เจลกาหวีดร้องออกมาอย่างตกใจกลัวอีกครั้งเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าอย่างชัดเจน นอกจากหมาในเกือบยี่สิบตัวที่ล้อมรอบพวกหล่อนทั้งหมดไว้แล้ว ตัวการที่ทำให้ทั้งหมดติดตามหามาเนิ่นนานก็อยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างที่คิดเอาไว้ กฤษดาถูกจับขึงไว้บนเสาเหล็กขนาดใหญ่ไม่ห่างไปจากทุกคนมากนัก เพียงแต่ว่าเขาไม่ใช่กฤษดาในรูปแบบเดิมอีกต่อไป ตั้งแต่ช่วงลำคอลงไปจนตลอดถึงเท้าของนักวิจัยสัตว์ป่าหนุ่มหลงเหลือเพียงโครงกระดูกสีขาวหม่นและเศษชิ้นเนื้อเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าหวาดหวั่นคือบริเวณใบหน้ายังคงเป็นของกฤษดาอย่างชัดเจน และที่สำคัญเขายังไม่ได้ ดวงตาซีดเซียวทรมานคู่นั้นยังคงกะพริบและกวาดมองทุกคน ริมฝีปากแห้งผากจนแตกระแหงยังคงเปล่งเสียงเบา ๆ ว่าช่วยด้วยแทบจะตลอดเวลา ส่วนด้านหลังบนบัลลังก์ทองคำซึ่งอยู่มุมในสุดของอาคารพิพากษา เจ้าป่าผู้ทารุณนั่งเอกขเนกไขว่ห้างมองดูทุกคนด้วยสายตาเย็นชา
“แกทำแบบนี้ไปทำไม” เจลกาตะโกนถามด้วยความเกรี้ยวกราดหลังจากที่ทำใจยอมรับทุกอย่างได้แล้ว เจ้าป่าเลิกคิ้วก่อนตอบ
“เพราะพวกเจ้าทั้งหมดมันชั่วช้านัก ไอ้หนุ่มคนนั้น” เขาชี้ไปที่กฤษดาซึ่งไม่หลงเหลือสภาพของความเป็นคนแล้ว “มันเป็นพวกลักลอบค้าสัตว์ป่า มันกับเพื่อนอีกคนคอยส่งข่าวถึงแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าสำคัญหลายชนิดให้กับพวกนายพรานเข้ามาล่าเพื่อเอาไปขาย ส่วนตัวมันเองก็รับส่วนแบ่งไปใช้จ่ายอย่างสบายใจ มันไม่เคยสนใจถึงความเป็นตายของสัตว์ป่าสักตัวเดียว และนี่ก็คือโทษของมัน ตายก็ไม่ได้ อยู่ก็ไม่ได้”
“แกมันใจร้ายเกินไปแล้ว”
“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาตัดสินการกระทำของข้า”
“แล้วแกมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับเรา”
“ข้าเป็นเจ้าของผืนป่าแห่งนี้ สัตว์ป่าทุกตัวเป็นของข้า พวกเจ้าคือผู้บุกรุกที่โหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่าตัวไหนเสียอีก”
เจ้าป่าหยุดชะงักเล็กน้อย แล้วกระโจนลุกขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว
“ข้าว่าแล้วว่าพวกเจ้ามันช่างเลวทรามสิ้นดี พวกของเจ้าสังหารเสือของข้าไปแล้ว เฮอะ เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่ บังอาจนัก”
“สมควรแล้ว วันหนึ่งพวกแกทั้งหมดจะต้องได้รับกรรมในสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้”
หญิงสาวพูดเสียงดังฟังชัด เจ้าป่าตัวสั่นเพราะความหวาดกลัวก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่นก้องทั้งอาคาร
