12:20 น.
@ห้างสรรพสินค้า
“เพื่อง”
ฉันกวักมือเรียกเฟื่องลดาเมื่อมองเห็นว่าเธอกำลังมองหาฉันอยู่
“เกียร์แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เฟื่องเดินเข้ากอดฉันไว้ พร้อมกับเอ่ยถาม
“กลับมาได้หลายวันแล้วแหละ”
“แต่ไม่คิดที่จะโทรบอกฉันซักคำ”
เฟื่องลดาว่า พร้อมกับมองค้อนฉันเบา ๆ
“ก็มัวแต่ยุ่ง ๆ ไงเลยไม่มีเวลาได้โทรหาแกเลย”
“วันนี้ว่างแล้วว่างั้น”
“ก็ไม่เชิงนะ”
ก็ฉันมันไม่ใช่ตัวคนเดียวนี่นะ มันก็จะยุ่ง ๆ แบบนี้แหละ
“ชีวิตแกอะไรมันจะไปยุ่งได้ตลอดเวลาวะเกียร์”
เฟื่องลดาว่า พร้อมกับถอนหายใจออกมา เมื่อพูดถึงเรื่องของฉัน
“ก็นิดนึงแหละ”
“แล้วนี่แกจะกลับมาอยู่กี่วัน”
“ฉันไม่กลับไปลอนดอนแล้ว”
“แกหมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า ฉันกับแม่ย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้วไง”
“เรื่องจริง?”
“จริงก็นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่มีเวลาโทรหาแก”
“แต่ก่อนมา แกก็น่าจะโทรบอกฉันก่อน ฉันจะได้ช่วยอะไรแกได้บ้าน”
นางไม่วายที่จะบ่นฉันอีก
“เอาเป็นว่าฉันขอโทษแล้วกัน”
“เลี้ยงข้าวฉันเลย”
“ไม่มีปัญหา”
สำหรับเฟื่องลดา เรื่องกินเรื่องใหญ่อยู่แล้ว
“แล้วแกคิดรึยังว่าจะทำอะไรต่อ”
“วันนี้ฉันพึ่งไปสัมภาษณ์งานมา”
“จริง? ที่ไหน แล้วได้รึเปล่า”
นางรัวคำถามใส่ฉันมาเป็นชุด
“ทีละคำถามก็ได้มั๊ย”
“ก็ฉันตื่นเต้นแทนแกนี่นา”
“ฉันไปสัมภาษณ์งานที่ศิริอัครวาณิชกรุ๊ปมา”
“แล้วเป็นไง?”
“เค้านัดให้ฉันไปเริ่มงานได้พรุ่งนี้”
“แกโคตรโชคดีเลยอ่ะเกียร์”
“คงฟลุ๊คมากกว่ามั้ง”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ ฉันดีใจกับแกด้วยนะ”
“แล้วแกล่ะ ตอนนี้เป็นยังไง”
“ฉันน่ะหรอ ตอนนี้ก็นั่ง ๆ นอน ๆ ทำตัวเหมือนเจ้าหญิงอ่ะแก”
“ค่ะแม่คนรวย จะบอกว่านั่ง ๆ นอน ๆ ใช้เงินไปวัน ๆ ว่างั้น”
“ก็ไม่ขนาดนั้นบางทีฉันก็ไปช่วยงานเฮียที่คลับน่ะ”
“ชีวิตแกนี่มันดีจริง ๆ เลยนะ”
“แล้วเรื่องแกกับพ่อแกล่ะ ได้เคลียร์กันรึยัง”
“ก็ตั้งแต่วันที่ฉันออกจากบ้าน ฉันก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปเลย”
ฉันรู้ว่าฉันเป็นลูกที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้ฉันยกโทษให้พ่อ
ตอนนี้มันไม่มีในความคิดของฉันเลย
“แล้วแม่ล่ะสบายดีมั๊ยเกียร์ ฉันไม่ได้เจอแม่แกนานมากแล้ว ฉันคิดถึงท่านจัง”
“คิดถึงแม่ หรือคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่ฉันกันแน่ยัยเฟื่อง”
“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ งั้นวันนี้ฉันไปบ้านแกด้วยนะ”
“ได้ซิ แต่ฉันขอซื้อของ แล้วก็แวะทำธุระก่อนนะ”
“ฉันไม่ได้ขับรถมาพอดีเลยอ่ะ”
“ก็ไปด้วยกันนี่แหละ”
“นอนบ้านแกด้วยได้ป๊ะ”
“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”
“จะไปซื้อของไม่ใช่หรอ ไปซิ”
“อื้อ”
ฉันกับเฟื่องลดาเดินเลือกซื้อชุดทำงานหลายต่อหลายร้าน อยู่นานพอสมควร
“ตรงนั้นเค้ามุงดูอะไรกัน”
ฉันมองตามมือของเฟื่องลดาไป
