D.O.35
“คินปล่อยนับก่อน”
เสียงหวานเอ่ยบอกคนตัวโตที่กุมมือเธอไว้ระหว่างเดินไปห้องอาหาร เธอไม่อยากให้คุณหญิงมองเธอไม่ดีอีก ไหนจะสายตาพนักงานคนอื่นที่มองมาด้วยสายตาแปลกๆนั่นอีก
“ทำไมต้องปล่อย” ร่างสูงหยุดเดินแล้วหันมาถามเธอ คิ้วหนาขมวดด้วยความไม่พอใจ
“ก็คนอื่นมองอยู่”
“.…” ภาคินไม่ได้ตอบ ตาคมตวัดมองพนักงานที่มองมาด้วยสายดุ จนพนักงานพวกนั้นหลบตาหนีทันที
“อ๊ะ ก็บอกให้ปล่อยก่อนไง”
“สายแล้ว คุณแม่รอทานข้าวเช้าอยู่”
เพราะใครกันล่ะที่ทำให้ต้องสาย นับดาวค้อนให้คนตัวโตในใจ นอกจากเขาจะไม่ยอมปล่อยมือเธอแล้ว มือใหญ่ยังลากเธอให้เดินตามเขาไปอีก แค่ได้ยินว่าแม่เขารออยู่เธอก็เดินตามเขาไปโดยไม่กล้าขัดอะไรอีกเลย
“ขอโทษครับที่ให้รอ” ภาคินเอ่ยบอกมารดา สายตาคมกวาดมองสองแม่ลูกที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยแววตาดุดัน ก่อนจะขยับเก้าอี้ให้นับดาวนั่ง ส่วนตัวเขาเองก็นั่งลงข้างร่างบาง
“ครบแล้ว ก็ทานกันเถอะ”
เกศมณีเอ่ยเสียงอ่อนพร้อมแอบชำเลืองมองนับดาว ก่อนจะยิ้มในใจด้วยความพอใจเมื่อเห็นนับดาวทานอาหารด้วยความเรียบร้อย และวางตัวดีต่อหน้าผู้ใหญ่ อย่างน้อยเจ้าตัวก็พอมีคุณสมบัติผู้ดีอยู่บ้าง
หนึ่งธิดากำช้อนแน่นด้วยความอิจฉาเมื่อเห็นภาคินตักกับข้าวให้นับดาวอย่างเอาใจ บวกกับท่าทีของเกศมณีที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเริ่มพอใจในตัวนับดาว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกินข้าวไปด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“พอแล้ว นับทานไม่หมดหรอก”
“หึหึ กินเยอะๆ จะได้เต็มไม้เต็มมือ” นับดาวหน้าแดงเมื่อคนตัวโตก้มลงมากระซิบใกล้หูของเธอ คนบ้านี่ เขาเคยอายบ้างมั้ยนะ
ภาคินหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันมาตักกับข้าวเอาใจมารดาของเขาบ้าง
“คุณแม่ทานเยอะๆนะครับ”
“นึกว่าจะเอาใจแค่เมีย” เกศมณีกล่าวอย่างไม่จิงจังนัก พร้อมตักกับข้าวที่ลูกชายตักให้เข้าปาก
“หึหึ วันนี้คุณแม่มีแผนจะไปเที่ยวไหนเหรอครับ” ภาคินหัวเราะในลำคอก่อนจะเอ่ยถามมารดา
“แม่ว่าจะไปนวดสปากับน้าดาและหนูหนึ่งน่ะ แล้วแกก็ต้องไปส่งแม่ด้วย”
“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะวันนี้มีกิจกรรมที่บริษัทจัดให้พนักงาน ผมต้องคอยดูแลกิจกรรมทั้งหมด”
“เลขาก็มี ใช้ไปซิแกจะทำเองทำไม ไม่รู้แหละวันนี้แกต้องไปส่งแม่”
เกศมณีกวาดตามองไปยังนับดาว ก่อนจะแกล้งบังคับภาคินเพราะอยากรู้ว่าเจ้าลูกชายของเธอจะเลือกใครระหว่างแม่กับเมีย
