อึนนาบีกลืนน้ำลายเอือก รอดจากเข็มพิษครานั้นก็หมายจะวางพิษนางในครานี้ หากจะฆ่าจริง ๆ ก็ช่วยเลือกวิธีตายสบาย ๆ สวย ๆ ให้นางหน่อยไม่ได้รึไง
“หม่อมฉันยังไม่หิวเลยเพคะ ให้หม่อมฉันจะถวายการดูแลในมื้อเองเพคะชอฮา” แสร้งอ่อนหวานว่าพลางฉวยป้านชาดินเผากระแทกร่างนางกำนัลให้หลบ ดวงหน้าใสยิ้มเผล่หากแต่เม็ดเหงื่อร่วงจากใบหน้าหล่นลงพื้น นาบีจับมือตนไว้ไม่ให้สั่นจนเกินไปเทมันลงจอกชาด้วยความยากลำบาก อากัปกิริยานั้นไม่พ้นสายตาซอนมิน เขาหัวเราะหึในใจ นางคงจำยามเข็มพิษนั้นเฉียดแทงทะลุผิวขาวได้เป็นอย่างดี
“ชาอินซัม[1] จอกนี้เรายกให้เจ้า” ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มยกจอกชาจรดริมฝีปากสวย ความตายมาเร็วกว่าที่คิดคิ้วนางถึงกับกระตุกตุบ ๆ ก่อนที่นาบีจะดันมันออกให้ห่างพ้นตัว
“หม่อมฉันดื่มเองดีกว่าเพคะ”
“เอาสิ”
ง่ายปานนี้ นาบียิ้มย่องในใจแค่แกล้งทำชาตกโทษมืออ่อนแรงแค่นี้ก็สิ้นเรื่อง มือขวาแตะปลายจอกชาก่อนจะแกล้งปล่อยมือพร้อมอุทานออกมาหน้าตาเฉย
“ขอบพระทัยเพคะชอฮา อุ๊ย! ตายละ”
เงียบ
จอกชายังค้างอยู่บนอากาศข้างหนึ่งของมันยังมีมือขาวขององค์รัชทายาทจับมันอยู่อย่างมั่นคง แววตาคล้ายยิ้มเอ็นดูแต่อีกนัยนึงคล้ายเย้ยหยัน ที่นางปล่อยไก่ตัวใหญ่ให้วิ่งอยู่ในตำหนัก
“เจ้าไม่รับแล้วจะดื่มได้เยี่ยงไรฮเยซอง ให้เราป้อนเจ้าเถอะ” เขาดันความตายประทานให้นางถึงปาก ซอนมินมองเม็ดเหงื่อประกายบนลำคอระหงอย่างใจเย็น ปาร์คฮเยซองผู้นี้ช่างน่าสนใจนัก นางไม่ซื่อบื่อและน่าเบื่อเหมือนเคย หากแต่ทำให้เขาสนุกที่ได้ยั่วเย้า
“มะ...หม่อมฉันเจ็บคอเพคะ ช่วงนี้อากาศในวังหน๊าวหนาวนะคิมขันที” คนโดนก้มหน้าตอบอย่างไม่กล้าขัดใจทั้งที่อากาศรอบตัวอบอ้าวจนเหงื่อซึม แต่ไม่ใช่กับซอนมิน เขาหัวเราะชักมือกลับมองเสี้ยวหน้านางที่หันหนีจอกชาไปอีกด้าน
“ฮ่า ๆ คิมหันตฤดูเจ้าหนาวขนาดนี้ยามเข้าเหมันตฤดูเรามิต้องใช้ลิ่มตอกเจ้าออกจากก้อนน้ำแข็งหรือไร แต่เอาเถอะชาอินซัมมีฤทธิ์ช่วยให้ชุ่มคอดีนักแลเจ้าควรได้ดื่มมัน”
ว่าพลางยื่นไปจรดปากนางอีกครั้ง
กลายเป็นสงครามขนาดย่อมท่ามกลางสายตาหลายคู่ เมื่อองค์รัชทายาททรงอยากเอาใจพระชายา แต่ดูชาจอกนี้จะไม่ถูกใจเท่าใดนักเพราะพระนางมัวแต่หันหน้าหนีซ้ายทีขวาที และซอนมันก็ดูสนุกที่ได้ยื่นมันจรดริมฝีปากนางทุกครั้งที่หลบเลี่ยง ก่อนจะเป็นฝ่ายอึนนาบีที่ทนไม่ไหวร่างบางสะบัดจอกชาให้พ้นทาง
“หม่อมฉันไม่ดื่มเพคะ”