“ข้าไม่กลัว ข้ามีอำนาจอยู่เหนือกรรม พวกเจ้าสิต้องรับกรรมที่ตัวเองก่อเอาไว้”
สิ้นเสียงพูด หมาในทั้งหมดก็แยกเขี้ยวขู่คำรามจนทุกคนถอยกายอย่างลืมตัว แล้วก่อนที่ใครจะคาดคิดหรือป้องกันสิ่งใดได้ เจ้าตัวที่เป็นจ่าฝูงก็กระโจนงับขาของนักวิจัยสัตว์ป่าหนุ่มคนสุดท้ายอย่างชาญชัยแล้วกระชากลากออกมาอย่างรวดเร็ว เขาทันได้ส่งเสียงร้องเพียงแค่ครั้งหรือสองครั้งก่อนที่ตัวอื่น ๆ ก็รุมขย้ำจนร่างกายแหลกเหลวท่ามกลางความตะลึงงันของทุกคน หมาในปิศาจแย่งกันกินชิ้นส่วนของเขาอย่างตะกละตะกลาม
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าอยู่แถวนี้ รีบออกมา ไม่งั้นเพื่อนของเจ้าทุกคนก็กลายเป็นอาหารอันโอชะของลูก ๆ ข้า พวกเจ้าไม่มีทางเลือกมากนักหรอก”
เจ้าป่าตะโกนก้อง จ้องมองมายังหน้าประตูทางเข้าอาคารพิพากษา
ชายทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างตัดสินใจไม่ถูก อัคนีซึ่งถูกรุจตะครุบตัวไว้ก่อนที่จะเผ่นเข้ามาเป็นเหยื่อของเจ้าป่ากัดริมฝีปากอย่างตัดสินใจไม่ถูก เขาเหลือบมองรุจและประพันธ์ พบว่าคนทั้งสองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เอายังไง”
ผู้ช่วยหนุ่มถาม รุจมองประพันธ์ก่อนตอบ
“ผมมีแผน แต่คุณต้องรับปากว่าจะทำตาม”
“แผนอะไร”
“รับปากก่อนครับ”
“ไม่ จนกว่าฉันจะรู้ว่ามันคือแผนอะไร”
รุจถอนหายใจ
“ผมกับพี่ประพันธ์จะเข้าไปหลอกล่อเจ้าป่าเอาไว้ ส่วนคุณรีบไปตามหามีดของผมจากพรานทองดีแล้วตามมาสมทบกับเรา”
“ไม่ ฉันจะเป็นตัวล่อมันเอง”
อัคนีตอบหนักแน่น รุจส่ายหัวอย่างหงุดหงิดใจ
“ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องตอบแบบนี้ แต่คุณต้องฟังผมนะ” เขาเว้นระยะ สูดลมหายใจลึกยาว “ตามตำนานที่เล่ากันต่อมา คนคนเดียวที่จะทำลายล้างอาถรรพ์และปลดปล่อยคำสาปของเจ้าป่าได้ก็คือคนที่สร้างเจ้าป่าขึ้นมา ผมไม่รู้หรอกว่าจะใช่คุณไหม แต่ลางสังหรณ์ของผมบอกว่าคุณเท่านั้นที่จะทำหน้าที่นี้ได้ ถ้าหากคุณไม่ทำ รับรองว่าพวกเราไม่รอดไปจากที่นี่แน่ คุณไม่มีทางเลือกมากนักหรอก”
“แต่ฉัน”
“เถอะนะ ถือว่าผมของร้อง ผมกับพี่ประพันธ์จะช่วยพวกเราเอง คุณรีบไปตามหามีดศักดิ์สิทธิ์เถอะ ก่อนที่พรานทองดีจะเข้าถึงห้องเก็บสมบัติ”
อัคนียังคงนิ่งคิด รุจจึงกล่าวมาโดยเร็ว
“มีดเล่มนั้นจะอาคมเสื่อมทันทีที่เข้าไปในห้องเก็บสมบัติ”
“นายโกหก”
“ผมพูดจริงครับ ถ้าคุณไม่รีบ เวลาจะไม่พออีกแล้ว”
ในที่สุดเขาก็พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจมากนัก
“ตกลง ทำตามแผนของนาย”
“’งั้นคุณเอาปืนของคุณไป แล้วเอาดาบเล่มนั้นมาให้ผม อย่างน้อยมันคงจะช่วยถ่วงเวลาได้บ้าง”
