Ep. 3
I never want you back into my life
ภายในห้องพักผู้ป่วยวีไอพี วันที่สามสำหรับการพักฟื้น ณ โรงพยาบาลหลังผ่าคลอด แคลร์และลอสส์ต่างพากันหยอกล้อเล่นอยู่กับเจ้าหนูน้อยแรกเกิดที่มีนัยน์ตาสีฟ้าครามแสนหวานโดดเด่นชวนให้หลงใหล เพราะลิน่าผ่าคลอดจึงทำให้เธอต้องพักอยู่โรงพยาบาลหลายวันหน่อยแต่บรรดาน้องชายอย่างลอสส์ซึ่งหายจากอาการป่วยเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งยังมีเพื่อนสนิทอย่างแคลร์และเจ้านายแสนดีที่คอยดูแลและให้กำลังใจช่วยเหลือเธอมาตลอดอย่างสตีฟก็พากันแวะเวียนมาเฝ้าไม่ห่าง อันที่จริงออกจะมาเพื่อแย่งกันดูแลเจ้าทารกน้อยแสนน่ารักน่าชังเสียมากกว่าด้วยซ้ำ
“ สตีฟ...ขอบคุณมากนะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องล่าสุดที่ช่วยจัดการให้ด้วย ” ลิน่าเอ่ยกับผู้เป็นเจ้านายอย่างสนิทสนมมากขึ้น แน่นอนว่าหลังจากเรื่องเธอตั้งครรภ์เข้าถึงหูสตีฟ ลิน่าจึงต้องตัดสินใจเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เขาได้รับรู้ นานพอตัวกว่าสตีฟจะหายโกรธเคืองและหันมาพูดคุยกับเธออีกครั้งและทั้งสองก็เริ่มเปิดใจให้กันมากขึ้น...
“ คุณก็รู้ว่าผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณ ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างจริงใจ
นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาได้เจอกับลิน่า ย้อนกลับไปเกือบสามปีก่อน ความรู้สึกแรกที่สตีฟสัมผัสได้ต่อเธอนั้นเต็มไปด้วยความพิเศษ สำหรับสตีฟมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะรู้สึกอะไรเช่นนีกับหญิงสาวธรรมดา ๆ เขารู้ได้ทันทีว่าลิน่ามีอะไรที่แตกต่างจากบรรดาผู้หญิงสาวสวยนับไม่ถ้วนที่ตนเคยพบเจอมา บางทีนั่นอาจเป็นเพราะบุคลิกของลิน่าที่อัดแน่นไปด้วยความอ่อนโยน...แต่ก็แข็งแกร่ง... เธอเป็นหญิงสาวที่มีความอดทนต่อทุกสถานการณ์ เสียสละเพื่อคนรอบข้างเสมอ ๆ ... เธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่สวยแต่ไร้สมอง นี่ล่ะมั้งสาเหตุหลักที่ส่งผลให้สตีฟอดรู้สึกถึงความพิเศษต่อลิน่าไม่ได้
“ ค่ะ ฉันรู้ ” รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าขาวใสของหญิงสาวบนเตียงผู้ป่วย อย่างน้อยในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องดีๆ ปรากฏให้เธอได้ยืนยัดและมีพลังก้าวต่อไป....
“ นี่ลิน่า เมื่อไหร่เธอจะคิดชื่อเจ้าหนูน้อยนี่ได้ซักทีล่ะ ” แคลร์เอ่ยแทรกขึ้นกะทันหัน ลิน่าหันไปยังต้นเสียงก่อนจะหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งไปกับความแปลกตาของแคลร์และลอสส์ที่เอาแต่จ้องมองลูกสาวแสนน่ารักของเธอซึ่งกำลังนอนอยู่ในกล่องที่นอนบนรถเข็นเด็กไม่วางตา
“ ให้ผมช่วยตั้งให้ไหมพี่ลิน่า ”
“ นายมีชื่อเจ๋ง ๆ อยู่ในใจแล้วเหรอลอสส์ ”
“ ก็ไม่เชิง พี่อยากลองรับไว้เป็นตัวเลือกซักหน่อยไหมล่ะ ”
แอ๊ !!! อุ๊ แอว๊ อุ๊แอว๊ !!!!!!!
