กว่าทั้งสองตายายจะปลอบประโลมเฟลิกซ์ที่ร้องไห้จนหยุดนั้นเล่นเอาซะทั้งคู่เหนื่อยหอบ
ที่เฟลิกซ์ร้องไห้เช่นนี้เป็นเพราะเขาเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก
ก่อนจะมายังยุคจีนโบราณเฟลิกซ์เขาคือคนที่ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในโลกเวทมนตร์โดยที่โลกเดิม (ยุคปัจจุบัน) นั้นเขาชื่อเฟลิกซ์เหมือนกันกับร่างที่เขามาอาศัยอยู่ในโลกเวทมนตร์ ร่างที่เฟลิกซ์เข้ามาอาศัยอยู่ในโลกเวทย์มนตร์นั้นเป็นเด็กกำพร้าแต่ก่อนที่เขาจะมาอยู่ (ยุคปัจจุบัน) ในโลกเวทยมนตร์เขาก็มีพ่อแม่เหมือนกันกับคนอื่นๆ แต่เพราะทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทำให้เขาต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุ 10 ขวบเขาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแม้แต่คนเดียว
คุณป้าสาที่อาศัยอยู่ข้างบ้านเป็นเพื่อนแม่ของเขาจึงรับเขาไปเลื้ยงเพราะเห็นว่าเขายังเด็กอยู่มากและคุณป้าสาก็ไม่มีลูกเขาจึงรับเฟลิกซ์เป็นลูกบุญธรรมส่งเขาเข้าเรียนจนจบม.6พอถึงเรียนต่อมหาลัยเขาอยากเรียนเกี่ยวกับสายการแพทย์แต่มันแพงมาก เขาจึงพยายามหาเงินเข้าเรียนเองเพราะไม่อยากรบกวนเงินจากคุณแม่บุญธรรม
พอเขาเรียนจบมหาลัยตอนอายุ 24 ปีคุณแม่บุญธรรมท่านก็จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ในวันนั้นเป็นวันที่เขาร้องไห้ออกมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสียไป
พองานศพคุณแม่บุญธรรมผ่านไปหลายเดือนเฟลิกซ์ก็พอทำใจได้บ้างแล้ว
เขาจึงตัดสินใจไปสมัครเป็นหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแต่ด้วยความที่เขาเก่งกาจและเฉลียวฉลาดทำให้เขาได้ย้ายจากโรงพยาบาลเอกชนเล็กๆ ธรรมดาไปอยู่โรงพยาบาลขนาดใหญ่และได้มีโอกาศไปศึกษาการแพทย์ที่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นแพทย์จีนโบราณ และแพทย์เกี่ยวกับการรักษาและศัลยกรรมรวมถึงศิลปะการต่อสู่และอื่นๆ อีกมากมายเพื่อเอาไว้ป้องกันตัวและเพราะเขาฉลาดและความจำดีจึงทำให้เขาเรียนจบหลักสูตรทั้งหมดภายใน 3 ปี
สาเหตุที่เขาตายจากโลกนั้น (ยุคปัจจุบัน) คือ 'ทำงานหนักจนป่วยตาย'ก่อนจะทะลุมิติเข้าไปในร่างขอทานที่โลกเวทมนตร์เขาได้รับประสบการณ์หลายอย่างที่นั้นและด้วยความอย่างรู้อยากเห็นทำให้เฟลิกซ์ได้มาอยู่ในโลกลมปราณ ณ ปัจจุบัน
เขาไม่มีครอบครัวมานานแล้ว พอมีคนชวนเขาไปอยู่ด้วยจึงได้ปล่อยน้ำตาที่กักเก็บไว้มานานหลายปีภายใต้ความร่าเริงออกมา
"พะ-เพราะเหตุใดพวกท่านจึง ฮึก ไว้ใจให้คนแปลกหน้าเช่นข้าไปอยู่ด้วยหรือขอรับ"ร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วยเพราะความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมดทั้งรู้สึกผิดทั้งดีใจ
ทั้งหญิงชราและชายชราต่างสลับกันลูบหัวลูบหลังเฟลิกซ์อย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า
"พวกข้าสองคนรู้สึกถูกชะตากับเจ้าอย่างไรเล่า"พูดเสร็จก็ดึงเฟลิกซ์เข้ามาสวมกอด
"ข้าก็เช่นกัน"ชายชรากล่าวเสริม
ผ่านไปสักพักชายชราก็เห็นว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วจึงเอ่ยชวน
"กลับเรือนกันเถิดนี้ก็ใกล้มืดค่ำแล้ว"ชายชรากล่าว
พอได้ยินอย่างนั้นเฟลิกซ์ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะช่วยพยุงหญิงชราที่ตอนนี้เป็นยายของตนลุกขึ้นแล้วพากันเดินออกไปนอกป่า
โดยหารู้ไม่ว่ามีคนผู้หนึ่งมองการกระทำของพวกเขาโดยไม่ละสายตาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาความหมายแล้วลอบใช้วิชาตัวเบาตามคนทั้งสามไปอย่างเงียบเชียบ
ระหว่างทางออกจากป่าเฟลิกซ์ก็ช่วยตากับยายเก็บผลไม้และสมุนไพร
พร้อมคิดในใจ
'ป่านี้อุดมสมบูรณ์จริงๆ '
หลังจากออกมาจากป่าก็เห็นเรือนไม้หลังหนึ่งที่มีขนาดเล็กตั้งอยู่ระหว่างป่าและหมู่บ้านที่ห่างออกไปนิดหน่อย
บ้านหลังนี้มีขนาดไม่เล็กเกินไปมีสวนผักอยู่หลังบ้านและเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่มีสองห้องคือสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว
ท่านยาย มีนามว่า เฟิงเฟิง
ส่วนคุณตา มีนามว่า เฟิงหมิง
พวกท่านทั้งคู่เห็นว่าเฟลิกซ์ความจำเสื่อม จึงตั้งชื่อให้ใหม่มีนามว่า เฟิงเย่
.....