อัคนียื่นดาบส่งให้ทันทีก่อนจะรับปืนพกประจำตัวกลับคืนมา ความร้อนวูบวาบแล่นผ่านมาตามกระบอกปืน ผู้ช่วยหนุ่มหันมองคนทั้งสองอีกครั้ง
“ระวังตัวด้วย”
“เช่นกันครับ”
เขามองหน้าของทั้งสองอยู่อึดใจก่อนผละจากไปตามเส้นทางเล็ก ๆ อันจะนำไปสู่ห้องเก็บสมบัติของกษัตริย์โบราณ รุจมองตามพลางคิดในใจ ผมขอโทษที่ต้องโกหกคุณ มีดจะถูกทำลายก็ต่อเมื่อผู้สร้างถูกบูชายัญในห้องพิพากษา และเจ้าป่าเองก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน
“ขอให้คุณทำสำเร็จนะ” เขาหันมาหาประพันธ์ พิทักษ์ป่าหนุ่มใหญ่ยกปืนลูกซองขึ้นมาตรวจสอบ “พร้อมนะครับพี่”
ประพันธ์เพียงยิ้มแล้วพยักหน้า ทั้งคู่รู้ดีว่าโอกาสรอดมีน้อยเพียงใด
อัคนีเดิน ๆ หลบ ๆ ตามทางเดินหินแคบ ๆ อันจะนำไปสู่ห้องเก็บสมบัติของเจ้าป่าผู้โหดร้าย มือกำปืนพกแน่นจนชื้นเหงื่อ ใจเต้นรัวเป็นกลอง หนึ่งคือเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคน สองคือไม่มั่นใจว่าพรานทองดีจะเข้าไปในห้องเก็บสมบัติหรือยัง ถ้าเข้าไปได้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงจบลงที่ความตายของพวกเขาทุกคน แล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงปืนดังสนั่นหลายนัดสลับกับเสียงเห่า ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ปะทะกันแล้ว เขาคิดพร้อมหันกลับไปมอง หวังว่านายจะปลอดภัยนะรุจ ผู้ช่วยหนุ่มข่มใจแล้วกัดฟันเดินหน้าต่อไป
บรรยากาศในทางเดินนั้นค่อนข้างจะมืดสลัว มีเพียงแสงสว่างจากคบเพลิงซึ่งปักอยู่บนผนังหินเป็นระยะ พอจะทำให้มองเห็นได้อยู่บ้าง เขาพยายามเดินอย่างเงียบเสียงด้วยความระมัดระวัง พรานทองดีเป็นคนเจ้าเล่ห์ มันอาจจะหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณไหนเพื่อซุ่มโจมตีเขาก็ได้ แล้วเขาก็มองเห็นร่องรอยแรกของพรานใจอำมหิต ซากหมาในห้าตัวนอนตายอยู่ในลักษณะแตกต่างกัน เลือดสีคล้ำ กลิ่นคาวคลุ้ง ผู้ช่วยหนุ่มมองก่อนจะเดินผ่านด้วยความระวังมากยิ่งขึ้น มีรอยเลือดนำไปเป็นทาง พรานทองดีกำลังบาดเจ็บ มันต้องเหมือนเสือลำบาก เจ็บแล้วบ้าเลือด ต้องระวังตัวมากกว่าเดิม
เส้นทางเดินยาวทอดไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด อัคนียังมองไม่เห็นหนทางว่าห้องเก็บสมบัติและพรานตัวร้ายอยู่บริเวณไหน เขาเดินตามทางเล็กแคบยาวไปเรื่อย ๆ จนเริ่มรู้สึกเหนื่อยอ่อน ฉับพลันนั้นเองก็บังเกิดเสียงอันคุ้นเคยกระซิบข้างหูว่า
“หลบ”
