Introduction
บนโลกใบนี้ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ บางคนบกพร่องด้วยสภาพแวดล้อม บางคนเลือกที่จะทำตัวบกพร่องด้วยน้ำมือของตนเอง อาจเพราะโลกใบนี้ไม่สมบูรณ์แบบมาตั้งแต่แรก โดยเฉพาะเมืองล้มละลายแห่งนี้ กลิ่นอายดำมืดคลื่นเหียนซ่อนตัวอยู่ตามตรอกอับลับตาคอยจิกทึ้งผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาโดยไม่ทันระมัดระวังตัว พื้นที่แสงสว่างส่องไม่ถึงเต็มไปด้วยความเสื่อมโทรม ผู้คนเดินผ่านแทบไม่มองหน้าสบตากันด้วยซ้ำ ต่างคนต่างอยากทำธุระของตัวเองให้เสร็จโดยไวโดยไม่ไปสะดุดขาใครเข้า
....โดยเฉพาะบริเวณใกล้ทะเลสาบแห่งนั้น
เพื่อเป็นการข่มขู่ลูกหลานไม่ให้เข้าใกล้อันตราย จึงเรียกพื้นที่ตรงนั้นว่า ทะเลสาบกินคน
เวลานี้ทะเลสาบกินคนที่ถูกกล่าวถึงนั่นมีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันเกือบสิบชีวิต บรรยากาศโดยรอบรายล้อมไปด้วยควันสีจางอบอวลกลิ่นจำเพราะไปทั่วบริเวณ เสียงหัวเราะเฮฮาเกินพอดีดังลั่นในขณะที่หนึ่งคนในนั้นกำลังเล่ามุกตลกที่ฟังอย่างไรก็ไม่เห็นขำตรงไหน อาจเป็นผลมาจากต้นกำเนิดควันสีขาวขุ่นที่พวกเขาถืออยู่ในมือ
ทว่ากลับมีสองคนแยกตัวออกมาจากกลุ่มก้อน นั่งพิงโคนต้นไม้มองทอดสายตาออกไปตามผิวทะเลสาบ
"เอ้า"
มวนกระดาษยัดไส้กัญชาถูกเสียบเข้ามาในมือนาธานอีกครั้ง คนยื่นให้ตาเยิ้มแดงเรื่อแต่ยังคงครองสติได้เต็มร้อย ปากยิ้มให้มุกตลกเฝื่อนๆ พอเป็นพิธี
"พอแล้ว วันนี้ไม่มีอารมณ์ นายดูดไปคนเดียวเถอะ"
"เป็นอะไรอารมณ์ไม่ดี" แรนดี้ถามเพื่อนสนิทที่เป็นคนลากเขามาเองแท้ๆ กลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ
"เบื่อ ไม่อยากอยู่บ้าน"
"หมอนั่นมาอีกแล้ว? "
"อืม"
คนได้รับคำตอบที่เดาไม่ยากขำร่วนเบาๆ นี่ต่างหากเรื่องน่าตลกที่แท้จริงของเขา "มีพ่อใหม่ไม่ดีหรือไง"
"ดีบ้าดีบออะไรล่ะ หมอนั่นโผล่เข้ามาด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ต้องไม่ใช่เพราะตกหลุมรักแม่ฉันแน่ แล้วหมอนั่นก็ไม่ใช่พ่อฉันด้วย! "
"ก็ไหนว่าหมอนั่นมาจีบแม่นายไง"
"แต่มันเป็นคนของ 'บ้านนั้น' นะ นายก็บอกฉันเองนี่ว่าไม่ชอบมาพากล แค่ช่วยจับโจรที่ร้านให้ครั้งเดียว ไม่รู้แม่จะซาบซึ้งบุญคุณอะไรนักหนาถึงได้เชิญหมอนั่นมากินข้าวที่บ้านได้ทุกวี่ทุกวัน อีกอย่างคนดีๆ ที่ไหนไม่เคยปฏิเสธคำเชิญเลยสักครั้ง แสร้งทำเป็นพูดดีห่วงใยอย่างโน้นอย่างนี้ มีแผนการละสิไม่ว่า" มือเรียวพลันเอื้อมไปคว้ามวนกระดาษจากมือเพื่อนมาสูดเข้าเต็มปอดด้วยความหัวเสีย กลิ่นหญ้าไหม้อบอวลคลุ้งในลำคอขึ้นจมูกเผาสติไปชั่วขณะ ก่อนควันสีขาวจะถูกพ่นออกมาจากปากได้รูปสีแดงระเรื่อ "หรือมันคิดจะมาหาข่าวเล่นงานพวกเราจากฉัน"
"นายแค่สูบกัญชาไม่ได้ค้ายาเสพติดร้ายแรงเพื่อน แล้วก็ไม่มีพวกเราหรือพวกไหนทั้งนั้น นายกับฉันแค่มาหาความสุขชั่วครั้งชั่วคราวที่นี่เฉยๆ ไม่ใช่แขกประจำ แค่เพราะบ้านฉันอยู่ติดกับครูซหมอนั่นถึงได้เห็นฉันเหมือนเป็นน้องชาย เราถึงแวบเข้ามาในนี้ได้โดยไม่มีใครขัดขวาง"