เฟิงเย่ (ต่อไปนี้จะใช้ชื่อเฟิงเย่ในการอธิบาย) อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กับท่านตาและท่านยายได้สองวันแล้วหลังจากมาโลกนี้
ร่างบางทำงานช่วยทั้งคู่ทุกงานที่เขาสามารถทำได้เช่น ทำอาหาร เก็บสมุนไพร เก็บผลไม้ พรวนดินปลูกผัก และแอบใช้พลังเวทย์ในการจับสัตว์ต่างๆ เช่นสัตว์อสูรเฟิงเย่นำสัตว์อสูรมาทำเป็นเป็นอาหารให้ทั้งคู่ทานในทุกๆ วันโดยที่ไม่บอกว่ามันคือเนื้อของสัตว์อสูร
และสิ่งที่เฟิงเย่พึ่งรู้เกื่ยวกับเรื่องของโลกนี้คือ โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าพลังปราณพลังปราณ มีธาตุต่างๆ มีทั้งธาตุธรรมดา ไปจนถึงธาตุพิเศษและธาตุหายาก (พลังเวทย์มีธาตุเช่นกันแต่ต้องฝึกเองแต่ฝึกได้คนละธาตุสองธาตุเท่านั้นยกเว้นเฟิงเย่ที่ฝึกได้ทุกธาตุ)
ธาตุธรรมดา มี ดิน น้ำ ลม ไฟ
ธาตุพิเศษ มี แสง มืด สายฟ้า ไม้ น้ำแข็ง
ธาตุหายาก มี ธาตุมิติ
ธาตุมิติ ไม่พบผู้ใช้มามากกว่า 500 ปีแล้ว
ที่โลกนี้มีแคว้นใหญ่ทั้งหมด 4 แคว้นคือ
แคว้นต้าเหลียง เป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดใน4 แคว้นมีความอุดมสมบูรณ์
แคว้นโจว เป็นแคว้นที่มีการค้าขายแลกเปลี่ยนสิ่งของกับชาวตะวันตกหรือแคว้นต่างๆ
แคว้นหมิง เป็นแคว้นที่มีการส่งออกแร่เหล็กและการทำอาวุธ
แคว้นเว่ย เป็นแคว้นที่มีการส่งออกผ้าใหม่ชั้นดี และการล่าสัตว์เพื่อนำขนมาถักทอเป็นชุด
ตอนนี้เฟิงเย่อาศัยอยู่ในแคว้นต้าเหลียงซึ้นเป็นแคว้นที่ใหญ่ที่สุดในสี่แคว้น
ขณะที่เฟิงเย่กำลังใช้ความคิดวิเคราะห์โลกที่ตนอยู่ในตอนนี้ เสียงของท่านยาย ก็ปลุกเขาหลุดออกจากภวังค์แห่งความคิด
"อาเย่! "เสียงยายเรียงเฟิงเย่ดังมาจากหลังบ้าน
"อยู่นี้ขอรับท่านยาย! "
"มาช่วยยายปลูกผักเร็วๆ เข้า!! "
"ขอรับๆ! "กล่าวจบก็วิ่งไปที่สวนทันที
ในขณะที่เฟิงเย่วิ่งไปหายายของตนที่หลังบ้านนั้น
ก็ปรากฏบุคคลผู้หนึ่งขึ้นมาตรงที่เฟิงเย่เคยนั่งอยู่ร่างสูงโปร่งมองตามทางที่ร่างบางวิ่งเข้าไปแล้วคิดจะไปรายงาน'คนผู้หนึ่ง'เกี่ยวกับสิ่งที่เขาให้ตรวจสอบ เขามีความรู้สึกคุ้นเคยและคิดถึงสายหนึ่งแล้นเข้ามาในใจจนรู้สึกเจ็บปวดไปหมด แล้วคิด
'ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกินเฟิงเอ๋อร์' ' คิดในใจพร้อมกับทำสีหน้าเศร้าจึงทำให้อารมณ์แปรปรวนจนควบคุมพลังไม่ได้ไปชั่วขณะ
พรึ่บ!
และหายตัวไปจากตรงนั้นทันที
.
.
.
ไม่ใช่เฟิงเย่สัมผัสไม่ได้ว่ามีคนมองอยู่แต่เขาเห็นว่าไม่มีจิตสังหาร และ เฟิงเย่กางเวทมนตร์ป้องกันไว้แล้วจึงปล่อยไป
ตัดตัดตัดตัด
*มีคนบอกว่าตอนนี้อ่านแล้วงง?เราเลยแก้ให้ใหม่คะ แต่ไม่รู้ว่าจะอ่านเข้าใจกันหรือเปล่า*
เป็นกำลังใจให้ เย่เย่ ด้วยนะค่ะ
บุรุษปริศนาเป็นใครกันน้าาาา