ผู้ช่วยหนุ่มทิ้งตัวกลิ้งไปด้านหน้าทันที อัคนีสัมผัสได้ถึงแรงลมที่เฉียดผ่านต้นคอไปเพียงเล็กน้อย เขาม้วนตัวแล้วพลิกกลับขึ้นมายืน หันหลังมาประจันหน้ากับศัตรูตัวร้าย พรานทองดีในสภาพอิดโรย เนื้อตัวมอมแมม มีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่งทั้งบริเวณหัวไหล่ ลำตัว แขนข้างซ้ายตกห้อย ดวงหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำรอยขีดข่วน มีเพียงดวงตาทั้งคู่เท่านั้นที่ยังคงฉายแสงราวกับอสรพิษร้าย นอกจากนั้นอัคนียังมองเห็นร่องรอยของความวิกลจริตอีกด้วย เขายกปืนขึ้นส่องไปยังร่างของพรานใจโหด
“หยุดเถอะพรานทองดี แกไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
พรานวิกลจริตเพียงมองแล้วแสยะเขี้ยวพุ่งตัวเข้ามาอย่างว่องไวจนเขาเหนายวไกไม่ทัน อัคนีเบี่ยงตัวหลบ คมมีดกรีดผ่านหน้าอกไปเล็กน้อย เมื่อเขาพลิกตัวกลับมา พรานใจโหดก็หายไปในทางเดินมืดสลัวเสียแล้ว ผู้ช่วยหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ พรานทองดีกลายเป็นบ้าจากความละโมบโลภมาก เพราะฉะนั้นเขาจึงยิ่งเป็นตัวอันตราย
ผู้ช่วยหนุ่มเดินลึกเข้าไปอีกจนกระทั่งเส้นทางมาสิ้นสุดลงบริเวณหน้าลานกว้างขนาดประมาณห้าคูณห้าเมตร มีประตูบานใหญ่ขวางกั้นอยู่ หรือว่านี่คือห้องเก็บสมบัติของเจ้าป่า เขาหรี่ตามองแล้วกวาดตาไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว เจ้าพรานใจทรามต้องอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้แน่ ไม่มีหนทางให้หลบหนีอีกแล้ว
แล้วก็เป็นไปอย่างที่เขาคาด พรานทองดีซึ่งหลบอยู่ในมุมมืดกระโจนพรวดออกมาพร้อมมีดอาคมในมือ ครั้งนี้อัคนีระวังตัวอยู่ก่อน เขาจึงดีดตัวหลบไปตั้งหลัก พรานใจโหดเสียหลักล้มกลิ้งลงบนพื้น ผู้ช่วยหนุ่มไม่ปล่อยให้โอกาสมีค่าหลุดลอยไป เขาบรรจงลั่นไกปืนโดยหมายเอาบริเวณหน้าอกเป็นเป้า เสียงเปรี้ยงดังสั่นกึกก้อง กระสุนอาคมนัดสุดท้ายทำหน้าที่ของมันอย่างเที่ยงตรง หัวตะกั่วพุ่งเข้ากลางหน้าอกของพรานอำมหิตซึ่งสร้างบาปกรรมมาอย่างมหาศาล พรานทองดีสะดุ้งสุดตัว แอ่นเกร็งแล้วม้วนตัวลงนอนแน่นิ่ง ไม่ขยับเคลื่อนไหวอีก ปิดฉากชีวิตบาปไปตลอดกาล อัคนีรีรอจนมั่นใจว่าได้สังหารศัตรูคนสำคัญของผืนป่าไปแล้วอย่างแน่นอน เขาจึงเดินเข้าไปแล้วกระชากมีดอาคมกลับมาไว้ที่ตัวเอง เพียงสัมผัสแรก ชายหนุ่มก็รู้สึกร้อนวาบอย่างไม่เคยเป็น ภาพแปลกประหลาดพุ่งผ่านตัวของเขาไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่จุดกำเนิดของเจ้าป่า จุดกำเนิดของมีดอาคมและดาบศักดิ์สิทธิ์ อดีตและความเป็นมาเมื่อหลายพันปีก่อน ทุกอย่างฉายผ่านตัวของเขาราวกับกำลังดูภาพยนตร์ชั้นเยี่ยม แล้วในที่สุดผู้ช่วยหนุ่มก็ลืมตา ถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคือใครและหน้าที่ของเขาคือสิ่งใด