ความต้องการของมนุษย์แม่
สวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางเมืองในขณะนี้ ผู้คนบางตาเนื่องจากเป็นเวลาทำงานของใครหลายคน ความร่มรื่นและเงียบสงบเป็นสิ่งดึงดูดให้คนเลือกที่จะมาพักผ่อนที่นี่ตามเวลาจะเอื้ออำนวย สำหรับผู้บริหารหนุ่มรูปงามแห่ง บริษัท เอ เอ็น บี จิวเวอร์รี่ คอร์ป ผู้นำแห่งวงการธุรกิจเครื่องประดับเลือกที่จะหลบความวุ่นวายมาหามุมสงบและแรงบันดาลใจในการออกแบบเครื่องประดับ ที่ตั้งใจจะให้เป็นมาสเตอร์พีชประจำปีนี้ที่นี่เช่นกัน เพราะสวนสาธารณะแห่งนี้อยู่ติดกับบริษัทของเขา และทางบริษัทก็เป็นผู้บริจาครายใหญ่ทั้งที่ดินและงบประมาณในการดูแล แต่ก็ยกให้เป็นสาธารณประโยชน์แก่คนในเมืองนั้น
"เจมส์ ไม่ต้องตามฉันเข้าไป" คำสั่งสั้น ๆ ของเจ้านายทำให้ผู้ติดตามคนสนิทอย่างเจมส์ ต้องรีบบอกลูกน้องให้หยุดการติดตามเจ้านาย แต่กระจายคนดูแลความเรียบร้อยอยู่เพียงรอบ ๆ สวนสาธารณะนั้นแทน
เอ็นริเก้ ริเควซ่า เลือกที่จะนั่งที่ม้านั่งหลบมุมอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่หันหน้าเข้าหาสระน้ำ เผื่อว่าผืนน้ำนิ่ง ๆ จะทำให้ใจของเขาสงบจนทำให้สมองเกิดความคิดดี ๆ เกี่ยวกับงานมาสเตอร์พีชของเขาได้ สมุดเล่มเล็กที่หยิบติดมือมาด้วยถูกกางออก และเริ่มขีดเขียนออกไปตามความรู้สึก แต่แผ่นแล้วแผ่นเล่าที่ถูกขีดทิ้ง เพราะดูเหมือนว่าผืนน้ำนิ่ง ๆ จะไม่ช่วยให้ใจเขานิ่งขึ้นเลย
ก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์ :
"เอนร์ เมื่อไหร่ลูกจะเข้ามาดูกิจการแทนพ่อของลูกเสียที แม่สงสารพ่อเขานะ อายุก็มากแล้วยังไม่ได้พักผ่อนเหมือนคนแก่คนอื่น ๆ เลย" มาดามแห่งริเควซ่าเข้ามาหาลูกชายถึงสถานที่เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรของเอ็นริเก้โดยแท้ เพราะลูกชายตัวดีของเธอเล่นไม่ยอมกลับบ้าน เอาหน้าหล่อ ๆ ของเขาไปให้ผู้เป็นแม่ได้เจอบ้างเลย จะได้เห็นหน้ากันก็เป็นตามนิตยสารและหนังสือพิมพ์รายวันนั่นเอง
"โธ่! แม่ครับ พ่อกับแม่ยังไม่แก่เสียหน่อย ทั้งหล่อสวย ทั้งแข็งแรงจนหนุ่มสาวหลายคนยังต้องอิจฉาเลยครับ" ชายหนุ่มพูดไปตามที่เห็น ซึ่งก็ไม่เกินความจริงนักเพราะว่าการดูแลเอาใจใส่ในตัวเอง และผู้เป็นสามี ทำให้ทั้งคู่ยังดูเป็นหนุ่มสาวอยู่ถึงแม้ว่าตัวเลขที่บ่งบอกถึงอายุจริงจะล่วงหน้าไปมากแล้ว
"อย่ามาปากหวานเปลี่ยนประเด็นเลย แม่ไม่หลงคารมณ์แกหรอก ตัวแกเองก็เถอะ อายุก็ป่านนี้แล้ว เมื่อไหร่จะแต่งงานมีเมียเป็นตัวเป็นตนเสียที แม่อยากจะอุ้มหลานจะแย่แล้ว เห็นแต่ข่าวควงคนนั้นทีคนนี้ทีรายวันเลย ถ้าแกไม่ปักหลักที่ใครเสียที แม่จะเป็นคนจัดการเลือกให้แกเอง แล้วถ้าถึงเวลานั้นแกจะมาบ่ายเบี่ยงไม่ได้นะ ลูกจะเอายังไงตอบแม่มา" มาดามริเควซ่า ระบายความต้องการที่อัดอั้นอยู่ในใจให้ลูกชายเพียงคนเดียวได้รับฟัง
"ใจเย็นครับคุณแม่ ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันหลายรอบแล้วว่า ผมยังไม่เจอแม่ของลูกเลยครับ สงสัยเนื้อคู่ของผมยังไม่มาเกิด" พูดเล่นเป็นปกติของชายหนุ่ม ตาก็ยังคงจดจ้องอยู่กับนิตยสารในมือ ที่ลงข่าวแฟชั่นโชว์เครื่องเพชรของบริษัทเขา โดยที่ยังไม่ทันได้มองใบหน้าอ่อนกว่าวัยของผู้เป็นแม่ จึงยังไม่ทันได้เห็นแววตาที่สั่นระริก และเริ่มเอ่อคลอด้วยน้ำใส ๆ
"ก็เพราะคุยกันหลายครั้งแล้วน่ะสิ แม่ถึงจะต้องจัดการให้แกเองแล้ว ไม่อย่างนั้นแม่คงไม่ได้อุ้มหลาน แกตอบมาสรุปว่าจะให้แม่หาเมียให้แกใช่ไหม" คำพูดแบบยื่นคำขาด แต่น้ำเสียงกลับสั่นไหวจนเข้าไปบาดความรู้สึกของผู้เป็นลูกเข้าอย่างจัง 'แม่นะแม่ ใช้มุขนี้อีกแล้ว ก็รู้อยู่ว่าเขาชนะได้ทุกอย่าง ยกเว้นน้ำตาของผู้เป็นแม่นี่แหล่ะ' เอ็นริเก้รีบวางนิตยสารในมือ เงยหน้ามองมนุษย์แม่ตรงหน้า แล้วเข้าไปกอดออดอ้อนอย่างปลอบประโลม ไม่อยากให้น้ำตาของแม่ต้องล่วงหล่นลงมาเปื้อนใบหน้าสวย ๆ ของท่าน
