EP.22
นานนับนาทีกว่าคนตัวโตจะผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง เหลือบมองมุมปากเปื้อนเลือดผู้ถูกกระทำด้วยสายตายากจะคาดเอา
"ปากหนูเป็นแผลเลย" ลิดาใบหน้าแดงระเรื่อบ่นอุบ ยกปลายนิ้วแตะมุมปาก เพียงแค่ผิวเนื้อสัมผัสแผลสดก็แสบซ่านจนต้องนิ่วหน้า
"ทีหลังอย่าต่อปากต่อคำ ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น"
"...ค่ะ"
"..." ท่อนแขนแกร่งตวัดขึ้นกอดอก หรี่สายตาสำรวจเด็กสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า บทจะเชื่อฟังก็เชื่อฟังจนน่าตกใจ
"พรุ่งนี้หนูมีเรียนบ่าย ขอไปเที่ยวด้วยได้ไหม"
"ที่นั่นไม่ใช่สนามเด็กเล่น" ครูซดักคอด้วยคำพูดเชิงห้ามปราม
"ไม่ไปก็ได้ค่ะ" ลิดาหน้าเสียเล็กน้อยเพราะถูกปฏิเสธโดยไร้คำพูดรักษาน้ำใจ เธอเพียงแค่อยากรู้ว่าผู้คนที่เขาทำงานกลางคืนมีชีวิตกันแบบไหนเท่านั้นเอง ไม่ได้มีจุดประสงค์จะเข้าพัวพันหรือลุ่มหลงตามแสงสี
ท่าทีเหล่านั้นไม่สามารถเรียกความน่าเอ็นดูหรือความสงสารจากชายหนุ่มได้แม้แต่ปลายนิ้วก้อย เขาเลี่ยงไปหยิบโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์ก่อนตรงออกจากห้อง ไร้บทสนทนาต่อ
ทิ้งให้เด็กสาวมองตามแผ่นหลังกว้างสายตาละห้อย คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาในหัว จะมีใครสักคนบนโลกนี้หรือเปล่า ที่จะสามารถทำให้ผู้ชายถือตัวอย่างครูซเป็นเดือดเป็นร้อนได้ ...คงไม่มี
ลิดาพ่นลมหายใจพรืดยาวอย่างคิดไม่ตก เธอจะสามารถชนะใจชายหนุ่มด้วยการทำให้เขายอมต่อสัญญาครบหนึ่งปีได้อย่างไรกัน ต้องเอาอกเอาใจแค่ไหน ต้องใส่ใจและมอบความรู้สึกดีๆให้หรือเปล่า
มือเล็กยกขึ้นตีหน้าผากกระตุ้นสมองหวังให้โลดแล่น คงเป็นเวรกรรมของคนไม่เคยมีแฟน รู้แบบนี้สารภาพรักกับรุ่นพี่ที่โรงเรียนแล้วก็จบ จะได้รู้ว่าการมีความรักมันเป็นแบบไหน หากถูกปฏิเสธหรือทำร้ายน้ำใจจะได้รู้รสชาติการเจ็บปวดและผิดหวัง ไม่ใช่มานั่งกุมขมับจินตนาการความรู้สึกเอาเองแบบนี้
"หกเดือนก็หกเดือน" เด็กสาวยกธงขาวยอมแพ้อย่างจนปัญญา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลอกลอกแลกสำรวจห้องกว้างอีกครั้ง ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะได้มีโอกาสมาสัมผัสความหรูหรา
...แต่นั่นก็ไม่ช่วยชาร์จพลังงานให้กับร่างกายได้เท่ากับการพักผ่อนอยู่ดี เด็กสาวละความสนใจไปเปลี่ยนชุด จากนั้นตรงเข้าไปในห้องนอน แล้วผล็อยหลับด้วยความเมื่อยล้า
.
.
ลิดางัวเงียตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันใหม่ มือเล็กดันกับพื้นเตียงลุกขึ้นนั่งพลางค่อยๆปรือตา ใช้เวลานานนับนาทีกว่าจะโฟกัสภาพตรงหน้า หันมาสำรวจข้างกายกลับพบเพียงความว่างเปล่าไร้ร่างกำยำของใครอีกคน
หมอนใบใหญ่สีขาวไร้ความตึงเรียบเหมือนถูกใช้งานมาแล้วก่อนหน้า เป็นข้อสันนิษฐานชั้นดีว่าชายหนุ่มกลับมานอนพักและตื่นก่อน เธอนั่งสะลึมสะลือสักพัก เสียงแจ้งเตือนข้อความจากใครสักคนก็ดังขึ้น
เด็กสาวบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะยื่นมือคว้าเอาโทรศัพท์ ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นทันทีที่เห็นเบอร์มารดาโชว์อยู่บนหน้าจอ หัวใจเต้นโครมครามราวกับว่ามีคนตีกลองรบอยู่ใกล้ๆ เธอไม่ชินกับการโกหก แต่มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ หวาดระแวงกลัวถูกจับได้ กลัวสิ่งที่ทำจะพลอยให้พ่อแม่ผิดหวัง ปลายนิ้วหัวแม่มือปัดรับสายอย่างไม่มีทางเลือก
"ค่ะแม่"
[ลิดา เพิ่งตื่นเหรอลูก] เด็กสาวชะงักไปเมื่อปลายสายเป็นเสียงของผู้เป็นพ่อ มือเรียวกำผ้าห่มผืนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ พยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติไม่มีพิรุธที่สุด
"ค่ะพ่อ พ่อมีอะไรหรือเปล่าทำไมถึงได้ใช้เบอร์แม่โทรมาล่ะ"
[โทรศัพท์พ่อตังค์หมดน่ะ เป็นไงบ้าง หลับสบายไหม วันหยุดจะได้กลับบ้านหรือเปล่า]
"ไม่แน่ใจค่ะพ่อ ถ้าหยุดหนูจะรีบโทรบอกนะคะ] เพราะการเป็นเฟรชชี่ในช่วงเทอมแรกไม่มีเวลาแน่นอน บางครั้งพี่สต๊าฟเรียกเข้าประชุมกะทันหันก็มี อีกอย่างพวกเธอก็ยังไม่ได้จับสายรหัส ได้ยินข่าวคร่าวๆว่าจะมีการจับสายรหัสภายในสัปดาห์นี้อีกด้วย
[เดินทางสะดวกไหม ให้พ่อไปรับไปส่งหรือเปล่า แต่ถ้าหนูไม่สะดวกก็เรียกพ่อว่าแท็กซี่ก็ได้นะลูก]
"โธ่ พ่อคะ... หนูบอกหลายรอบแล้วว่าหนูไม่อายเลยสักนิดที่พ่อขับแท็กซี่ เพราะอาชีพนี้ทำให้หนูได้โตมาจนถึงวันนี้ ทีหลังพ่ออย่าพูดแบบนี้อีกนะ สัญญาก่อน"
[พ่อเป็นห่วงความรู้สึกหนู]
"ถ้าห่วงก็อย่าคิดแบบเมื่อกี้อีก หนูสบายดีนะคะ จะเรียนให้จบ ...แม้จะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางก็ตาม" ประโยคสุดท้ายพูดแผ่วเบาจนปลายสายได้ยินไม่ชัดเจน เหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างกำหนดให้พูดไปแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว
[ลูกสบายดีก็ดีแล้ว เดี๋ยวพ่อไปทานข้าวก่อน จะได้ออกไปทำงาน]
"ขับรถระมัดระวังนะคะพ่อ"
[ตั้งใจเรียนล่ะ]
"รับทราบค่ะ"
วางสายจากผู้เป็นพ่อได้เพียงไม่นาน เบอร์ปริศนาก็โทรเข้ามาพร้อมกับคำสั่งยาวยืด โดยไม่ต้องสันนิษฐานคาดเดาให้มากความ ก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงดังกล่าว
