อันธพาล 28
เก้าเดินเข้ามากระชากแขนกวากวาให้เดินตามตนออกไป
“โอ๊ย เฮีย เบาหน่อยค่ะ”
“ทำไมพี่ต้องทำรุนแรงกับกวากวาด้วย”
ทิวเขาโพล่งออกมา เก้าหยุดเดินก่อนจะเดินกลับมายืนประชันหน้ากับอีกฝ่าย
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วย”
“เพราะกวากวาเป็นเพื่อนผมครับ”
“ถ้าอย่างนั้นมึงคงเข้าใจนะ ว่าเพื่อนกับผัวต่างกันยังไง”
ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งกวากวาเข้ามายืนแทรกระหว่างทั้งคู่
“ทิวเขา กวาไม่ได้เจ็บหรอก เฮียไม่ได้กระชากแรง กวาร้องไปอย่างนั้นแหละ”
กวากวายิ้มแหยๆ ให้ทิวเขา เก้าไม่ได้กระชากเธอจนเจ็บจริงๆ เธอแค่แกล้งร้องเพื่อก่อกวนเก้าเท่านั้น
“หือ?”
“จริงๆ เราแค่จะแกล้งเฮียน่ะ”
กวากวายืนยันซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าทิวเขาเหมือนไม่เชื่อ
นานะและพริ้มซึ่งยืนมองเหตุการณ์อยู่จึงเข้ามาช่วยเพื่อนตุ๊กตาของพวกเธออีกแรง
“กวามันบอกไม่เจ็บก็ไม่เจ็บสิทิวเขา”
พริ้มเดินเข้ามาตบบ่าทิวเขาเบาๆ
“เอ่อ เฮียเก้าคะ พี่เปรมฝากบอกว่าเจอกันร้านพี่เคนะคะ พี่เคเขาทำหมูจุ่มเลี้ยง”
นานะหันไปบอกเก้าเพราะเปรมพึ่งไลน์มาบอกเธอเมื่อครู่ว่าให้ไปร้านพี่เค และถ้าเจอเก้ามารับกวากวาให้บอกกับอีกฝ่ายด้วย
“อืม”
เก้าพยักหน้ารับ ก่อนเลื่อนมือจากแขนเล็กลงมาจับมือนิ่มไว้ระหว่างที่สายตายังคงมองทิวเขาอยู่
“เฮียเอารถอะไรมาหรอคะ”
“มอเตอร์ไซค์”
กวากวานึกถึงประสบการณ์นั่งมอเตอร์ไซค์เมื่อเช้าก็ยังรู้สึกเข็ดขยาดไม่หาย
“ถ้าอย่างนั้นกวาขอไปกับนานะได้มั้ยคะ เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านพี่เคเลย”
“ทำไม!”
คนตัวเล็กสะดุ้ง เธอรีบถอยไปหาเพื่อนสาวแต่อีกฝ่ายก็พร้อมใจกันผลักเธอกลับไปหาเก้า
“งื้อ กวากลัวนี่นา”
“นอนด้วยกันทุกวัน จะมากลัวอะไร”
“>_<\\ บ้าไม่ได้หมายถึงกลัวเฮีย”
ใบหน้าขาวเนียนแดงเถือกลามไปถึงหูด้วยความเขินอาย เธอไม่เข้าใจเลยทำไมเก้าถึงชอบพูดเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะอยู่เรื่อย
นานะและพริ้มจึงพากันเขินไปด้วย คงมีแต่ทิวเขาที่เบือนหน้าไปทางอื่น ซึ่งเก้าก็มองท่าทางของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มร้าย เขาตั้งใจพูดให้ทิวเขาได้ยินนั่นแหละ
“คือกวากลัวการนั่งมอเตอร์ไซค์อะ คิดถึงเมื่อเช้าแล้วขายังสั่นอยู่เลย”
“ก็เมื่อเช้าเธอรีบ มันก็ต้องขับไวสิวะ”
“หมายความว่า...”