“ สงสัยเจ้าตัวเล็กจะไม่อยากฟังชื่อที่นายจะตั้งให้แล้วล่ะลอสส์ ฮ่า ๆๆ ” แคลร์เอ่ยแซว
“ เขาคงหิวนมแล้วน่ะ เธอช่วยเข็นรถเขามาใกล้เตียงฉันหน่อยสิแคลร์ ”
“ เอาล่ะ ! ในเมื่อได้เวลากินของเจ้าตัวเล็กแล้ว เราก็ออกไปหาไรกินกันบ้างเถอะ คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมลิน่า เดี๋ยวผมจะพาแคลร์กับลอสส์ออกไปทานอาหารที่ร้านใกล้ ๆ โรงพยาบาลนี่จะได้ซื้อติดมือกลับมาให้ ”
“ อืม...ไม่ดีกว่าค่ะ ตอนนี้ฉันทานอาหารแค่ที่โรงพยาบาลจัดให้ก็พอ ขอบคุณนะ ”
หลังจากสตีฟนำทัพพาแคลร์และลอสส์ออกไปจากห้อง ลิน่าลุกจึงขึ้นนั่งในท่าห้อยขาลงบนพื้นบนเตียงผู้ป่วยก่อนจะโน้มตัวลงไปช้อนตัวลูกสาวในกล่องที่นอนสำหรับเด็กแรกเกิด เด็กน้อยทารกวัยสองวันเศษ ผิวเนียนนุ่มใสชวนสัมผัส เธอมีไรผมบาง ๆ สีน้ำตาลคาราเมล นัยน์ตาสีฟ้าครามนั่นดูโดดเด่นชัดจนเธอกลัวเหลือเกิน...กลัวว่าความจริงที่เธอปิดบังไว้มันอาจจะถูกเปิดเผยขึ้นมาอย่างง่ายดายเพียงเพราะดวงตาแสนสวยคู่นี้ของเจ้าตัวเล็ก
อุ๊แอว๊ อุ๊แอว๊ !!!
“ โอ๋ ๆๆ ลูกแม่ มา ม๊ะ กินนมดีกว่าเนอะ ”
ลิน่าโอบอุ้มลูกรักอย่างระมัดระวัง สองแขนประครองให้เจ้าตัวเล็กเข้ามาดื่มด่ำน้ำนมบริสุทธิ์ ครั้งนี้เริ่มจะง่ายขึ้นกว่าสองสามครั้งก่อน ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอกำลังทำหน้าที่แม่คนอยู่ในขณะนี้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่พิเศษจนเกินจะสกัดกั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ลิน่าเพ่งมองใบหน้าลูกสาวตัวน้อยของเธอ ริมฝีปากเล็ก ๆ นั่นกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการดูดซับน้ำนมจากเต้านมอันอวบอิ่มของเธอ
นี่สินะ....มหัศจรรย์แห่งรักของจริง รักที่แม่มีต่อลูก แท้จริงแล้วมันเป็นเช่นนี้สินะ... ลูกคือสิ่งที่ทำให้โลกของผู้เป็นแม่อบอวลไปด้วยความรัก...
“ ดาร์เลเน่.... ชื่อนี้เป็นไง ลูกชอบมั้ยคะ...” ผู้เป็นแม่เอ่ยเสียงขึ้นอย่างแผ่วเบา ขณะเดียวกันเจ้าหนูตัวน้อยก็เผยรอยยิ้มบาง ๆ ขึ้นเล็กน้อยทั้ง ๆ ที่เธอยังคงหลับตาพริ้มและดูดซับน้ำนมจากเต้าไม่มีท่าทีว่าจะอิ่ม
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดดาร์เลเน่ก็อิ่มหนำสบายท้อง ลิน่าจัดแจงอุ้มเจ้าตัวเล็กพาดบ่าก่อนจะเดินวนไปมาทั่วห้องอย่างช้า ๆ เพื่อให้ลูกน้อยเรอออกมาตามที่พยาบาลพี่เลี้ยงเคยสอนไว้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากเธอเริ่มต้นเดินวนรอบห้องไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น...
