ตอนที่หนึ่งร้อยแปดสิบสอง การพยักหน้าส่งสายตา
การพยักหน้าส่งสายตาไปมาของพวกจิ้งจอกเฒ่านี่เป็นอะไรที่ผมรู้สึกว่าน่ารำคาญนิดหนึ่ง ว่าพวกเอ็งจะเป็นอะไรกันนักกันหนา?
โดยเฉพาะช่วงหนึ่ง
ที่อำมาตย์หวังทำท่าเดินลมปราณแต่โดนนักพรตคิ้วขาวแตะที่บ่าข้างหนึ่งและโดนจูกัดเจี๊ยะอั้วจับมือข้างหนึ่งไว้
จากสายตามองไปทางอี้จิง
อำมาตย์หวังจะสังหารอี้จิงกลางงานนี้?
ฟู่
ผมลอบถอนหายใจ
รอดไปนะอำมาตย์หวัง ที่นักพรตคิ้วขาวแตะร่างกายและจูกัดเจี๊ยะอั้วช่วยกันส่งสายตาห้ามเอาไว้
ไม่อย่างนั้น ตามบัญญัติไตรยางศ์ตอนนี้ อี้จิงอาจจะเหนื่อยแรงหน่อยแต่ฆ่าปรมาจารย์ยุทธได้แน่นอน
ผมคงไม่มีฉากให้เป็น”พี่ชายที่แสนดี” ที่คอยปกป้องน้องสาวเลยแฮะ
ผลจากการที่ผมพยายามอัพค่าพลังของอี้จิงแบบไม่หยุดหย่อนมากว่าครึ่งปีนี่เอง
เธอมีพลังที่สามารถฆ่าอำมาตย์หวัง หรือแม้แต่ท่านย่าได้
แต่เธอก็ยังเคารพพวกเขาด้วยพลังม่านประเพณี
นึกให้ดีทางเทคนิค ที่อี้จิงต้องไปแต่งงานกับองค์ชายแบบ”ไม่เต็มใจ”ก็เพราะพลังม่านประเพณีนี่หว่า
ท่านย่าก็ไม่ได้จะควักอาวุธขึ้นมาจี้คออี้จิงให้แต่งงานเสียเมื่อไร
ผมรู้สึกผิดหวังพอสมควร นึกว่าจะได้เห็นฉากดราม่าต่างๆในงานหมั้นตามแนวโรมานซ์แต่เรื่องจบลงก่อนด้วยการส่งสายตาไปมาของพวกจิ้งจอกเฒ่า
ต่อไปนี้ผมต้องฝึกพลังอ่านใจดีหรือเปล่าหว่า?
แต่ศาสตราจารย์สเนปเตือนว่า จิตใจคนไม่ใช่หนังสือ อ่านเส้นสายลมปราณก็พอจะอ่านอารมณ์อะไรได้พอสมควร แต่มันก็ไม่ใช่”อ่านใจ”อยู่ดี
ไม่ล่ะ เป้าหมายของผมคือต้องทำฮอร์ครักซ์ก่อน
เผื่อ”ตาย”ไปผมจะได้ยังสามารถเป็นผีหลอกวิญญาณหลอน สามารถค่อยๆสร้างร่างของตนเองใหม่ได้โดยการไปสิงชายหนุ่มบ้านนอกคอกนา จากหมู่บ้านที่อ่อนแอที่สุด ในเมืองที่อ่อนแอที่สุด ในอาณาจักรที่อ่อนแอที่สุด ของทวีปที่อ่อนแอที่สุด ของดาวที่อ่อนแอที่สุด ของสุริยะจักรวาลที่อ่อนแอที่สุด ในจักรวาลที่อ่อนแอที่สุด..เอ่อทุกคนก็คงจะพอนึกออกล่ะนะครับว่าประมาณไหน
และเหนืออื่นใด ท่ามกลาวการกล่าวคำพูดของผม พวกจิ้งจอกเฒ่าก็ยังปรับเปลี่ยนสีหน้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ด้วย
แต่ผมสังเกตสีหน้าเดาได้ว่า อี้จิง หยวนเทียนกังและพวกคนอื่นๆที่มีพลังด้อยกว่า แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการเมือง สังเกตความเปลี่ยนแปลงๆเล็กๆน้อยๆนี้ออก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ผมนับถือพวกนี้เลยให้ตายสิ
จะฆ่ากันอยู่วินาทีหนึ่ง อีกวินาทีถัดไปหัวเราะตบหลังตบบ่าคำนับกันไปมาได้อีกแล้ว