“ไปได้แล้วอย่าเรื่องมาก”
ไม่รอให้กวากวาปฏิเสธซ้ำสอง เก้าก็ลากเธอออกไป คนตัวเล็กหันมาขอความช่วยเหลือแต่เพื่อนทั้งสองต่างโบกมือให้ด้วยหน้าตาชื่นบาน
“เฮียใส่หมวกให้กวาหน่อยได้มั้ยคะ”
กวากวายื่นหน้าเข้าไปหาเก้าก่อนยิ้มกว้าง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“เธอเป็นเด็กสามขวบรึไง”
“ก็กวามือไม่ว่าง”
กวากวายกมือทั้งสองข้างให้เขาดู เก้าถอนหายใจพลางส่ายหน้าแต่ก็ยอมใส่หมวกให้เธออยู่ดี
“ยิ้มอะไรเยอะแยะ”
เก้าหยิกแก้มนิ่มให้ยื่นออกเพราะหมั่นไส้คนตัวเล็กตรงหน้าที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เลิก
“ช่วงนี้เฮียทำตัวน่ารักมากๆ เลยนะคะ”
“เหอะ พูดดีแบบนี้ จะอ้อนเอาอะไรอีกอะ”
“ป่าวนะคะ แค่อยากอ้อน กลัวเฮียไม่รัก”
“หึ ยัยเด็กตุ๊กตาเอ๊ย”
เก้าพึมพำเสียงเบาพลางยกหญิงสาวขึ้นไปนั่งลงบนเบาะมอเตอร์ไซค์
“ว้าย เฮียไม่ต้องอุ้ม”
“ก็เธอมันชักช้าแถมขาสั้น รอเธอเสด็จขึ้นเองจะได้ไปมั้ยวันนี้”
คนโดนบ่นย่นจมูก แอบแลบลิ้นใส่ลับหลังชายหนุ่มตอนเขาขึ้นมานั่งประจำที่คนขับแล้ว
โดยที่ไม่รู้เลยว่ากริยาของเธอ เก้าเห็นทุกอย่างผ่านทางกระจกรถ เขาเลยแกล้งเร่งเครื่อง
ปรื้น ปรื้น
“กรี๊ด เฮีย ไหนบอกจะขับช้าๆ ไงคะ”
กวากวาหลับหูหลับตาซบลงบนแผ่นหลังกว้าง พร้อมกอดเอวเก้าไว้แน่นด้วยความตกใจ
“หึหึ กอดแน่นๆ ตกลงไปเป็นผีเฝ้าถนนไม่รู้ด้วยนะ”
“ถ้ากวาเป็นผี เฮียก็จะมีคู่หมั้นเป็นผีนะคะ”
“ต้องกลัว?”
“ค่ะ ต้องกลัวมากๆ”
เก้ายกยิ้มมุมปาก นึกขำกับท่าทางกวากวา
ช่วงหลังมานี้หญิงสาวพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูน่ากลัว ไม่หน่อมแน้มนุ่มนิ่ม แต่เธอไม่รู้เลยว่ายิ่งเธอทำมันยิ่งน่าฟัด เหมือนตุ๊กตาน้อยจอมพยศที่เขาต้องคอยกำราบ
เก้าและกวากวามาถึงเป็นสองคนสุดท้าย เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังกินกันอย่างเมามันแล้ว
“เฮียอะ ขับช้า ดูดิเขากินกันหมดแล้วรึเปล่าก็ไม่รู้”
ใบหน้าน่ารักงองุ้มพลางชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในร้านขณะที่เก้ากำลังถอดหมวกกันน็อกให้เธออยู่
“ใครกันที่บอกให้ช้าลงช้าลง เร่งแค่ 70 ร้องอย่างกับเร่ง 120”
กวากวายิ้มแหยๆ ให้เพราะบุคคลที่เขาพูดถึงคือเธอเอง
“รถมันทั้งสูง ทั้งใหญ่ อีกอย่างกวาไม่เคยนั่งด้วยนะคะ”
“นั่งให้ชินซะ มีผัวเป็นนักแข่งรถคงต้องนั่งบ่อยๆ”
เก้าพูดพลางดึงหมวกกันน็อกออกจากหัวเธอไปวางบนรถ ก่อนจะถอดหมวกกันน็อกตัวเองออกตาม
“มะ... เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ”
ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้ม เก้ายื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มนิ่มเร็วๆ ก่อนจะเดินนำเข้าร้านไปโดยไม่ได้พูดหรือตอบอะไรเธอ
แต่เพียงเท่านั้นก็ทำเอาคนตัวเล็กกรีดร้องอยู่ในใจ หัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมานอกอกด้วยซ้ำ
“ไอ้เฮียบ้า ชอบทำให้เขินอยู่เรื่อยเลย”
———————
น้องน่ารักสุด ไม่รักไหวหรอ
อร้ายยยย เฮียก็ใช่ย่อยเลยน้า
ใครเห็นด้วยคอมเมนท์เลย