ลิน่าเดินตรงไปยังหน้าประตูบานสีขาวและปลดล็อคกลอนประตูห้องออก ทันทีที่บานประตูเปิดอ้า หัวใจดวงน้อยของเธอที่ถูกปิดตายมานานก็คล้ายจะระเบิดออกมาเป็นจุลอีกครั้ง !
“ คุณ..... ! ” ดวงตากลมเบิกโตขึ้นอย่างตกใจ แต่ก่อนที่ลิน่าจะเรียกสติกลับมาครบถ้วนร่างเธอก็ถูกชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทหรูแนบประชิดจนต้องยอมถอยหลังเข้ามาให้ห้องก่อนบานประตูจะปิดลงไปดังเดิม
“ สวัสดี คุณบราวน์ ลิน่า ”
“ คะ..คุณโคลด์ คุณมาที่นี่ได้ยังไงกัน!” ฝ่ามือบางของหญิงสาวยังคงทำหน้าที่ลูบแผ่นหลังน้อยของดาร์เลเน่ไม่วางมือ ขณะเดียวกันก็พยายามถอยห่างจากชายหนุ่มให้ไกลที่สุดเท่าที่จะก้าวขาถอยออกไปได้
“ นั่นเธอ...กำลังหลับอยู่หรือเปล่า ” เสียงเข้มเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล ขณะเดียวกันฝ่ามือหนาของโคลด์ก็ยื่นตรงเข้าไปหวังจะสัมผัสร่างน้อยของเจ้าตัวเล็กในอ้อมอกของลิน่าคล้ายถูกแรงดึงดูด หากทว่าลิน่ากลับเลือกที่จะเบี่ยงหนีอย่างระมัดระวังทันที
“ อย่าแตะต้องดาร์เลเน่ของฉัน ! ”
“ ดาร์เลเน่งั้นเหรอ... เข้าใจตั้งชื่อดีหนิ ผมชอบ ”
“ คุณโคลด์ ได้โปรด กลับไปซะ ”
“ ชู่วส์... เสียงของคุณอาจทำให้เธอตกใจได้นะ ผมก็แค่อยากจะมาเยี่มมคุณในฐานะ...คนเคยร่วมเตียงกัน อ่อ ! แล้วก็ผมแค่อยากเช็คให้มั่นใจว่าเด็กคนนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมหรือไม่ก็เท่านั้นเอง ”
“ มั่นใจเถอะค่ะ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณแน่นอน ! ”
“ ลิน่า! คุณรู้จักผมน้อยไป ” โคลด์สะกดเสียงต่ำ
“ คุณพูดผิดแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักคุณเลยต่างหากค่ะคุณโคลด์ สมิธ ”
“ งั้นตอนนี้คุณก็ควรรู้จักนิสัยของผมไว้บ้าง ผมไม่ใช่คนโง่ที่คุณจะจ้างหมอไร้จรรยาบรรณนั่นมาโกหกเรื่องดีเอ็นเอ ผมรวย ผมมีอำนาจ แต่คุณ! ไม่มีอะไรเลยลิน่า ”
ไวกว่าที่คาดคิดเอาไว้ หลังจากลิน่าร้องขอให้สตีฟจัดการคุยกับหมอทำคลอดซึ่งเป็นเพื่อนของสตีฟด้วยเรื่องหากผู้ที่ชื่อโคลด์ สมิธมายืนยันว่าตนเองเป็นพ่อเด็กมาขอยื่นตรวจดีเอ็นเอให้ทำการรายงายผลเท็จไป และสิ่งที่เธอคาดคิดเอาไว้ก็เป็นจริงเสียด้วยเมื่อหลังจากเธอฟื้นจากการผ่าคลอดสตีฟก็มาเล่าให้เธอฟังว่ามีผู้ที่ชื่อโคลด์ สมิธมาขอยื่นตรวจดีเอ็นเอจริง ๆ ด้วย หากทว่าเขานั้นไม่ได้มาด้วยตนเองก็เท่านั้น
“ เฮ้! ลิน่า พวกเรากลับมา... ” บานประตูห้องเปิดออกพร้อมการกลับมาของแคลร์ที่ส่งเสียงใสมาแต่ไกลก่อนจะตามเข้ามาด้วยสตีฟและลอสส์ ทั้งสามคนต่างหยุดชะงักด้วยสีหน้ามึนงงกับภาพสถานการณ์อึมขรึมเบื้องหน้าระหว่างคุณแม่มือใหม่กับชายหนุ่มปริศนาสำหรับพวกเขาอย่างโคลด์ สมิธ