"รู้แล้วน่า"
นาธานรู้ว่าแรนดี้ไม่อยากให้เขาเข้ามาพัวพันกับคนพวกนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าทะเลสาบเป็นแหล่งซ่องสุมยาเสพติด และครูซที่เขาพูดถึงก็เป็นคนควบคุมดูแลความเรียบร้อยของที่นี่อีกที เป็นตัวอันตรายเชียวละ
แต่เพราะบ้านร้านสักนั่น อิทธิพลลับๆ ที่ไม่มีใครกล้าพูดถึงทว่าต่างก็รู้กันดีอยู่แก่ใจ เพราะคนพวกนั้นคนของครูซจึงจำต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะหากถูกหมายตาขึ้นมาละก็ เป็นอันจบไม่สวยทุกราย
ตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งก็ลุกขึ้นแยกตัวออกจากกลุ่มใหญ่ เดินตรงเข้ามายื่นม้วนกระดาษติดไฟในมือให้นาธาน ทว่าแรนดี้กลับได้กลิ่นปลอมปนบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยจึงยกมือขึ้นขวางไว้ก่อน
"อะไร"
ชายหนุ่มยิ้มกริ่มก่อนจะจรดมวนกระดาษเข้าปากตัวเองสูดเข้าไปเฮือกใหญ่ สีหน้าเคลิบเคลิ้มเหลือบมองนาธานอย่างไม่น่าไว้ใจอย่างไรชอบกล "ของเล่นสอดไส้ใหม่จากแอรอน"
ของเล่นใหม่?
"แอรอนกลับมาแล้ว? "
"อืม นายลองหน่อยสิ รับรองถึงใจ" เจ้าตัวยังไม่วายคะยั้นคะยอให้นาธานลิ้มลอง
"ไว้คราวหน้าเถอะ พวกเราจะกลับแล้ว"
แรนดี้โยนมวนกระดาษที่เผาไหม้ไปเกือบครึ่งในมือลงพื้นก่อนจะลุกขึ้นยืนและใช้ปลายรองเท้าขยี้เหยียบซ้ำให้ดับสนิท "กลับกัน"
นาธานโคลงหัวตอบรับ ลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นเศษใบไม้ออกจากกางเกงและเดินตามหลังเพื่อนออกไป ไม่สนใจความหวังดีประสงค์ร้ายที่ชายหนุ่มอีกคนมอบให้ ทิ้งกลุ่มควันขาวขุ่นและเสียงหัวเราะไว้เบื้องหลัง ตรงกลับบ้านที่มีใครคนนั้นด้วยความไม่เต็มใจ
"แอรอนคือใคร ชื่อคุ้นชะมัด" นาธานเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่นึกไม่ออกว่าเป็นใครมาจากไหน
"คนผมแดงที่เคยอยู่ร้านสักนั่นไง ครูซเคยเล่าให้ฟังว่าถูกดีแลนจับได้เรื่องเอายามาปล่อยถึงได้ถูกไล่ตะเพิดออกไป สองสามปีแล้วมั้งจำไม่ได้เหมือนกัน"
คนฟังเลิกคิ้วพลางยักไหล่ไม่ใส่ใจ "ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องของเรา"
นาธานปัดเรื่องนี้ทิ้งไปไม่เก็บไว้ให้รกสมองอีก ปลายเท้าแตะเศษก้อนหินเล็กๆ ตามทางเดินเล่นตามประสา จะใครก็ช่างเถอะ ขอแค่ไม่สร้างปัญหาให้เขาก็พอ
"ช่วงนี้อย่าเพิ่งไปที่ทะเลสาบเลย ฉันไม่ชอบสายตาที่เซทมองนาย เหมือนหิวกระหายยังไงก็ไม่รู้ ไม่น่าไว้ใจ"
เซทคือผู้ชายคนที่ยื่นมวนกระดาษให้นาธานเมื่อครู่ อายุมากกว่านาธานและแรนดี้สองปี ที่สำคัญคือหมอนั่นแสดงออกชัดเจนมากว่าสนใจในตัวเขา
"เหมือนหมอนั่นไม่เคยทำ"
"ฉันไม่ไว้ใจของที่แอรอนเอามาใหม่ เอาเป็นว่าเราเลิกไปที่นั่นสักพักแล้วกัน แล้วก็ห้ามแอบหนีไปคนเดียวตอนที่ฉันไม่รู้ด้วย เข้าใจไหม"
"รู้แล้วน่า"