"ผมขอเวลาแม่ 3 เดือนนะครับ แล้วผมจะพาลูกสะใภ้มาให้คุณแม่สุดที่รักของผมเลย แม่อย่าร้องไห้นะครับ" พูดจบก็หอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่ แค่นี้ก็เรียกรอยยิ้มให้กับมาดามแห่งริเควซ่าได้แล้ว 'หึ ก็แค่นี้ล่ะ ต้องให้ฉันเสียแรงเรียกน้ำตาด้วย จริง ๆ เลยลูกคนนี้' นึกในใจแล้วก็เกิดหมั่นไส้ลูกชายตัวดี เลยตีเข้าที่แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของลูกชายเสียหนึ่งที
"ได้เลยลูกชายสุดที่รักของแม่ อีกแค่สามเดือนแม่รอได้ แต่ถ้าถึงเวลาครบกำหนดแล้วแกยังหาเมียไม่ได้ แม่จะเป็นคนหาให้แกเอง" มนุษย์แม่รีบปาดน้ำตาที่พยายามคั้นออกมาทิ้งทันที น้ำเสียงที่เคยสั่นไหวกลับมาใสปิ๊งเหมือนเดิม ก่อนจะพูดมาอีกประโยคที่ทำให้ลูกชายรู้สึกหนักใจขึ้นมาอีกรอบ "แล้วงานของตระกูลน่ะ แกก็หัดเข้าไปดูบ้างนะ ไปช่วยแบ่งเบางานของพ่อเขาบ้างนะลูก แม่กับพ่อจะได้มีเวลาไปพักผ่อนกันบ้าง แก่แล้วนะ พ่อกับแม่น่ะ"
"ครับแม่" เพราะไม่อยากให้คุณแม่สุดที่รักใช้มุขเดิมอีก จึงต้องรีบรับปากไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อได้คำตอบที่ต้องการแล้ว มาดามแห่งริเควซ่าก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังอย่างดี ที่จัดไว้สำหรับรับแขกที่เข้ามาในห้องของผู้เป็นเจ้าของอาณาจักร จัดเสื้อผ้าแบร์นดังบนตัวให้เรียบร้อย เนียบทุกกระเบียดนิ้ว แล้วจึงหยิบกระเป๋าหนังเข้าชุดเดินออกจากห้องไป ทิ้งความหนักใจเอาไว้ให้ลูกชายถึงสองเรื่อง 'แสบจริง ๆ แม่ใครนะ อยู่ ๆ ก็เอาระเบิดมาทิ้งไว้ให้กันสองลูกเลย' เอ็นริเก้ ได้แต่คิดในใจในขณะลุกขึ้นเดินส่ายหัวไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนเอง
ก๊อก..ก๊อก.. เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่แคลร์เลขาสาวสวยของเขาจะเอาการ์ดเชิญไปงานเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่ของบริษัทสาขาในประเทศไทยมาให้
"สาขาที่ไทยส่งการ์ดเชิญให้คุณเอนร์ไปงานเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่อาทิตย์หน้านี้ค่ะ" เลขาสาวสวย ผิวขาวเนียน ตัดกับผมสีดำที่ยาวสลวยมาจนถึงกลางหลัง และกรอบแว่นสีดำที่ล้อมรอบตีกรอบให้ดวงตากลมโตมีประกาย สาวสวยขนาดถ้าเป็นคนอื่นคงได้ร่วมกิจกรรมบนเตียงกันไปแล้ว หากแต่เธอผู้นี้ได้ถูกจับจองจากเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแห่งนี้เสียก่อน เธอผู้นี้จึงกลายมาเป็นเพื่อนไปโดยปริยายนอกจากตำแหน่งเลขานุการของผู้บริหารทั้งสอง
"ริคจะกลับจากอิตาลีวันไหน?" ชายหนุ่มรับการ์ดมาเปิดอ่านเพื่อดูรายละเอียด และต้องเช็คตารางงานของเพื่อนด้วย เพราะว่าปกติเขากับริคาโด จะต้องสลับกันเดินทาง เพราะต้องมีสักคนที่อยู่บริษัทเพื่อตัดสินใจหากมีงานหรือเรื่องสำคัญเร่งด่วน
"อีกสองวันค่ะ ทันกำหนดงานที่ไทย คุณเอนร์จะให้แคลร์จัดการเรื่องการเดินทางให้เลยไหมคะ?"
"อืมม์" ตอบสั้น ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาสนใจกับกองเอกสารตรงหน้า เลขาสาวผู้รู้หน้าที่เดินกลับออกไป จัดการเรื่องจองเครื่องบิน ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นเครื่องบินของตระกูลริเควซ่าเอง และก็เรื่องของโรมแรมที่ประเทศไทยด้วย
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น