...หลังจากรับคำบัญชาเสร็จสรรพ ก็ถึงเวลาไปอาบน้ำ ต่อด้วยการเดินทางไปเข้าเรียนในช่วงบ่าย ครั้นถึงเวลาเลิกเรียนก็เห็นพายุมารอรับที่หน้าตึก ลิดาจำต้องหันไปเอ่ยลาวิวและปูเป้เพื่อนใหม่หมาดๆ ตามพายุไปขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ
"อุ้ย!" ความตกใจทำให้ลิดาอุทานเสียงหลงเมื่อเห็นศาสตราจารย์หนุ่มนั่งหน้านิ่งรออยู่บนรถในชุดสูทดูดี รอสังเกตปฏิกิริยาคนตัวโตอย่างชั่งใจก่อนก้าวขาเรียวขึ้นไปนั่งบนรถ บรรยากาศเงียบสงัดชวนตึงเครียดในเวลาเดียวกัน เสียงคลื่นจากด้านนอกดังเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ ในตอนที่รถยนต์แล่นอยู่บนท้องถนนใหญ่
ไม่รู้อะไรดลใจให้ลิดาเหลือบไปเห็นภาพรวมหมู่ของชายหนุ่มจังหวะมองหาอะไรเรื่อยเปื่อย รู้ตัวอีกทีก็เผลอยื่นมือไปหยิบภาพปริศนาขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะ ดวงตากลมทำหน้าที่สแกนภาพรวมแล้วรีบเก็บลงตำแหน่งเดิมเกรงว่าคนตัวโตจะดุให้
"คุณไม่สอนจีอี เสรี หรอกเหรอคะ" เมื่อเห็นว่าเขากำลังจ้องการกระทำของเธอเป็นต้องสะดุ้งตัว ก่อนเฉไฉชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อเบนความสนใจ
"ไม่" เขาตอบปัดรำคาญ เบือนหน้ามองไปทางอื่น ไม่วายถูกคนตัวเล็กใช้นิ้วสะกิดข้อศอกเบาๆ
"ตอนคุณยืนอยู่กับเพื่อน เหมือนพวกมาเฟียในหนังเลย" พร้อมกับชะโงกหน้าจิ้มลิ้มมากระซิบกระซาบ เกรงว่าพายุและลูกน้องอีกคนซึ่งประจำตำแหน่งคนขับจะรำคาญ
"อืม"
"พี่แพทยิ่งเตือนหนูอยู่ว่าอย่าไปอยู่ใกล้พวกมาเฟียเดี๋ยวจะซวยเอา หนูเคยเห็นหมอเลโอผ่านทีวีด้วย คนนี้เบื้องหลังได้ข่าวว่าเป็นมาเฟีย"
"ถ้าเจอมาเฟีย ...จะทำยังไง" เขาตั้งคำถามโดยไม่คาดหวังกับคำตอบ
"ถามแปลก หนูก็วิ่งหนีสิคะ คงไม่สมองกลับถึงขั้นตามไปนอนด้วยหรอก" ลิดาพูดไปขำไป ใครๆก็รู้ว่าพวกมาเฟียโหดเหี้ยมขนาดไหน ขืนเผลอเข้าใกล้ ถามเซ้าซี้ มีหวังได้ตายคาที่แน่ๆ
"น่าคิด"
"อ้อ! พรุ่งนี้มีจับสายรหัส เผื่อวันไหนมีกินเลี้ยงหนูขออนุญาตไปกับสายรหัสนะคะ"
"จะไปไหนก็ไป" แทบอยากกระโดดโลดเต้นแต่ต้องสงวนท่าทีเอาไว้ พี่สต๊าฟแอบกระซิบมาว่ารุ่นพี่มักพาไปเลี้ยงหมูกระทะสามคืนติด นิยามคำว่าของฟรีและอร่อย ยากที่ลิดาจะปฏิเสธ มิหนำซ้ำ ห้วงเวลานั้นยังเหมาะแก่การสร้างความสัมพันธ์ เพื่อหวังจะให้รุ่นพี่ช่วยแนะนำแนวทางในการเล่าเรียนได้อีกด้วย
"ขอบคุณค่ะ"
"อืม"
"เดี๋ยวว่างๆหนูจะเลี้ยงหมูกระทะตอบแทน"
"ฉันไม่กินอาหารไร้ประโยชน์"
***************************************
***บทนี้อาจมีการรีไรต์นะฮับ สมองเบลอ ตะหงิดๆ หัวเราะทั้งน้ำตา🤣🤣🤣