นัยน์ตาสีดำสนิทราวรติกาลสั่นไหวพลางหลุบต่ำ ใบหน้าสนุกสนานแปรเปลี่ยนเป็นน่าสงสาร ก้มหน้าคล้ายลูกสุนัขตัวน้อยที่ถูกดุ
“เจ้าไม่อยากได้ชาที่เรายื่นให้ก็มิเห็นต้องเสียงดัง บอกเราดี ๆ เราคงมิฝืนใจเจ้า” น้ำเสียงเหงาหงอยน้อยใจถูกเรียกขึ้นมาใช้วางจอกชาลงบนถาดเดิม
“ชอฮา มามาทรงมิได้ตั้งใจหรอกเพคะ”
ชเวซังกุกลุกลี้ลุกลนกล่าวแก้ตัวแทนเจ้านาย ร่างเล็กมอบต่ำกราบทูลเนื่องจากรู้นิสัยองค์รัชทายาทซอนมินเป็นอย่างดี ซอนมิน อีวอน ผู้นี้นิสัยบางครั้งราวเด็กใสซื่อบริสุทธิ์ อาการน้อยอกน้อยใจแล้วขังตนเองในตำหนักเป็นที่กล่าวขาน หากพระพันปีรู้เรื่องเข้าพระชายาจำเป็นต้องโดนเล่นงานจากย่าผู้หลงหลานชายเป็นแน่
“เรารู้ตัวดี”
“ชอฮา”
เหล่าขันที ซังกุง และเหล่ากำนัลพากันก้มกราบกราน นานกว่านาบีจะรู้ตัวว่าตกหลุมพรางหลุมใหญ่ดังแอ้ก ก็เมื่อเห็นน้ำตาเม็ดเล็กซึมของหางตาชายหนุ่ม
หน้าฉากเขาเป็นแค่รัชทายาทที่กำลังจะโดนโค่นล้มอำนาจเท่านั้น ไหงหลังฉากกลับเจ้าเล่ห์เพทุบาย กลับกลอก ถึงเพียงนี้ ถึงแม้จะเขียนตัวละครนี้ขึ้นมา แต่นางสร้างเขามาเพียงแค่สามฉาก และไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เรื่องพวกนี้เลยควบคุมได้ยาก และนางก็ไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขาสักนิด
ผู้ชายที่ชื่อซอนมิน อีวอน
“ชอฮาโปรดประทานอภัย ฮเยซองในตอนนี้ร่างกายอ่อนแอและปวดหัวเกินกว่าจะกินดื่มอะไรได้” ได้ทีแตะขมับทำตาปรือประกอบคำพูด
“เมื่อครู่เจ้าบอกเราว่าหายดีแล้ว”
“หม่อมฉันอยากให้ชอฮาสบายพระทัย จึงโป้ปดออกไปเพคะ ทรงให้อภัยหม่อมฉันด้วยเพคะชอฮา”
“งั้นเจ้าคงไม่มีข้ออ้างออกจากตำหนักอีกแล้วเซจาบิน หากยังประชวร ก็มิควรออกไปตากลมให้ระคายผิว ซุนซูให้ห้องเครื่องเตรียมมือเช้าของเราที่ศาลาริมน้ำ” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยหากแต่นางรู้สึกว่ามันคือประโยคคำสั่งกักขังนางเสียมากกว่า
นาบีกล่าวคำลาสั้น ๆ มองชายผ้าสีดำสะบัดออกไป หันไปมองสำรับอาหารที่วางเรียงรายกันหลากหลายอย่าง รวมทั้งจอกชาที่เขาพยายามจะบีบให้นางดื่ม
“ไปหาช้อนเงินมาเร็วเข้า”
“มามาทรงไม่เชื่อพระทัย...”
“อย่าถามมาก ไปเอามันมา”
สิ้นเสียงเร่งเร้าร่างสูงบนหน้าประตูก็กระตุกยิ้มหวานกับขันทีคู่ใจ เสียงหัวเราะประสานกันดังก่อนจะแผ่วลงเรื่อย ๆ เขามองทิ้งท้ายก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ดูท่านางคงสำรอกเอาตัวโง่งมหลุดมาด้วย”
[1] อิมซัม คือ โสม