ผมล่ะเชื่อมันเลย รู้สึกถอนหายใจลึกๆที่ตนเองพยายามญาติดีกับพวกนี้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
หากเป็นศัตรูกับพวกนี้ที่จะฆ่าคนได้ทุกวินาที ผมชักเข้าใจพระเอกแนวปราณยุทธแล้วว่าทำไมถึงต้องฆ่าล้างตระกูล...เฮ้ย ไม่สิ ตั้งสติไว้ก่อน อย่า going native เข้ากันได้ดีกับคนท้องถิ่นมากเกินไป
ต้องรักษามุมมองของเราไว้ เพราะจะเป็นประโยชน์ในการมองหาหนทางใหม่ๆในการแก้ไขปัญหาได้
ไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบฆ่ามันให้หมด ไม่ต้องคิดอะไร ซึ่งผมก็ยอมรับ ว่าพระเอก นางเอก ตามเนื้อเรื่องหลักก็ใช้วิธีแก้ปัญหาแบบฆ่ามันให้หมดเหมือนกัน ทั้งที่ตอนแรกๆก็ยังเคารพพลังม่านประเพณีอยู่ แต่ค่อยๆฆ่ากันในช่วงหลัง
อ๊ะ ผมรู้สึกเหมือนจับจุดของพวกนี้ได้ หมายความว่าพลังม่านประเพณีมีพลังควบคุมพระเอกนางเอกได้จริงๆหากเราใช้ดีดีงั้นหรือ?
ที่สามารถไล่ฆ่าคนในวังหลวงได้เพราะตอนนั้น ระเบียบธรรมเนียมสูญเสียไปหมดแล้วจากการฆ่ากันไปมา
ตอนแรกพระเอกถึงไม่ได้ ยกดาบฆ่าคนตอนที่ฮ่องเต้ออกราชโองการให้ตนเองแต่งงานกับอี้จิงลูกสาวของอำมาตย์หวังตามเนื้อเรื่องของต้นฉบับ
อืมพูดถึงประโยชน์ของมุมมองที่แตกต่างนี่ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเลย พวกนี้จะไม่กล้าทำอะไร หากพลังม่านประเพณียังแข็งแกร่งอยู่
ผมต้องรักษามุมมองอย่างนี้ไว้ให้ได้ เพราะมันอาจจะเป็นพลังพิเศษอย่างเดียวที่ผมมีเหนือพวกขี้โม้พวกนี้
หยวนเทียนกังก็น่าจะจับการเคลื่อนไหวของพลังพวกนี้ได้ แต่ก็ตีสีหน้าไม่รุ้ไม่ชี้ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบเดิมได้
ผมค่อนข้างสรุปได้แน่นอนแล้วว่า การวางท่าคือทักษะชั้นสูงในโลกนี้
มิน่าพวกนี้ถึงไม่ว่าอะไรผมที่ผมวางมาดผู้รู้ เพราะทางเทคนิค ไอ้พวกนี้มันทำอย่างนั้นกันทั้งหมดนี่หว่า
นึกย้อนไปแล้วก็อดเขินนิดๆไมได้ แต่ผมคงต้องทำต่อไป ฮืม เจ้าพวกจิ้งจอกเฒ่าพวกนี้คงคิดว่าผมทำตามพวกเขาเลยไม่ว่าอะไรสินะ?
“และไซบัตสึนี่คือแหล่งภูเขาสมบัติที่มั่นคง ข้าคงไม่มีอะไรมากมาย แต่ขอมอบภาพอักษรภาพนี้และคำกล่าวอวยพร ให้กับการหมั้นหมายในวันนี้และความร่วมมือกันของพวกเราทุกคน”
“โอ้ ภาพวาดและคำอวยพรของท่านอาจารย์หยวน หวังลี่กับแม่หนูหลิงหลง หานซวงโชคดีจริงๆ”
“ฮา ฮา ฮา ท่านอำมาตย์หวังมีหน้ามีตาไม่น้อย”
“ฮา ฮา ฮา พวกเราคนกันเองทั้งนั้นอย่าได้เกรงใจ ข้ามีหน้าตา พวกท่านก็มีหน้าตาด้วย”
ครับ ผมนับถือพวกนี้จริงๆ เกือบจะฆ่าคนกันกลางงานเลี้ยงก็ยังหัวเราะกันต่อไปได้ ถึงทางเทคนิค หากเขาลงมือจริงๆคนที่ตายจะเป็นอำมาตย์หวังก็เถอะ