“อยากรู้แกก็เข้าไปดูซิ”
“แล้วแกไม่อยากรู้หรอ”
“ก็ไม่นะ”
การอยากรู้เรื่องของชาวบ้านมันไม่ใช่นิสัยของฉันไง นี่ฉันไม่ได้จะว่าเพื่อนฉันชอบเผือกนะ แต่นั่นมันคือนิสัยของนางจริง ๆ
“อ๋อ...รู้แล้ว ยัยอรจิรานางแบบจอมหยิ่งนี่เอง”
“ทำไมแกไปว่าเค้าแบบนั้นล่ะ ก็ดูเค้าอัธยาศัยดีออก”
“ดีแต่ต่อหน้าน่ะซิ ยัยนี่ยิ่งกว่าจิตกรซะอีก”
“ก็ว่าไปนั่น”
“สร้างภาพเก่ง ถ่ายรูปจับมือเสร็จ นางคงจะรีบหาแอลกอฮอล์ล้างมือแหละ”
“พอเลยแก ไม่ชอบก็ไม่ต้องไปสนใจเค้า”
“ก็คนมันหมั่นไส้นี่นา”
“เราไปดูเสื้อร้านนู้นกันมั๊ย”
“ไปซิ”
ฉันดึงแขนเฟื่องละดาให้เดินผ่านกลุ่มคนที่กำลังยืนมุงอยู่อย่างยากลำบาก
เมื่อฉันหันไปมองทางนางแบบที่เฟื่องลดาเอ่ยถึง ภาพที่เห็นมันทำให้ฉันรู้สึกตัวชาไปทั้งแถบ
ผู้หญิงคนนั้น...ใช่ เธอคือผู้หญิงที่ไปหาฉันในวันนั้นเมื่อห้าปีก่อน
“.......”
“เกียร์”
“......”
“กฤชญา!!!!”
“หืม?”
ฉันกลับมาได้สติอีกครั้ง เมื่อเฟื่องลดาเรียกชื่อฉันเสียงดังลั่น จนตอนนี้คนรอบ ๆ หันมามองที่เราสองคน
“เหม่ออะไรของแกเนี่ย”
“เปล่า เฟื่องฉันว่าเรากลับกันเถอะ”
ฉันไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นเจอฉัน
“เดี๋ยว ๆ นี่แกยังได้ของไม่ครบเลยนะ”
“ไว้มาดูวันหลังก็ได้”
“แกกำลังมีพิรุธ”
“พิรุธอะไรของแก ไม่มีหรอก”
“เกียร์ฉันเป็นเพื่อนแกนะ มีเรื่องอะไรแกก็บอกฉันซิ”
“ฉันมีเรื่องจะบอกแกอีกเยอะแยะเลยหละเฟื่อง แต่มันไม่ใช่ตอนนี้”
“เดินมาถึงหน้าร้านแล้วแกบอกจะกลับ ฉันไม่ยอมหรอกนะยะ”
เฟื่องลดาลากฉันเข้าไปในร้านเสื้อที่ฉันบอกว่าจะมาดู
จากนั้นก็เลือกเสื้อผ้ามาให้ฉันลอง 2-3 ชุด
พอลองเสร็จนางก็จัดการให้พนักงานในร้านคิดเงินให้ฉันเสร็จสรรพ
“อ่ะทีนี้ก็กลับกันได้ละ”
“ฉันยังต้องไปทำธุระอีกที่นึง”
“ก็ไปซิ อยากกลับไม่ใช่เรอะ”
“ใจร้อนนะเรา”
ฉันกับเฟื่องลดาออกมาจากห้างสรรพสินค้าตอนเวลา 15:00 น. พอดี
“ไปถึงก็คงเลิกเรียนพอดี”
“เลิกเรียนอะไรของแกยัยเกียร์”
เฟื่องลดาถาม เมื่อได้ยินฉันบ่นพึมพำกับนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
“เดี๋ยวแกก็รู้เองนั่นแหละ”
“ความลับจะเยอะไปไหนยัยเกียร์ นี่แกเป็นคนความลับเยอะตั้งแต่ตอนไหน”
“แต่ถ้าแกรู้ มันก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้วหละ”
“ชิ”
ฉันทำหน้าที่ขับรถพาเฟื่องลดามาที่โรงเรียนที่ดังแห่งนึง
“แกพาฉันมาทำอะไรที่นี่”
“แกรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันมา”
“อะไรของแกวะเนี่ยเกียร์”
เสียงแหลมเล็กดังไล่หลังฉันมาอย่างคนขี้หงุดหงิด ฉันได้แต่นึกขำกับกิริยาของเพื่อนที่แสดงออกมา ฉันหายเข้าไปในโรงเรียนราว ๆ 10 นาทีได้ เมื่อประตูรถยนต์เปิดออก
“นี่เกียร์!! แกหายไปไหนมาตั้งนา......”
เฟื่องลดาพูดไม่ออก เมื่อคนที่เธอเห็นเป็นเด็กชายที่ตอนนี้กำลังยืนส่งยิ้มหวานชวนละลายไปให้
“ซาหวัดดีครับแม่เฟื่อง”
“....สะสวัสดีค่ะ”
ออกัสยังคงยืนส่งยิ้มเฟื่องลดา
“นี่ออกัส....ลูกฉันเอง”
“ห๊ะ?!?”