แรนดี้รู้ว่าเพื่อนตัวดีรับคำส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง มีแต่ต้องคอยจับดูไว้ให้ดีไม่ให้หมอนี่ก่อเรื่อง
นาธานไม่เคยคิดว่าชีวิตตัวเองขาดอะไร ไม่เคยอิจฉาเพื่อนที่มีครอบครัวครบถ้วนสมบูรณ์พร้อม การที่เขาไม่มีพ่อและมีเพียงแม่เลี้ยงดูเขาจนเติบโตมาคนเดียวไม่ใช่ปัญหา ดีเสียอีกที่ชีวิตไม่ต้องมีคนคอยบงการเพิ่ม เพราะฉะนั้นตั้งแต่เกิดและเติบโตมาจึงไม่เคยคิดว่าขาดอะไร แม้โยลันดาจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแต่เธอก็ให้เขาได้ทุกอย่าง ทั้งสองคนแทบเหมือนเพื่อนกันด้วยซ้ำ เธอให้อิสระการใช้ชีวิตของเขาอย่างเต็มที่
ตามใจมากไปจนบางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่เป็นอยู่แบบนี้คือตามใจหรือเอือมระอาจนปล่อยเลยตามเลยแล้วกันแน่
แม้เมืองเสื่อมโทรมล้มละลายนี้จะมอซอน่าเบื่อไปบ้าง แต่แม่ของนาธานก็นับว่าโชคดีที่สามีเหลือมรดกไว้ให้ก่อนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ มรดกที่ว่ามากพอให้เธอไม่ต้องทำอะไรไปทั้งชาติ แต่เพราะเธอยังมีภาระที่เรียกได้ว่าลูกชาย จึงเปิดร้านขายของที่ระลึกเป็นรายได้เล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละเดือน ถือเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งแก้เบื่อก็ได้ล่ะมั้ง
แต่ถึงบอกว่าชีวิตที่ไม่มีพ่อจะไม่เหมือนขาดอะไร การเป็นเด็กวัยรุ่นก็ทำให้นาธานกลายเป็นเด็กมีปัญหาโดยไร้สาเหตุได้เหมือนกัน
ร่างโปร่งเปิดประตูหน้าบ้านที่ไม่ได้ล็อก ตรงเข้าสู่ห้องข้างห้องครัวตามเสียงเคลื่อนไหวที่ได้ยิน บนโต๊ะอาหารมีพายเนื้อกลิ่นหอมฟุ้งวางอยู่ตรงหน้า ‘แขก’ ผู้ซึ่งนาธานไม่อยากต้อนรับ
เจ้าตัวนั่งกระแทกลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามคว้าถาดพายมาใกล้ตัวพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายหาเรื่องอย่างเปิดเผย แต่ก่อนที่ถ้อยคำกระทบกระเทียบจะหลุดออกจากปาก หญิงวัยกลางคนผู้มีใบหน้าหลอกลวงอายุจากการดูแลตัวเองเป็นอย่างดีก็ก้าวกลับเข้ามาจากทางห้องครัวเสียก่อน พร้อมแก้วน้ำองุ่นแดงในมือ
"กลับมาแล้วหรือพ่อตัวดี ที่โรงเรียนโทรมาบอกแม่ว่าลูกไม่เข้าชั้นเรียนช่วงบ่ายอีกแล้ว ครั้งที่สองของอาทิตย์นี้แล้วนะ"
เจ้าเด็กแสร้งทำตัวมีปัญหานี่หาเรื่องให้คุณครูโทรมารายงานเธอได้ทุกวัน เพราะเป็นโรงเรียนไฮสคูลขนาดเล็กมีนักเรียนไม่กี่ร้อยคน ทุกคนจึงแทบรู้จักกันหมดและคุณครูผู้ดูแลก็ใส่ใจมากพอที่จะเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในปกครอง โดยเฉพาะนักเรียนปีสุดท้ายที่ใกล้จะจบในอีกไม่กี่สัปดาห์
"ชั่วโมงกิจกรรมชมรมน่าเบื่อจะตาย ผมกับแรนดี้ก็เลยออกมาก่อน"
โยลันดากลอกตามองบนให้กับคำตอบแสนน่าปวดหัวของลูกชาย "แล้วไปไหนกันมา ....นี่กลิ่นอะไรน่ะ" อย่าดูถูกจมูกคนชอบทำอาหารอย่างเธอเชียว กลิ่นหญ้าไหม้ฉุนๆ ไม่สบายจมูกนี่อีกแล้ว!
