ยกตรงหน้าต้องกำลังเคี้ยวขนมด้วยสีหน้ามีความสุขนาดไหน
...ผมรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมคนเราถึงได้มีออร่าความเป็นมิตรออกมาได้ขนาดนั้น ต้นรักเป็นแบบนั้นกับทุกคนไม่ว่าจะกับใครก็ตาม…ไม่เว้นแม้แต่กับคนแบบผม ถึงแม้เจ้าตัวจะดูกลัวผมมากแต่ก็ยังใจดีด้วยตลอดที่เจอกัน
เขาคงเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นมากจริงๆ นั่นแหละ…มันถึงได้ถ่ายทอดออกมาเป็นเขาได้ขนาดนี้
“แก้วอันนี้อร่อยมาก”
ผมมองต้นรักป้อนขนมให้เพื่อนกินแล้วก็อดรู้สึกอิ่มแทนไม่ได้...ตั้งแต่เข้าเรียนก็ยังไม่หยุดกินเลยจริงๆ
เมื่อยแก้มบ้างไหมนั่น?
“น้องๆ ครับ...พี่ซื้อน้ำมาฝาก”
พวกเราหันไปมองทางไอ้ชาที่มันกลับมาอีกครั้งพร้อมแก้วน้ำหวานสี่แก้วในมือ และแน่นอนว่าคนแรกที่สายตาเป็นประกายเจิดจ้าก็คงไม่พ้นคนตรงหน้าผม
“ขอบคุณมากๆ เลยนะครับพี่ชา เกรงใจจัง”
“โห หล่อแล้วยังใจดีอีกพี่”
“ฮะๆ แค่นี้เองครับ”
หลังไอ้ชาเอาน้ำสี่แก้วให้ทั้งสี่คนแล้วและเมียไอ้ไฟก็กลับไปนั่งที่เดิมมันก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งที่ของตัวเอง
“อะไรไอ้เวย์”
ไอ้ชาหันมาถามเพราะเวย์มองมันอย่างหงุดหงิด อ้อ...ยังมีไอ้ไฟด้วยอีกคน ผมถอนหายใจออกมาเพราะพวกมันเล่นหวงยันเขารับแก้วน้ำจากคนอื่นเลยนี่ดิ
“ความใจดีของมึงนี่นะไอ้ชา”
“เฮ้ออ มันขนาดนั้นเลยนะเพื่อนกู”
“ไอ้ไฟหวงอะกูเข้าใจ แต่มึงอะไปเสนอหน้าอะไรกับเขา” ผมบอกไอ้เวย์ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เอาให้กระอักเลือดตายไปเลย…ชอบกวนตีนผมดีนัก
“มึงไปไอ้ขุน ไปเจอกับกูข้างนอกสักยกสิ กูไม่ไหวจะทนกับเพื่อนเหี้ยแบบมึงแล้วนะ”
พวกผมหลุดหัวเราะในลำคอกับท่าทางหัวเสียสุดๆ ของไอ้เวย์...แต่ต่อให้มันจะบ้าคลั่งยังไงก็แสดงออกไม่ได้อยู่ดี ได้แต่มองเขาดูดน้ำจากที่ไอ้ชาซื้อให้ด้วยความช้ำใจ
“เดี๋ยว เดี๋ยวมึงเจอกูเล่นบ้างไอ้ขุน”
“เหี้ยไรของมึง” ผมขมวดคิ้วว่า และหลังจากนั้นก็ต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิมเมื่อมันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าผมจนอีกฝ่ายต้องหันมามองอย่างงงๆ
“รัก”
“…ครับพี่เวย์”
“ไอ้ขุนบอกว่ามันคอแห้งมากเลยอะ เราแบ่งน้ำให้มันกินหน่อยได้ปะ”
ไอ้ส้นตีนนี่...
ผมเงยหน้าขึ้นมองต้นรักเพื่อจะบอกปฏิเสธออกไป แต่แล้วเจ้าของใบหน้างงงวยในตอนแรกก็พยักหน้าหงึกหงักแล้วส่งรอยยิ้มเจิดจ้ามาให้ผมพร้อมยื่นมือที่ถือแก้วน้ำหวานไว้มาให้ผมจนสุดแขน
“ได้สิครับ พี่ขุนกินของรักได้เลย~”
สัดเอ๊ย...ถ้าไม่รับกูต้องใจหมามากเลยใช่ไหม?
ผมใช้เท้าเตะไปที่ขาไอ้เวย์หนึ่งทีก่อนจะยื่นมือไปรับแก้วน้ำที่ว่าด้วยอารมณ์ที่อยากสั่งเผาผับไอ้เพื่อนเวรฉิบหาย
“ขอบใจ”
ผมก้มลงดูดน้ำหวานในแก้วแค่ไม่กี่อึกเท่านั้นด้วยความจำยอม ความหวานฟุ้งกระจายไปทั่วลิ้น...ทั้งๆ ที่เวลาปกติแล้วมันคือรสชาติที่ผมหลีกเลี่ยงมากที่สุดเพราะไม่ชอบกินหวาน
แต่ครั้งนี้รสชาติมันกลับไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น…
“ใจดีจริงนะมึง”
เพราะรอยยิ้มจริงใจของคนให้นี่แหละ
“…แหะๆ”
ผมยื่นแก้วน้ำที่ว่าคืนต้นรักไป และเหมือนเขาจะเพิ่งรู้ตัวว่าความใจดีของตัวเองมันต้องแลกมากับอะไร
…หึ แค่กินหลอดเดียวกันก็ต้องทำหน้าอ๊องขนาดนั้นเลย?
“ไอ้ขุน”
“เหี้ยอะไรของมึงอีก”
“กูแก้แค้นมึงด้วยการแหย่ต้นรักให้มึงนะ ไม่ใช่ให้พวกมึงดูจิ้นกันจริงแบบนี้อะ”
ใครก็ได้เอาไอ้เวย์แม่งไปเก็บที…กูไม่ไหวกับแม่งละนะ
………………………
มีใครจำคลาสที่พี่ไฟกับน้องดาวไปนั่งหลับซบไหล่กันได้มั้ยคะ>< คลาสนี้จริงๆ แล้วแก้วกับรักก็เรียนด้วยน้า~
แถวหน้าก็ป่วนแบบน่ารัก แถวหลังก็ป่วนแบบแทบฆ่ากันตาย555555
Twitter : @Themoonthere
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ♥