D.O.25
“ทำไมไปพูดกับคุณหญิงอย่างนั้นละคะ” นับดาวเอ่ยขึ้นถามร่างสูง เมื่อเกศมณีออกจากห้องไปแล้ว
“เท้าเป็นอะไร” ภาคินไม่ได้ตอบแต่กลับถามเธอกลับ
“คุณคิน”
“เท้าเป็นอะไร”
“ข้อเท้าพลิกนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่เป็นอะไรมาก แล้วทีนี้คุณตอบคำถามนับได้รึยังคะ”
“อย่าห่วงเลย หรือจะให้โกหกท่าน”
ภาคินเอ่ยหน้านิ่งพร้อมอุ้มร่างบางขึ้น แล้วก้าวไปยังบนเตียงวางร่างเล็กที่ไม่ขัดขืนให้นั่งลงบนเตียงอย่างเบามือ
“ยังเจ็บอยู่อีกมั้ย” ร่างสูงถามอย่างเป็นห่วง คุกเข่ากับพื้นเพื่อดูข้อเท้าเล็ก
“ไม่ค่อยเจ็บแล้วค่ะ คุณออกไปคุยกับคุณหญิงเถอะ”
“นั่งเฉยๆ อย่าดื้อ เดี๋ยวก็เจ็บตัวอีก” เสียงเข้มเอ่ย พร้อมจ้องใบหน้าเนียนด้วยสายตาอ่อนโยน
“ค่ะ” นับดาวตอบอุบอิบ
ภาคินส่ายหัวให้ความดื้อของนับดาวเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนก้าวออกจากห้องเพื่อออกไปคุยกับมารดาเขาให้รู้เรื่อง
“คุณแม่ครับ”
ภาคินเอ่ยเรียกมารดาพร้อมเข้าไปกอดท่านไว้อย่างเอาใจ เวลานี้มารดาเขาโกรธอยู่ ถ้าเขายิ่งร้อนตามมารดาคนที่จะถูกเกลียดก็ไม่พ้นคนตัวเล็กในห้องนั่นแหละ
“ไม่ต้องมากอดแม่ ไปกอดแม่เลขานั่นซิ”
“โธ่ววว คุณแม่ครับ ผมรักใครคุณแม่รักด้วยไม่ได้เหรอครับ”
เสียงเข้มเอ่ยถามมารดา เขารู้ว่าแม่รักเขามาก จะให้เขาทำยังไงล่ะในเมื่อนี่ก็แม่ นั่นก็เมีย
“แล้วทำไมต้องเป็นแม่นี่ ผู้หญิงดีๆเขาคงไม่มานอนกับผู้ชายแบบนี้หรอก”
เกศมณีพยายามควบคุมอารมณ์ แล้วหันมาคุยกับลูกชาย
“ผมเป็นคนหลอกเขามาเองครับ” เสียงเข้มบอกหน้านิ่ง
“ออกรับแทนทุกอย่างเลยนะ คงหลงแม่นั่นน่าดู” เกศมณีเอ่ยประชดลูกชาย
“ผมไม่ได้หลงครับ แต่ผมรักเค้า” ภาคินเอ่ยเสียงหนักแน่น
เกศมณีชะงักเล็กน้อยที่ได้ยินลูกชายพูดคำว่ารักออกมา เธอเลี้ยงมากับมือทำไมจะไม่รู้ว่าภาคินนั้นยากแค่ไหนที่จะพูดคำว่ารักใครสักคน นี่เธอจะได้แม่เลขานั่นมาเป็นลูกสะใภ้จริงเหรอเนี่ย
“ผมรักแม่นะครับ”
ภาคินรู้ว่ามารดารักเขามากแค่ไหน คงไม่ยากที่จะทำให้ท่านยอมรับนับดาว แต่มันต้องใช้เวลา
“ไม่ต้องมาพูด”
เกศมณียังคงไม่ชอบนับดาว ผู้หญิงที่เข้าหาลูกชายเธอส่วนมากก็เข้ามาเพราะเงินทองของภาคินมากกว่า
“พูดแบบนี้คุณแม่ยอมแล้วใช่มั้ยครับ”
“แม่ไม่ได้ยอม แต่แม่จะคอยดูว่าผู้หญิงที่แกเลือกจะเป็นยังไง” เกศมณีเอ่ยอย่างงอนๆ
“ขอบคุณครับคุณแม่” ภาคินกอดมารดาไว้แน่นอย่างเอาใจ แค่นี้มารดาก็ยอมถอยให้เขาหนึ่งก้าวแล้ว
“เอ๊ะ ก็บอกแล้วไงว่าแม่ไม่ได้ยอม”
“เดี๋ยวว่างๆจะพาว่าที่ลูกสะใภ้ไปทานข้าวที่บ้านด้วยนะครับ”
“จะทำอะไรก็เชิญเลยพ่อตัวดี ยังไงแม่ก็ห้ามแกไม่ได้อยู่แล้วหนิ แล้วรู้จักผู้หญิงคนนั้นดีแล้วเหรอ”
“.............”