"กลิ่นกัญชา" เสียงทุ้มจากแขกหนึ่งเดียวของบ้านเอ่ยตอบคำถามให้เธอได้อย่างแม่นยำ
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มตวัดมองคนแส่ไม่เข้าเรื่องด้วยความไม่พอใจ "ยุ่ง! "
"นาท! แม่บอกกี่ทีแล้วว่าให้พูดกับพี่เขาดีๆ "
"พี่ที่ไหน แน่ใจนะว่าแม่ให้หมอนี่เข้ามาในบ้านเพราะอยากยัดเยียดสถานะพี่ไม่ใช่พ่อ"
"นาธาน"
คราวนี้เป็นเสียงเข้มปรามเหตุด้วยเพราะเขาพูดจากับแม่ไม่ดี ยิ่งกระตุ้นให้เด็กแสบต่อต้านมากเข้าไปใหญ่ ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจคำเตือน อะไรที่ตรงข้ามกับความต้องการหมอนั่นเขาจะทำ!
โจเซฟถอนหายใจให้กับความเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมถึงถูกต่อต้าน เด็กนี่ไม่อยากได้พ่อคนใหม่ เขาเองก็ไม่อยากได้ลูกชายนิสัยเสียแบบนี้เหมือนกันละน่า
เห็นแก่ความดีของโยลันดา แม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับแผนการที่เขาได้รับ แต่เขาก็ยอมตักเตือน
"นายควรเลิกไปที่แบบนั้นได้แล้ว ของพวกนั้นไม่มีอะไรดี มีแต่จะบั่นทอนสุขภาพของนาย ตอนนี้นายยังเด็กยังกลับตัวทัน"
"เสือ..../โอ๊ย! แม่!! " คำพูดยังไม่ทันออกจากปากครบถ้วนดีด้วยซ้ำ ฝ่ามือหนึ่งก็ฟาดเข้าให้จนท่อนแขนขึ้นแนวแดง
"ลูกคนนี้นี่! คำพูดคำจาแต่ละคำมันน่าตีจริงๆ "
"แม่ตีไปแล้ว! " แถมเจ็บด้วย ตาสีน้ำตาลเข้มพลันถลึงมองคนที่เป็นสาเหตุให้เขาเจ็บตัว เป็นคนนอกแท้ๆ ทำไมแม่ถึงเข้าข้าง
"โจเซฟพูดถูกทั้งนั้น แม่บอกปากเปียกปากแฉะกี่ครั้งแล้วว่าอย่าไป เจอแรนดี้ครั้งหน้าจะจับมาอบรมพร้อมกันทั้งสองคน อย่าให้แม่ต้องกักบริเวณลูกอีกนะ"
กักบริเวณของมิสซิสโยลันดาคือห้ามออกจากห้องหนึ่งวัน โจเซฟนึกภาพเจ้าเด็กแสบนี่โดดหนีออกจากหน้าต่างห้องนอนบนชั้นสองได้โดยที่แข้งขาไม่หักด้วยซ้ำ เธอใจดีกับลูกชายเกินไป น่ากลัวจะเสียคนเข้าสักวัน
ทว่าเด็กแสบกลับไม่ฟังคำเตือน คว้าถาดพายเนื้อได้ก็วิ่งสะบัดก้นหนีขึ้นห้องนอน แต่ก่อนไปยังไม่วายหันกลับมาเอ่ยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันให้โจเซฟได้ยินเบาๆ
"ฉันต้องรู้ให้ได้ว่านายมีแผนการอะไร! "
TBC.
>>>>
พาเด็กแสบมาเพิ่มในคอลเลคชั่นอีกหนึ่งคนแล้วค่ะ ได้ฤกษ์ลงเสียที
รับรองว่าน่าตีไม่แพ้มาคัสเลย >< (หรือจะแสบกว่าก็ไม่รู้)
ความถี่ในการลงคือ ลงทุก 3 วันเหมือนเดิมนะคะ
ถ้าวันไหนติดธุระต้องเลื่อน นิลจะแจ้งทางเพจ นิลญมณี ค่า
นิลฝาก #โจเซฟนาธาน ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
ฝากเอ็นดูเด็กๆ หน่อยน้าาา