“โอเคครับ แต่ต้องรอผมสั่งงานก่อนนะครับ” ภาคินเลี่ยงไม่ได้ที่ตอบตกลงมารดา เพราะเขาก็รักมารดามากเหมือนกัน
“หึหึ ก็แค่นั้น” เกศมณียิ้มอย่างพอใจ อย่างน้อยภาคินก็ยังเกรงใจเธออยู่
ส่วนทางด้านสองแม่ลูกก็พากันยิ้มในใจเมื่อภาคินยอมไปส่งพวกเธอ แผนที่วางกันไว้โดยไม่ให้เกศมณีรู้เรื่องจะได้เริ่มสักที
“มาวิน ฉันอนุญาตให้นายจัดการและตัดสินใจทุกอย่างได้เลยนะ” เสียงเข้มเอ่ยสั่งงานกับเลขาหนุ่ม
“ครับ ไม่ต้องห่วงครับเดี๋ยวผมจะจัดการทุกอย่างเอง”
มาวินรับคำเจ้านายอย่างมั่นใจ เพราะกิจกรรมที่จัดให้พนักงานนั้นเป็นการสันทนาการกระชับมิตรทั่วไป ซึ่งมีฝ่ายที่คอยดำเนินการอยู่แล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นงานหนักอะไร
“งั้นฝากด้วยนะ”
“ครับ”
ภาคินพยักหน้าให้มาวิน ก่อนจะเดินมากุมมือเล็กของนับดาวให้เดินตามเขามา
“คุณคินคะ เดี๋ยวนับอยู่ช่วยที่นี่ดีกว่าค่ะ” เสียงหวานเอ่ยออกมา เพราะเธอก็มาในฐานะพนักงาน ถ้าเขาพาเธอไปด้วยแบบนี้คนอื่นก็จะยิ่งนินทาเธอเข้าไปใหญ่
“ทำไม” ร่างสูงชะงักเล็กน้อยก่อนจะถามเสียงแข็ง
“ก็นับต้องทำงานช่วยคุณมาวินไง อีกอย่างนับก็เป็นพนักงานคนหนึ่งนะ”
นับดาวตอบเสียงอุบอิบ ถ้าให้เธอไปกับเขาแล้วต้องอึดอัดเวลาอยู่กับแม่เขา เธอขออยู่ที่นี่ดีกว่า ไหนจะสองแม่ลูกที่ไม่ค่อยชอบเธอนั่นอีก
“นับไม่อยากเอาเปรียบคนอื่น” ตากลมโตเงยขึ้นสบตากับสายตาคม
“เห้อ ตามใจ แต่คืนนี้เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันนะ” ภาคินถอนหายใจ ก่อนจะยอมให้นับดาวอยู่ช่วยงานมาวิน เขาคงต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้วแหละเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กของเขาคิดมากอย่างนี้
“งั้น ขับรถดีดีนะคะ” เสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินไปหามาวิน
“เดี๋ยว หอมก่อน”
“บ้า อายคนอื่น”
“งั้นก็ไปสปา” เสียงเข้มเอ่ยขู่เมื่อนับดาวไม่ยอมทำตามที่เขาบอก
“ไม่นะ.....”
“งั้นก็หอมก่อน”
นับดาวแลซ้ายแลขวาเพื่อดูว่ามีคนอยู่แถวนี้ไหม เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่แถวนี้ เธอจึงรีบเขย่งปลายเท้าเพื่อหอมแก้มภาคิน ริมฝีปากเล็กแตะลงบนแก้มสากอย่างแผ่วเบาก่อนจะรีบชักออกมาอย่างรวดเร็ว
ฟอดดด
“พอใจรึยังคะ” นับดาวถามด้วยความอับอาย
“ยัง”
ฟอด....พูดจบภาคินก็ก้มลงไปสูดความหอมจากแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินผิวปากไปอย่างอารมณ์ดี
“คนบ้า”
นับดาวได้แต่บ่นอุบอิบให้คนตัวโตที่ขยันทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอยู่เรื่อย ก่อนจะหันหลังเพื่อเดินไปช่วยงานมาวิน