“ ลิน่า คุณโอเคหรือเปล่า ” สตีฟรีบปรี่เข้ามาประครองร่างบางของลิน่าเอาไว้ สีหน้าของเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ค่อยสู้ดีนัก ทางด้านแคลร์รีบเข้ามาช้อนตัวทารกน้อยออกจากอ้อมแขนของลิน่าอย่างระมัดระวังก่อนจะนำตัวดาร์เลเน่กลับไปวางบนเบาะทารถบนรถเข็น
“ คุณ... เฮ้! ผมคุ้น ๆ หน้าคุณนะ ใช่แล้ว! คุณคือโคลด์สมิธ นักธุรกิจชื่อดังมากความสามารถ ผมติดตามผลงานคุณอยู่นะและความคิดของคุณน่ะ มันเยี่ยมมาก! ” ลอสส์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นปนตื่นเต้น ระหว่างนำตัวเองเข้าคั้นกลางระหว่างโคลด์กับผู้เป็นพี่สาว หากทว่าโคลด์กลับนิ่งเงียบไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่น้อย เขาเอาแต่ส่งสายตาดุดันจับต้องไปยังลิน่าเพียงอย่างเดียว “ ว่าแต่ว่า...คุณกับพี่ลิน่า... ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยท้ายเสียงที่เบาลงพลางหันกลับไปมองยังผู้เป็นพี่สาว
“ ทุกคน...ฉันขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวก่อนจะได้หรือเปล่า ”
“ แต่ว่า...” เสียงเข้มของสตีฟเอ่ยแทรกทันควัน
“ นะคะ...คุณสตีฟ ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ”
ทั้งสตีฟ แคลร์และลอสส์ต่างยอมทำตามคำขอร้องของลิน่าอย่างจำใจ หลังจากทั้งสามเดินออกไปจากห้องพักพักฟื้น ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและบรรยากาศอันอึมขรึมน่าอึดอัดภายในห้องเท่านั้น
ลิน่าเดินตรงไปยังรถเข็นเด็กข้างเตียงนอนของเธอ ก้มมองดูใบหน้าดาร์เลเน่ทั้งน้ำตาที่เริ่มเออล้นดวงตาคู่สวย ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกสาวของเธอได้จุดเด่นบนใบหน้าของโคลด์มามากเกินไป...
“ ผมจะรับเธอไปเลี้ยงดูเอง ” โคลด์เอ่ยขึ้นหลังจากปล่อยให้ความเงียบงันก่อตัวอยู่พักใหญ่
“ ไม่! ได้โปรดล่ะ... ”
“ คุณห้ามผมไม่ได้หรอกลิน่า ”
“ ทำไมคุณต้องกลับเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของฉันอีก ทำไม...”
“ คิดว่าผมอยากจะเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของคุณงั้นเหรอ เปล่าเลยลิน่า ผมแค่ไม่สามารถปล่อยให้ลูกสาวของผมตกอยู่ในความลำบากอย่างคุณได้ เธอจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าคุณ ผมสัญญา ”
“ ฉันไม่รับคำสัญญานั่น! และฉันจะไม่ยอมให้คุณเอาเธอไปจากฉัน!”
“ คุณคิดว่าคุณจะชนะผมได้งั้นเหรอ ผมมีทุกอย่างที่คุณไม่มีและคงไม่มีวันมีได้ ”
“ ไม่จริงเลยซักนิด... ที่แน่ ๆ สิ่งหนึ่งที่คุณไม่มีและคงไม่มีวันมีได้นั่นก็คือความเป็นแม่ หรือแม่แต่ความเป็นพ่อ...ฉันก็ยังมองไม่เห็นจากตัวคุณเลยซักนิด !”
“ ลิน่า! ” โคลด์ตะวาดใส่ขณะเดียวกันฝ่ามือหนาก็เอื้อมเข้าไปกระชากต้นแขนเรียวดึงร่างหญิงสาวเข้ามาใกล้
ประโยคของเธอมันช่างทำให้เขาอดรู้สึกหงุดหงิดใจไม่ได้เลยจริง ๆ ไม่เคยมีหญิงสาวคนไหนกล้าทำปากกล้าใส่เขาเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า!