“ที่เงียบคงยังไม่รู้จักดีซินะ”
สิ้นเสียงมารดา ภาคินหันมาคิดกับตัวเอง นั่นซินะเขารู้จักนับดาวแค่ไหนเชียว เขามั่นใจว่าเธอคือคนที่มีพื้นฐานจิตใจที่ดี แต่ยังคงมีอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่รู้เกี่ยวกับนับดาว อย่างเช่นทำไมคนตัวเล็กไม่ค่อยยิ้ม ทั้งที่เวลายิ้มโลกนี้สดใสขึ้นมาเลยสำหรับเขา
“ไม่รู้ซิครับ เขาเป็นผู้หญิงที่แปลกมาก ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผมเลย เป็นผมซะมากกว่าที่คอยแต่เอาเปรียบเธอ”
เกศมณีมองลูกชายคนเล็กอย่างไม่อยากเชื่อ ที่ผ่านมาก็มีแต่ผู้หญิงหิวเงินเข้าหาภาคิน แล้วครั้งนี้มันจะเป็นไปได้เหรอที่ยัยเลขานั่นจะไม่หวังอะไร
“ถ้าแกพิสูจน์ได้ ว่าแม่เลขานั่นดีพอที่จะเป็นสะใภ้แม่ได้ แม่ก็จะยอม”
“หึ หึ แม่เตรียมมีลูกสะใภ้อีกคนได้เลยครับ” ภาคินเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ชิ งั้นแม่กลับละ แล้วก็ไปส่งเขาด้วย ยังไงซะเขาก็มีพ่อมีแม่”
“คร้าบบ เดี๋ยวผมลงไปส่งครับ” ภาคินยกยิ้ม มองคนปากแข็งที่ไม่ทันไรก็ใจอ่อนซะแล้ว
เมื่อลงไปส่งมารดาเสร็จแล้วภาคินก็รีบขึ้นมาบนห้องทันที ร่างสูงเปิดประตูห้องนอนอย่างร้อนใจ ตาคมมองร่างเล็กที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงกว้างอย่างเอ็นดู
“ไหนบอกหิว แต่หลับสบายเชียว”
ร่างสูงนั่งยองๆมองใบหน้าเนียนที่หลับตาพริ้ม นิ้วแกร่งค่อยๆเกลี่ยผมที่ปรกหน้าให้อย่างเบามือ
หัวใจแกร่งเต้นถี่ขึ้นมา แค่มองหน้าเฉยๆเขายังรู้สึกดีขนาดนี้เลย ถ้าได้กอดทุกคืนมันคงจะดี
“อือ ”
ร่างบางที่หลับอยู่ขยับตัว ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมา ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อใบหน้าคมอยู่ห่างแค่ไม่ถึงคืบ นับดาวรีบเด้งตัวขึ้นมาทันที แค่จะหลับตาพักแปปเดียวไม่คิดว่าจะเผลอหลับไป
“คุณหญิงกลับแล้วเหรอคะ”
“กลับแล้ว ถ้าง่วงก็นอน”
ภาคินยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะบอกเสียงอ่อน
“ไม่ง่วงแล้วค่ะ นับอยากกลับบ้านแล้ว”
“กินข้าวก่อนเดี๋ยวไปส่ง”
“แต่มันดึกแล้วนะคะ นับอยากกลับบ้านเลย”
“งั้นก็ไม่ต้องกลับ” เสียงเข้มบอกอย่างดุดัน
“กินก็ได้ค่ะ”
นับดาวยอมแต่โดยดี เมื่อความหิวเริ่มเข้ามาจู่โจมเธออีกครั้ง และไม่อยากขัดเขาอีก
“แล้วเท้าเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่มั้ย” ภาคินเอ่ยถามพร้อมจับเท้าเล็กขึ้นมาดู นับดาวเบิกตากว้างทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะจับเท้าเธอขึ้นมาดูด้วยท่าทางไม่รังเกียจอย่างนี้
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ”
“แน่ใจนะ” เสียงเข้มเอ่ยถาม สีหน้าดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“หายแล้วจริงๆค่ะ” นับดาวเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น ร่างบางลุกยืนขึ้นเพื่อยืนยันให้เขาเห็นว่าเธอหายเจ็บแล้วจริง เมื่อเห็นดังนั้นใบหน้าคมก็คลายกังวลก่อนกุมมือเธอออกไปด้านนอก
นับดาวมองจานสเต็กตรงหน้าอย่างลืมตัว ไม่คิดว่าอาหารที่เขาสั่งมาจะน่ากินขนาดนี้ จนน้ำย่อยเธอเริ่มทำงาน ไม่รอให้คนตัวโตบอก เธอก็นั่งลงบนโต๊ะแล้วจัดการอาหารตรงหน้าทันทีโดยไม่ทันสังเกตสักนิดว่ามีใครบางคนกำลังกลั้นขำอยู่
ภาคินมองคนตัวเล็กที่ตั้งหน้าตั้งตากินสเต็กอย่างนึกขำ ไม่ว่านับดาวจะทำอะไรมันก็น่ามองสำหรับเขาไปหมด
“ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวติดคอ”
“ไม่ได้รีบสักหน่อย”
นับดาวบอกเสียงอุบอิบ เบื่อคนรู้ทัน เธอแค่หิวมากไปหน่อยและอยากกลับบ้านแล้วด้วย เห้อ แล้วจากนี้มันจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย
“หึ หึ”
ภาคินหัวเราะในคอแกร่ง มองคนที่บอกว่าไม่รีบ แต่กลับเคี้ยวอาหารตุ้ยๆเต็มปาก