“ โอ้ย! ”
ลิน่าร้องโวย เธอพยายามสะบัดแขนออกก่อนจะเลื่อนฝ่ามือเล็กมาสัมผัสไว้ที่หน้าท้อง แผลจากการผ่าตัดยังคงไม่แห้งสนิท หญิงสาวรู้สึกถึงความเจ็บปวดก่อนจะโน้มตัวลงไปด้านหน้าเล็กน้อยตามปฏิกิริยาร่างกาย สองคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สีหน้าของเธอเริ่มแปลเปลี่ยนแสดงถึงความเจ็บปวดอย่างชัดเจนจึงส่งผลให้โคลด์อดที่จะตกใจกับภาพเบื้องหน้าไม่ได้
“ นี่คุณ! เป็นอะไรรึเปล่า! ” ท่อนแขนแกร่งทำหน้าที่ประครองร่างหญิงสาวเอาไว้ไม่ห่างก่อนจะค่อย ๆ พาเธอหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวซึ่งตั้งอยู่ติดริมผนังห้องตรงข้ามกับเตียงผู้ป่วย
“ ฉัน…เจ็บแผล ”
“ ยังเจ็บอยู่มากหรือเปล่า ให้ผมไปตามหมอ...” เสียงชายหนุ่มปรับไปอยู่ในโทนที่อ่อนลงด้วยความเป็นกังวล
“ ไม่เป็นไรค่ะ นั่งพักเดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น” ลิน่าผลักมือของชายหนุ่มให้ออกจากตัวของเธอ ขณะเดียวกันเจ้าของร่างกำยำก็ถอยออกห่างจากเธอกลับไปอยู่ในท่ายืนก่อนจะกระชับสูทตัวนอกเข้าหากัน สีหน้าเคร่งขรึมวนกลับเข้ามาปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาอีกครา “ คุณโคลด์ สมิธ เรามาเจรจากันดี ๆ จะได้หรือเปล่าคะ”
“ เอาสิ เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน เพราะผมเองก็ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายอะไรคุณอยู่แล้ว ”
“ ระหว่างฉันกับคุณ...มันเกิดขึ้นก็เพราะข้อแลกเปลี่ยนที่เรามีต่อกันคุณเองก็รู้ และทุกอย่างมันก็จบสิ้นไปนานแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องวนกลับมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ดาร์เลเน่เป็นหัวใจของฉัน เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน เพราะฉะนั้น...ได้โปรด.... ”
“ คุณอย่าลืมสิว่าเธอก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมเช่นกัน ”
“ คุณโคลด์... ให้ฉันทำอะไรก็ยอม แต่ได้โปรด... อย่าพรากเธอไปจากฉัน ” ลิน่าเอ่ยทั้งน้ำตา เสียงหวานอ้อนวอนอย่างที่ไม่เคยกระทำต่อใครมาก่อน แต่เพื่อรักษาลูกน้อยไว้ นาทีนี้เธอยอมแลกได้ทุกอย่างจริง ๆ
ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีกับภาพหญิงสาวซึ่งสองแก้มนวลของเธอกำลังอาบไปด้วยหยาดน้ำตาในขณะนี้ หัวใจดวงโตอันแข็งกล้าดั่งหินศิลากำลังถูกทะลายลงอย่างไม่รู้ตัวเพียงเพราะภาพความอ่อนแอของลิน่า โคลด์ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอึมขรึมก่อนเขาจะตัดสินใจเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขาและหญิงสาวบนโซฟาตัวยาว
“ ก็ได้ ผมจะไม่พรากดาร์เลเน่ไปจากคุณ แต่คุณต้องไปอยู่ที่บ้านของผมพร้อมกับเธอ ”
โปรดติดตามตอนต่อไป.....
โอม....คอมเม้นติชมจงมา.....
กำลังใจจงมา.....
ปล. นิยายเรื่องนี้ไรท์เเต่งไปอัพไป เพราะฉะนั้นอัพตอนต่อไปช้าล่าช้าสุดจะไม่เกิน 3 วันนะคะ ยังไงฝากติดตามตอนต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆเลยจ้า